[นิยายแปล] Game of the World Tree 31 นักบวชระดับสูงเผ่าก็อบลิน

Now you are reading [นิยายแปล] Game of the World Tree Chapter 31 นักบวชระดับสูงเผ่าก็อบลิน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

      ภายในซากวิหารเก่าแก่ มีแท่นบูชาที่สลักไว้ด้วยสัญลักษณ์แห่งธรรมชาติและร่องรอยจารึกภาษาเอลฟ์บนแท่งศิลา สิ่งเหล่านี้ล้วนถูกทำลายด้วยอาวุธมีคม อีกทั้งยังมีรอยเลือดแปดเปื้อนประปรายมานานแสนนาน

      รูปบูชาของเทพธิดาถูกผู้บุกรุกสร้างความเสียหาย และนำรูปแกะสลักจากไม้ของเทพองค์หนึ่งมาไว้แทน รูปบูชานั้นมีลักษณะเป็นชายสวมเสื้อขนสัตว์ มือหนึ่งถือขวาน อีกมือถือคันศร

      มันคือ อูลร์ เทพแห่งเหมันตฤดูและการล่า

      ใต้รูปแกะสลักไม้ มีก็อบลินแก่หง่อมหลังค่อมตนนึงกำลังหมอบกราบบูชา

      ร่างของมันอยู่ใต้ชุดคลุมหลวมโพรกและหมวกปีกกว้างในสภาพหมองหม่น ที่ปล้นมาจากกองคาราวานของพวกมนุษย์ เบื้องหน้าของมันมีคริสตัลที่เปล่งประกายสีเขียวจาง ๆ ก้อนหนึ่ง

      “องค์พระบิดาแห่งเหมันต์และการล่า นี่คือคริสตัลพระโลหิตก้อนที่ 3 ของเดือนนี้ ข้าจะหาเพิ่มอีก 7 เพื่อให้ได้ครบจำนวนเครื่องสังเวยขั้นต่ำที่ 33 ก้อน … และข้าจะมอบเครื่องสังเวยเหล่านี้แด่ท่าน”

      ร่างของก็อบลินค่อย ๆ โค้งลง นัยน์ตาของมันขุ่นมัว มันมีริ้วรอยฝังลึกทั่วใบหน้าจากความชรา ท่าทีของมันดูเปี่ยมไปด้วยความเคารพนับถือในเทพของตน

      การจะส่งเครื่องเซ่นใด ๆ ข้ามภพย่อมใช้พลังงานจำนวนมากเนื่องจากอูลร์อาศัยอยู่ในแดนสวรรค์ มันจึงให้เหล่าก็อบลินรวบรวมเครื่องสังเวยจนถึงจำนวนหนึ่งเพื่อลดปริมาณพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ต้องใช้ โดยทั่วไปอูลร์จะทำเพียงสื่อสารอย่างเรียบง่ายกับเหล่าสาวกของมัน

      แสงสีทองอ่อน ๆ กระจายออกมากระทบร่างของก็อบลินชราเมื่อมันภาวนาจบลง มันรู้สึกได้ว่าร่างกายของตนมีความแข็งแกร่งมากขึ้น ราวกับอายุน้อยลงหลายปี

      “ขอสรรเสริญเทพแห่งเหมันต์และการล่า”

      มันค้อมหัวลงต่ำอย่างเปี่ยมสุข

      ก็อบลินชราค่อย ๆ ลุกขึ้นหลังจากที่การสวดภาวนาจบลง

      มันขยับหมวกปีกกว้างบนศีรษะ บรรจงหยิบไม้เท้ากระดูกที่ประดับไว้ด้วยลูกแก้วขนาดใหญ่ ถูเช็ดราวกับเป็นสมบัติแสนล้ำค่า ก่อนจะก้าวย่างออกจากวิหารด้วยความพึงพอใจ

      มันคือนักบวชก็อบลินเลเวล 11 ที่อยู่ในระดับเหล็กขั้นต้น นามว่า กูลู

      กูลูพึงพอใจที่จะเรียกตนเองว่านักบวชระดับสูง เนื่องจากมันเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโบราณสถานแห่งนี้ เหล่านักบวชก็อบลินอีกสามตนก็ไม่ผู้ใดสามารถเทียบเคียงพลังของมันได้

      ความแข็งแกร่งนี้ไม่ได้มาจากการเกื้อหนุนโดยอูลร์ แต่เพราะมันครอบครองไม้เท้าเวทมนตร์ที่ได้รับมาจากเหตุการณ์บางอย่างก่อนหน้านั้น

      นอกจากนี้ มันยังมีความชำนาญในด้านไสยเวทย์ผีดิบ!

      ด้วยเหตุนี้ มันจึงมีพลังที่เหนือกว่านักบวชก็อบลินเลเวล 11 ตนอื่น

      ทว่า ตัวมันถือได้ว่ามีความชราอย่างยิ่งยวด คงจะมีอายุขัยอีกไม่เกิน 3 ปี

      นับเป็นโชคที่อูลร์ได้ปรากฏตัวขึ้น และสัญญาว่าจะมอบชีวิตใหม่ให้แก่มัน แลกกับการเก็บรวบรวมหยาดคริสตัลพระโลหิตจำนวน 33 ก้อนภายในเวลา 1 ปี

      นับเป็นโชคของกูลู

      หยาดคริสตัลพระโลหิตของมหาพฤกษาได้กระจัดกระจายไปทั่วผืนป่าจากสงครามเมื่อพันปีก่อน และอูลร์เพิ่งจะมอบหมายงานค้นหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ให้เหล่าก็อบลินเมื่อเร็ว ๆ นี้

      มันจึงเป็นการง่ายที่จะรวบรวมคริสตัลให้ได้จำนวนหนึ่ง ตราบใดที่พวกมันพยายามค้นหา

      ด้วยน้ำพักน้ำแรงของเหล่าก็อบลิน กูลูเก็บรวบรวมคริสตัลพระโลหิตมาแล้วถึง 26 ก้อนภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือน

      “อำนาจคือทุกสิ่ง!”

      มันลูบไล้ไม้เท้ากระดูกอย่างคลั่งไคล้

      เมื่อมันเดินลงมาถึงเส้นทางสัญจรภายในเมืองฟลอเรนซ์ สายตาของมันกวาดมองไปทั่วบริเวณ ก่อนจะสะดุดตาเข้ากับกำแพงเมืองอันว่างเปล่า คิ้วของมันค่อย ๆ ขมวดเข้ามาหากันด้วยความฉงน

      “หายไปไหนกันวะ?”

      มันชำเลืองมองรอบ ๆ จนพบก็อบลินตนหนึ่งที่หลับอยู่

      กูลูคำรามต่ำ ๆ ในคอพร้อมเดินเข้าไปเตะมัน

      ก็อบลินตนนั้นคว้าเอาอาวุธใกล้มือและเตรียมสู้กลับด้วยความฉุนเฉียวเนื่องจากตนถูกปลุก แต่ท่าทีของมันพลันเปลี่ยนเมื่อพบว่าคู่กรณีคือใคร มันหมอบคลานลงกับพื้นพลางส่งเสียงประหลาดพร้อมพยายามเอาอกเอาใจกูลูสุดชีวิต …

      ความรู้สึกดูแคลนเจืออยู่ในแววตาของกูลู

      มันดูถูกสิ่งมีชีวิตโง่เขลา

      สำหรับกูลูแล้ว แม้ว่าพวกก็อบลินจะหน้าตาเหมือนมันทุกประการ ทว่ากูลูไม่นับตัวมันเองเป็นสายพันธุ์เดียวกับก็อบลินเหล่านี้

      ไอ้พวกก็อบลินทั้งอ่อนแอและพูดไม่เป็นภาษา!

      แต่เพราะผีดิบจากไสยเวทของตนไม่สามารถสัมผัสคริสตัลพระโลหิตได้ มันจึงจำใจใช้งานพวกก็อบลินเหล่านี้เพื่อเก็บรวบวัตถุศักดิ์สิทธิ์

      กำลังของพวกก็อบลินยังเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อเป้าหมายของกูลู

      คิดได้ดังว่า มันจึงเตะก็อบลินบนพื้นก่อนจะถาม

      “ตัวอื่นไปไหน? ผ่านไปแค่คืนเดียว พวกเอ็งหายหัวไปไหนหมด?”

      มันนิ่งไปครู่หนึ่งเมื่อถูกกูลูถาม แต่จู่ ๆ มันก็นึกบางสิ่งบางอย่างขึ้นมาได้ พร้อมกับชี้มือชี้ไม้ด้วยท่าทางประหลาด พลางตะโกน แอ๊- แอ๊- แอ๊- ในแบบของมัน

      “ฮะ? เอ็งว่ามีมนุษย์ตัวเมียผ่านมาแถบนี้? แล้วไอ้พวกนั้นก็ตามกันไปจับ?”

      กูลูขมวดคิ้ว

      ก็อบลินพยักหน้ารัว ๆ

      กูลูหรี่ตาลงเล็กน้อยเมื่อได้รับการยืนยันจากมัน

      “มนุษย์ตัวเมีย … ?”

      เมืองมนุษย์ใกล้ที่สุดก็เป็นร้อย ๆ กิโลเมตร ขบวนสินค้าของมนุษย์ก็มาแค่หน้าร้อน … แล้วมนุษย์ตัวเมียจะมาจากไหน?

      ไอ้พวกนี้มันมันวิ่งบ้าตามตัวเมียไป!

      กูลูเหวี่ยงก็อบลินตนนั้นด้วยความโกรธ พร้อมกับย่างเท้าไปยังบริเวณชายขอบโบราณสถานโดยทันที

      ยิ่งมันเดินออกมานานแค่ไหน สีหน้าของมันยิ่งหมองหม่นลงตามลำดับ

      มันพบว่าจำนวนก็อบลินในโบราณสถานเหลือน้อยกว่าที่มันคิดไว้มาก

      “หายไปร่วมสองร้อยตัว …”

      กูลูขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

      ในขณะที่มันคิดหาวิธีลงโทษพวกก็อบลินหนีทัพอย่างสาสม ก็มีเสียงอึกทึกดังมาจากทางตะวันออกเฉียงใต้ของซากปรักหักพัง

      มันเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะรีบย่ำเท้าไปอย่างเงียบเชียบ …

      …

      บริเวณประตูฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของฟลอเรนซ์

      เดมาเซียในร่างจำแลงแสดงท่าทางยั่วยวนก็อบลินเช่นทุกที แต่ครั้งนี้เขาเลือกที่จะเดินเข้ามาในเขตโบราณสถานเพื่อล่อก็อบลินระดับสูง

      “มาเร็วพ่อหนุ่ม~”

      เดมาเซียลอบเยาะเย้ยอยู่ในใจเมื่อตนล่อฝูงก็อบลินออกมาได้โดยง่าย

      ทว่า สัญชาตญาณของเดมาเซียพลันสัมผัสถึงอันตรายบางอย่าง

      เขาหวั่นวิตก ราวกับถูกอสรพิษจับจ้อง …

      ประสาทสัทผัสของเอลฟ์มีความเฉียบแหลมเป็นอย่างสูง ร่างกายของเดมาเซียหันไปทางต้นตอของสาเหตุโดยที่ตนไม่ทันตั้งตัว และในวินาทีนั้น เดมาเซียพลันตกใจจนชาไปทั้งศีรษะเมื่อพบว่าตนกำลังเผชิญหน้ากับบางสิ่ง

      มันคือสายตาเย็นเยียบของก็อบลินตนหนึ่งใต้ชุดคลุมสีเข้มที่ยืนอยู่บนซากโบราณสถาน

      กูลู นักบวชชั้นสูง

      แม้เป้าหมายจะอยู่ห่างเป็นสิบ ๆ เมตร แต่เดมาเซียกลับสัมผัสได้ถึงความน่าขนลุกที่แผ่ออกมาอย่างต่อเนื่อง

      “ซวยไง … ตูล่อพลาด เจอบอสเต็ม ๆ!”

      เมื่อถูกสายตานั้นจับจ้อง เดมาเซียได้แต่อุทานออกมาพร้อมวิ่งกลับในทันที

      “ตูเผ่นล่ะ …”

      “มนุษย์ตัวเมีย …”

      กูลูหัวเราะด้วยท่าทีประหลาด

      เพียงมองปราดเดียวมันก็รับรู้ถึงความผิดปกติของมนุษย์ตรงหน้า คิดได้ว่าเป็นผลของเวทมนตร์แปลงกาย

      หรือจะเป็นพวกทหารรับจ้าง?

      มันเริ่มคาดเดา

      ทว่ามันไม่คิดจะปล่อยให้อีกฝ่ายหนีไปได้

      ก็อบลินหายไปตั้งสองร้อยกว่าตัว!

      ข้าจะจับเอ็งให้ได้!

      มันลอบแค้นอยู่ในใจ

      กูลูไม่สนว่าทหารรับจ้างกลุ่มใดจะอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ เพราะการที่มนุษย์คนนั้นไม่กล้าเผชิญหน้ากับมัน ย่อมหมายความว่ามนุษย์คนนั้นอ่อนแอกว่ามัน

      การที่มนุษย์เลือกที่จะสู้กับก็อบลินด้วยแผนการเช่นนี้ นั่นย่อมแสดงถึงความไม่มั่นใจของอีกฝั่ง!

      คิดได้ดังนั้น มันพลันเหวี่ยงไม้เท้ากระดูกของตน ก่อให้เกิดคลื่นพลังงานอันเย็นเยียบจากลูกแก้วบนไม้เท้า

      กระแสพลังงานลึกลับปะทุขึ้น พร้อมกับมือกระดูกผุดขึ้นมาจากผืนดินใกล้ ๆ กับเท้าของเดมาเซีย มันคว้าขาของเขาไว้ …

      ในเวลาเดียวกัน อีฟที่รับชมไลฟ์สตรีมของเหล่าผู้เล่นพลันตระหนก และเริ่มรู้สึกหวาดวิตกขึ้นมาช้า ๆ

เชิงอรรถท้ายตอน 31: 

ชื่อนักบวชก็อบลิน 咕噜 (gulu) –> เป็นชื่อเดียวกับ กอลลัม (จาก TLOR) ในเวอร์ชันจีน ทางผู้แปลเลือกใช้ กูลู (ชื่อตามเสียง) 

 _ .. _ .. _ .. _ .. _ .. _

      T/N: วันนี้น่าจะได้อีกตอนค่ะ

      ถ้าถูกใจโปรเจ็คนี้ ขอความอนุเคราะห์ในการซัพพอร์ทที่ผู้แต่งโดยตรง ตามลิงก์หน้าแรกนะคะ 

      Support the project: https://book.qidian.com/info/1016509432

_ .. _ .. _ .. _ .. _ .. _

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] Game of the World Tree 31 นักบวชระดับสูงเผ่าก็อบลิน

Now you are reading [นิยายแปล] Game of the World Tree Chapter 31 นักบวชระดับสูงเผ่าก็อบลิน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

      ภายในซากวิหารเก่าแก่ มีแท่นบูชาที่สลักไว้ด้วยสัญลักษณ์แห่งธรรมชาติและร่องรอยจารึกภาษาเอลฟ์บนแท่งศิลา สิ่งเหล่านี้ล้วนถูกทำลายด้วยอาวุธมีคม อีกทั้งยังมีรอยเลือดแปดเปื้อนประปรายมานานแสนนาน

      รูปบูชาของเทพธิดาถูกผู้บุกรุกสร้างความเสียหาย และนำรูปแกะสลักจากไม้ของเทพองค์หนึ่งมาไว้แทน รูปบูชานั้นมีลักษณะเป็นชายสวมเสื้อขนสัตว์ มือหนึ่งถือขวาน อีกมือถือคันศร

      มันคือ อูลร์ เทพแห่งเหมันตฤดูและการล่า

      ใต้รูปแกะสลักไม้ มีก็อบลินแก่หง่อมหลังค่อมตนนึงกำลังหมอบกราบบูชา

      ร่างของมันอยู่ใต้ชุดคลุมหลวมโพรกและหมวกปีกกว้างในสภาพหมองหม่น ที่ปล้นมาจากกองคาราวานของพวกมนุษย์ เบื้องหน้าของมันมีคริสตัลที่เปล่งประกายสีเขียวจาง ๆ ก้อนหนึ่ง

      “องค์พระบิดาแห่งเหมันต์และการล่า นี่คือคริสตัลพระโลหิตก้อนที่ 3 ของเดือนนี้ ข้าจะหาเพิ่มอีก 7 เพื่อให้ได้ครบจำนวนเครื่องสังเวยขั้นต่ำที่ 33 ก้อน … และข้าจะมอบเครื่องสังเวยเหล่านี้แด่ท่าน”

      ร่างของก็อบลินค่อย ๆ โค้งลง นัยน์ตาของมันขุ่นมัว มันมีริ้วรอยฝังลึกทั่วใบหน้าจากความชรา ท่าทีของมันดูเปี่ยมไปด้วยความเคารพนับถือในเทพของตน

      การจะส่งเครื่องเซ่นใด ๆ ข้ามภพย่อมใช้พลังงานจำนวนมากเนื่องจากอูลร์อาศัยอยู่ในแดนสวรรค์ มันจึงให้เหล่าก็อบลินรวบรวมเครื่องสังเวยจนถึงจำนวนหนึ่งเพื่อลดปริมาณพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ต้องใช้ โดยทั่วไปอูลร์จะทำเพียงสื่อสารอย่างเรียบง่ายกับเหล่าสาวกของมัน

      แสงสีทองอ่อน ๆ กระจายออกมากระทบร่างของก็อบลินชราเมื่อมันภาวนาจบลง มันรู้สึกได้ว่าร่างกายของตนมีความแข็งแกร่งมากขึ้น ราวกับอายุน้อยลงหลายปี

      “ขอสรรเสริญเทพแห่งเหมันต์และการล่า”

      มันค้อมหัวลงต่ำอย่างเปี่ยมสุข

      ก็อบลินชราค่อย ๆ ลุกขึ้นหลังจากที่การสวดภาวนาจบลง

      มันขยับหมวกปีกกว้างบนศีรษะ บรรจงหยิบไม้เท้ากระดูกที่ประดับไว้ด้วยลูกแก้วขนาดใหญ่ ถูเช็ดราวกับเป็นสมบัติแสนล้ำค่า ก่อนจะก้าวย่างออกจากวิหารด้วยความพึงพอใจ

      มันคือนักบวชก็อบลินเลเวล 11 ที่อยู่ในระดับเหล็กขั้นต้น นามว่า กูลู

      กูลูพึงพอใจที่จะเรียกตนเองว่านักบวชระดับสูง เนื่องจากมันเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโบราณสถานแห่งนี้ เหล่านักบวชก็อบลินอีกสามตนก็ไม่ผู้ใดสามารถเทียบเคียงพลังของมันได้

      ความแข็งแกร่งนี้ไม่ได้มาจากการเกื้อหนุนโดยอูลร์ แต่เพราะมันครอบครองไม้เท้าเวทมนตร์ที่ได้รับมาจากเหตุการณ์บางอย่างก่อนหน้านั้น

      นอกจากนี้ มันยังมีความชำนาญในด้านไสยเวทย์ผีดิบ!

      ด้วยเหตุนี้ มันจึงมีพลังที่เหนือกว่านักบวชก็อบลินเลเวล 11 ตนอื่น

      ทว่า ตัวมันถือได้ว่ามีความชราอย่างยิ่งยวด คงจะมีอายุขัยอีกไม่เกิน 3 ปี

      นับเป็นโชคที่อูลร์ได้ปรากฏตัวขึ้น และสัญญาว่าจะมอบชีวิตใหม่ให้แก่มัน แลกกับการเก็บรวบรวมหยาดคริสตัลพระโลหิตจำนวน 33 ก้อนภายในเวลา 1 ปี

      นับเป็นโชคของกูลู

      หยาดคริสตัลพระโลหิตของมหาพฤกษาได้กระจัดกระจายไปทั่วผืนป่าจากสงครามเมื่อพันปีก่อน และอูลร์เพิ่งจะมอบหมายงานค้นหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ให้เหล่าก็อบลินเมื่อเร็ว ๆ นี้

      มันจึงเป็นการง่ายที่จะรวบรวมคริสตัลให้ได้จำนวนหนึ่ง ตราบใดที่พวกมันพยายามค้นหา

      ด้วยน้ำพักน้ำแรงของเหล่าก็อบลิน กูลูเก็บรวบรวมคริสตัลพระโลหิตมาแล้วถึง 26 ก้อนภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือน

      “อำนาจคือทุกสิ่ง!”

      มันลูบไล้ไม้เท้ากระดูกอย่างคลั่งไคล้

      เมื่อมันเดินลงมาถึงเส้นทางสัญจรภายในเมืองฟลอเรนซ์ สายตาของมันกวาดมองไปทั่วบริเวณ ก่อนจะสะดุดตาเข้ากับกำแพงเมืองอันว่างเปล่า คิ้วของมันค่อย ๆ ขมวดเข้ามาหากันด้วยความฉงน

      “หายไปไหนกันวะ?”

      มันชำเลืองมองรอบ ๆ จนพบก็อบลินตนหนึ่งที่หลับอยู่

      กูลูคำรามต่ำ ๆ ในคอพร้อมเดินเข้าไปเตะมัน

      ก็อบลินตนนั้นคว้าเอาอาวุธใกล้มือและเตรียมสู้กลับด้วยความฉุนเฉียวเนื่องจากตนถูกปลุก แต่ท่าทีของมันพลันเปลี่ยนเมื่อพบว่าคู่กรณีคือใคร มันหมอบคลานลงกับพื้นพลางส่งเสียงประหลาดพร้อมพยายามเอาอกเอาใจกูลูสุดชีวิต …

      ความรู้สึกดูแคลนเจืออยู่ในแววตาของกูลู

      มันดูถูกสิ่งมีชีวิตโง่เขลา

      สำหรับกูลูแล้ว แม้ว่าพวกก็อบลินจะหน้าตาเหมือนมันทุกประการ ทว่ากูลูไม่นับตัวมันเองเป็นสายพันธุ์เดียวกับก็อบลินเหล่านี้

      ไอ้พวกก็อบลินทั้งอ่อนแอและพูดไม่เป็นภาษา!

      แต่เพราะผีดิบจากไสยเวทของตนไม่สามารถสัมผัสคริสตัลพระโลหิตได้ มันจึงจำใจใช้งานพวกก็อบลินเหล่านี้เพื่อเก็บรวบวัตถุศักดิ์สิทธิ์

      กำลังของพวกก็อบลินยังเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อเป้าหมายของกูลู

      คิดได้ดังว่า มันจึงเตะก็อบลินบนพื้นก่อนจะถาม

      “ตัวอื่นไปไหน? ผ่านไปแค่คืนเดียว พวกเอ็งหายหัวไปไหนหมด?”

      มันนิ่งไปครู่หนึ่งเมื่อถูกกูลูถาม แต่จู่ ๆ มันก็นึกบางสิ่งบางอย่างขึ้นมาได้ พร้อมกับชี้มือชี้ไม้ด้วยท่าทางประหลาด พลางตะโกน แอ๊- แอ๊- แอ๊- ในแบบของมัน

      “ฮะ? เอ็งว่ามีมนุษย์ตัวเมียผ่านมาแถบนี้? แล้วไอ้พวกนั้นก็ตามกันไปจับ?”

      กูลูขมวดคิ้ว

      ก็อบลินพยักหน้ารัว ๆ

      กูลูหรี่ตาลงเล็กน้อยเมื่อได้รับการยืนยันจากมัน

      “มนุษย์ตัวเมีย … ?”

      เมืองมนุษย์ใกล้ที่สุดก็เป็นร้อย ๆ กิโลเมตร ขบวนสินค้าของมนุษย์ก็มาแค่หน้าร้อน … แล้วมนุษย์ตัวเมียจะมาจากไหน?

      ไอ้พวกนี้มันมันวิ่งบ้าตามตัวเมียไป!

      กูลูเหวี่ยงก็อบลินตนนั้นด้วยความโกรธ พร้อมกับย่างเท้าไปยังบริเวณชายขอบโบราณสถานโดยทันที

      ยิ่งมันเดินออกมานานแค่ไหน สีหน้าของมันยิ่งหมองหม่นลงตามลำดับ

      มันพบว่าจำนวนก็อบลินในโบราณสถานเหลือน้อยกว่าที่มันคิดไว้มาก

      “หายไปร่วมสองร้อยตัว …”

      กูลูขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

      ในขณะที่มันคิดหาวิธีลงโทษพวกก็อบลินหนีทัพอย่างสาสม ก็มีเสียงอึกทึกดังมาจากทางตะวันออกเฉียงใต้ของซากปรักหักพัง

      มันเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะรีบย่ำเท้าไปอย่างเงียบเชียบ …

      …

      บริเวณประตูฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของฟลอเรนซ์

      เดมาเซียในร่างจำแลงแสดงท่าทางยั่วยวนก็อบลินเช่นทุกที แต่ครั้งนี้เขาเลือกที่จะเดินเข้ามาในเขตโบราณสถานเพื่อล่อก็อบลินระดับสูง

      “มาเร็วพ่อหนุ่ม~”

      เดมาเซียลอบเยาะเย้ยอยู่ในใจเมื่อตนล่อฝูงก็อบลินออกมาได้โดยง่าย

      ทว่า สัญชาตญาณของเดมาเซียพลันสัมผัสถึงอันตรายบางอย่าง

      เขาหวั่นวิตก ราวกับถูกอสรพิษจับจ้อง …

      ประสาทสัทผัสของเอลฟ์มีความเฉียบแหลมเป็นอย่างสูง ร่างกายของเดมาเซียหันไปทางต้นตอของสาเหตุโดยที่ตนไม่ทันตั้งตัว และในวินาทีนั้น เดมาเซียพลันตกใจจนชาไปทั้งศีรษะเมื่อพบว่าตนกำลังเผชิญหน้ากับบางสิ่ง

      มันคือสายตาเย็นเยียบของก็อบลินตนหนึ่งใต้ชุดคลุมสีเข้มที่ยืนอยู่บนซากโบราณสถาน

      กูลู นักบวชชั้นสูง

      แม้เป้าหมายจะอยู่ห่างเป็นสิบ ๆ เมตร แต่เดมาเซียกลับสัมผัสได้ถึงความน่าขนลุกที่แผ่ออกมาอย่างต่อเนื่อง

      “ซวยไง … ตูล่อพลาด เจอบอสเต็ม ๆ!”

      เมื่อถูกสายตานั้นจับจ้อง เดมาเซียได้แต่อุทานออกมาพร้อมวิ่งกลับในทันที

      “ตูเผ่นล่ะ …”

      “มนุษย์ตัวเมีย …”

      กูลูหัวเราะด้วยท่าทีประหลาด

      เพียงมองปราดเดียวมันก็รับรู้ถึงความผิดปกติของมนุษย์ตรงหน้า คิดได้ว่าเป็นผลของเวทมนตร์แปลงกาย

      หรือจะเป็นพวกทหารรับจ้าง?

      มันเริ่มคาดเดา

      ทว่ามันไม่คิดจะปล่อยให้อีกฝ่ายหนีไปได้

      ก็อบลินหายไปตั้งสองร้อยกว่าตัว!

      ข้าจะจับเอ็งให้ได้!

      มันลอบแค้นอยู่ในใจ

      กูลูไม่สนว่าทหารรับจ้างกลุ่มใดจะอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ เพราะการที่มนุษย์คนนั้นไม่กล้าเผชิญหน้ากับมัน ย่อมหมายความว่ามนุษย์คนนั้นอ่อนแอกว่ามัน

      การที่มนุษย์เลือกที่จะสู้กับก็อบลินด้วยแผนการเช่นนี้ นั่นย่อมแสดงถึงความไม่มั่นใจของอีกฝั่ง!

      คิดได้ดังนั้น มันพลันเหวี่ยงไม้เท้ากระดูกของตน ก่อให้เกิดคลื่นพลังงานอันเย็นเยียบจากลูกแก้วบนไม้เท้า

      กระแสพลังงานลึกลับปะทุขึ้น พร้อมกับมือกระดูกผุดขึ้นมาจากผืนดินใกล้ ๆ กับเท้าของเดมาเซีย มันคว้าขาของเขาไว้ …

      ในเวลาเดียวกัน อีฟที่รับชมไลฟ์สตรีมของเหล่าผู้เล่นพลันตระหนก และเริ่มรู้สึกหวาดวิตกขึ้นมาช้า ๆ

เชิงอรรถท้ายตอน 31: 

ชื่อนักบวชก็อบลิน 咕噜 (gulu) –> เป็นชื่อเดียวกับ กอลลัม (จาก TLOR) ในเวอร์ชันจีน ทางผู้แปลเลือกใช้ กูลู (ชื่อตามเสียง) 

 _ .. _ .. _ .. _ .. _ .. _

      T/N: วันนี้น่าจะได้อีกตอนค่ะ

      ถ้าถูกใจโปรเจ็คนี้ ขอความอนุเคราะห์ในการซัพพอร์ทที่ผู้แต่งโดยตรง ตามลิงก์หน้าแรกนะคะ 

      Support the project: https://book.qidian.com/info/1016509432

_ .. _ .. _ .. _ .. _ .. _

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] Game of the World Tree 31 นักบวชระดับสูงเผ่าก็อบลิน

Now you are reading [นิยายแปล] Game of the World Tree Chapter 31 นักบวชระดับสูงเผ่าก็อบลิน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

      ภายในซากวิหารเก่าแก่ มีแท่นบูชาที่สลักไว้ด้วยสัญลักษณ์แห่งธรรมชาติและร่องรอยจารึกภาษาเอลฟ์บนแท่งศิลา สิ่งเหล่านี้ล้วนถูกทำลายด้วยอาวุธมีคม อีกทั้งยังมีรอยเลือดแปดเปื้อนประปรายมานานแสนนาน

      รูปบูชาของเทพธิดาถูกผู้บุกรุกสร้างความเสียหาย และนำรูปแกะสลักจากไม้ของเทพองค์หนึ่งมาไว้แทน รูปบูชานั้นมีลักษณะเป็นชายสวมเสื้อขนสัตว์ มือหนึ่งถือขวาน อีกมือถือคันศร

      มันคือ อูลร์ เทพแห่งเหมันตฤดูและการล่า

      ใต้รูปแกะสลักไม้ มีก็อบลินแก่หง่อมหลังค่อมตนนึงกำลังหมอบกราบบูชา

      ร่างของมันอยู่ใต้ชุดคลุมหลวมโพรกและหมวกปีกกว้างในสภาพหมองหม่น ที่ปล้นมาจากกองคาราวานของพวกมนุษย์ เบื้องหน้าของมันมีคริสตัลที่เปล่งประกายสีเขียวจาง ๆ ก้อนหนึ่ง

      “องค์พระบิดาแห่งเหมันต์และการล่า นี่คือคริสตัลพระโลหิตก้อนที่ 3 ของเดือนนี้ ข้าจะหาเพิ่มอีก 7 เพื่อให้ได้ครบจำนวนเครื่องสังเวยขั้นต่ำที่ 33 ก้อน … และข้าจะมอบเครื่องสังเวยเหล่านี้แด่ท่าน”

      ร่างของก็อบลินค่อย ๆ โค้งลง นัยน์ตาของมันขุ่นมัว มันมีริ้วรอยฝังลึกทั่วใบหน้าจากความชรา ท่าทีของมันดูเปี่ยมไปด้วยความเคารพนับถือในเทพของตน

      การจะส่งเครื่องเซ่นใด ๆ ข้ามภพย่อมใช้พลังงานจำนวนมากเนื่องจากอูลร์อาศัยอยู่ในแดนสวรรค์ มันจึงให้เหล่าก็อบลินรวบรวมเครื่องสังเวยจนถึงจำนวนหนึ่งเพื่อลดปริมาณพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ต้องใช้ โดยทั่วไปอูลร์จะทำเพียงสื่อสารอย่างเรียบง่ายกับเหล่าสาวกของมัน

      แสงสีทองอ่อน ๆ กระจายออกมากระทบร่างของก็อบลินชราเมื่อมันภาวนาจบลง มันรู้สึกได้ว่าร่างกายของตนมีความแข็งแกร่งมากขึ้น ราวกับอายุน้อยลงหลายปี

      “ขอสรรเสริญเทพแห่งเหมันต์และการล่า”

      มันค้อมหัวลงต่ำอย่างเปี่ยมสุข

      ก็อบลินชราค่อย ๆ ลุกขึ้นหลังจากที่การสวดภาวนาจบลง

      มันขยับหมวกปีกกว้างบนศีรษะ บรรจงหยิบไม้เท้ากระดูกที่ประดับไว้ด้วยลูกแก้วขนาดใหญ่ ถูเช็ดราวกับเป็นสมบัติแสนล้ำค่า ก่อนจะก้าวย่างออกจากวิหารด้วยความพึงพอใจ

      มันคือนักบวชก็อบลินเลเวล 11 ที่อยู่ในระดับเหล็กขั้นต้น นามว่า กูลู

      กูลูพึงพอใจที่จะเรียกตนเองว่านักบวชระดับสูง เนื่องจากมันเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโบราณสถานแห่งนี้ เหล่านักบวชก็อบลินอีกสามตนก็ไม่ผู้ใดสามารถเทียบเคียงพลังของมันได้

      ความแข็งแกร่งนี้ไม่ได้มาจากการเกื้อหนุนโดยอูลร์ แต่เพราะมันครอบครองไม้เท้าเวทมนตร์ที่ได้รับมาจากเหตุการณ์บางอย่างก่อนหน้านั้น

      นอกจากนี้ มันยังมีความชำนาญในด้านไสยเวทย์ผีดิบ!

      ด้วยเหตุนี้ มันจึงมีพลังที่เหนือกว่านักบวชก็อบลินเลเวล 11 ตนอื่น

      ทว่า ตัวมันถือได้ว่ามีความชราอย่างยิ่งยวด คงจะมีอายุขัยอีกไม่เกิน 3 ปี

      นับเป็นโชคที่อูลร์ได้ปรากฏตัวขึ้น และสัญญาว่าจะมอบชีวิตใหม่ให้แก่มัน แลกกับการเก็บรวบรวมหยาดคริสตัลพระโลหิตจำนวน 33 ก้อนภายในเวลา 1 ปี

      นับเป็นโชคของกูลู

      หยาดคริสตัลพระโลหิตของมหาพฤกษาได้กระจัดกระจายไปทั่วผืนป่าจากสงครามเมื่อพันปีก่อน และอูลร์เพิ่งจะมอบหมายงานค้นหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ให้เหล่าก็อบลินเมื่อเร็ว ๆ นี้

      มันจึงเป็นการง่ายที่จะรวบรวมคริสตัลให้ได้จำนวนหนึ่ง ตราบใดที่พวกมันพยายามค้นหา

      ด้วยน้ำพักน้ำแรงของเหล่าก็อบลิน กูลูเก็บรวบรวมคริสตัลพระโลหิตมาแล้วถึง 26 ก้อนภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือน

      “อำนาจคือทุกสิ่ง!”

      มันลูบไล้ไม้เท้ากระดูกอย่างคลั่งไคล้

      เมื่อมันเดินลงมาถึงเส้นทางสัญจรภายในเมืองฟลอเรนซ์ สายตาของมันกวาดมองไปทั่วบริเวณ ก่อนจะสะดุดตาเข้ากับกำแพงเมืองอันว่างเปล่า คิ้วของมันค่อย ๆ ขมวดเข้ามาหากันด้วยความฉงน

      “หายไปไหนกันวะ?”

      มันชำเลืองมองรอบ ๆ จนพบก็อบลินตนหนึ่งที่หลับอยู่

      กูลูคำรามต่ำ ๆ ในคอพร้อมเดินเข้าไปเตะมัน

      ก็อบลินตนนั้นคว้าเอาอาวุธใกล้มือและเตรียมสู้กลับด้วยความฉุนเฉียวเนื่องจากตนถูกปลุก แต่ท่าทีของมันพลันเปลี่ยนเมื่อพบว่าคู่กรณีคือใคร มันหมอบคลานลงกับพื้นพลางส่งเสียงประหลาดพร้อมพยายามเอาอกเอาใจกูลูสุดชีวิต …

      ความรู้สึกดูแคลนเจืออยู่ในแววตาของกูลู

      มันดูถูกสิ่งมีชีวิตโง่เขลา

      สำหรับกูลูแล้ว แม้ว่าพวกก็อบลินจะหน้าตาเหมือนมันทุกประการ ทว่ากูลูไม่นับตัวมันเองเป็นสายพันธุ์เดียวกับก็อบลินเหล่านี้

      ไอ้พวกก็อบลินทั้งอ่อนแอและพูดไม่เป็นภาษา!

      แต่เพราะผีดิบจากไสยเวทของตนไม่สามารถสัมผัสคริสตัลพระโลหิตได้ มันจึงจำใจใช้งานพวกก็อบลินเหล่านี้เพื่อเก็บรวบวัตถุศักดิ์สิทธิ์

      กำลังของพวกก็อบลินยังเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อเป้าหมายของกูลู

      คิดได้ดังว่า มันจึงเตะก็อบลินบนพื้นก่อนจะถาม

      “ตัวอื่นไปไหน? ผ่านไปแค่คืนเดียว พวกเอ็งหายหัวไปไหนหมด?”

      มันนิ่งไปครู่หนึ่งเมื่อถูกกูลูถาม แต่จู่ ๆ มันก็นึกบางสิ่งบางอย่างขึ้นมาได้ พร้อมกับชี้มือชี้ไม้ด้วยท่าทางประหลาด พลางตะโกน แอ๊- แอ๊- แอ๊- ในแบบของมัน

      “ฮะ? เอ็งว่ามีมนุษย์ตัวเมียผ่านมาแถบนี้? แล้วไอ้พวกนั้นก็ตามกันไปจับ?”

      กูลูขมวดคิ้ว

      ก็อบลินพยักหน้ารัว ๆ

      กูลูหรี่ตาลงเล็กน้อยเมื่อได้รับการยืนยันจากมัน

      “มนุษย์ตัวเมีย … ?”

      เมืองมนุษย์ใกล้ที่สุดก็เป็นร้อย ๆ กิโลเมตร ขบวนสินค้าของมนุษย์ก็มาแค่หน้าร้อน … แล้วมนุษย์ตัวเมียจะมาจากไหน?

      ไอ้พวกนี้มันมันวิ่งบ้าตามตัวเมียไป!

      กูลูเหวี่ยงก็อบลินตนนั้นด้วยความโกรธ พร้อมกับย่างเท้าไปยังบริเวณชายขอบโบราณสถานโดยทันที

      ยิ่งมันเดินออกมานานแค่ไหน สีหน้าของมันยิ่งหมองหม่นลงตามลำดับ

      มันพบว่าจำนวนก็อบลินในโบราณสถานเหลือน้อยกว่าที่มันคิดไว้มาก

      “หายไปร่วมสองร้อยตัว …”

      กูลูขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

      ในขณะที่มันคิดหาวิธีลงโทษพวกก็อบลินหนีทัพอย่างสาสม ก็มีเสียงอึกทึกดังมาจากทางตะวันออกเฉียงใต้ของซากปรักหักพัง

      มันเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะรีบย่ำเท้าไปอย่างเงียบเชียบ …

      …

      บริเวณประตูฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของฟลอเรนซ์

      เดมาเซียในร่างจำแลงแสดงท่าทางยั่วยวนก็อบลินเช่นทุกที แต่ครั้งนี้เขาเลือกที่จะเดินเข้ามาในเขตโบราณสถานเพื่อล่อก็อบลินระดับสูง

      “มาเร็วพ่อหนุ่ม~”

      เดมาเซียลอบเยาะเย้ยอยู่ในใจเมื่อตนล่อฝูงก็อบลินออกมาได้โดยง่าย

      ทว่า สัญชาตญาณของเดมาเซียพลันสัมผัสถึงอันตรายบางอย่าง

      เขาหวั่นวิตก ราวกับถูกอสรพิษจับจ้อง …

      ประสาทสัทผัสของเอลฟ์มีความเฉียบแหลมเป็นอย่างสูง ร่างกายของเดมาเซียหันไปทางต้นตอของสาเหตุโดยที่ตนไม่ทันตั้งตัว และในวินาทีนั้น เดมาเซียพลันตกใจจนชาไปทั้งศีรษะเมื่อพบว่าตนกำลังเผชิญหน้ากับบางสิ่ง

      มันคือสายตาเย็นเยียบของก็อบลินตนหนึ่งใต้ชุดคลุมสีเข้มที่ยืนอยู่บนซากโบราณสถาน

      กูลู นักบวชชั้นสูง

      แม้เป้าหมายจะอยู่ห่างเป็นสิบ ๆ เมตร แต่เดมาเซียกลับสัมผัสได้ถึงความน่าขนลุกที่แผ่ออกมาอย่างต่อเนื่อง

      “ซวยไง … ตูล่อพลาด เจอบอสเต็ม ๆ!”

      เมื่อถูกสายตานั้นจับจ้อง เดมาเซียได้แต่อุทานออกมาพร้อมวิ่งกลับในทันที

      “ตูเผ่นล่ะ …”

      “มนุษย์ตัวเมีย …”

      กูลูหัวเราะด้วยท่าทีประหลาด

      เพียงมองปราดเดียวมันก็รับรู้ถึงความผิดปกติของมนุษย์ตรงหน้า คิดได้ว่าเป็นผลของเวทมนตร์แปลงกาย

      หรือจะเป็นพวกทหารรับจ้าง?

      มันเริ่มคาดเดา

      ทว่ามันไม่คิดจะปล่อยให้อีกฝ่ายหนีไปได้

      ก็อบลินหายไปตั้งสองร้อยกว่าตัว!

      ข้าจะจับเอ็งให้ได้!

      มันลอบแค้นอยู่ในใจ

      กูลูไม่สนว่าทหารรับจ้างกลุ่มใดจะอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ เพราะการที่มนุษย์คนนั้นไม่กล้าเผชิญหน้ากับมัน ย่อมหมายความว่ามนุษย์คนนั้นอ่อนแอกว่ามัน

      การที่มนุษย์เลือกที่จะสู้กับก็อบลินด้วยแผนการเช่นนี้ นั่นย่อมแสดงถึงความไม่มั่นใจของอีกฝั่ง!

      คิดได้ดังนั้น มันพลันเหวี่ยงไม้เท้ากระดูกของตน ก่อให้เกิดคลื่นพลังงานอันเย็นเยียบจากลูกแก้วบนไม้เท้า

      กระแสพลังงานลึกลับปะทุขึ้น พร้อมกับมือกระดูกผุดขึ้นมาจากผืนดินใกล้ ๆ กับเท้าของเดมาเซีย มันคว้าขาของเขาไว้ …

      ในเวลาเดียวกัน อีฟที่รับชมไลฟ์สตรีมของเหล่าผู้เล่นพลันตระหนก และเริ่มรู้สึกหวาดวิตกขึ้นมาช้า ๆ

เชิงอรรถท้ายตอน 31: 

ชื่อนักบวชก็อบลิน 咕噜 (gulu) –> เป็นชื่อเดียวกับ กอลลัม (จาก TLOR) ในเวอร์ชันจีน ทางผู้แปลเลือกใช้ กูลู (ชื่อตามเสียง) 

 _ .. _ .. _ .. _ .. _ .. _

      T/N: วันนี้น่าจะได้อีกตอนค่ะ

      ถ้าถูกใจโปรเจ็คนี้ ขอความอนุเคราะห์ในการซัพพอร์ทที่ผู้แต่งโดยตรง ตามลิงก์หน้าแรกนะคะ 

      Support the project: https://book.qidian.com/info/1016509432

_ .. _ .. _ .. _ .. _ .. _

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+