[นิยายแปล] Game of the World Tree 53 นายเป็นพวกไร้เพื่อนใช่ไหม?

Now you are reading [นิยายแปล] Game of the World Tree Chapter 53 นายเป็นพวกไร้เพื่อนใช่ไหม? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

      บรรดาผู้เล่นในรอบทดสอบได้ก่อตั้งกิลด์ขึ้นมา 3 กิลด์ 

      กิลด์แรกถูกสร้างโดยหลี่มู่และเดมาเซีย มีชื่อว่า หัวใจแห่งธรรมชาติ เป็นกิลด์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดด้วยจำนวนสมาชิกกว่า 180 คน

      หลี่มู่ผู้เป็นหัวหน้ากิลด์ หัวใจแห่งธรรมชาติ ไม่ได้กำหนดข้อบังคับใด ๆ ให้สมาชิก กิลด์นี้จึงมีอิสระในระดับสูง

      กิลด์ที่สองถูกสร้างโดยนกกาเหว่าและลูกเมี้ยวเค็ม มีชื่อว่า คณะกรรมการโมเอะโมโอะ โดยมีลูกเมี้ยวเค็มนั่งเก้าอี้ประธานกรรมการ สมาชิกกว่าครึ่งล้วนเป็นผู้เล่นหญิง มีจำนวนสมาชิกทั้งหมดมากกว่า 50 คน โดยกิลด์นี้มุ่งเน้นในด้านการเล่นที่ผ่อนคลายและการใช้ชีวิตภายในเกม 

      พวกเขาคือกำลังสำคัญในการสร้างเมือง

      กิลด์สุดท้ายคือ กองพันที่หนึ่ง ที่สร้างโดยมะเขือเทศผัด ซึ่งมีสมาชิกกว่า 40 คน มีเป้าหมายเป็นการฝึกฝนทักษะผ่านการต่อสู้ ซึ่งทุกคนต่างมีใจรักในการผจญภัย สมาชิกทั้งหมดจึงเป็นผู้เล่นที่มีความจริงจังในการเล่นเป็นอย่างมาก 

      แม้ว่าอีฟจะไม่ชอบมะเขือเทศผัด แต่เขาได้พัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่องหลังได้รับการตักเตือนครั้งล่าสุด

      แถมมะเขือเทศผัดยังทุ่มเทกับการ เล่นเกม เขาประพฤติตนด้วยความเคารพต่อบรรดา NPC สมาชิกปาร์ตี้ของเขาต่างขยันขันแข็งเป็นอย่างมาก พวกเขาจึงเป็นแรงงานชั้นยอดของเทพธิดา

      ในฐานะมารดาแห่งสรรพสิ่งผู้ยิ่งใหญ่ เค้าจะมองข้ามเรื่องพวกนี้ไปก่อนเพื่อรอดูการพัฒนาในอนาคตค่ะ

      แม้หลี่มู่จะเป็นผู้เล่นที่มากด้วยความสามารถ แต่อีฟคิดว่าหลี่มู่มักจะทำตัวเอื่อยเฉื่อยเกินไป เทพธิดาจึงประทานคู่แข่งมาเพื่อช่วยกระตุ้นศักยภาพของหลี่มู่

      นอกจากนี้ ผู้เล่นบางคนก็เลือกที่จะไม่เข้าร่วมกิลด์ใด ๆ เช่น ผู้เล่นที่มีชื่อเสียงที่สุด ยอดฝีมืออันดับหนึ่งของเซิฟเวอร์ – ข้าวกล่อง

      ชายผู้เงียบขรึมผู้นี้มักจะพาเพื่อนร่วมทีมจำนวนหนึ่งออกผจญภัยไม่เว้นวัน ทำให้ค่าประสบการณ์ของเขาพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ผู้เล่นทั้งหมดล้วนมองข้าวกล่องเป็นพี่ใหญ่ 

      …

      แม้แต่หลี่มู่ก็ประทับใจในตัวข้าวกล่อง

      แต่ประทับใจก็ส่วนประทับใจ ในเวลานี้หลี่มู่เริ่มเกิดความกังวลว่าเมื่อไรจะค้นพบของมีค่าในซากปรักหักพังแห่งนี้ โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับสิ่งที่จะได้จากการล่าสัตว์อสูร

      หลี่มู่ชำเลืองมองเวลาในหน้าต่างระบบอยู่ครู่หนึ่งพลางไตร่ตรองบางสิ่ง ก่อนจะกล่าวกับเดมาเซีย

      “เราจะสำรวจอีกชั่วโมงนึง ถ้ายังไม่พบอะไรก็กลับกันเถอะ”

      “กลับเรอะ? แจ่ม!”

      เดมาเซียคลี่ยิ้มโดยพลัน 

      “ฮ่าฮ่า ชั้นได้ยินว่าคืนนี้จะมีปาร์ตี้รอบกองไฟที่ฟลอเรนซ์ ถ้ากลับไปเร็วพอก็ทันอยู่!”

      เหล่าผู้เล่นต่างคุ้นชินกับการจัดงานปาร์ตี้รอบกองไฟ นับตั้งแต่วันแรกที่เกมเปิดให้บริการ 

      ป่าเอลฟ์มีความสวยงามเป็นอย่างมาก การจัดเลี้ยงในยามกลางคืนจึงให้ความรู้สึกเหมือนกับการตั้งแคมป์ในพื้นที่ห่างไกลจากโลกที่แสนวุ่นวาย

      ปาร์ตี้รอบกองไฟ?

      หลี่มู่ตาลุกวาว 

      ถ้าเขาจำไม่ผิด งานเลี้ยงในคืนนี้จะจัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองการบูรณะของวิหารแห่งฟลอเรนซ์

      สภาพของวิหารในช่วงก่อนหน้านี้ มีความชำรุดทรุดโทรมและเสียหายอย่างหนัก ตลอดระยะเวลา 2 วันที่ผ่านมา นกกาเหว่าและสมาชิกทีมก่อสร้างต่างร่วมแรงร่วมใจบูรณะวิหาร มีข่าวลือว่างานนี้เป็นภารกิจที่มอบหมายโดยเทพธิดา 

      ถ้าซ่อมใกล้เสร็จ กลับไปก็คงจะใช้บริการรูปปั้นเทพธิดาที่นั่นได้ 

      คิดได้ดังนั้น หลี่มู่จึงพยักหน้า

      “โอเค งั้นครบชั่วโมงเมื่อไรเดี๋ยวเรากลับเมืองกัน ทีนี้จะได้จะลองถามอลิซดูเผื่อจะได้ข้อมูลเกี่ยวกับฟลอเรนซ์บ้าง”

      หลี่มู่ดันหินที่อยู่เบื้องหน้าให้พ้นทาง ก่อนจะเดินสำรวจต่อไป

      “อลิซ!” 

      นัยน์ตาของเดมาเซียเปล่งประกายแวววาว สีหน้าของเขาดูราวกับมีบางสิ่งบางอย่างซ่อนอยู่ 

      “เน่– พี่มู่ พวกเราเล่นเกมนี้กันมาพักใหญ่แล้ว พี่เจออะไรเกี่ยวกับระบบลงโทษยังอ่ะ?”

      หลี่มู่เลิกคิ้วเมื่อได้ยินคำถามของเดมาเซีย

      “เกมนี้สมจริงอย่างมาก ถ้าไม่ทำเรื่องประหลาด ๆ ก็ไม่น่าจะโดนลงโทษจากระบบ”  

      เขาชำเลืองมองเดมาเซียด้วยความสงสัย

      “นายไปทำไรมาอีกล่ะ?”

      “ม่าย ม่าย…”

      เดมาเซียยิ้มอย่างมีเลศนัยและพูดต่อ

      “คืองี้นะ หลังแจ้งเตือนเรื่องชื่อแดงอ่ะ ชั้นก็เกิดสงสัยเรื่องระบบลงโทษขึ้นมา ก็เลยไปทดลองกะผู้เล่นคนอื่นกันแบบลับ ๆ”

      “ทดลอง?”

      “ช่าย แค่ทดลองเกี่ยวกับระบบชื่อแดง! เหมือนว่าระบบนี้จะกำหนดโทษโดยคิดจากความมุ่งร้าย และความเสียหายที่ทำใส่คนอื่น ทีนี้จะมีให้เลือกใช้แต้มผลงานเพื่อยกเลิกสถานะชื่อแดง มันน่าจะมีการลงโทษที่รุนแรงต่างกันไป เราสรุปกันว่าถ้าฆ่าผู้เล่นก็จะโดนโทษสาหัส เผลอ ๆ อาจจะโดนแบน…”

      เดมาเซียกล่าว

      “โห … ขนาดนั้นเลย?”

      หลี่มู่นึกย้อนอยู่ชั่วครู่ และพบว่าเรื่องนี้มีความเหลือเชื่อในระดับหนึ่ง

      สองวันที่แล้ว หลี่มู่เห็นการแจ้งเตือนจากระบบเกี่ยวกับสถานะชื่อแดงของเดมาเซีย ตามมาด้วยข้อความประกาศการยอมรับผิดในเวลาอันสั้น …

      นายนี่มันว่างจริงว่างจัง 

      เรื่องนี้ทั้งน่ารำคาญและน่าทึ่งไปในเวลาเดียวกัน

      อย่างไรก็ตาม ถ้าหลี่มู่เล่นเกมในแบบฉบับของตนตามปกติ เขาก็จะหาบัคของเกมไปทั่วเหมือนกับเดมาเซีย

      ทว่าหลี่มู่ชื่นชอบเกมนี้เป็นอย่างมาก มากเสียจนลืมการหาบรรดาข้อผิดพลาดในระบบ 

      “แถมชั้นเจอเรื่องอื่นด้วย”

      เดมาเซียกล่าวขึ้นด้วยความจริงจัง

      “พวกเราพยายามลองตี NPC แต่พบว่ามันทำไม่ได้!”

      หลี่มู่จ้องตาเขม็งเมื่อได้ยินดังว่า 

      “เรื่องปกติไม่ใช่เรอะ? คิดดูว่าเกมจะเละเทะขนาดไหนถ้าเราตี NPC ได้”

      “ม่าย ชั้นหมายถึงว่าถ้าเราอยากจะตี NPC ขึ้นมา ร่างกายจะนิ่งไปเองดื้อ ๆ เลย เราจะควบคุมร่างกายไม่ได้ถ้ายังคิดจะตีอยู่ แต่ชั้นเพิ่งเคยพยายามตีแค่น้องอลิซและพี่เบิ้มนะ…”

      เดมาเซียส่ายศีรษะระหว่างอธิบาย

      หลี่มู่: “…”

      “นาย… พยายามโจมตีอลิซกับเบอร์เซิร์กเกอร์?”

      ริมฝีปากของเขากระตุก

      เดมาเซียยกมือขึ้นเกาศีรษะพลางตอบ

      “แค่อยากลองอ่ะแหม่ ทีนี้เลยพบว่าพวกเราโจมตี NPC ไม่ได้”

      หลี่มู่: “…”

      “นายควรจะรู้ตัวนะ ว่าตัวเองโชคดีขนาดไหนที่โจมตีพวกเขาไม่ได้ ไม่งั้นคงโดนยำตายซ้ำตายซากจนกลับไปเลเวล 1 …”

      หลี่มู่ชำเลืองเดมาเซียด้วยความรู้สึกเหนื่อยใจ

      “ฮะ… ย–ยังไงค่าความสนิทของชั้นก็คงไม่เพิ่มอยู่แล้ว… ก็แค่ลองดูอ่ะ… มีเกิดใหม่ไม่ลดเวลอีกตั้งหลายอันน่า…” 

      เดมาเซียกล่าวอย่างตะกุกตะกัก 

      หลี่มู่: “…”

      ในความเป็นจริง อีฟได้ออกแบบระบบให้ผู้เล่นไม่สามารถโจมตีใส่บรรดา NPC 

      แผนเดิมของอีฟคือการนำระบบชื่อแดงมาใช้ป้องกันไม่ให้เหล่าผู้เล่นโจมตี NPC แต่เมื่อเทพธิดาใคร่ครวญอยู่พักหนึ่ง ก็พบว่าวิธีนี้ยังไม่รัดกุมเท่าที่ควร จึงตัดสินใจห้ามไม่ให้ผู้เล่นทำร้าย NPC โดยตรง

      ถ้าจะให้ตรงจุด ต้องบอกว่าผู้เล่นจะไม่สามารถลงไม้ลงมือใส่ สาวก ของเค้าได้ต่างหากค่ะ

      ผู้เล่นจะสูญเสียความสามารถในการควบคุมร่างกายทันทีที่คิดจะทำร้าย NPC

      เบื้องหลังของความสามารถนี้ มาจากการที่มิติปัจเจกของอีฟเป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อระหว่างดวงจิตของผู้เล่นและสาวก อีฟจึงสามารถดัดแปลงและสร้างระบบที่จะระงับการควบคุมร่างกายของเหล่าผู้เล่น ในทันทีที่พวกเขาเผยความเป็นศัตรูต่อสาวกของอีฟ

      แต่สำหรับสิ่งมีชีวิตทรงปัญญาทั่วไป… ไม่มีทางใดที่จะห้ามผู้เล่นจากการทำร้ายพวกเขาเหล่านั้น 

      หากมีสิ่งมีชีวิตชนิดใดที่เคารพนับถืออีฟโดยที่ไม่ใช่ผู้ศรัทธาในธรรมชาติ เทพธิดาคงทำได้เพียงกำหนดบทลงโทษที่รุนแรงไว้เพื่อตีกรอบเหล่าผู้เล่นเท่านั้น 

      แล้วทำไมเค้าถึงยอมให้ผู้เล่นตีกันเองได้? …คืองี้ค่ะ

      ความสัมพันธ์ระหว่างผู้เล่นด้วยกัน ไม่ได้เป็นสิ่งที่เรียบง่ายเหมือนระหว่างผู้เล่นกับ NPC… การรักษาความสงบด้วยอำนาจที่เบ็ดเสร็จเด็ดขาดจึงไม่ใช่วิธีที่เหมาะสม

      สาเหตุเนื่องจากการที่ผู้เล่นมีหลากหลายวิธีในการปั่นป่วนคู่กรณีโดยไม่ใช้ความรุนแรง ซึ่งจะไม่ทำให้ระบบดังกล่าวมีสภาพบังคับใช้ 

      อีฟจึงเลือกใช้ระบบชื่อแดงแทนที่จะใช้การระงับการควบคุมร่างกาย และถ้าผู้เล่นคนใดสร้างปัญหาบ่อยเกินควรก็แค่ระงับสิทธิ์ในการเข้าเล่นโดยตรง อีฟจึงสามารถป้องกันปัญหาในอนาคตได้ด้วยวิธีเหล่านี้

      รู้สึกเหมือนกำลังขุดบ่อล่อโจร แล้วดักทุบด้วยกฎเลยค่ะ 

      ถ้าทำผิดแล้วยอมรับผิด เค้าก็จะมอบโทษเล็ก ๆ น้อย ๆ แล้วก็ปล่อยไป

      เห็นมะ~ พระมารดาแห่งธรรมชาติผู้ยิ่งใหญ่ออกจะใจกว้าง~

      …

      อยู่ ๆ หลี่มู่ก็ตบบ่าเดมาเซียด้วยความเห็นอกเห็นใจ เมื่อตนได้รับรู้เกี่ยวกับการลองผิดลองถูกของเดมาเซีย

      “เดมาเซีย”

      “หือ?”

      เดมาเซียจ้องมองหลี่มู่ด้วยแววตาอันเป็นประกาย 

      “ว่าไงพี่มู่?”

      หลี่มู่ชำเลืองมองเดมาเซียพลางกล่าวอย่างละมุนละไม 

      “ในชีวิตจริง นายแทบไม่มีเพื่อนเลยใช่ไหม?”

      เดมาเซียแสดงสีหน้าพรั่นพรึงโดยพลัน

      “รู้ได้ไงอ่ะ?!”

      หลี่มู่: “…”

      หลี่มู่เลี่ยงที่จะตอบพลางส่ายศีรษะด้วยความสิ้นหวัง เขาถอนหายใจออกมาครั้งหนึ่งก่อนจะก้าวเดินต่อ

      เดมาเซียเกาจมูกด้วยท่าทีกระอักกระอ่วนพลางเดินตามหลี่มู่ไป

      ทว่าเอลฟ์หนุ่มเดินได้เพียงสองก้าว พลันเตะเข้ากับบางสิ่งจนแทบล้มหน้าคะมำ

      “แม่เอ๊ย อะไรเนี่ย?”

      เดมาเซียสบถพร้อมกวาดคบไฟของตนเพื่อหาสาเหตุ พลันปรากฏแผ่นหินในสภาพแตกหักชิ้นหนึ่งที่มีตัวอักษรประหลาดจารึกอยู่

      “ไรหว่า…”

      เขาหยิบแผ่นหินขึ้นมาด้วยความฉงน

      …

      …

 _ .. _ .. _ .. _ .. _ .. _

      T/N: เจ็บเท้ามั้ยคะ …

      ถ้าถูกใจโปรเจ็คนี้ ขอความอนุเคราะห์ในการซัพพอร์ทที่ผู้แต่งโดยตรง ตามลิงก์หน้าแรกนะคะ 

      Support the project: https://book.qidian.com/info/1016509432

_ .. _ .. _ .. _ .. _ .. _

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] Game of the World Tree 53 นายเป็นพวกไร้เพื่อนใช่ไหม?

Now you are reading [นิยายแปล] Game of the World Tree Chapter 53 นายเป็นพวกไร้เพื่อนใช่ไหม? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

      บรรดาผู้เล่นในรอบทดสอบได้ก่อตั้งกิลด์ขึ้นมา 3 กิลด์ 

      กิลด์แรกถูกสร้างโดยหลี่มู่และเดมาเซีย มีชื่อว่า หัวใจแห่งธรรมชาติ เป็นกิลด์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดด้วยจำนวนสมาชิกกว่า 180 คน

      หลี่มู่ผู้เป็นหัวหน้ากิลด์ หัวใจแห่งธรรมชาติ ไม่ได้กำหนดข้อบังคับใด ๆ ให้สมาชิก กิลด์นี้จึงมีอิสระในระดับสูง

      กิลด์ที่สองถูกสร้างโดยนกกาเหว่าและลูกเมี้ยวเค็ม มีชื่อว่า คณะกรรมการโมเอะโมโอะ โดยมีลูกเมี้ยวเค็มนั่งเก้าอี้ประธานกรรมการ สมาชิกกว่าครึ่งล้วนเป็นผู้เล่นหญิง มีจำนวนสมาชิกทั้งหมดมากกว่า 50 คน โดยกิลด์นี้มุ่งเน้นในด้านการเล่นที่ผ่อนคลายและการใช้ชีวิตภายในเกม 

      พวกเขาคือกำลังสำคัญในการสร้างเมือง

      กิลด์สุดท้ายคือ กองพันที่หนึ่ง ที่สร้างโดยมะเขือเทศผัด ซึ่งมีสมาชิกกว่า 40 คน มีเป้าหมายเป็นการฝึกฝนทักษะผ่านการต่อสู้ ซึ่งทุกคนต่างมีใจรักในการผจญภัย สมาชิกทั้งหมดจึงเป็นผู้เล่นที่มีความจริงจังในการเล่นเป็นอย่างมาก 

      แม้ว่าอีฟจะไม่ชอบมะเขือเทศผัด แต่เขาได้พัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่องหลังได้รับการตักเตือนครั้งล่าสุด

      แถมมะเขือเทศผัดยังทุ่มเทกับการ เล่นเกม เขาประพฤติตนด้วยความเคารพต่อบรรดา NPC สมาชิกปาร์ตี้ของเขาต่างขยันขันแข็งเป็นอย่างมาก พวกเขาจึงเป็นแรงงานชั้นยอดของเทพธิดา

      ในฐานะมารดาแห่งสรรพสิ่งผู้ยิ่งใหญ่ เค้าจะมองข้ามเรื่องพวกนี้ไปก่อนเพื่อรอดูการพัฒนาในอนาคตค่ะ

      แม้หลี่มู่จะเป็นผู้เล่นที่มากด้วยความสามารถ แต่อีฟคิดว่าหลี่มู่มักจะทำตัวเอื่อยเฉื่อยเกินไป เทพธิดาจึงประทานคู่แข่งมาเพื่อช่วยกระตุ้นศักยภาพของหลี่มู่

      นอกจากนี้ ผู้เล่นบางคนก็เลือกที่จะไม่เข้าร่วมกิลด์ใด ๆ เช่น ผู้เล่นที่มีชื่อเสียงที่สุด ยอดฝีมืออันดับหนึ่งของเซิฟเวอร์ – ข้าวกล่อง

      ชายผู้เงียบขรึมผู้นี้มักจะพาเพื่อนร่วมทีมจำนวนหนึ่งออกผจญภัยไม่เว้นวัน ทำให้ค่าประสบการณ์ของเขาพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ผู้เล่นทั้งหมดล้วนมองข้าวกล่องเป็นพี่ใหญ่ 

      …

      แม้แต่หลี่มู่ก็ประทับใจในตัวข้าวกล่อง

      แต่ประทับใจก็ส่วนประทับใจ ในเวลานี้หลี่มู่เริ่มเกิดความกังวลว่าเมื่อไรจะค้นพบของมีค่าในซากปรักหักพังแห่งนี้ โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับสิ่งที่จะได้จากการล่าสัตว์อสูร

      หลี่มู่ชำเลืองมองเวลาในหน้าต่างระบบอยู่ครู่หนึ่งพลางไตร่ตรองบางสิ่ง ก่อนจะกล่าวกับเดมาเซีย

      “เราจะสำรวจอีกชั่วโมงนึง ถ้ายังไม่พบอะไรก็กลับกันเถอะ”

      “กลับเรอะ? แจ่ม!”

      เดมาเซียคลี่ยิ้มโดยพลัน 

      “ฮ่าฮ่า ชั้นได้ยินว่าคืนนี้จะมีปาร์ตี้รอบกองไฟที่ฟลอเรนซ์ ถ้ากลับไปเร็วพอก็ทันอยู่!”

      เหล่าผู้เล่นต่างคุ้นชินกับการจัดงานปาร์ตี้รอบกองไฟ นับตั้งแต่วันแรกที่เกมเปิดให้บริการ 

      ป่าเอลฟ์มีความสวยงามเป็นอย่างมาก การจัดเลี้ยงในยามกลางคืนจึงให้ความรู้สึกเหมือนกับการตั้งแคมป์ในพื้นที่ห่างไกลจากโลกที่แสนวุ่นวาย

      ปาร์ตี้รอบกองไฟ?

      หลี่มู่ตาลุกวาว 

      ถ้าเขาจำไม่ผิด งานเลี้ยงในคืนนี้จะจัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองการบูรณะของวิหารแห่งฟลอเรนซ์

      สภาพของวิหารในช่วงก่อนหน้านี้ มีความชำรุดทรุดโทรมและเสียหายอย่างหนัก ตลอดระยะเวลา 2 วันที่ผ่านมา นกกาเหว่าและสมาชิกทีมก่อสร้างต่างร่วมแรงร่วมใจบูรณะวิหาร มีข่าวลือว่างานนี้เป็นภารกิจที่มอบหมายโดยเทพธิดา 

      ถ้าซ่อมใกล้เสร็จ กลับไปก็คงจะใช้บริการรูปปั้นเทพธิดาที่นั่นได้ 

      คิดได้ดังนั้น หลี่มู่จึงพยักหน้า

      “โอเค งั้นครบชั่วโมงเมื่อไรเดี๋ยวเรากลับเมืองกัน ทีนี้จะได้จะลองถามอลิซดูเผื่อจะได้ข้อมูลเกี่ยวกับฟลอเรนซ์บ้าง”

      หลี่มู่ดันหินที่อยู่เบื้องหน้าให้พ้นทาง ก่อนจะเดินสำรวจต่อไป

      “อลิซ!” 

      นัยน์ตาของเดมาเซียเปล่งประกายแวววาว สีหน้าของเขาดูราวกับมีบางสิ่งบางอย่างซ่อนอยู่ 

      “เน่– พี่มู่ พวกเราเล่นเกมนี้กันมาพักใหญ่แล้ว พี่เจออะไรเกี่ยวกับระบบลงโทษยังอ่ะ?”

      หลี่มู่เลิกคิ้วเมื่อได้ยินคำถามของเดมาเซีย

      “เกมนี้สมจริงอย่างมาก ถ้าไม่ทำเรื่องประหลาด ๆ ก็ไม่น่าจะโดนลงโทษจากระบบ”  

      เขาชำเลืองมองเดมาเซียด้วยความสงสัย

      “นายไปทำไรมาอีกล่ะ?”

      “ม่าย ม่าย…”

      เดมาเซียยิ้มอย่างมีเลศนัยและพูดต่อ

      “คืองี้นะ หลังแจ้งเตือนเรื่องชื่อแดงอ่ะ ชั้นก็เกิดสงสัยเรื่องระบบลงโทษขึ้นมา ก็เลยไปทดลองกะผู้เล่นคนอื่นกันแบบลับ ๆ”

      “ทดลอง?”

      “ช่าย แค่ทดลองเกี่ยวกับระบบชื่อแดง! เหมือนว่าระบบนี้จะกำหนดโทษโดยคิดจากความมุ่งร้าย และความเสียหายที่ทำใส่คนอื่น ทีนี้จะมีให้เลือกใช้แต้มผลงานเพื่อยกเลิกสถานะชื่อแดง มันน่าจะมีการลงโทษที่รุนแรงต่างกันไป เราสรุปกันว่าถ้าฆ่าผู้เล่นก็จะโดนโทษสาหัส เผลอ ๆ อาจจะโดนแบน…”

      เดมาเซียกล่าว

      “โห … ขนาดนั้นเลย?”

      หลี่มู่นึกย้อนอยู่ชั่วครู่ และพบว่าเรื่องนี้มีความเหลือเชื่อในระดับหนึ่ง

      สองวันที่แล้ว หลี่มู่เห็นการแจ้งเตือนจากระบบเกี่ยวกับสถานะชื่อแดงของเดมาเซีย ตามมาด้วยข้อความประกาศการยอมรับผิดในเวลาอันสั้น …

      นายนี่มันว่างจริงว่างจัง 

      เรื่องนี้ทั้งน่ารำคาญและน่าทึ่งไปในเวลาเดียวกัน

      อย่างไรก็ตาม ถ้าหลี่มู่เล่นเกมในแบบฉบับของตนตามปกติ เขาก็จะหาบัคของเกมไปทั่วเหมือนกับเดมาเซีย

      ทว่าหลี่มู่ชื่นชอบเกมนี้เป็นอย่างมาก มากเสียจนลืมการหาบรรดาข้อผิดพลาดในระบบ 

      “แถมชั้นเจอเรื่องอื่นด้วย”

      เดมาเซียกล่าวขึ้นด้วยความจริงจัง

      “พวกเราพยายามลองตี NPC แต่พบว่ามันทำไม่ได้!”

      หลี่มู่จ้องตาเขม็งเมื่อได้ยินดังว่า 

      “เรื่องปกติไม่ใช่เรอะ? คิดดูว่าเกมจะเละเทะขนาดไหนถ้าเราตี NPC ได้”

      “ม่าย ชั้นหมายถึงว่าถ้าเราอยากจะตี NPC ขึ้นมา ร่างกายจะนิ่งไปเองดื้อ ๆ เลย เราจะควบคุมร่างกายไม่ได้ถ้ายังคิดจะตีอยู่ แต่ชั้นเพิ่งเคยพยายามตีแค่น้องอลิซและพี่เบิ้มนะ…”

      เดมาเซียส่ายศีรษะระหว่างอธิบาย

      หลี่มู่: “…”

      “นาย… พยายามโจมตีอลิซกับเบอร์เซิร์กเกอร์?”

      ริมฝีปากของเขากระตุก

      เดมาเซียยกมือขึ้นเกาศีรษะพลางตอบ

      “แค่อยากลองอ่ะแหม่ ทีนี้เลยพบว่าพวกเราโจมตี NPC ไม่ได้”

      หลี่มู่: “…”

      “นายควรจะรู้ตัวนะ ว่าตัวเองโชคดีขนาดไหนที่โจมตีพวกเขาไม่ได้ ไม่งั้นคงโดนยำตายซ้ำตายซากจนกลับไปเลเวล 1 …”

      หลี่มู่ชำเลืองเดมาเซียด้วยความรู้สึกเหนื่อยใจ

      “ฮะ… ย–ยังไงค่าความสนิทของชั้นก็คงไม่เพิ่มอยู่แล้ว… ก็แค่ลองดูอ่ะ… มีเกิดใหม่ไม่ลดเวลอีกตั้งหลายอันน่า…” 

      เดมาเซียกล่าวอย่างตะกุกตะกัก 

      หลี่มู่: “…”

      ในความเป็นจริง อีฟได้ออกแบบระบบให้ผู้เล่นไม่สามารถโจมตีใส่บรรดา NPC 

      แผนเดิมของอีฟคือการนำระบบชื่อแดงมาใช้ป้องกันไม่ให้เหล่าผู้เล่นโจมตี NPC แต่เมื่อเทพธิดาใคร่ครวญอยู่พักหนึ่ง ก็พบว่าวิธีนี้ยังไม่รัดกุมเท่าที่ควร จึงตัดสินใจห้ามไม่ให้ผู้เล่นทำร้าย NPC โดยตรง

      ถ้าจะให้ตรงจุด ต้องบอกว่าผู้เล่นจะไม่สามารถลงไม้ลงมือใส่ สาวก ของเค้าได้ต่างหากค่ะ

      ผู้เล่นจะสูญเสียความสามารถในการควบคุมร่างกายทันทีที่คิดจะทำร้าย NPC

      เบื้องหลังของความสามารถนี้ มาจากการที่มิติปัจเจกของอีฟเป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อระหว่างดวงจิตของผู้เล่นและสาวก อีฟจึงสามารถดัดแปลงและสร้างระบบที่จะระงับการควบคุมร่างกายของเหล่าผู้เล่น ในทันทีที่พวกเขาเผยความเป็นศัตรูต่อสาวกของอีฟ

      แต่สำหรับสิ่งมีชีวิตทรงปัญญาทั่วไป… ไม่มีทางใดที่จะห้ามผู้เล่นจากการทำร้ายพวกเขาเหล่านั้น 

      หากมีสิ่งมีชีวิตชนิดใดที่เคารพนับถืออีฟโดยที่ไม่ใช่ผู้ศรัทธาในธรรมชาติ เทพธิดาคงทำได้เพียงกำหนดบทลงโทษที่รุนแรงไว้เพื่อตีกรอบเหล่าผู้เล่นเท่านั้น 

      แล้วทำไมเค้าถึงยอมให้ผู้เล่นตีกันเองได้? …คืองี้ค่ะ

      ความสัมพันธ์ระหว่างผู้เล่นด้วยกัน ไม่ได้เป็นสิ่งที่เรียบง่ายเหมือนระหว่างผู้เล่นกับ NPC… การรักษาความสงบด้วยอำนาจที่เบ็ดเสร็จเด็ดขาดจึงไม่ใช่วิธีที่เหมาะสม

      สาเหตุเนื่องจากการที่ผู้เล่นมีหลากหลายวิธีในการปั่นป่วนคู่กรณีโดยไม่ใช้ความรุนแรง ซึ่งจะไม่ทำให้ระบบดังกล่าวมีสภาพบังคับใช้ 

      อีฟจึงเลือกใช้ระบบชื่อแดงแทนที่จะใช้การระงับการควบคุมร่างกาย และถ้าผู้เล่นคนใดสร้างปัญหาบ่อยเกินควรก็แค่ระงับสิทธิ์ในการเข้าเล่นโดยตรง อีฟจึงสามารถป้องกันปัญหาในอนาคตได้ด้วยวิธีเหล่านี้

      รู้สึกเหมือนกำลังขุดบ่อล่อโจร แล้วดักทุบด้วยกฎเลยค่ะ 

      ถ้าทำผิดแล้วยอมรับผิด เค้าก็จะมอบโทษเล็ก ๆ น้อย ๆ แล้วก็ปล่อยไป

      เห็นมะ~ พระมารดาแห่งธรรมชาติผู้ยิ่งใหญ่ออกจะใจกว้าง~

      …

      อยู่ ๆ หลี่มู่ก็ตบบ่าเดมาเซียด้วยความเห็นอกเห็นใจ เมื่อตนได้รับรู้เกี่ยวกับการลองผิดลองถูกของเดมาเซีย

      “เดมาเซีย”

      “หือ?”

      เดมาเซียจ้องมองหลี่มู่ด้วยแววตาอันเป็นประกาย 

      “ว่าไงพี่มู่?”

      หลี่มู่ชำเลืองมองเดมาเซียพลางกล่าวอย่างละมุนละไม 

      “ในชีวิตจริง นายแทบไม่มีเพื่อนเลยใช่ไหม?”

      เดมาเซียแสดงสีหน้าพรั่นพรึงโดยพลัน

      “รู้ได้ไงอ่ะ?!”

      หลี่มู่: “…”

      หลี่มู่เลี่ยงที่จะตอบพลางส่ายศีรษะด้วยความสิ้นหวัง เขาถอนหายใจออกมาครั้งหนึ่งก่อนจะก้าวเดินต่อ

      เดมาเซียเกาจมูกด้วยท่าทีกระอักกระอ่วนพลางเดินตามหลี่มู่ไป

      ทว่าเอลฟ์หนุ่มเดินได้เพียงสองก้าว พลันเตะเข้ากับบางสิ่งจนแทบล้มหน้าคะมำ

      “แม่เอ๊ย อะไรเนี่ย?”

      เดมาเซียสบถพร้อมกวาดคบไฟของตนเพื่อหาสาเหตุ พลันปรากฏแผ่นหินในสภาพแตกหักชิ้นหนึ่งที่มีตัวอักษรประหลาดจารึกอยู่

      “ไรหว่า…”

      เขาหยิบแผ่นหินขึ้นมาด้วยความฉงน

      …

      …

 _ .. _ .. _ .. _ .. _ .. _

      T/N: เจ็บเท้ามั้ยคะ …

      ถ้าถูกใจโปรเจ็คนี้ ขอความอนุเคราะห์ในการซัพพอร์ทที่ผู้แต่งโดยตรง ตามลิงก์หน้าแรกนะคะ 

      Support the project: https://book.qidian.com/info/1016509432

_ .. _ .. _ .. _ .. _ .. _

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+