[นิยายแปล] Game of the World Tree 79 จิตวิญญาณแห่งเผ่าพันธุ์

Now you are reading [นิยายแปล] Game of the World Tree Chapter 79 จิตวิญญาณแห่งเผ่าพันธุ์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

      เหล่าออร์คพยายามลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก สายตาที่แฝงไปด้วยความหวาดกลัวของพวกมันจับจ้องอัลผู้ซึ่งกำลังย่างเข้ามาพร้อมกับดาบในมือ …ด้วยสีหน้าซีดเซียวและริมฝีปากที่เม้มแน่น 

      และเป็นช่วงเวลานี้ ที่พวกมันพบว่าตัวเองได้รับความสามารถในการพูดกลับคืนมา

      ออร์คตัวที่อยู่ใกล้อัลที่สุดรีบชิงตะโกนขึ้นมาเป็นตัวแรก 

      “อย่าเข้ามา! อย่า! ข้าผิดไปแล้ว! พวกข้าจะออกไปจากป่าเอลฟ์ทันที!!”

      ร่องรอยของความลังเลพลันปรากฏบนใบหน้าของอัลอีกครั้ง 

      แต่เมื่อเขาหวนนึกถึงความยากลำบากที่เผ่าของตนต้องประสบ อารมณ์บนใบหน้าของเอลฟ์ตัวน้อยกลับกลายเป็นความเย็นชา

      “พวกเจ้าทำผิด ซ้ำแล้วซ้ำเล่า…”

      เมื่อกล่าวจบ อัลเขย่งขึ้นสุดตัว พร้อมกระซวกดาบในมือขึ้นไปแทงทะลุอกออร์คตัวนั้นทันที

      “…สายเกินไปแล้ว”

      ในวินาทีที่ใบดาบพุ่งทะลุอกของออร์ค มันกรีดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด ร่างของมันพลันกระตุก แห้งเหี่ยว จนกลายเป็นละอองเถ้าปลิวไปตามสายลม…

      พลียุทธ!

      ในยามที่เทพธิดาได้มอบสัญลักษณ์แห่งธรรมชาติให้กับอัล ทักษะเฉพาะตัวของดรูอิดก็ได้กลายมาเป็นทักษะติดตัวของเขาด้วยเช่นกัน

      เหล่าออร์คพากันหน้าถอดสีเมื่อได้เห็นชะตากรรมของเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ตรงหน้า 

      หินดำจ้องมองเอลฟ์ตัวน้อยด้วยความไม่อยากเชื่อสายตา ราวกับคลื่นแห่งความตื่นตะลึงลูกใหญ่ได้ถาโถมเข้ามาในหัวใจของมัน 

      “เปลี่ยนไป… พวกมันเปลี่ยนไปแล้ว…”

      เมื่อได้สังหารออร์คเป็นครั้งแรก อัลก้มลงมองมือเปื้อนเลือดของตน ใบหน้าของเขาทวีความเด็ดเดี่ยวขึ้นตามลำดับ

      อัลก้มลงมองมือที่เปื้อนเลือดจากการปลิดชีวิตออร์คของตน ใบหน้าของเขาทวีความเด็ดเดี่ยวขึ้นตามลำดับ

      “หากทางรอดของพวกเราเหลือเพียงสงครามและการหลั่งเลือด… ก็ขอให้มันเริ่มที่ผม!”

      บุตรแห่งเทพสาวเท้าไปหาออร์คอีกตัว…

      โลหิตสีชาดสาดกระเซ็นเปรอะใบหน้าอันซีดเซียวของอัล ประกอบกับเส้นผมสีเงินและนัยน์ตาสีน้ำเงินเข้ม ยิ่งทำให้ทุกการกระทำของเขาดูหนักแน่นและเย็นชายิ่งขึ้น

      บร๊ะ! ไอ้หนูโคตรหล่อ! อัลม่อนพัฒนาร่าง!

      เดมาเซียจ้องมองแผ่นหลังของอัล พลางอ้าปากค้างด้วยความตื่นตะลึง

      โชตะหล่อโคตรคูลโคตรเท่แบบนี้ ทีมแม่ยกได้ตามกรี้ดเป็นพรวนแน่นอน!

      แล้วถ้าตูจำไม่ผิด ไอ้พวกคนในบอร์ดนี่แบบ โชตะค่อนตัวแม่…

      หางตาของเขาชำเลืองไปทางเหล่าผู้เล่นหญิงที่ยังรอดชีวิตอยู่ พบว่าสุภาพสตรีหลายรายต่างมีแววตาเป็นประกายระยิบระยับราวกับหมู่ดาวบนท้องฟ้ายามราตรี 

      “…”

      “อา… ยุคสมัยของคนหล่อ…”

      เอลฟ์หนุ่มเงยหน้า 45 องศาไม่ขาดไม่เกิน มองท้องฟ้า พลางส่ายศีรษะอย่างเศร้าสร้อย 

      แต่ในไม่ช้า เดมาเซียพลันนึกถึงบางสิ่ง เขาปราดตามองอัลด้วยความรู้สึกปวดร้าวไปทั้งหัวใจ

      “เห้ย! ไอ้พวกนั้นมันแต้มผลงานกับค่าประสบการณ์ทั้งนั้นนี่หว่า!”

      “อัล—! เหลือออร์คไว้ให้โอนี่จังด้วย—!!”

      เดมาเซียรีบลุกขึ้น เตรียมจะคว้าดาบโค้งเพื่อกระโจนเข้าต่อสู้ แต่กลับต้องยืนนิ่งด้วยความแปลกใจที่ร่างกายของตนไม่ตอบสนองต่อคำสั่ง…

      เดมาเซีย: “…”

      “นวัตกรรมคัตซีนหมา ๆ มันเล่นตูอีกแล้ว!!”

      เอลฟ์หนุ่มสบถพลางทิ้งตัวลงนั่งที่เดิม

      ผู้เล่นคนอื่น ๆ ต่างรับรู้ถึงสิ่งนี้เช่นกัน

      พวกเขาถูกจำกัดการเคลื่อนไหว ทำได้เพียงเฝ้ามองอัลสังหารออร์คที่ไร้ทางสู้ไปทีละตัว

      เทพธิดายังคงยืนอยู่ด้านหลังอัล พลางจ้องมองการกระทำของเขาอย่างเงียบงัน

      …

      เอลฟ์ไร้เดียงสาเกินไป

      เพื่ออนาคตของเผ่าพันธุ์ บรรดาเอลฟ์จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงและปรับตัว!

      ในดินแดนซากัส การเผชิญหน้าระหว่างเผ่าพันธุ์และความเชื่อที่แตกต่างนั้นเป็นเรื่องโหดร้าย และไม่มีที่ว่างให้กับความเมตตา 

      หากเอลฟ์ต้องการจะกลับสู่ยุคแห่งความรุ่งโรจน์อีกครั้งท่ามกลางขวากหนามในดินแดนซากัส ลำพังแค่การสนับสนุนจากอีฟย่อมไม่พอแน่นอน พวกเขาจำเป็นต้องผ่านบทเรียนอันแสนสาหัส เพื่อหล่อหลอมจิตวิญญาณแห่งเผ่าพันธุ์ขึ้นมาใหม่!

      การปรากฏตัวของผู้เล่น ถือเป็นโอกาสอันดีที่จะทำให้สิ่งเหล่านี้เป็นจริงขึ้นมาได้

      และการปรากฏตัวของอัล ก็ถือเป็นโอกาสที่ดีเช่นกัน

      อีฟตั้งใจจะกำหนดแนวคิดของปวงเอลฟ์ขึ้นมาใหม่ โดยให้อัลเป็นจุดเริ่มต้น 

      สันติภาพไม่ได้หมายถึงความอ่อนแอ และความเมตตาก็ไม่ได้หมายถึงการยอมล่าถอย!

      ในการเผชิญหน้ากับเหล่าศัตรูที่แสนดุร้าย พวกเราต้องแสดงเขี้ยวเล็บที่มี!

      …

      เมื่อเห็นอัลที่กำลังก้าวเข้ามา รูม่านตาของหินดำก็หดเล็กลงโดยพลัน

      สีหน้าของมันเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวขู่

      “คิดให้ดีไอ้หนู ข้ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขององค์พระบิดาอยู่กับตัว แถมข้ายังเคยเป็นผู้พิทักษ์ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ หากเจ้าสังหารข้า พระบิดาท่านย่อมรับรู้แน่นอน!”

      อัลหยุดนิ่งเมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย

      หินดำลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นความนิ่งของอีกฝั่ง

      “ข้าขอสาบานด้วยวิญญาณของข้า ว่าถ้าเจ้าปล่อยข้าไป ความลับนี้จะไม่มีวันถูกแพร่งพราย ข้าจะไม่กลับมาเป็นศัตรูกับเอลฟ์ …และท่านเทพ …ตลอดชีวิต”

      ในช่วงครึ่งหลังของประโยค หินดำหันไปทางเทพธิดา พลางค้อมศีรษะลงเล็กน้อยด้วยท่าทีเคารพและยอมจำนน

      มันไม่กล้าจ้องมองตัวตนอันสูงส่งที่อยู่เบื้องหน้าโดยตรง คำพูดของมันแฝงด้วยไปด้วยนัยของการวิงวอน

      เทพธิดาไม่กล่าวสิ่งใด

      เช่นเดียวกับอัล

      เอลฟ์ตัวน้อยชำเลืองกลับมามองพระมารดาแห่งธรรมชาติ ผู้ที่คลี่ยิ้มเล็กน้อยให้กับเขา

      เป็นรอยยิ้มที่งดงามดั่งฤดูใบไม้ผลิ ทำให้หัวใจของอัลเปี่ยมไปด้วยความอบอุ่น 

      ราวกับจะบอกให้เขาทำทุกสิ่งตามใจของตน โดยไม่ต้องกังวลในสิ่งใด

      หลังจากนั้น อีฟชำเลืองมาทางหินดำอย่างเฉยเมย

      กล้าบอกว่าตัวเองมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์? กล้าบอกว่าเทพจะมาใส่ใจ?? ทั้ง ๆ ที่ตัวมันเป็นแค่นักรบออร์คระดับเงินเนี่ยนะ??

      แถมเธอใช้ร่างจุติลงมา ถ้าไม่กวาดล้างศัตรูให้สิ้น ก็จะเป็นการสร้างความเสื่อมเสียต่อเกียรติยศของเทพโบราณ!

      การรับรู้ของเทพธิดานั้นเฉียบคมอย่างยิ่ง

      ในลางสังหรณ์ของเธอ การสังหารหินดำจะไม่นำมาสู่อันตรายร้ายแรงใด ๆ แม้อาจทำให้เกิดสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดบางประการ

      ยิ่งพลังของเธอฟื้นคืนมามากเท่าไร ลางสังหรณ์ของเธอก็แม่นยำมากขึ้นเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นเรื่องเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตทั่วไป…

      …

      สายตาปลอบประโลมของเทพธิดา ทำให้ความมุ่งมั่นของอัลเพิ่มพูนขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง

      เขาหยิบดาบออกมา ทิ่มแทงเข้าไปกลางอกของหินดำ ภายใต้สายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวของมัน

      “ข้าขอสาบานด้วยวิญญาณของข้า ว่าถ้าเจ้าปล่อยข้าไป ความลับนี้จะไม่มีวันถูกแพร่งพราย ข้าจะไม่กลับมาเป็นศัตรูกับเอลฟ์ …และท่านเทพ …ตลอดชีวิต”

      “เสียใจด้วย… มันจะไม่มีครั้งหน้าแล้วล่ะ”

      หินดำคำรามอย่างน่าเวทนา ร่างของมันเสื่อมสภาพลงอย่างรวดเร็ว มันพยายามเพ่งสายตาไปทางเทพธิดา เบิกตากว้างเท่าที่ร่างกายของมันจะอำนวย และเปล่งเสียงตะโกนด้วยความเคียดแค้น พร้อม ๆ กับเลือดที่ไหลออกจากดวงตาเป็นสาย

      “องค์พระบิดา… จะไม่มีวันปล่อยเจ้าไป! เด็ดขาด… อย่างเด็ดขาด!”

      “หึ…”

      อีฟส่งเสียงด้วยความไม่พอใจเบา ๆ 

      ร่างของหินดำแข็งทื่อทันทีที่มันได้ยินเสียงนั้น ก่อนจะพังทลายลง กลายเป็นเพียงละอองเถ้า…

      ออร์คทั้งหมดได้ถูกกำจัดลง

      เทพธิดาขยับมือเล็กน้อย ชิ้นส่วนกระดูกที่เคยอยู่กับหินดำพลันลอยขึ้นมาจากผืนดิน เข้ามาสู่ฝ่ามือของเธอ 

      ป่าในเวลานี้มีเพียงความเงียบสงัด

      เหล่าผู้เล่นล้วนมุ่งความสนใจไปยังร่างที่เปล่งประกายแสงศักดิ์สิทธิ์

      พวกเขาต่างกลั้นหายใจด้วยความทึ่ง…

      อีฟกวาดสายตาไปรอบ ๆ อีกครั้ง พลางยิ้มให้กับผู้เล่นทุกคน

      ภายใต้รอยยิ้มชวนฝันอันน่าหลงไหล ผู้เล่นที่มองไปยังเทพธิดาต่างสัมผัสได้ถึงความใกล้ชิดและความเคารพยำเกรงต่อเธอ และค้อมศีรษะลงโดยไม่ได้ตั้งใจ…

      ร่างของเทพธิดาเปล่งแสงออกมา ก่อนจะค่อย ๆ จางหายไปโดยสมบูรณ์…

      ปุกิ๊ง–

      [ภารกิจ: กลุ่มออร์คนักล่า เสร็จสมบูรณ์]

      [ผู้เล่นทุกท่านที่เข้าร่วมในภารกิจ จะได้รับรางวัลเป็นค่าประสบการณ์ แต้มผลงาน และจำนวนครั้งการคืนชีพสมบูรณ์ ตามผลงานที่ทำได้]

      ปุกิ๊ง–

      [ผู้เล่นทุกท่านที่เข้าร่วมในภารกิจ ได้รับพร จากเทพธิดา – “ผู้ถูกเลือก”]

      [ผู้ถูกเลือก: เพิ่มค่าประสบการณ์ที่ได้ 50% เป็นเวลา 7 วันภายในเกม]

      เหล่าผู้เล่นต่างเงียบอยู่อึดใจหนึ่ง ก่อนจะพากันส่งเสียงเฮลั่นป่า

      …

      …

 _ .. _ .. _ .. _ .. _ .. _

      T/N: โชตะเท่ โชตะคูล จากนี้น่าจะเป็นจุดเปลี่ยนของเอลฟ์ล่ะค่ะ

      ชอบความอ่อนโยนของอีฟที่มีต่ออัล 

      ละดูที่โปรยยิ้มใส่ผู้เล่นสิ… ?

     ปล. ช่วงเวลาฟาร์มค่า โบนัสเปอร์ 50% มาแล้ว–-

      อ่านแปลไทยได้ที่ https://www.nekopost.net/novel/12413/ ค่ะ ถ้าถูกใจโปรเจ็คนี้ ขอความอนุเคราะห์ในการซัพพอร์ทที่ผู้แต่งโดยตรง ตามลิงก์หน้าแรกนะคะ 

      Support the project: https://book.qidian.com/info/1016509432 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] Game of the World Tree 79 จิตวิญญาณแห่งเผ่าพันธุ์

Now you are reading [นิยายแปล] Game of the World Tree Chapter 79 จิตวิญญาณแห่งเผ่าพันธุ์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

      เหล่าออร์คพยายามลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก สายตาที่แฝงไปด้วยความหวาดกลัวของพวกมันจับจ้องอัลผู้ซึ่งกำลังย่างเข้ามาพร้อมกับดาบในมือ …ด้วยสีหน้าซีดเซียวและริมฝีปากที่เม้มแน่น 

      และเป็นช่วงเวลานี้ ที่พวกมันพบว่าตัวเองได้รับความสามารถในการพูดกลับคืนมา

      ออร์คตัวที่อยู่ใกล้อัลที่สุดรีบชิงตะโกนขึ้นมาเป็นตัวแรก 

      “อย่าเข้ามา! อย่า! ข้าผิดไปแล้ว! พวกข้าจะออกไปจากป่าเอลฟ์ทันที!!”

      ร่องรอยของความลังเลพลันปรากฏบนใบหน้าของอัลอีกครั้ง 

      แต่เมื่อเขาหวนนึกถึงความยากลำบากที่เผ่าของตนต้องประสบ อารมณ์บนใบหน้าของเอลฟ์ตัวน้อยกลับกลายเป็นความเย็นชา

      “พวกเจ้าทำผิด ซ้ำแล้วซ้ำเล่า…”

      เมื่อกล่าวจบ อัลเขย่งขึ้นสุดตัว พร้อมกระซวกดาบในมือขึ้นไปแทงทะลุอกออร์คตัวนั้นทันที

      “…สายเกินไปแล้ว”

      ในวินาทีที่ใบดาบพุ่งทะลุอกของออร์ค มันกรีดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด ร่างของมันพลันกระตุก แห้งเหี่ยว จนกลายเป็นละอองเถ้าปลิวไปตามสายลม…

      พลียุทธ!

      ในยามที่เทพธิดาได้มอบสัญลักษณ์แห่งธรรมชาติให้กับอัล ทักษะเฉพาะตัวของดรูอิดก็ได้กลายมาเป็นทักษะติดตัวของเขาด้วยเช่นกัน

      เหล่าออร์คพากันหน้าถอดสีเมื่อได้เห็นชะตากรรมของเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ตรงหน้า 

      หินดำจ้องมองเอลฟ์ตัวน้อยด้วยความไม่อยากเชื่อสายตา ราวกับคลื่นแห่งความตื่นตะลึงลูกใหญ่ได้ถาโถมเข้ามาในหัวใจของมัน 

      “เปลี่ยนไป… พวกมันเปลี่ยนไปแล้ว…”

      เมื่อได้สังหารออร์คเป็นครั้งแรก อัลก้มลงมองมือเปื้อนเลือดของตน ใบหน้าของเขาทวีความเด็ดเดี่ยวขึ้นตามลำดับ

      อัลก้มลงมองมือที่เปื้อนเลือดจากการปลิดชีวิตออร์คของตน ใบหน้าของเขาทวีความเด็ดเดี่ยวขึ้นตามลำดับ

      “หากทางรอดของพวกเราเหลือเพียงสงครามและการหลั่งเลือด… ก็ขอให้มันเริ่มที่ผม!”

      บุตรแห่งเทพสาวเท้าไปหาออร์คอีกตัว…

      โลหิตสีชาดสาดกระเซ็นเปรอะใบหน้าอันซีดเซียวของอัล ประกอบกับเส้นผมสีเงินและนัยน์ตาสีน้ำเงินเข้ม ยิ่งทำให้ทุกการกระทำของเขาดูหนักแน่นและเย็นชายิ่งขึ้น

      บร๊ะ! ไอ้หนูโคตรหล่อ! อัลม่อนพัฒนาร่าง!

      เดมาเซียจ้องมองแผ่นหลังของอัล พลางอ้าปากค้างด้วยความตื่นตะลึง

      โชตะหล่อโคตรคูลโคตรเท่แบบนี้ ทีมแม่ยกได้ตามกรี้ดเป็นพรวนแน่นอน!

      แล้วถ้าตูจำไม่ผิด ไอ้พวกคนในบอร์ดนี่แบบ โชตะค่อนตัวแม่…

      หางตาของเขาชำเลืองไปทางเหล่าผู้เล่นหญิงที่ยังรอดชีวิตอยู่ พบว่าสุภาพสตรีหลายรายต่างมีแววตาเป็นประกายระยิบระยับราวกับหมู่ดาวบนท้องฟ้ายามราตรี 

      “…”

      “อา… ยุคสมัยของคนหล่อ…”

      เอลฟ์หนุ่มเงยหน้า 45 องศาไม่ขาดไม่เกิน มองท้องฟ้า พลางส่ายศีรษะอย่างเศร้าสร้อย 

      แต่ในไม่ช้า เดมาเซียพลันนึกถึงบางสิ่ง เขาปราดตามองอัลด้วยความรู้สึกปวดร้าวไปทั้งหัวใจ

      “เห้ย! ไอ้พวกนั้นมันแต้มผลงานกับค่าประสบการณ์ทั้งนั้นนี่หว่า!”

      “อัล—! เหลือออร์คไว้ให้โอนี่จังด้วย—!!”

      เดมาเซียรีบลุกขึ้น เตรียมจะคว้าดาบโค้งเพื่อกระโจนเข้าต่อสู้ แต่กลับต้องยืนนิ่งด้วยความแปลกใจที่ร่างกายของตนไม่ตอบสนองต่อคำสั่ง…

      เดมาเซีย: “…”

      “นวัตกรรมคัตซีนหมา ๆ มันเล่นตูอีกแล้ว!!”

      เอลฟ์หนุ่มสบถพลางทิ้งตัวลงนั่งที่เดิม

      ผู้เล่นคนอื่น ๆ ต่างรับรู้ถึงสิ่งนี้เช่นกัน

      พวกเขาถูกจำกัดการเคลื่อนไหว ทำได้เพียงเฝ้ามองอัลสังหารออร์คที่ไร้ทางสู้ไปทีละตัว

      เทพธิดายังคงยืนอยู่ด้านหลังอัล พลางจ้องมองการกระทำของเขาอย่างเงียบงัน

      …

      เอลฟ์ไร้เดียงสาเกินไป

      เพื่ออนาคตของเผ่าพันธุ์ บรรดาเอลฟ์จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงและปรับตัว!

      ในดินแดนซากัส การเผชิญหน้าระหว่างเผ่าพันธุ์และความเชื่อที่แตกต่างนั้นเป็นเรื่องโหดร้าย และไม่มีที่ว่างให้กับความเมตตา 

      หากเอลฟ์ต้องการจะกลับสู่ยุคแห่งความรุ่งโรจน์อีกครั้งท่ามกลางขวากหนามในดินแดนซากัส ลำพังแค่การสนับสนุนจากอีฟย่อมไม่พอแน่นอน พวกเขาจำเป็นต้องผ่านบทเรียนอันแสนสาหัส เพื่อหล่อหลอมจิตวิญญาณแห่งเผ่าพันธุ์ขึ้นมาใหม่!

      การปรากฏตัวของผู้เล่น ถือเป็นโอกาสอันดีที่จะทำให้สิ่งเหล่านี้เป็นจริงขึ้นมาได้

      และการปรากฏตัวของอัล ก็ถือเป็นโอกาสที่ดีเช่นกัน

      อีฟตั้งใจจะกำหนดแนวคิดของปวงเอลฟ์ขึ้นมาใหม่ โดยให้อัลเป็นจุดเริ่มต้น 

      สันติภาพไม่ได้หมายถึงความอ่อนแอ และความเมตตาก็ไม่ได้หมายถึงการยอมล่าถอย!

      ในการเผชิญหน้ากับเหล่าศัตรูที่แสนดุร้าย พวกเราต้องแสดงเขี้ยวเล็บที่มี!

      …

      เมื่อเห็นอัลที่กำลังก้าวเข้ามา รูม่านตาของหินดำก็หดเล็กลงโดยพลัน

      สีหน้าของมันเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวขู่

      “คิดให้ดีไอ้หนู ข้ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขององค์พระบิดาอยู่กับตัว แถมข้ายังเคยเป็นผู้พิทักษ์ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ หากเจ้าสังหารข้า พระบิดาท่านย่อมรับรู้แน่นอน!”

      อัลหยุดนิ่งเมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย

      หินดำลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นความนิ่งของอีกฝั่ง

      “ข้าขอสาบานด้วยวิญญาณของข้า ว่าถ้าเจ้าปล่อยข้าไป ความลับนี้จะไม่มีวันถูกแพร่งพราย ข้าจะไม่กลับมาเป็นศัตรูกับเอลฟ์ …และท่านเทพ …ตลอดชีวิต”

      ในช่วงครึ่งหลังของประโยค หินดำหันไปทางเทพธิดา พลางค้อมศีรษะลงเล็กน้อยด้วยท่าทีเคารพและยอมจำนน

      มันไม่กล้าจ้องมองตัวตนอันสูงส่งที่อยู่เบื้องหน้าโดยตรง คำพูดของมันแฝงด้วยไปด้วยนัยของการวิงวอน

      เทพธิดาไม่กล่าวสิ่งใด

      เช่นเดียวกับอัล

      เอลฟ์ตัวน้อยชำเลืองกลับมามองพระมารดาแห่งธรรมชาติ ผู้ที่คลี่ยิ้มเล็กน้อยให้กับเขา

      เป็นรอยยิ้มที่งดงามดั่งฤดูใบไม้ผลิ ทำให้หัวใจของอัลเปี่ยมไปด้วยความอบอุ่น 

      ราวกับจะบอกให้เขาทำทุกสิ่งตามใจของตน โดยไม่ต้องกังวลในสิ่งใด

      หลังจากนั้น อีฟชำเลืองมาทางหินดำอย่างเฉยเมย

      กล้าบอกว่าตัวเองมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์? กล้าบอกว่าเทพจะมาใส่ใจ?? ทั้ง ๆ ที่ตัวมันเป็นแค่นักรบออร์คระดับเงินเนี่ยนะ??

      แถมเธอใช้ร่างจุติลงมา ถ้าไม่กวาดล้างศัตรูให้สิ้น ก็จะเป็นการสร้างความเสื่อมเสียต่อเกียรติยศของเทพโบราณ!

      การรับรู้ของเทพธิดานั้นเฉียบคมอย่างยิ่ง

      ในลางสังหรณ์ของเธอ การสังหารหินดำจะไม่นำมาสู่อันตรายร้ายแรงใด ๆ แม้อาจทำให้เกิดสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดบางประการ

      ยิ่งพลังของเธอฟื้นคืนมามากเท่าไร ลางสังหรณ์ของเธอก็แม่นยำมากขึ้นเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นเรื่องเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตทั่วไป…

      …

      สายตาปลอบประโลมของเทพธิดา ทำให้ความมุ่งมั่นของอัลเพิ่มพูนขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง

      เขาหยิบดาบออกมา ทิ่มแทงเข้าไปกลางอกของหินดำ ภายใต้สายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวของมัน

      “ข้าขอสาบานด้วยวิญญาณของข้า ว่าถ้าเจ้าปล่อยข้าไป ความลับนี้จะไม่มีวันถูกแพร่งพราย ข้าจะไม่กลับมาเป็นศัตรูกับเอลฟ์ …และท่านเทพ …ตลอดชีวิต”

      “เสียใจด้วย… มันจะไม่มีครั้งหน้าแล้วล่ะ”

      หินดำคำรามอย่างน่าเวทนา ร่างของมันเสื่อมสภาพลงอย่างรวดเร็ว มันพยายามเพ่งสายตาไปทางเทพธิดา เบิกตากว้างเท่าที่ร่างกายของมันจะอำนวย และเปล่งเสียงตะโกนด้วยความเคียดแค้น พร้อม ๆ กับเลือดที่ไหลออกจากดวงตาเป็นสาย

      “องค์พระบิดา… จะไม่มีวันปล่อยเจ้าไป! เด็ดขาด… อย่างเด็ดขาด!”

      “หึ…”

      อีฟส่งเสียงด้วยความไม่พอใจเบา ๆ 

      ร่างของหินดำแข็งทื่อทันทีที่มันได้ยินเสียงนั้น ก่อนจะพังทลายลง กลายเป็นเพียงละอองเถ้า…

      ออร์คทั้งหมดได้ถูกกำจัดลง

      เทพธิดาขยับมือเล็กน้อย ชิ้นส่วนกระดูกที่เคยอยู่กับหินดำพลันลอยขึ้นมาจากผืนดิน เข้ามาสู่ฝ่ามือของเธอ 

      ป่าในเวลานี้มีเพียงความเงียบสงัด

      เหล่าผู้เล่นล้วนมุ่งความสนใจไปยังร่างที่เปล่งประกายแสงศักดิ์สิทธิ์

      พวกเขาต่างกลั้นหายใจด้วยความทึ่ง…

      อีฟกวาดสายตาไปรอบ ๆ อีกครั้ง พลางยิ้มให้กับผู้เล่นทุกคน

      ภายใต้รอยยิ้มชวนฝันอันน่าหลงไหล ผู้เล่นที่มองไปยังเทพธิดาต่างสัมผัสได้ถึงความใกล้ชิดและความเคารพยำเกรงต่อเธอ และค้อมศีรษะลงโดยไม่ได้ตั้งใจ…

      ร่างของเทพธิดาเปล่งแสงออกมา ก่อนจะค่อย ๆ จางหายไปโดยสมบูรณ์…

      ปุกิ๊ง–

      [ภารกิจ: กลุ่มออร์คนักล่า เสร็จสมบูรณ์]

      [ผู้เล่นทุกท่านที่เข้าร่วมในภารกิจ จะได้รับรางวัลเป็นค่าประสบการณ์ แต้มผลงาน และจำนวนครั้งการคืนชีพสมบูรณ์ ตามผลงานที่ทำได้]

      ปุกิ๊ง–

      [ผู้เล่นทุกท่านที่เข้าร่วมในภารกิจ ได้รับพร จากเทพธิดา – “ผู้ถูกเลือก”]

      [ผู้ถูกเลือก: เพิ่มค่าประสบการณ์ที่ได้ 50% เป็นเวลา 7 วันภายในเกม]

      เหล่าผู้เล่นต่างเงียบอยู่อึดใจหนึ่ง ก่อนจะพากันส่งเสียงเฮลั่นป่า

      …

      …

 _ .. _ .. _ .. _ .. _ .. _

      T/N: โชตะเท่ โชตะคูล จากนี้น่าจะเป็นจุดเปลี่ยนของเอลฟ์ล่ะค่ะ

      ชอบความอ่อนโยนของอีฟที่มีต่ออัล 

      ละดูที่โปรยยิ้มใส่ผู้เล่นสิ… ?

     ปล. ช่วงเวลาฟาร์มค่า โบนัสเปอร์ 50% มาแล้ว–-

      อ่านแปลไทยได้ที่ https://www.nekopost.net/novel/12413/ ค่ะ ถ้าถูกใจโปรเจ็คนี้ ขอความอนุเคราะห์ในการซัพพอร์ทที่ผู้แต่งโดยตรง ตามลิงก์หน้าแรกนะคะ 

      Support the project: https://book.qidian.com/info/1016509432 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+