ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษเล่มที่ 4 บทที่ 113 ลงมือโดยไร้ความปรานี

Now you are reading ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ Chapter เล่มที่ 4 บทที่ 113 ลงมือโดยไร้ความปรานี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

    “ถ้าหากเจ้าเปลี่ยนเป็นขันทีเล่า มิรู้ว่าเจ้าจะยังได้ทั้งเจียงซานและสาวงามอีกหรือไม่!”

    กริชคมกริบเล่มหนึ่งพลันปรากฏขึ้นในมือของหลินเมิ้งหยา มือกำแน่น

    เสียงร้องโหยหวนของหูลู่หนานดังขึ้นมาในทันที

    หลินเมิ้งหยาหยักยิ้มเย็นยะเยือก มือที่กำลังถือกริชชุ่มไปด้วยเลือด ทว่าใบหน้าเรียวเล็กรูปไข่กลับส่งยิ้มหวาน หวานเสียจนน่าขนลุก

    “ข้าจะ…ฆ่าเจ้า!”

    คิดไม่ถึงเลยว่าหญิงสาวที่มีรูปร่างบอบบางตรงหน้าจะลงมือได้โดยไร้ความปรานีเช่นนี้

    ความเจ็บปวดแล่นพล่านไปถึงกระดูก หูลู่หนานส่งเสียงร้องด้วยความทรมาน

    ไม่มีครั้งไหนเลยที่เขาอยากจะบีบคอใครให้ตายขนาดนี้

    “เจ็บหรือ? นี่มันเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น! ความเจ็บปวดที่เจ้ามอบให้กับพี่เยว่ถิง ข้าจะเอาคืนอย่างสาสม!”

    กริชในมือพุ่งออกไปตามคำพูดของหลินเมิ้งหยา เวลาเพียงไม่กี่นาที ท่อนขาของหูลู่หนานเต็มไปด้วยกองเลือด

    นางเฉือนตำแหน่งที่ยากที่สุด ลงมืออย่างอำมหิต ไม่นานหูลู่หนานก็สลบไปเพราะความเจ็บปวด

    “พอแล้ว”

    ขณะที่เงื้อมีดขึ้นอีกครั้ง มือข้างหนึ่งกลับเข้ามาจับมือของนางเอาไว้

    หลินเมิ้งหยาที่กำลังดำดิ่งอยู่ในภวังค์แห่งความโกรธแค้นเงยหน้าขึ้นมาคนที่เข้ามาหยุดตัวเองด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว

    “เมิ้งหยา ถ้ายังแทงเขาอีก เขาจะตายแน่นอน”

    นี่คือใบหน้าแบบไหนกันนะ ทั้งที่กำลังยิ้ม ทว่าดวงตากลับเผยให้เห็นความรู้สึกเจ็บปวดเสมือนหัวใจสลาย

    หลงเทียนอวี้ยกมือขึ้นเช็ดเลือดบนใบหน้าของนาง

    “เมิ้งหยา เจ้าแก้แค้นให้เยว่ถิงสำเร็จแล้ว ข้าจะจัดการต่อเอง”

    มือที่กำกริชแน่นคลายออกเมื่อเห็นสายตาอบอุ่นอ่อนโยนของหลงเทียนอวี้

    ในที่สุดสายตาของหลินเมิ้งหยาก็กลับมาเหมือนมนุษย์ปกติดังเดิม หยาดน้ำตาพลันรินไหลลงมา

    “พี่เยว่ถิง พี่เยว่ถิงนาง…”

    ภายในความทรงจำอันแสนอบอุ่นของนาง เยว่ถิงยืนอยู่ในนั้นด้วย

    หรือว่า…นี่จะเป็นความทรงจำที่เจ้าของร่างต้องการจะยัดเยียดให้นางได้รับรู้ ทว่าความรู้สึกยังคงเหมือนเดิมและไม่เปลี่ยนเพียงเพราะวิญญาณในร่างเป็นคนละคนกัน

    เสื้อผ้า รองเท้า สิ่งของที่ให้ความอบอุ่นแก่นางทุกชิ้น ผลไม้สดๆ ที่ไม่เคยได้เห็นหรือกินบ่อยนัก ทั้งสร้อย กำไลและเครื่องประดับ หลินเมิ้งหยาสูญเสียแม่ไปตั้งแต่ยังเด็ก คนเดียวที่มอบสิ่งของเหล่านั้นให้กับนางเพียงคนเดียวคือเยว่ถิง

    หลินเมิ้งหยาไม่เคยเสียน้ำตามาก่อน เหตุเพราะเยว่ถิงต้องการการปกป้องจากนาง

    ทว่าในอ้อมกอดของหลงเทียนอวี้ ความเจ็บปวดในหัวใจก็พลันระเบิดออกมาทันที

    “ข้าจะฆ่าเขา ข้าอยากฆ่าคนที่รังแกพี่เยว่ถิงทุกคน!”

    ความทรงจำหวนกลับมาอีกครั้ง เมื่อวานนางยังคุยเรื่องที่พี่เยว่ถิงจะได้ใช้ชีวิตกับพี่ชายอย่างมีความสุขอยู่เลย

    ทว่าเวลาเพียงคืนเดียว เพราะคนสารเลวคนนี้ เขาพรากทุกสิ่งทุกอย่างไป

    “เจ้าฟังข้า เมิ้งหยา ฟังข้า”

    มือหนา จับศีรษะของหลินเมิ้งหยาเอาไว้แน่น ริมฝีปากบางเลื่อนเข้ามาประทับลงบนริมฝีปากของนางที่กำลังสั่นระริก

    ท่าทางเช่นนี้ของนาง ทั้งความบ้าระห่ำหรือแม้แต่อาการตกอยู่ในภวังค์ทำให้เขาเจ็บปวดขึ้นมา

    ริมฝีปากเย็นยะเยือกจุมพิตของหลงเทียนอวี้ทำให้อบอุ่นขึ้นมา

    เพียงริมฝีปากที่แนบติดกันเบาๆ เท่านั้น กลับทำให้หลินเมิ้งหยาสงบลง

    “แค้น พวกเราจะชำระอย่างแน่นอน ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลานั้น”

    อารมณ์ที่ระเบิดออกมาอย่างรุนแรงทำให้ร่างกายของหลินเมิ้งหยาไร้เรี่ยวแรง

    ปล่อยให้หลงเทียนอวี้โอบอุ้มเอาไว้ในอ้อมกอดแต่โดยดี

    เสื้อคลุมสีดำตัวใหญ่ปกปิดร่างของหญิงสาวในอ้อมกอด หลงเทียนอวี้ชำเลืองมองชายที่กำลังนอนจมกองเลือดด้วยสายตาเย็นชา

    เพราะเหตุนี้เสือตัวนั้นจึงหนีออกจากกรงในเวลานี้

    เจ้านี่คงใช้กลอุบายล่อเสือออกจากถ้ำสินะ

    แม้เขาเองก็คิดอยากปลิดชีวิตของชายตรงหน้า แต่เหมือนอย่างที่เขาเคยพูดกับหลินเมิ้งหยาเอาไว้ โอกาสยังมาไม่ถึง

    ออกแรงพลิกร่างของเขา ขาพลันตวัดขึ้นเตะเขาแรงๆ หนึ่งที

    เสียงเจ็บปวดรวดร้าวดังขึ้น หลงเทียนอวี้พาหลินเมิ้งหยากลับออกไป

    ลูกเตะของเขาทำให้กระดูกสันหลังของหูลู่หนานขาดสะบั้น

    จากนี้ไป ชั่วชีวิตนี้ของหูลู่หนานคงทำได้เพียงนั่งกะพริบตามองท้องฟ้า แต่เขาคงพูดหรือขยับไม่ได้อีก

    เขาอุ้มหลินเมิ้งหยาหลบหลีกสายตาขององครักษ์

    นางยังคงขดตัวสงบนิ่งอยู่ในอ้อมกอด ดวงตากลมโตสีดำไร้ซึ่งแสงประกายใดๆ

    หลงเทียนอวี้ครุ่นคิดไปครู่ ก่อนเบี่ยงเบนความสนใจ และวางร่างหลินเมิ้งหยาลงบนหลังม้า ทั้งสองคนหายตัวไปท่ามกลางความมืดมิด

    หลินเมิ้งหยาบนหลังม้า ยังคงนิ่งเงียบ

    เรื่องของเยว่ถิงสร้างความเจ็บปวดให้นางเป็นอย่างมาก

    หลงเทียนอวี้ถอนหายใจเบาๆ ทว่าขาออกแรงกระแทกท้องของม้าเพื่อเร่งความเร็ว

    ในที่สุด ม้าที่ควบออกมาอย่างรวดเร็วพาทั้งสองมาที่ถ้ำแห่งหนึ่งบนภูเขา

    หลินเมิ้งหยาเลื่อนสายตามองถ้ำขนาดใหญ่

    “ที่นี่ที่ไหนหรือเพคะ?” หลินเมิ้งหยาเอ่ยถาม

    หลงเทียนอวี้อุ้มนางลงจากหลังม้า

    “ตามข้ามา”

    พลางกุมมือนาง และเดินเข้าไปในถ้ำ หลินเมิ้งหยาเดินตามหลังเขาไป

    เดินเข้าไปได้ราวยี่สิบก้าว เมื่อผ่านโค้งทางด้านหน้า พวกเขาได้เห็นแสงริบหรี่อยู่ภายใน

    หลินเมิ้งหยาลืมตาโต มองดูภาพตรงหน้า

    “ทำไมถึง…”

    ภายใต้แสงริบหรี่ แม่เสือขาวนอนนิ่ง ร่างกายแข็งทื่อ

    บริเวณหน้าท้องของเสือตัวนั้น คือลูกเสือขนสีขาวบริสุทธิ์ที่เพิ่งเกิดกำลังดูดดื่มน้ำนมจากแม่เสือ

    “ตอนที่พวกเราเจอมัน มันได้รับบาดเจ็บสาหัส หมอรักษาสัตว์ที่ข้าพามาเป็นคนทำคลอดให้มัน แต่แม่เสือไม่อาจทนผิดบาดแผลได้จึงตายลง”

    หลงเทียนอวี้เดินเข้าไป อุ้มลูกเสือตัวน้อยเอาไว้

    ลูกเสือน้อยที่เพิ่งเกิด ยังไม่ทันจะลืมตาก็ถูกจับเสียแล้ว

    “พวกเราจะพามันกลับไปอย่างนั้นหรือ?”

    ลูกเสือดิ้นหนีจากมือของหลงเทียนอวี้ เห็นได้ชัดว่าหลงเทียนอวี้เป็นชายหยาบกร้าน เขาไม่เคยชินกับการดูแลสัตว์ตัวเล็กๆ เช่นนี้

    ท่าทางแข็งทื่อนั้น สุดท้ายก็ยอมส่งตัวลูกเสือน้อยให้กับหลินเมิ้งหยา

    ครู่ต่อมา หลินเมิ้งหยาโอบอุ้มลูกเสือตัวน้อยขนนุ่มนิ่มน่ารักเอาไว้ ในที่สุดหัวใจของนางก็เริ่มอบอุ่นอีกครั้ง

    “หากทิ้งมันไว้ที่นี่ มันจะหิวตายนะเพคะ”

    หลินเมิ้งหยาพูดจาฉะฉาน ทว่ามือกลับไม่ยอมคลายออกจากลูกเสือเลยแม้แต่น้อย

    ลูกเสือตัวนี้จะต้องหิวตายอย่างแน่นอน ขาหน้าเกาะนิ้วของหลินเมิ้งหยาก่อนจะดูดเลียเพราะความหิวโหย

    ลิ้นสากเล็กๆ เลียนิ้วมือของหลินเมิ้งหยาไม่หยุด จักจี้ เปียกชื้น

    “ใช่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นป่าแห่งนี้ยังมีพวกหมาป่า เมื่อไหร่ดีเปลวเพลิงดับลง เกรงว่าพวกมันจะไม่มีทางปล่อยลูกเสือตัวนี้ไป”

    ความรักของแม่ยิ่งใหญ่เสมอ

    อุปนิสัยของหมาป่าคือกลัวไฟ

    เพื่อลูกน้อยเพียงตัวเดียวของตนเอง แม่เสือเลือกคลอดลูกใกล้กับกองเพลิง

    แบกความหวังว่าเปลวไฟจะสามารถพาคนที่มารับช่วงต่อดูแลลูกของตนเองไปได้

    “ข้าอยากพามันกลับไป ถึงอย่างไร ที่บ้านก็รับเลี้ยงอาเสวี่ยแล้ว เพิ่มมาอีกตัวคงไม่เป็นไร”

    หลินเมิ้งหยาอดไม่ได้ที่จะมองลูกเสือตัวน้อยที่กำลังหิวโหย บางที พี่เยว่ถิงเองก็อาจชอบมันมากเหมือนกัน

    แย่แล้ว!

    หลินเมิ้งหยาสบถในใจ เยว่ถิงในเวลานี้ต้องการคำปลอบโยนและการดูแลจากนางที่สุด

    นางมัวแต่แก้แค้น จนลืมเรื่องสำคัญเรื่องนี้ไป

    “ท่านอ๋อง พวกเรารีบกลับกันเถิดเพคะ หม่อมฉันอยากกลับไปดูแลพี่เยว่ถิง”

    อยู่ ๆ ก็กระวนกระวาย กลับมามีท่าทางเหมือนเมื่อก่อนอีกครั้ง

    หัวใจที่เสมือนถูกแขนอยู่บนหุบเหวของหลงเทียนอวี้กลับมาปกติดังเดิม

    โชคดี นางยังมีสิ่งที่คอยยึดเหนี่ยวจิตใจเอาไว้

    “ได้ พวกเรากลับกันเดี๋ยวนี้เลย”

    จากนั้นก็อุ้มหลินเมิ้งหยาและลูกเสือ ขึ้นหลังม้า ทั้งสองควบม้ากลับไปยังที่พัก

    เหตุเพราะเกิดเรื่องที่เสือหลุดหนีไป อีกทั้งยังมีเรื่องขององค์ชายรองและเยว่ถิง ดังนั้นที่พักจึงเกิดความวุ่นวาย

    หลินเมิ้งหยาไม่สนใจสิ่งใด พลันกระโดดลงจากหลังม้า อุ้มลูกเสือวิ่งเข้าไปในกระโจมในทันที

    หลงเทียนอวี้นั่งอยู่บนหลังม้า สายตามองตามร่างเล็กๆ ที่วิ่งหายไป

    “ท่านเป็นผู้ลงมือทำร้ายหูลู่หนานใช่หรือไม่?”

    เสียงเรียบถูกส่งออกมา หลงเทียนอวี้หันหน้าไปมองใบหน้าฉายแววสงสัยของหลงชิงหาน

    “เขาสมควรตาย”

    ยังไม่ต้องพูดถึงวิธีการที่เขาใช้ หูลู่หนานข่มขืนเยว่ถิง เคยลักพาตัวหลินเมิ้งหยา คนผู้นี้สมควรตายแล้ว

    “ข้ารู้ว่าเขาสมควรตาย แต่ท่านทำร้ายเขาตอนนี้รังแต่จะทำให้ฮ่องเต้หมิงโกรธเกรี้ยว หรือท่านลืมเป้าหมายที่แท้จริงของพวกเราไปแล้ว?”

    ตั้งแต่เด็กจนโต ใช่ว่าหลงชิงหานจะติดตามหลงเทียนอวี้อย่างคนไร้สมอง

    หลงเทียนอวี้ที่มักจะใจเย็นและสงบนิ่งเสมอมามักเป็นแบบอย่างที่ดีของเขาเสมอ

    ทว่า เขาเปลี่ยนไปนับตั้งแต่วันที่ได้เจอกับพี่สะใภ้

    เขาไม่คำนึงถึงผลที่จะตามมา เพื่อทำให้หญิงคนนั้นดีใจ

    หลงเทียนอวี้คนนี้ยังใช่พี่สามของเขาหรือไม่?

    “ข้ายังไม่ลืม ชิงหาน ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เจ้าไม่เหนื่อยหรือ?”

    นับตั้งแต่วันที่รู้เรื่องมากขึ้น ความรักของเสด็จพ่อมิต่างอะไรกับดาบสองคม เขาจำเป็นต้องระมัดระวังปลายดาบนั้นเสมอ

    อยากได้แต่ก็ไม่กล้าร้องขอ หากไท่จื่อชอบพอของชิ้นนั้น เขาจำต้องถอยห่างถึงสามก้าว

    เมื่อเป็นเช่นนั้นนานวันเข้า เขาชินกับการหักห้ามใจของตนเอง จนกระทั่งเขาไม่เคยรับรู้ความต้องการของตนเองอีกต่อไป

    ทว่าหลินเมิ้งหยากลับทำให้เขามองเห็นสิ่งที่แตกต่างออกไป

    นางเป็นคนโอหัง คิดอยากทำอะไรก็ทำ ไม่มีใครตามความคิดของนางทัน

    ทหารสกัดแม่ทัพ ดินสกัดน้ำ นางมิเคยกลัวเกรงต่อสิ่งใด

    การกระทำของนางค่อยๆ ขุดความภาคภูมิใจในส่วนลึกของหัวใจเขาขึ้นมา

    “พี่สาม ท่านรู้ดีว่าตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม”

    ริมฝีปากของหลงชิงหานเผยให้เห็นความขมขื่น

    เขาอยากใช้ความสามารถของตนเองทำให้เจียงซานแห่งต้าจิ้นมั่นคงและทำให้ราษฎร์มีความสุข

    แต่เรื่องนี้กลับถูกฮองเฮาและไท่จื่อขวางทางเอาไว้ สุดท้ายเขาจึงกลายเป็นองค์ชายไร้ความสามารถในสายตาผู้อื่น เขากลายเป็นคนไร้ประโยชน์

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษเล่มที่ 4 บทที่ 113 ลงมือโดยไร้ความปรานี

Now you are reading ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ Chapter เล่มที่ 4 บทที่ 113 ลงมือโดยไร้ความปรานี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

    “ถ้าหากเจ้าเปลี่ยนเป็นขันทีเล่า มิรู้ว่าเจ้าจะยังได้ทั้งเจียงซานและสาวงามอีกหรือไม่!”

    กริชคมกริบเล่มหนึ่งพลันปรากฏขึ้นในมือของหลินเมิ้งหยา มือกำแน่น

    เสียงร้องโหยหวนของหูลู่หนานดังขึ้นมาในทันที

    หลินเมิ้งหยาหยักยิ้มเย็นยะเยือก มือที่กำลังถือกริชชุ่มไปด้วยเลือด ทว่าใบหน้าเรียวเล็กรูปไข่กลับส่งยิ้มหวาน หวานเสียจนน่าขนลุก

    “ข้าจะ…ฆ่าเจ้า!”

    คิดไม่ถึงเลยว่าหญิงสาวที่มีรูปร่างบอบบางตรงหน้าจะลงมือได้โดยไร้ความปรานีเช่นนี้

    ความเจ็บปวดแล่นพล่านไปถึงกระดูก หูลู่หนานส่งเสียงร้องด้วยความทรมาน

    ไม่มีครั้งไหนเลยที่เขาอยากจะบีบคอใครให้ตายขนาดนี้

    “เจ็บหรือ? นี่มันเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น! ความเจ็บปวดที่เจ้ามอบให้กับพี่เยว่ถิง ข้าจะเอาคืนอย่างสาสม!”

    กริชในมือพุ่งออกไปตามคำพูดของหลินเมิ้งหยา เวลาเพียงไม่กี่นาที ท่อนขาของหูลู่หนานเต็มไปด้วยกองเลือด

    นางเฉือนตำแหน่งที่ยากที่สุด ลงมืออย่างอำมหิต ไม่นานหูลู่หนานก็สลบไปเพราะความเจ็บปวด

    “พอแล้ว”

    ขณะที่เงื้อมีดขึ้นอีกครั้ง มือข้างหนึ่งกลับเข้ามาจับมือของนางเอาไว้

    หลินเมิ้งหยาที่กำลังดำดิ่งอยู่ในภวังค์แห่งความโกรธแค้นเงยหน้าขึ้นมาคนที่เข้ามาหยุดตัวเองด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว

    “เมิ้งหยา ถ้ายังแทงเขาอีก เขาจะตายแน่นอน”

    นี่คือใบหน้าแบบไหนกันนะ ทั้งที่กำลังยิ้ม ทว่าดวงตากลับเผยให้เห็นความรู้สึกเจ็บปวดเสมือนหัวใจสลาย

    หลงเทียนอวี้ยกมือขึ้นเช็ดเลือดบนใบหน้าของนาง

    “เมิ้งหยา เจ้าแก้แค้นให้เยว่ถิงสำเร็จแล้ว ข้าจะจัดการต่อเอง”

    มือที่กำกริชแน่นคลายออกเมื่อเห็นสายตาอบอุ่นอ่อนโยนของหลงเทียนอวี้

    ในที่สุดสายตาของหลินเมิ้งหยาก็กลับมาเหมือนมนุษย์ปกติดังเดิม หยาดน้ำตาพลันรินไหลลงมา

    “พี่เยว่ถิง พี่เยว่ถิงนาง…”

    ภายในความทรงจำอันแสนอบอุ่นของนาง เยว่ถิงยืนอยู่ในนั้นด้วย

    หรือว่า…นี่จะเป็นความทรงจำที่เจ้าของร่างต้องการจะยัดเยียดให้นางได้รับรู้ ทว่าความรู้สึกยังคงเหมือนเดิมและไม่เปลี่ยนเพียงเพราะวิญญาณในร่างเป็นคนละคนกัน

    เสื้อผ้า รองเท้า สิ่งของที่ให้ความอบอุ่นแก่นางทุกชิ้น ผลไม้สดๆ ที่ไม่เคยได้เห็นหรือกินบ่อยนัก ทั้งสร้อย กำไลและเครื่องประดับ หลินเมิ้งหยาสูญเสียแม่ไปตั้งแต่ยังเด็ก คนเดียวที่มอบสิ่งของเหล่านั้นให้กับนางเพียงคนเดียวคือเยว่ถิง

    หลินเมิ้งหยาไม่เคยเสียน้ำตามาก่อน เหตุเพราะเยว่ถิงต้องการการปกป้องจากนาง

    ทว่าในอ้อมกอดของหลงเทียนอวี้ ความเจ็บปวดในหัวใจก็พลันระเบิดออกมาทันที

    “ข้าจะฆ่าเขา ข้าอยากฆ่าคนที่รังแกพี่เยว่ถิงทุกคน!”

    ความทรงจำหวนกลับมาอีกครั้ง เมื่อวานนางยังคุยเรื่องที่พี่เยว่ถิงจะได้ใช้ชีวิตกับพี่ชายอย่างมีความสุขอยู่เลย

    ทว่าเวลาเพียงคืนเดียว เพราะคนสารเลวคนนี้ เขาพรากทุกสิ่งทุกอย่างไป

    “เจ้าฟังข้า เมิ้งหยา ฟังข้า”

    มือหนา จับศีรษะของหลินเมิ้งหยาเอาไว้แน่น ริมฝีปากบางเลื่อนเข้ามาประทับลงบนริมฝีปากของนางที่กำลังสั่นระริก

    ท่าทางเช่นนี้ของนาง ทั้งความบ้าระห่ำหรือแม้แต่อาการตกอยู่ในภวังค์ทำให้เขาเจ็บปวดขึ้นมา

    ริมฝีปากเย็นยะเยือกจุมพิตของหลงเทียนอวี้ทำให้อบอุ่นขึ้นมา

    เพียงริมฝีปากที่แนบติดกันเบาๆ เท่านั้น กลับทำให้หลินเมิ้งหยาสงบลง

    “แค้น พวกเราจะชำระอย่างแน่นอน ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลานั้น”

    อารมณ์ที่ระเบิดออกมาอย่างรุนแรงทำให้ร่างกายของหลินเมิ้งหยาไร้เรี่ยวแรง

    ปล่อยให้หลงเทียนอวี้โอบอุ้มเอาไว้ในอ้อมกอดแต่โดยดี

    เสื้อคลุมสีดำตัวใหญ่ปกปิดร่างของหญิงสาวในอ้อมกอด หลงเทียนอวี้ชำเลืองมองชายที่กำลังนอนจมกองเลือดด้วยสายตาเย็นชา

    เพราะเหตุนี้เสือตัวนั้นจึงหนีออกจากกรงในเวลานี้

    เจ้านี่คงใช้กลอุบายล่อเสือออกจากถ้ำสินะ

    แม้เขาเองก็คิดอยากปลิดชีวิตของชายตรงหน้า แต่เหมือนอย่างที่เขาเคยพูดกับหลินเมิ้งหยาเอาไว้ โอกาสยังมาไม่ถึง

    ออกแรงพลิกร่างของเขา ขาพลันตวัดขึ้นเตะเขาแรงๆ หนึ่งที

    เสียงเจ็บปวดรวดร้าวดังขึ้น หลงเทียนอวี้พาหลินเมิ้งหยากลับออกไป

    ลูกเตะของเขาทำให้กระดูกสันหลังของหูลู่หนานขาดสะบั้น

    จากนี้ไป ชั่วชีวิตนี้ของหูลู่หนานคงทำได้เพียงนั่งกะพริบตามองท้องฟ้า แต่เขาคงพูดหรือขยับไม่ได้อีก

    เขาอุ้มหลินเมิ้งหยาหลบหลีกสายตาขององครักษ์

    นางยังคงขดตัวสงบนิ่งอยู่ในอ้อมกอด ดวงตากลมโตสีดำไร้ซึ่งแสงประกายใดๆ

    หลงเทียนอวี้ครุ่นคิดไปครู่ ก่อนเบี่ยงเบนความสนใจ และวางร่างหลินเมิ้งหยาลงบนหลังม้า ทั้งสองคนหายตัวไปท่ามกลางความมืดมิด

    หลินเมิ้งหยาบนหลังม้า ยังคงนิ่งเงียบ

    เรื่องของเยว่ถิงสร้างความเจ็บปวดให้นางเป็นอย่างมาก

    หลงเทียนอวี้ถอนหายใจเบาๆ ทว่าขาออกแรงกระแทกท้องของม้าเพื่อเร่งความเร็ว

    ในที่สุด ม้าที่ควบออกมาอย่างรวดเร็วพาทั้งสองมาที่ถ้ำแห่งหนึ่งบนภูเขา

    หลินเมิ้งหยาเลื่อนสายตามองถ้ำขนาดใหญ่

    “ที่นี่ที่ไหนหรือเพคะ?” หลินเมิ้งหยาเอ่ยถาม

    หลงเทียนอวี้อุ้มนางลงจากหลังม้า

    “ตามข้ามา”

    พลางกุมมือนาง และเดินเข้าไปในถ้ำ หลินเมิ้งหยาเดินตามหลังเขาไป

    เดินเข้าไปได้ราวยี่สิบก้าว เมื่อผ่านโค้งทางด้านหน้า พวกเขาได้เห็นแสงริบหรี่อยู่ภายใน

    หลินเมิ้งหยาลืมตาโต มองดูภาพตรงหน้า

    “ทำไมถึง…”

    ภายใต้แสงริบหรี่ แม่เสือขาวนอนนิ่ง ร่างกายแข็งทื่อ

    บริเวณหน้าท้องของเสือตัวนั้น คือลูกเสือขนสีขาวบริสุทธิ์ที่เพิ่งเกิดกำลังดูดดื่มน้ำนมจากแม่เสือ

    “ตอนที่พวกเราเจอมัน มันได้รับบาดเจ็บสาหัส หมอรักษาสัตว์ที่ข้าพามาเป็นคนทำคลอดให้มัน แต่แม่เสือไม่อาจทนผิดบาดแผลได้จึงตายลง”

    หลงเทียนอวี้เดินเข้าไป อุ้มลูกเสือตัวน้อยเอาไว้

    ลูกเสือน้อยที่เพิ่งเกิด ยังไม่ทันจะลืมตาก็ถูกจับเสียแล้ว

    “พวกเราจะพามันกลับไปอย่างนั้นหรือ?”

    ลูกเสือดิ้นหนีจากมือของหลงเทียนอวี้ เห็นได้ชัดว่าหลงเทียนอวี้เป็นชายหยาบกร้าน เขาไม่เคยชินกับการดูแลสัตว์ตัวเล็กๆ เช่นนี้

    ท่าทางแข็งทื่อนั้น สุดท้ายก็ยอมส่งตัวลูกเสือน้อยให้กับหลินเมิ้งหยา

    ครู่ต่อมา หลินเมิ้งหยาโอบอุ้มลูกเสือตัวน้อยขนนุ่มนิ่มน่ารักเอาไว้ ในที่สุดหัวใจของนางก็เริ่มอบอุ่นอีกครั้ง

    “หากทิ้งมันไว้ที่นี่ มันจะหิวตายนะเพคะ”

    หลินเมิ้งหยาพูดจาฉะฉาน ทว่ามือกลับไม่ยอมคลายออกจากลูกเสือเลยแม้แต่น้อย

    ลูกเสือตัวนี้จะต้องหิวตายอย่างแน่นอน ขาหน้าเกาะนิ้วของหลินเมิ้งหยาก่อนจะดูดเลียเพราะความหิวโหย

    ลิ้นสากเล็กๆ เลียนิ้วมือของหลินเมิ้งหยาไม่หยุด จักจี้ เปียกชื้น

    “ใช่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นป่าแห่งนี้ยังมีพวกหมาป่า เมื่อไหร่ดีเปลวเพลิงดับลง เกรงว่าพวกมันจะไม่มีทางปล่อยลูกเสือตัวนี้ไป”

    ความรักของแม่ยิ่งใหญ่เสมอ

    อุปนิสัยของหมาป่าคือกลัวไฟ

    เพื่อลูกน้อยเพียงตัวเดียวของตนเอง แม่เสือเลือกคลอดลูกใกล้กับกองเพลิง

    แบกความหวังว่าเปลวไฟจะสามารถพาคนที่มารับช่วงต่อดูแลลูกของตนเองไปได้

    “ข้าอยากพามันกลับไป ถึงอย่างไร ที่บ้านก็รับเลี้ยงอาเสวี่ยแล้ว เพิ่มมาอีกตัวคงไม่เป็นไร”

    หลินเมิ้งหยาอดไม่ได้ที่จะมองลูกเสือตัวน้อยที่กำลังหิวโหย บางที พี่เยว่ถิงเองก็อาจชอบมันมากเหมือนกัน

    แย่แล้ว!

    หลินเมิ้งหยาสบถในใจ เยว่ถิงในเวลานี้ต้องการคำปลอบโยนและการดูแลจากนางที่สุด

    นางมัวแต่แก้แค้น จนลืมเรื่องสำคัญเรื่องนี้ไป

    “ท่านอ๋อง พวกเรารีบกลับกันเถิดเพคะ หม่อมฉันอยากกลับไปดูแลพี่เยว่ถิง”

    อยู่ ๆ ก็กระวนกระวาย กลับมามีท่าทางเหมือนเมื่อก่อนอีกครั้ง

    หัวใจที่เสมือนถูกแขนอยู่บนหุบเหวของหลงเทียนอวี้กลับมาปกติดังเดิม

    โชคดี นางยังมีสิ่งที่คอยยึดเหนี่ยวจิตใจเอาไว้

    “ได้ พวกเรากลับกันเดี๋ยวนี้เลย”

    จากนั้นก็อุ้มหลินเมิ้งหยาและลูกเสือ ขึ้นหลังม้า ทั้งสองควบม้ากลับไปยังที่พัก

    เหตุเพราะเกิดเรื่องที่เสือหลุดหนีไป อีกทั้งยังมีเรื่องขององค์ชายรองและเยว่ถิง ดังนั้นที่พักจึงเกิดความวุ่นวาย

    หลินเมิ้งหยาไม่สนใจสิ่งใด พลันกระโดดลงจากหลังม้า อุ้มลูกเสือวิ่งเข้าไปในกระโจมในทันที

    หลงเทียนอวี้นั่งอยู่บนหลังม้า สายตามองตามร่างเล็กๆ ที่วิ่งหายไป

    “ท่านเป็นผู้ลงมือทำร้ายหูลู่หนานใช่หรือไม่?”

    เสียงเรียบถูกส่งออกมา หลงเทียนอวี้หันหน้าไปมองใบหน้าฉายแววสงสัยของหลงชิงหาน

    “เขาสมควรตาย”

    ยังไม่ต้องพูดถึงวิธีการที่เขาใช้ หูลู่หนานข่มขืนเยว่ถิง เคยลักพาตัวหลินเมิ้งหยา คนผู้นี้สมควรตายแล้ว

    “ข้ารู้ว่าเขาสมควรตาย แต่ท่านทำร้ายเขาตอนนี้รังแต่จะทำให้ฮ่องเต้หมิงโกรธเกรี้ยว หรือท่านลืมเป้าหมายที่แท้จริงของพวกเราไปแล้ว?”

    ตั้งแต่เด็กจนโต ใช่ว่าหลงชิงหานจะติดตามหลงเทียนอวี้อย่างคนไร้สมอง

    หลงเทียนอวี้ที่มักจะใจเย็นและสงบนิ่งเสมอมามักเป็นแบบอย่างที่ดีของเขาเสมอ

    ทว่า เขาเปลี่ยนไปนับตั้งแต่วันที่ได้เจอกับพี่สะใภ้

    เขาไม่คำนึงถึงผลที่จะตามมา เพื่อทำให้หญิงคนนั้นดีใจ

    หลงเทียนอวี้คนนี้ยังใช่พี่สามของเขาหรือไม่?

    “ข้ายังไม่ลืม ชิงหาน ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เจ้าไม่เหนื่อยหรือ?”

    นับตั้งแต่วันที่รู้เรื่องมากขึ้น ความรักของเสด็จพ่อมิต่างอะไรกับดาบสองคม เขาจำเป็นต้องระมัดระวังปลายดาบนั้นเสมอ

    อยากได้แต่ก็ไม่กล้าร้องขอ หากไท่จื่อชอบพอของชิ้นนั้น เขาจำต้องถอยห่างถึงสามก้าว

    เมื่อเป็นเช่นนั้นนานวันเข้า เขาชินกับการหักห้ามใจของตนเอง จนกระทั่งเขาไม่เคยรับรู้ความต้องการของตนเองอีกต่อไป

    ทว่าหลินเมิ้งหยากลับทำให้เขามองเห็นสิ่งที่แตกต่างออกไป

    นางเป็นคนโอหัง คิดอยากทำอะไรก็ทำ ไม่มีใครตามความคิดของนางทัน

    ทหารสกัดแม่ทัพ ดินสกัดน้ำ นางมิเคยกลัวเกรงต่อสิ่งใด

    การกระทำของนางค่อยๆ ขุดความภาคภูมิใจในส่วนลึกของหัวใจเขาขึ้นมา

    “พี่สาม ท่านรู้ดีว่าตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม”

    ริมฝีปากของหลงชิงหานเผยให้เห็นความขมขื่น

    เขาอยากใช้ความสามารถของตนเองทำให้เจียงซานแห่งต้าจิ้นมั่นคงและทำให้ราษฎร์มีความสุข

    แต่เรื่องนี้กลับถูกฮองเฮาและไท่จื่อขวางทางเอาไว้ สุดท้ายเขาจึงกลายเป็นองค์ชายไร้ความสามารถในสายตาผู้อื่น เขากลายเป็นคนไร้ประโยชน์

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+