[นิยายแปล] Game of the World Tree 6 ศรัทธาหวนคืน

Now you are reading [นิยายแปล] Game of the World Tree Chapter 6 ศรัทธาหวนคืน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

       ในวิหารใต้ลำต้นสูงตระหง่านของมหาพฤกษา อลิซ นักบุญแห่งธรรมชาติและซามีร์กำลังนั่งในอริยาบทนอบน้อมต่อหน้ารูปปั้น 

ทั้งคู่ค้อมศีรษะด้วยความอิ่มเอมใจระคนละอาย 

       หลังผ่านเหตุการณ์เมื่อครู่ ร่างกายของอลิซเกิดความเปลี่ยนแปลงบางอย่างขึ้น ราวกับมีคลื่นพลังศักดิ์สิทธิ์แผ่ออกมาจากตัวของเธอ 

       บาดแผลทั่วร่างของซามีร์ได้รับรักษาอย่างน่าอัศจรรย์ พร้อมกับบรรยากาศรอบตัวของเขาที่ต่างไปจากเดิมเล็กน้อย

       โอ๊คการ์ดนามเบอร์เซิร์กเกอร์ยืนอารักขาอยู่ในระยะไม่ใกล้ไม่ไกล มันดูนิ่งสงบราวกับรูปปั้นที่แฝงไปด้วยความรู้สึกคลั่งไคล้ต่อองค์เทพธิดา …

       “เค้าเล่นใหญ่ไปปะ?”

       อีฟกลืนน้ำลายดังเอื๊อกในห้วงมิติของตน สายตาจับจ้องอยู่กับจำนวนสาวกที่แสดงบนหน้าต่างโปรไฟล์

       [จำนวนสาวก: 3 (นักบุญ 1, คลั่งไคล้ 2, อุทิศตน 0, ตื้นเขิน 0)]

       แผนการณ์ของอีฟทรงพลังกว่าที่ตนเคยคาดหวังไว้ 

       เดิมทีอีฟต้องการเพียงการเข้าช่วยเหลือในจังหวะที่เหมาะเจาะเพื่อฟื้นฟูศรัทธาของเอลฟ์ทั้่งสอง ทว่าผลลัพธ์กลับรุนแรงกว่าที่คิดไว้มาก!

       นักบุญอลิซเคยเป็นหนึ่งในสาวกระดับอุทิศตน เธอไม่เพียงแค่กลับมามีศรัทธาในภายหลังเหตุการณ์ดังกล่าว แต่ระดับความเชื่อได้ทะลุระดับคลั่งไคล้ กลายเป็นนักบุญที่หาได้ยากยิ่ง! 

       แถมซามีร์ก็กลายเป็นสาวกระดับคลั่งไคล้เช่นเดียวกับโอ๊คการ์ด!

       ภาพของเอลฟ์ชราทรุดลงกับพื้นและร่ำไห้ราวกับเด็ก ๆ เมื่อตระหนักว่าพระมารดาฟื้นคืนชีพ ยังคงตราตรึงอยู่ในใจของอีฟ

       ดูเหมือนว่าส่วนผสมระหว่างการรอคอยอันแสนนาน ผนวกกับความสิ้นหวังเกินจินตนาการและปิดท้ายด้วยปาฏิหาริย์ในยามวิกฤติ จะก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เกินคาดไปไกล

       “มิน่าพวกเทพเลยชอบปล่อยให้สาวกเจ็บปวดรวดร้าวแล้วค่อยยื่นมือเข้าไปช่วยทีหลัง … เอ่อ มันเรียกว่าสตอล์กโฮล์มซินโดรมปะคะ? อือออ … ไม่เหมาะ ไม่เหมาะ เอาเป็นว่าคล้าย ๆ ละกันเนอะ”

       อีฟถอนใจอีกพลางชำเลืองมองแต้มที่ตนมี

       [พลังศักดิ์สิทธิ์: 20/500]

       อีฟคิดไว้แล้วว่าตนจะได้แต้มพลังจากการเพิ่มจำนวนผู้ศรัทธา แต่แต้มจำนวนมากที่ได้รับจากสาวกที่มีศรัทธาแรงกล้าก็ยังน่าตะลึงอยู่ไม่น้อย

       เดิมทีอีฟมีพลังศักดิ์สิทธิ์เพียง 10 แต้มเท่านั้น พอจ่ายไป 1 แต้มเพื่อฟื้นฟูร่างกายให้เอลฟ์ทั้งสองตน ทั้งคู่ก็มอบแต้มกลับมาให้อีฟถึง 6 หน่วยในเวลาอันสั้น

       มันเกินเบอร์ไปนิดนึงนะ …

       เอาจริงเค้าจ่ายแค่ 5 แต้มก็ได้เบอร์เซิร์กเกอร์มาตัวนึงแล้วอ่ะ

       อย่างไรก็ตาม อีฟพบว่าพลังที่ปะทุออกมาจากหัวใจของเอลฟ์ทั้งสองกลับมามีศรัทธาเป็นสาเหตุหลักของแต้มที่เพิ่มขึ้นมา …

       มันคล้าย ๆ กับพลังใจปะ?

       ที่เหลือเชื่อคือโอ๊คการ์ดได้มอบพลังให้อีฟอีกกว่า 5 แต้มจากการสังหารออร์คประมาณ 20 ตน!

       แปลก ๆ แฮะ

       ถ้าการเปลี่ยนแปลงของอลิซและซามีร์ทำให้อีฟเซอร์ไพรส์ สิ่งที่เกิดจากการกระทำของโอ๊คการ์ดก็จัดว่าเข้าขั้นน่าหวาดหวั่น

       เมื่อลองพิจารณาดูว่าโอ๊คการ์ดมอบพลังชีวิตของเหล่าออร์คทั้งฝูงให้กับตน ปริมาณพลังชีวิตของออร์ค 20 ตนที่มีความแข็งแกร่งเฉลี่ยอยู่แค่ในระดับเหล็กขั้นกลาง … แต่กลับได้มาตั้งห้าแต้ม

       มันควรจะได้แค่แต้มเดียว แต่นี่ได้ตั้งห้าแต้ม!

       ที่สำคัญคือพลังดังกล่าวมีบางสิ่งแฝงมาด้วย บางสิ่งที่ไม่ใช่พลังชีวิตของพวกออร์ค บางสิ่งที่ให้ความรู้สึกคุ้นเคย …

       พลังนี้คล้าย ๆ กับสิ่งที่อีฟรู้สึกจากเอลฟ์ทั้งสอง

       อีฟสร้างข้อสรุปอย่างรวดเร็วเมื่อลองตรวจสอบข้อมูลที่สืบทอดมา 

       ออร์คเหล่านี้ใช้ชีวิตอยู่กับการล่าเอลฟ์มานานแสนนาน พวกมันสะสมความเคียดแค้นจากเอลฟ์จำนวนมหาศาล เมื่ออีฟสังหารพวกมันจึงเป็นการปลดปล่อยวิญญาณของเหล่าเอลฟ์ที่ตายไปด้วยน้ำมือของพวกมัน 

       เผ่าพันธุ์ทรงปัญญาและทรงพลังจะมีแรงแค้นที่แกร่งกล้าเป็นพิเศษ

       โดยเฉพาะเอลฟ์ที่มีอายุขัยยืนยาวพร้อมกับปัญญาที่มากล้น ที่สำคัญคือพลังเวทมนตร์อันเป็นเอกลักษณ์ของสายพันธุ์ ความแค้นของเอลฟ์ที่สั่งสมมานับพันปีจึงเป็นสิ่งที่ดูแคลนไม่ได้เลยแม้แต่น้อย

       ความพยาบาทเป็นพลังทางวิญญาณเช่นเดียวกับแรงศรัทธา จิตวิญญาณที่ไร้ที่ยึดเหนี่ยวจะร่วงหล่นลงสู่ปรภพหลังความตายของมัน เมื่ออีฟกำจัดผู้ล่าเหล่านั้นจึงเป็นการคลายบ่วงสุดท้ายให้กับวิญญาณเอลฟ์ ความพยาบาทที่สะสมมานานจึงหวนคืนมาในรูปแบบพลังงาน และกลายเป็นพลังศักดิ์สิทธิ์ของอีฟในที่สุด

       นอกจากศรัทธาจากสองเอลฟ์ เค้ายังได้พลังจากความแค้นด้วยล่ะ!

       เรื่องนี้ทำให้อีฟเซอร์ไพรส์อย่างมาก

       “แบบนี้แทนที่จะเพิ่มจำนวนสาวก การล่าพวกศัตรูของเอลฟ์ก็เหมือนจะได้ผลดีเยี่ยมแฮะ ได้ทั้งฟื้นฟูเผ่าพันธุ์ ทั้งดึงพลังจากวิญญาณผู้วายชนม์กลับมา แถมการสูบพลังจากสกิล พลียุทธ นั่นก็ดูจะเด็ดใช้ได้ …”

       อีฟตั้งข้อสรุป

       ทว่าสถานการณ์ปัจจุบันดูไม่เอื้อกับแผนนี้เท่าไร

       “เน้นการกำจัดศัตรูมันก็ดูดีอยู่หรอก แต่เอาจริงหลัก ๆ ก็มีแค่พวกกลุ่มนักล่า ปริมาณพวกนี้ก็มีอยู่จำกัด ต่อให้ล้างบางจนเรียบก็คงไม่ได้พลังคืนมาเท่าไร แถมถ้าพูดถึงตัวการของเรื่องราวจริง ๆ … เราก็ยังสู้ซึ่ง ๆ หน้าไม่ได้ด้วยซ้ำ”

       “พอมาคิดเรื่องพลังจากความพยาบาท ตอนแรกก็ดูเป็นพลังที่มากพอตัว แต่เอาเข้าจริงก็คงมีผลชัดเจนแค่ในช่วงระดับต้นแค่นั้น คงพอใช้เป็นทางหลักได้แค่ในสภาพใกล้ตายแบบตอนนี้”

       “การจะฟื้นฟูเผ่าพันธุ์คงต้องใช้ตัวช่วย แน่นอนว่าต้องรวบรวมเอลฟ์ให้ได้ แถมยังต้องมีกำลังรบมหาศาลพร้อมสกิลพลียุทธเพื่อเพิ่มพลังให้เร็วที่สุด …”

       “จำนวนคงต้องใช้ขั้นต่ำหมื่นนึง หรือแสนนึง หรือล้านนึงเลยแฮะ …”

       “ว่าไป เรามีเอลฟ์เหลืออยู่บนโลกเท่าไรหว่า?”

       อีฟพลันเข้าใจสถานการณ์ของเอลฟ์ทันทีเมื่อนึกถึงบทสนทนาระหว่างซามีร์และอลิซในช่วงก่อนหน้านี้ 

       สถานการณ์ปัจจุบันเหมือนว่าเอลฟ์จะระหกระเหินทั่วดินแดนหลังจากที่ต้นไม้โลกองค์เก่าสิ้นลง ปริมาณผู้เหลือรอดต่ำกว่าสิบเปอร์เซ็นต์ ส่วนมากจะอาศัยอยู่อย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ … เรียกได้ว่าไม่ใกล้คำว่ายุคทองของเอลฟ์เลยแม้แต่น้อย 

       “แบบนี้ถ้ามีเวลาเพียงพอในการรวบรวมเอลฟ์ เราก็คงได้พลังคืนมาเท่าที่จะหาได้ในตอนนี้ คงไม่มีทางลัดสินะ … แถมการจะฟื้นฟูอารยธรรมก็ดูเป็นเรื่องยากเข้าไปอีกเพราะมันต้องใช้ประชากรจำนวนมหาศาล”

       ยิ่งคิดอีฟยิ่งสิ้นหวัง

       “เราอ่อนแอเกินไป ในช่วงยุคที่ต้นไม้โลกองค์เก่ายังมีชีวิต แค่จ่ายพลังก็สร้างเอลฟ์ดั้งเดิม ออกมาได้เลย”

       เอลฟ์ดั้งเดิมถูกสร้างโดยมหาพฤกษา จัดเป็นเอลฟ์รุ่นแรกในพิภพนี้

       “แต่การจะสร้างเอลฟ์ระดับนั้นได้มันก็ต้องมีพลังประมาณนึง และถ้าเรามีพลังระดับนั้นก็คงไม่ใช่ช่วงที่ต้องฟื้นฟูอารยธรรมเพื่อเอาพลังคืนมา มองไงมันก็ขัดกันอ่ะ!”

       ยิ่งคิดอีฟยิ่งสิ้นหวังไปอีกระดับ

       การจะจ่ายพลังเพื่อสร้างเอลฟ์ดั้งเดิมไม่ใช่สิ่งที่อีฟสามารถทำได้ในตอนนี้ ในทางทฤษฏี พันธกิจหลักของเทพีแห่งชีวิตคือการสร้างวิญญาณ แต่สภาพปัจจุบันของอีฟไม่เอื้อต่อการกระทำดังกล่าวแม้แต่น้อย แถมหากฝืนใช้พลังกำเนิดวิญญาณดื้อ ๆ ก็จะต้องจ่ายแต้มมากกว่าที่ควรใช้เสียอีก 

       ยกตัวอย่างเช่นการจ่ายหนึ่งแต้มเพื่อสร้างวิญญาณหนึ่งดวงในยุคก่อน อีฟในตอนนี้อาจต้องจ่ายถึงสิบแต้ม … แค่การปลุกวิญญาณเบอร์เซิร์กเกอร์ยังใช้ถึงห้าแต้ม การสร้างใหม่มันคืออีกระดับโดยสิ้นเชิง

       ในตอนนั้น สิ่งที่อีฟทำลงไปคือการฝืนชุบชีวิต

       ห้าแต้มที่จ่ายไปเป็นสิ่งที่ต้องแลกมาเพื่อดวงวิญญาณ การสร้างพลังชีวิตของโอ๊คการ์ดระดับเงินในความเป็นจริงมันใช้แค่นิดเดียว …

       ดังนั้นการจะจ่ายแต้มเพื่อสร้างเอลฟ์ดั้งเดิมจะเป็นการใช้พลังเกินตัวเป็นอย่างมาก ยังไม่นับว่าต้องสร้างร่างกายที่เป็นอีกส่วนโดยสิ้นเชิงอีก

       ร่างกายที่ปราศจากวิญญาณก็ไม่ต่างอะไรกับหุ่นกระบอกไร้ผู้ควบคุม

       แน่นอนว่าถ้าอีฟแข็งแกร่งขึ้น กระบวนการทั้งหมดนี้ก็จะใช้แต้มน้อยลงเช่นกัน อีฟในอนาคตคงสามารถจ่ายเพียงแต้มเดียวเพื่อสร้างเอลฟ์ดั้งเดิม!

       แต่อีฟรอนานขนาดนั้นไม่ได้ สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือประสิทธิผลและเวลาที่ต้องจ่าย

       “ถ้าเรามุ่งเน้นไปที่การรวบรวมเอลฟ์ให้เป็นปึกแผ่น มันคงจะใช้เวลาเป็นทศวรรษ หรือศตวรรษ”

       นานไป!

       สถานการณ์ตอนนี้เค้ายังมีศัตรูระดับเสี้ยนหนามจนถึงระดับตอเขื่อง ๆ แบบพวกเทพองค์อื่นพร้อมเหล่าสาวกอีกเพียบ!

       ที่ร่างมหาพฤกษาอยู่มาได้เป็นพันปี เพราะต้นไม้โลกองค์ก่อนร่ายเวทมนตร์ส่งท้ายไว้ในตอนใกล้จบสงคราม ภายใต้ผลของมันจะไม่มีสิ่งมีชีวิตระดับต่ำกว่าเทพดั้งเดิมใด ๆ ที่สามารถเข้าใกล้ต้นไม้โลกได้ ยกเว้นแต่สาวกของอีฟเท่านั้น

       หลังจากมหาสงคราม ปริมาณพลังเวทมนตร์ในดินแดนซากัสลดลงตามลำดับ ส่งผลให้การเชื่อมต่อระหว่างสวรรค์และภพเบื้องล่างถูกตัดขาดลง เหล่าเทพเบื้องบนจึงไม่สามารถลงมาด้วยร่างของตนได้ และเทพที่อยู่ในดินแดนนี้ถูกผลักเข้าสู่สภาวะจำศีลเพราะสภาพแวดล้อมที่พลังเวทมนตร์ต่ำไม่เหมาะกับเทพ …

       สถานการณ์นี้จึงทำให้ต้นไม้โลกยังคงอยู่รอด

       แต่ในวินาทีที่อีฟจุติสู่แดนซากัส … มนตร์พลันคลายออก

       หากอีฟยังคงอยู่ในสภาวะใกล้ตายเช่นนี้ มันคงยากที่จะป้องกันตัวเองจากศัตรูที่มีพลังในระดับตำนานทั้งหลายทั้งปวง

       “หวังว่ามันจะมีทางหาวิญญาณจำนวนมหาศาลมาได้นะ ถ้ามีวิญญาณซะอย่างก็สบายไปหนึ่งอย่าง ต่อไปคือเรื่องจัดหาร่างกายให้เพียงพอ ถ้ามีทางลัดในการสร้างวิญญาณก็จะสบายไปอีกหลายต่อ การสร้างประชากรขึ้นมาใหม่ก็จะไม่ใช่เรื่องยาก ทีนี้การเพิ่มศรัทธาและการขยายอารยธรรมเอลฟ์ก็จะทำควบคู่กันไปได้ … พร้อมกับเราที่จะแข็งแกร่งขึ้นตามลำดับ”

       แล้วเค้าจะไปหาวิญญาณเยอะ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ มาจากไหน? เดิมทีแทบทุกดวงวิญญาณในภพนี้ก็มีเทพประจำใจอยู่แล้ว! ในปรภพยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย เค้ายังเข้าไปไม่ได้!

       ที่สาหัสสุดคือจะทำไงถ้าวิญญาณไม่ฟังเค้าอ่ะ … ?

       “ยากจังน้า …”

       อีฟถอนหายใจอีกครั้งพลางไถหน้าจออินเตอร์เน็ตในมิติประจำตัวแก้เบื่อด้วยความเคยชิน ..

       “อ่ะเดี๋ยว …”

       ในวินาทีนั้น อีฟพลันตระหนักบางสิ่งพร้อมกับจ้องนิ่ง ๆ ผ่านช่องทางเชื่อมต่อระหว่างสองโลกด้วยอินเตอร์เน็ต 

       “ทางที่ว่ามันก็มีอยู่นี่นา …”

_ .. _ .. _ .. _ .. _ .. _ 

       T/N: ทางที่ว่าคือรับสมัครดาวน์ไลน์ค่ะ—

       อันนี้คือสาเหตุหนึ่ง ที่ทำให้เค้าเลือกใส่ทั้งอิเซไกและไซไฟค่ะ ตอนแรกเค้าคิดว่าจะแปลถึงสัก 10% ของเรื่องก่อนแล้วค่อยเริ่มเอามาลง แต่สารภาพตามตรงว่าเจอปัจจัยที่ทำให้ รอไม่ได้ คือปัจจัยด้านคุณภาพ และเพื่อหาแรงกระตุ้นในการแปลค่ะ

       ถ้าถูกใจโปรเจ็คนี้ ขอความอนุเคราะห์ในการซัพพอร์ทค่ะ ที่ต้นทางนะคะ 

       Support the project: https://book.qidian.com/info/1016509432

_ .. _ .. _ .. _ .. _ .. _ 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] Game of the World Tree 6 ศรัทธาหวนคืน

Now you are reading [นิยายแปล] Game of the World Tree Chapter 6 ศรัทธาหวนคืน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

       ในวิหารใต้ลำต้นสูงตระหง่านของมหาพฤกษา อลิซ นักบุญแห่งธรรมชาติและซามีร์กำลังนั่งในอริยาบทนอบน้อมต่อหน้ารูปปั้น 

ทั้งคู่ค้อมศีรษะด้วยความอิ่มเอมใจระคนละอาย 

       หลังผ่านเหตุการณ์เมื่อครู่ ร่างกายของอลิซเกิดความเปลี่ยนแปลงบางอย่างขึ้น ราวกับมีคลื่นพลังศักดิ์สิทธิ์แผ่ออกมาจากตัวของเธอ 

       บาดแผลทั่วร่างของซามีร์ได้รับรักษาอย่างน่าอัศจรรย์ พร้อมกับบรรยากาศรอบตัวของเขาที่ต่างไปจากเดิมเล็กน้อย

       โอ๊คการ์ดนามเบอร์เซิร์กเกอร์ยืนอารักขาอยู่ในระยะไม่ใกล้ไม่ไกล มันดูนิ่งสงบราวกับรูปปั้นที่แฝงไปด้วยความรู้สึกคลั่งไคล้ต่อองค์เทพธิดา …

       “เค้าเล่นใหญ่ไปปะ?”

       อีฟกลืนน้ำลายดังเอื๊อกในห้วงมิติของตน สายตาจับจ้องอยู่กับจำนวนสาวกที่แสดงบนหน้าต่างโปรไฟล์

       [จำนวนสาวก: 3 (นักบุญ 1, คลั่งไคล้ 2, อุทิศตน 0, ตื้นเขิน 0)]

       แผนการณ์ของอีฟทรงพลังกว่าที่ตนเคยคาดหวังไว้ 

       เดิมทีอีฟต้องการเพียงการเข้าช่วยเหลือในจังหวะที่เหมาะเจาะเพื่อฟื้นฟูศรัทธาของเอลฟ์ทั้่งสอง ทว่าผลลัพธ์กลับรุนแรงกว่าที่คิดไว้มาก!

       นักบุญอลิซเคยเป็นหนึ่งในสาวกระดับอุทิศตน เธอไม่เพียงแค่กลับมามีศรัทธาในภายหลังเหตุการณ์ดังกล่าว แต่ระดับความเชื่อได้ทะลุระดับคลั่งไคล้ กลายเป็นนักบุญที่หาได้ยากยิ่ง! 

       แถมซามีร์ก็กลายเป็นสาวกระดับคลั่งไคล้เช่นเดียวกับโอ๊คการ์ด!

       ภาพของเอลฟ์ชราทรุดลงกับพื้นและร่ำไห้ราวกับเด็ก ๆ เมื่อตระหนักว่าพระมารดาฟื้นคืนชีพ ยังคงตราตรึงอยู่ในใจของอีฟ

       ดูเหมือนว่าส่วนผสมระหว่างการรอคอยอันแสนนาน ผนวกกับความสิ้นหวังเกินจินตนาการและปิดท้ายด้วยปาฏิหาริย์ในยามวิกฤติ จะก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เกินคาดไปไกล

       “มิน่าพวกเทพเลยชอบปล่อยให้สาวกเจ็บปวดรวดร้าวแล้วค่อยยื่นมือเข้าไปช่วยทีหลัง … เอ่อ มันเรียกว่าสตอล์กโฮล์มซินโดรมปะคะ? อือออ … ไม่เหมาะ ไม่เหมาะ เอาเป็นว่าคล้าย ๆ ละกันเนอะ”

       อีฟถอนใจอีกพลางชำเลืองมองแต้มที่ตนมี

       [พลังศักดิ์สิทธิ์: 20/500]

       อีฟคิดไว้แล้วว่าตนจะได้แต้มพลังจากการเพิ่มจำนวนผู้ศรัทธา แต่แต้มจำนวนมากที่ได้รับจากสาวกที่มีศรัทธาแรงกล้าก็ยังน่าตะลึงอยู่ไม่น้อย

       เดิมทีอีฟมีพลังศักดิ์สิทธิ์เพียง 10 แต้มเท่านั้น พอจ่ายไป 1 แต้มเพื่อฟื้นฟูร่างกายให้เอลฟ์ทั้งสองตน ทั้งคู่ก็มอบแต้มกลับมาให้อีฟถึง 6 หน่วยในเวลาอันสั้น

       มันเกินเบอร์ไปนิดนึงนะ …

       เอาจริงเค้าจ่ายแค่ 5 แต้มก็ได้เบอร์เซิร์กเกอร์มาตัวนึงแล้วอ่ะ

       อย่างไรก็ตาม อีฟพบว่าพลังที่ปะทุออกมาจากหัวใจของเอลฟ์ทั้งสองกลับมามีศรัทธาเป็นสาเหตุหลักของแต้มที่เพิ่มขึ้นมา …

       มันคล้าย ๆ กับพลังใจปะ?

       ที่เหลือเชื่อคือโอ๊คการ์ดได้มอบพลังให้อีฟอีกกว่า 5 แต้มจากการสังหารออร์คประมาณ 20 ตน!

       แปลก ๆ แฮะ

       ถ้าการเปลี่ยนแปลงของอลิซและซามีร์ทำให้อีฟเซอร์ไพรส์ สิ่งที่เกิดจากการกระทำของโอ๊คการ์ดก็จัดว่าเข้าขั้นน่าหวาดหวั่น

       เมื่อลองพิจารณาดูว่าโอ๊คการ์ดมอบพลังชีวิตของเหล่าออร์คทั้งฝูงให้กับตน ปริมาณพลังชีวิตของออร์ค 20 ตนที่มีความแข็งแกร่งเฉลี่ยอยู่แค่ในระดับเหล็กขั้นกลาง … แต่กลับได้มาตั้งห้าแต้ม

       มันควรจะได้แค่แต้มเดียว แต่นี่ได้ตั้งห้าแต้ม!

       ที่สำคัญคือพลังดังกล่าวมีบางสิ่งแฝงมาด้วย บางสิ่งที่ไม่ใช่พลังชีวิตของพวกออร์ค บางสิ่งที่ให้ความรู้สึกคุ้นเคย …

       พลังนี้คล้าย ๆ กับสิ่งที่อีฟรู้สึกจากเอลฟ์ทั้งสอง

       อีฟสร้างข้อสรุปอย่างรวดเร็วเมื่อลองตรวจสอบข้อมูลที่สืบทอดมา 

       ออร์คเหล่านี้ใช้ชีวิตอยู่กับการล่าเอลฟ์มานานแสนนาน พวกมันสะสมความเคียดแค้นจากเอลฟ์จำนวนมหาศาล เมื่ออีฟสังหารพวกมันจึงเป็นการปลดปล่อยวิญญาณของเหล่าเอลฟ์ที่ตายไปด้วยน้ำมือของพวกมัน 

       เผ่าพันธุ์ทรงปัญญาและทรงพลังจะมีแรงแค้นที่แกร่งกล้าเป็นพิเศษ

       โดยเฉพาะเอลฟ์ที่มีอายุขัยยืนยาวพร้อมกับปัญญาที่มากล้น ที่สำคัญคือพลังเวทมนตร์อันเป็นเอกลักษณ์ของสายพันธุ์ ความแค้นของเอลฟ์ที่สั่งสมมานับพันปีจึงเป็นสิ่งที่ดูแคลนไม่ได้เลยแม้แต่น้อย

       ความพยาบาทเป็นพลังทางวิญญาณเช่นเดียวกับแรงศรัทธา จิตวิญญาณที่ไร้ที่ยึดเหนี่ยวจะร่วงหล่นลงสู่ปรภพหลังความตายของมัน เมื่ออีฟกำจัดผู้ล่าเหล่านั้นจึงเป็นการคลายบ่วงสุดท้ายให้กับวิญญาณเอลฟ์ ความพยาบาทที่สะสมมานานจึงหวนคืนมาในรูปแบบพลังงาน และกลายเป็นพลังศักดิ์สิทธิ์ของอีฟในที่สุด

       นอกจากศรัทธาจากสองเอลฟ์ เค้ายังได้พลังจากความแค้นด้วยล่ะ!

       เรื่องนี้ทำให้อีฟเซอร์ไพรส์อย่างมาก

       “แบบนี้แทนที่จะเพิ่มจำนวนสาวก การล่าพวกศัตรูของเอลฟ์ก็เหมือนจะได้ผลดีเยี่ยมแฮะ ได้ทั้งฟื้นฟูเผ่าพันธุ์ ทั้งดึงพลังจากวิญญาณผู้วายชนม์กลับมา แถมการสูบพลังจากสกิล พลียุทธ นั่นก็ดูจะเด็ดใช้ได้ …”

       อีฟตั้งข้อสรุป

       ทว่าสถานการณ์ปัจจุบันดูไม่เอื้อกับแผนนี้เท่าไร

       “เน้นการกำจัดศัตรูมันก็ดูดีอยู่หรอก แต่เอาจริงหลัก ๆ ก็มีแค่พวกกลุ่มนักล่า ปริมาณพวกนี้ก็มีอยู่จำกัด ต่อให้ล้างบางจนเรียบก็คงไม่ได้พลังคืนมาเท่าไร แถมถ้าพูดถึงตัวการของเรื่องราวจริง ๆ … เราก็ยังสู้ซึ่ง ๆ หน้าไม่ได้ด้วยซ้ำ”

       “พอมาคิดเรื่องพลังจากความพยาบาท ตอนแรกก็ดูเป็นพลังที่มากพอตัว แต่เอาเข้าจริงก็คงมีผลชัดเจนแค่ในช่วงระดับต้นแค่นั้น คงพอใช้เป็นทางหลักได้แค่ในสภาพใกล้ตายแบบตอนนี้”

       “การจะฟื้นฟูเผ่าพันธุ์คงต้องใช้ตัวช่วย แน่นอนว่าต้องรวบรวมเอลฟ์ให้ได้ แถมยังต้องมีกำลังรบมหาศาลพร้อมสกิลพลียุทธเพื่อเพิ่มพลังให้เร็วที่สุด …”

       “จำนวนคงต้องใช้ขั้นต่ำหมื่นนึง หรือแสนนึง หรือล้านนึงเลยแฮะ …”

       “ว่าไป เรามีเอลฟ์เหลืออยู่บนโลกเท่าไรหว่า?”

       อีฟพลันเข้าใจสถานการณ์ของเอลฟ์ทันทีเมื่อนึกถึงบทสนทนาระหว่างซามีร์และอลิซในช่วงก่อนหน้านี้ 

       สถานการณ์ปัจจุบันเหมือนว่าเอลฟ์จะระหกระเหินทั่วดินแดนหลังจากที่ต้นไม้โลกองค์เก่าสิ้นลง ปริมาณผู้เหลือรอดต่ำกว่าสิบเปอร์เซ็นต์ ส่วนมากจะอาศัยอยู่อย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ … เรียกได้ว่าไม่ใกล้คำว่ายุคทองของเอลฟ์เลยแม้แต่น้อย 

       “แบบนี้ถ้ามีเวลาเพียงพอในการรวบรวมเอลฟ์ เราก็คงได้พลังคืนมาเท่าที่จะหาได้ในตอนนี้ คงไม่มีทางลัดสินะ … แถมการจะฟื้นฟูอารยธรรมก็ดูเป็นเรื่องยากเข้าไปอีกเพราะมันต้องใช้ประชากรจำนวนมหาศาล”

       ยิ่งคิดอีฟยิ่งสิ้นหวัง

       “เราอ่อนแอเกินไป ในช่วงยุคที่ต้นไม้โลกองค์เก่ายังมีชีวิต แค่จ่ายพลังก็สร้างเอลฟ์ดั้งเดิม ออกมาได้เลย”

       เอลฟ์ดั้งเดิมถูกสร้างโดยมหาพฤกษา จัดเป็นเอลฟ์รุ่นแรกในพิภพนี้

       “แต่การจะสร้างเอลฟ์ระดับนั้นได้มันก็ต้องมีพลังประมาณนึง และถ้าเรามีพลังระดับนั้นก็คงไม่ใช่ช่วงที่ต้องฟื้นฟูอารยธรรมเพื่อเอาพลังคืนมา มองไงมันก็ขัดกันอ่ะ!”

       ยิ่งคิดอีฟยิ่งสิ้นหวังไปอีกระดับ

       การจะจ่ายพลังเพื่อสร้างเอลฟ์ดั้งเดิมไม่ใช่สิ่งที่อีฟสามารถทำได้ในตอนนี้ ในทางทฤษฏี พันธกิจหลักของเทพีแห่งชีวิตคือการสร้างวิญญาณ แต่สภาพปัจจุบันของอีฟไม่เอื้อต่อการกระทำดังกล่าวแม้แต่น้อย แถมหากฝืนใช้พลังกำเนิดวิญญาณดื้อ ๆ ก็จะต้องจ่ายแต้มมากกว่าที่ควรใช้เสียอีก 

       ยกตัวอย่างเช่นการจ่ายหนึ่งแต้มเพื่อสร้างวิญญาณหนึ่งดวงในยุคก่อน อีฟในตอนนี้อาจต้องจ่ายถึงสิบแต้ม … แค่การปลุกวิญญาณเบอร์เซิร์กเกอร์ยังใช้ถึงห้าแต้ม การสร้างใหม่มันคืออีกระดับโดยสิ้นเชิง

       ในตอนนั้น สิ่งที่อีฟทำลงไปคือการฝืนชุบชีวิต

       ห้าแต้มที่จ่ายไปเป็นสิ่งที่ต้องแลกมาเพื่อดวงวิญญาณ การสร้างพลังชีวิตของโอ๊คการ์ดระดับเงินในความเป็นจริงมันใช้แค่นิดเดียว …

       ดังนั้นการจะจ่ายแต้มเพื่อสร้างเอลฟ์ดั้งเดิมจะเป็นการใช้พลังเกินตัวเป็นอย่างมาก ยังไม่นับว่าต้องสร้างร่างกายที่เป็นอีกส่วนโดยสิ้นเชิงอีก

       ร่างกายที่ปราศจากวิญญาณก็ไม่ต่างอะไรกับหุ่นกระบอกไร้ผู้ควบคุม

       แน่นอนว่าถ้าอีฟแข็งแกร่งขึ้น กระบวนการทั้งหมดนี้ก็จะใช้แต้มน้อยลงเช่นกัน อีฟในอนาคตคงสามารถจ่ายเพียงแต้มเดียวเพื่อสร้างเอลฟ์ดั้งเดิม!

       แต่อีฟรอนานขนาดนั้นไม่ได้ สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือประสิทธิผลและเวลาที่ต้องจ่าย

       “ถ้าเรามุ่งเน้นไปที่การรวบรวมเอลฟ์ให้เป็นปึกแผ่น มันคงจะใช้เวลาเป็นทศวรรษ หรือศตวรรษ”

       นานไป!

       สถานการณ์ตอนนี้เค้ายังมีศัตรูระดับเสี้ยนหนามจนถึงระดับตอเขื่อง ๆ แบบพวกเทพองค์อื่นพร้อมเหล่าสาวกอีกเพียบ!

       ที่ร่างมหาพฤกษาอยู่มาได้เป็นพันปี เพราะต้นไม้โลกองค์ก่อนร่ายเวทมนตร์ส่งท้ายไว้ในตอนใกล้จบสงคราม ภายใต้ผลของมันจะไม่มีสิ่งมีชีวิตระดับต่ำกว่าเทพดั้งเดิมใด ๆ ที่สามารถเข้าใกล้ต้นไม้โลกได้ ยกเว้นแต่สาวกของอีฟเท่านั้น

       หลังจากมหาสงคราม ปริมาณพลังเวทมนตร์ในดินแดนซากัสลดลงตามลำดับ ส่งผลให้การเชื่อมต่อระหว่างสวรรค์และภพเบื้องล่างถูกตัดขาดลง เหล่าเทพเบื้องบนจึงไม่สามารถลงมาด้วยร่างของตนได้ และเทพที่อยู่ในดินแดนนี้ถูกผลักเข้าสู่สภาวะจำศีลเพราะสภาพแวดล้อมที่พลังเวทมนตร์ต่ำไม่เหมาะกับเทพ …

       สถานการณ์นี้จึงทำให้ต้นไม้โลกยังคงอยู่รอด

       แต่ในวินาทีที่อีฟจุติสู่แดนซากัส … มนตร์พลันคลายออก

       หากอีฟยังคงอยู่ในสภาวะใกล้ตายเช่นนี้ มันคงยากที่จะป้องกันตัวเองจากศัตรูที่มีพลังในระดับตำนานทั้งหลายทั้งปวง

       “หวังว่ามันจะมีทางหาวิญญาณจำนวนมหาศาลมาได้นะ ถ้ามีวิญญาณซะอย่างก็สบายไปหนึ่งอย่าง ต่อไปคือเรื่องจัดหาร่างกายให้เพียงพอ ถ้ามีทางลัดในการสร้างวิญญาณก็จะสบายไปอีกหลายต่อ การสร้างประชากรขึ้นมาใหม่ก็จะไม่ใช่เรื่องยาก ทีนี้การเพิ่มศรัทธาและการขยายอารยธรรมเอลฟ์ก็จะทำควบคู่กันไปได้ … พร้อมกับเราที่จะแข็งแกร่งขึ้นตามลำดับ”

       แล้วเค้าจะไปหาวิญญาณเยอะ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ มาจากไหน? เดิมทีแทบทุกดวงวิญญาณในภพนี้ก็มีเทพประจำใจอยู่แล้ว! ในปรภพยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย เค้ายังเข้าไปไม่ได้!

       ที่สาหัสสุดคือจะทำไงถ้าวิญญาณไม่ฟังเค้าอ่ะ … ?

       “ยากจังน้า …”

       อีฟถอนหายใจอีกครั้งพลางไถหน้าจออินเตอร์เน็ตในมิติประจำตัวแก้เบื่อด้วยความเคยชิน ..

       “อ่ะเดี๋ยว …”

       ในวินาทีนั้น อีฟพลันตระหนักบางสิ่งพร้อมกับจ้องนิ่ง ๆ ผ่านช่องทางเชื่อมต่อระหว่างสองโลกด้วยอินเตอร์เน็ต 

       “ทางที่ว่ามันก็มีอยู่นี่นา …”

_ .. _ .. _ .. _ .. _ .. _ 

       T/N: ทางที่ว่าคือรับสมัครดาวน์ไลน์ค่ะ—

       อันนี้คือสาเหตุหนึ่ง ที่ทำให้เค้าเลือกใส่ทั้งอิเซไกและไซไฟค่ะ ตอนแรกเค้าคิดว่าจะแปลถึงสัก 10% ของเรื่องก่อนแล้วค่อยเริ่มเอามาลง แต่สารภาพตามตรงว่าเจอปัจจัยที่ทำให้ รอไม่ได้ คือปัจจัยด้านคุณภาพ และเพื่อหาแรงกระตุ้นในการแปลค่ะ

       ถ้าถูกใจโปรเจ็คนี้ ขอความอนุเคราะห์ในการซัพพอร์ทค่ะ ที่ต้นทางนะคะ 

       Support the project: https://book.qidian.com/info/1016509432

_ .. _ .. _ .. _ .. _ .. _ 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] Game of the World Tree 6 ศรัทธาหวนคืน

Now you are reading [นิยายแปล] Game of the World Tree Chapter 6 ศรัทธาหวนคืน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

       ในวิหารใต้ลำต้นสูงตระหง่านของมหาพฤกษา อลิซ นักบุญแห่งธรรมชาติและซามีร์กำลังนั่งในอริยาบทนอบน้อมต่อหน้ารูปปั้น 

ทั้งคู่ค้อมศีรษะด้วยความอิ่มเอมใจระคนละอาย 

       หลังผ่านเหตุการณ์เมื่อครู่ ร่างกายของอลิซเกิดความเปลี่ยนแปลงบางอย่างขึ้น ราวกับมีคลื่นพลังศักดิ์สิทธิ์แผ่ออกมาจากตัวของเธอ 

       บาดแผลทั่วร่างของซามีร์ได้รับรักษาอย่างน่าอัศจรรย์ พร้อมกับบรรยากาศรอบตัวของเขาที่ต่างไปจากเดิมเล็กน้อย

       โอ๊คการ์ดนามเบอร์เซิร์กเกอร์ยืนอารักขาอยู่ในระยะไม่ใกล้ไม่ไกล มันดูนิ่งสงบราวกับรูปปั้นที่แฝงไปด้วยความรู้สึกคลั่งไคล้ต่อองค์เทพธิดา …

       “เค้าเล่นใหญ่ไปปะ?”

       อีฟกลืนน้ำลายดังเอื๊อกในห้วงมิติของตน สายตาจับจ้องอยู่กับจำนวนสาวกที่แสดงบนหน้าต่างโปรไฟล์

       [จำนวนสาวก: 3 (นักบุญ 1, คลั่งไคล้ 2, อุทิศตน 0, ตื้นเขิน 0)]

       แผนการณ์ของอีฟทรงพลังกว่าที่ตนเคยคาดหวังไว้ 

       เดิมทีอีฟต้องการเพียงการเข้าช่วยเหลือในจังหวะที่เหมาะเจาะเพื่อฟื้นฟูศรัทธาของเอลฟ์ทั้่งสอง ทว่าผลลัพธ์กลับรุนแรงกว่าที่คิดไว้มาก!

       นักบุญอลิซเคยเป็นหนึ่งในสาวกระดับอุทิศตน เธอไม่เพียงแค่กลับมามีศรัทธาในภายหลังเหตุการณ์ดังกล่าว แต่ระดับความเชื่อได้ทะลุระดับคลั่งไคล้ กลายเป็นนักบุญที่หาได้ยากยิ่ง! 

       แถมซามีร์ก็กลายเป็นสาวกระดับคลั่งไคล้เช่นเดียวกับโอ๊คการ์ด!

       ภาพของเอลฟ์ชราทรุดลงกับพื้นและร่ำไห้ราวกับเด็ก ๆ เมื่อตระหนักว่าพระมารดาฟื้นคืนชีพ ยังคงตราตรึงอยู่ในใจของอีฟ

       ดูเหมือนว่าส่วนผสมระหว่างการรอคอยอันแสนนาน ผนวกกับความสิ้นหวังเกินจินตนาการและปิดท้ายด้วยปาฏิหาริย์ในยามวิกฤติ จะก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เกินคาดไปไกล

       “มิน่าพวกเทพเลยชอบปล่อยให้สาวกเจ็บปวดรวดร้าวแล้วค่อยยื่นมือเข้าไปช่วยทีหลัง … เอ่อ มันเรียกว่าสตอล์กโฮล์มซินโดรมปะคะ? อือออ … ไม่เหมาะ ไม่เหมาะ เอาเป็นว่าคล้าย ๆ ละกันเนอะ”

       อีฟถอนใจอีกพลางชำเลืองมองแต้มที่ตนมี

       [พลังศักดิ์สิทธิ์: 20/500]

       อีฟคิดไว้แล้วว่าตนจะได้แต้มพลังจากการเพิ่มจำนวนผู้ศรัทธา แต่แต้มจำนวนมากที่ได้รับจากสาวกที่มีศรัทธาแรงกล้าก็ยังน่าตะลึงอยู่ไม่น้อย

       เดิมทีอีฟมีพลังศักดิ์สิทธิ์เพียง 10 แต้มเท่านั้น พอจ่ายไป 1 แต้มเพื่อฟื้นฟูร่างกายให้เอลฟ์ทั้งสองตน ทั้งคู่ก็มอบแต้มกลับมาให้อีฟถึง 6 หน่วยในเวลาอันสั้น

       มันเกินเบอร์ไปนิดนึงนะ …

       เอาจริงเค้าจ่ายแค่ 5 แต้มก็ได้เบอร์เซิร์กเกอร์มาตัวนึงแล้วอ่ะ

       อย่างไรก็ตาม อีฟพบว่าพลังที่ปะทุออกมาจากหัวใจของเอลฟ์ทั้งสองกลับมามีศรัทธาเป็นสาเหตุหลักของแต้มที่เพิ่มขึ้นมา …

       มันคล้าย ๆ กับพลังใจปะ?

       ที่เหลือเชื่อคือโอ๊คการ์ดได้มอบพลังให้อีฟอีกกว่า 5 แต้มจากการสังหารออร์คประมาณ 20 ตน!

       แปลก ๆ แฮะ

       ถ้าการเปลี่ยนแปลงของอลิซและซามีร์ทำให้อีฟเซอร์ไพรส์ สิ่งที่เกิดจากการกระทำของโอ๊คการ์ดก็จัดว่าเข้าขั้นน่าหวาดหวั่น

       เมื่อลองพิจารณาดูว่าโอ๊คการ์ดมอบพลังชีวิตของเหล่าออร์คทั้งฝูงให้กับตน ปริมาณพลังชีวิตของออร์ค 20 ตนที่มีความแข็งแกร่งเฉลี่ยอยู่แค่ในระดับเหล็กขั้นกลาง … แต่กลับได้มาตั้งห้าแต้ม

       มันควรจะได้แค่แต้มเดียว แต่นี่ได้ตั้งห้าแต้ม!

       ที่สำคัญคือพลังดังกล่าวมีบางสิ่งแฝงมาด้วย บางสิ่งที่ไม่ใช่พลังชีวิตของพวกออร์ค บางสิ่งที่ให้ความรู้สึกคุ้นเคย …

       พลังนี้คล้าย ๆ กับสิ่งที่อีฟรู้สึกจากเอลฟ์ทั้งสอง

       อีฟสร้างข้อสรุปอย่างรวดเร็วเมื่อลองตรวจสอบข้อมูลที่สืบทอดมา 

       ออร์คเหล่านี้ใช้ชีวิตอยู่กับการล่าเอลฟ์มานานแสนนาน พวกมันสะสมความเคียดแค้นจากเอลฟ์จำนวนมหาศาล เมื่ออีฟสังหารพวกมันจึงเป็นการปลดปล่อยวิญญาณของเหล่าเอลฟ์ที่ตายไปด้วยน้ำมือของพวกมัน 

       เผ่าพันธุ์ทรงปัญญาและทรงพลังจะมีแรงแค้นที่แกร่งกล้าเป็นพิเศษ

       โดยเฉพาะเอลฟ์ที่มีอายุขัยยืนยาวพร้อมกับปัญญาที่มากล้น ที่สำคัญคือพลังเวทมนตร์อันเป็นเอกลักษณ์ของสายพันธุ์ ความแค้นของเอลฟ์ที่สั่งสมมานับพันปีจึงเป็นสิ่งที่ดูแคลนไม่ได้เลยแม้แต่น้อย

       ความพยาบาทเป็นพลังทางวิญญาณเช่นเดียวกับแรงศรัทธา จิตวิญญาณที่ไร้ที่ยึดเหนี่ยวจะร่วงหล่นลงสู่ปรภพหลังความตายของมัน เมื่ออีฟกำจัดผู้ล่าเหล่านั้นจึงเป็นการคลายบ่วงสุดท้ายให้กับวิญญาณเอลฟ์ ความพยาบาทที่สะสมมานานจึงหวนคืนมาในรูปแบบพลังงาน และกลายเป็นพลังศักดิ์สิทธิ์ของอีฟในที่สุด

       นอกจากศรัทธาจากสองเอลฟ์ เค้ายังได้พลังจากความแค้นด้วยล่ะ!

       เรื่องนี้ทำให้อีฟเซอร์ไพรส์อย่างมาก

       “แบบนี้แทนที่จะเพิ่มจำนวนสาวก การล่าพวกศัตรูของเอลฟ์ก็เหมือนจะได้ผลดีเยี่ยมแฮะ ได้ทั้งฟื้นฟูเผ่าพันธุ์ ทั้งดึงพลังจากวิญญาณผู้วายชนม์กลับมา แถมการสูบพลังจากสกิล พลียุทธ นั่นก็ดูจะเด็ดใช้ได้ …”

       อีฟตั้งข้อสรุป

       ทว่าสถานการณ์ปัจจุบันดูไม่เอื้อกับแผนนี้เท่าไร

       “เน้นการกำจัดศัตรูมันก็ดูดีอยู่หรอก แต่เอาจริงหลัก ๆ ก็มีแค่พวกกลุ่มนักล่า ปริมาณพวกนี้ก็มีอยู่จำกัด ต่อให้ล้างบางจนเรียบก็คงไม่ได้พลังคืนมาเท่าไร แถมถ้าพูดถึงตัวการของเรื่องราวจริง ๆ … เราก็ยังสู้ซึ่ง ๆ หน้าไม่ได้ด้วยซ้ำ”

       “พอมาคิดเรื่องพลังจากความพยาบาท ตอนแรกก็ดูเป็นพลังที่มากพอตัว แต่เอาเข้าจริงก็คงมีผลชัดเจนแค่ในช่วงระดับต้นแค่นั้น คงพอใช้เป็นทางหลักได้แค่ในสภาพใกล้ตายแบบตอนนี้”

       “การจะฟื้นฟูเผ่าพันธุ์คงต้องใช้ตัวช่วย แน่นอนว่าต้องรวบรวมเอลฟ์ให้ได้ แถมยังต้องมีกำลังรบมหาศาลพร้อมสกิลพลียุทธเพื่อเพิ่มพลังให้เร็วที่สุด …”

       “จำนวนคงต้องใช้ขั้นต่ำหมื่นนึง หรือแสนนึง หรือล้านนึงเลยแฮะ …”

       “ว่าไป เรามีเอลฟ์เหลืออยู่บนโลกเท่าไรหว่า?”

       อีฟพลันเข้าใจสถานการณ์ของเอลฟ์ทันทีเมื่อนึกถึงบทสนทนาระหว่างซามีร์และอลิซในช่วงก่อนหน้านี้ 

       สถานการณ์ปัจจุบันเหมือนว่าเอลฟ์จะระหกระเหินทั่วดินแดนหลังจากที่ต้นไม้โลกองค์เก่าสิ้นลง ปริมาณผู้เหลือรอดต่ำกว่าสิบเปอร์เซ็นต์ ส่วนมากจะอาศัยอยู่อย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ … เรียกได้ว่าไม่ใกล้คำว่ายุคทองของเอลฟ์เลยแม้แต่น้อย 

       “แบบนี้ถ้ามีเวลาเพียงพอในการรวบรวมเอลฟ์ เราก็คงได้พลังคืนมาเท่าที่จะหาได้ในตอนนี้ คงไม่มีทางลัดสินะ … แถมการจะฟื้นฟูอารยธรรมก็ดูเป็นเรื่องยากเข้าไปอีกเพราะมันต้องใช้ประชากรจำนวนมหาศาล”

       ยิ่งคิดอีฟยิ่งสิ้นหวัง

       “เราอ่อนแอเกินไป ในช่วงยุคที่ต้นไม้โลกองค์เก่ายังมีชีวิต แค่จ่ายพลังก็สร้างเอลฟ์ดั้งเดิม ออกมาได้เลย”

       เอลฟ์ดั้งเดิมถูกสร้างโดยมหาพฤกษา จัดเป็นเอลฟ์รุ่นแรกในพิภพนี้

       “แต่การจะสร้างเอลฟ์ระดับนั้นได้มันก็ต้องมีพลังประมาณนึง และถ้าเรามีพลังระดับนั้นก็คงไม่ใช่ช่วงที่ต้องฟื้นฟูอารยธรรมเพื่อเอาพลังคืนมา มองไงมันก็ขัดกันอ่ะ!”

       ยิ่งคิดอีฟยิ่งสิ้นหวังไปอีกระดับ

       การจะจ่ายพลังเพื่อสร้างเอลฟ์ดั้งเดิมไม่ใช่สิ่งที่อีฟสามารถทำได้ในตอนนี้ ในทางทฤษฏี พันธกิจหลักของเทพีแห่งชีวิตคือการสร้างวิญญาณ แต่สภาพปัจจุบันของอีฟไม่เอื้อต่อการกระทำดังกล่าวแม้แต่น้อย แถมหากฝืนใช้พลังกำเนิดวิญญาณดื้อ ๆ ก็จะต้องจ่ายแต้มมากกว่าที่ควรใช้เสียอีก 

       ยกตัวอย่างเช่นการจ่ายหนึ่งแต้มเพื่อสร้างวิญญาณหนึ่งดวงในยุคก่อน อีฟในตอนนี้อาจต้องจ่ายถึงสิบแต้ม … แค่การปลุกวิญญาณเบอร์เซิร์กเกอร์ยังใช้ถึงห้าแต้ม การสร้างใหม่มันคืออีกระดับโดยสิ้นเชิง

       ในตอนนั้น สิ่งที่อีฟทำลงไปคือการฝืนชุบชีวิต

       ห้าแต้มที่จ่ายไปเป็นสิ่งที่ต้องแลกมาเพื่อดวงวิญญาณ การสร้างพลังชีวิตของโอ๊คการ์ดระดับเงินในความเป็นจริงมันใช้แค่นิดเดียว …

       ดังนั้นการจะจ่ายแต้มเพื่อสร้างเอลฟ์ดั้งเดิมจะเป็นการใช้พลังเกินตัวเป็นอย่างมาก ยังไม่นับว่าต้องสร้างร่างกายที่เป็นอีกส่วนโดยสิ้นเชิงอีก

       ร่างกายที่ปราศจากวิญญาณก็ไม่ต่างอะไรกับหุ่นกระบอกไร้ผู้ควบคุม

       แน่นอนว่าถ้าอีฟแข็งแกร่งขึ้น กระบวนการทั้งหมดนี้ก็จะใช้แต้มน้อยลงเช่นกัน อีฟในอนาคตคงสามารถจ่ายเพียงแต้มเดียวเพื่อสร้างเอลฟ์ดั้งเดิม!

       แต่อีฟรอนานขนาดนั้นไม่ได้ สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือประสิทธิผลและเวลาที่ต้องจ่าย

       “ถ้าเรามุ่งเน้นไปที่การรวบรวมเอลฟ์ให้เป็นปึกแผ่น มันคงจะใช้เวลาเป็นทศวรรษ หรือศตวรรษ”

       นานไป!

       สถานการณ์ตอนนี้เค้ายังมีศัตรูระดับเสี้ยนหนามจนถึงระดับตอเขื่อง ๆ แบบพวกเทพองค์อื่นพร้อมเหล่าสาวกอีกเพียบ!

       ที่ร่างมหาพฤกษาอยู่มาได้เป็นพันปี เพราะต้นไม้โลกองค์ก่อนร่ายเวทมนตร์ส่งท้ายไว้ในตอนใกล้จบสงคราม ภายใต้ผลของมันจะไม่มีสิ่งมีชีวิตระดับต่ำกว่าเทพดั้งเดิมใด ๆ ที่สามารถเข้าใกล้ต้นไม้โลกได้ ยกเว้นแต่สาวกของอีฟเท่านั้น

       หลังจากมหาสงคราม ปริมาณพลังเวทมนตร์ในดินแดนซากัสลดลงตามลำดับ ส่งผลให้การเชื่อมต่อระหว่างสวรรค์และภพเบื้องล่างถูกตัดขาดลง เหล่าเทพเบื้องบนจึงไม่สามารถลงมาด้วยร่างของตนได้ และเทพที่อยู่ในดินแดนนี้ถูกผลักเข้าสู่สภาวะจำศีลเพราะสภาพแวดล้อมที่พลังเวทมนตร์ต่ำไม่เหมาะกับเทพ …

       สถานการณ์นี้จึงทำให้ต้นไม้โลกยังคงอยู่รอด

       แต่ในวินาทีที่อีฟจุติสู่แดนซากัส … มนตร์พลันคลายออก

       หากอีฟยังคงอยู่ในสภาวะใกล้ตายเช่นนี้ มันคงยากที่จะป้องกันตัวเองจากศัตรูที่มีพลังในระดับตำนานทั้งหลายทั้งปวง

       “หวังว่ามันจะมีทางหาวิญญาณจำนวนมหาศาลมาได้นะ ถ้ามีวิญญาณซะอย่างก็สบายไปหนึ่งอย่าง ต่อไปคือเรื่องจัดหาร่างกายให้เพียงพอ ถ้ามีทางลัดในการสร้างวิญญาณก็จะสบายไปอีกหลายต่อ การสร้างประชากรขึ้นมาใหม่ก็จะไม่ใช่เรื่องยาก ทีนี้การเพิ่มศรัทธาและการขยายอารยธรรมเอลฟ์ก็จะทำควบคู่กันไปได้ … พร้อมกับเราที่จะแข็งแกร่งขึ้นตามลำดับ”

       แล้วเค้าจะไปหาวิญญาณเยอะ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ มาจากไหน? เดิมทีแทบทุกดวงวิญญาณในภพนี้ก็มีเทพประจำใจอยู่แล้ว! ในปรภพยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย เค้ายังเข้าไปไม่ได้!

       ที่สาหัสสุดคือจะทำไงถ้าวิญญาณไม่ฟังเค้าอ่ะ … ?

       “ยากจังน้า …”

       อีฟถอนหายใจอีกครั้งพลางไถหน้าจออินเตอร์เน็ตในมิติประจำตัวแก้เบื่อด้วยความเคยชิน ..

       “อ่ะเดี๋ยว …”

       ในวินาทีนั้น อีฟพลันตระหนักบางสิ่งพร้อมกับจ้องนิ่ง ๆ ผ่านช่องทางเชื่อมต่อระหว่างสองโลกด้วยอินเตอร์เน็ต 

       “ทางที่ว่ามันก็มีอยู่นี่นา …”

_ .. _ .. _ .. _ .. _ .. _ 

       T/N: ทางที่ว่าคือรับสมัครดาวน์ไลน์ค่ะ—

       อันนี้คือสาเหตุหนึ่ง ที่ทำให้เค้าเลือกใส่ทั้งอิเซไกและไซไฟค่ะ ตอนแรกเค้าคิดว่าจะแปลถึงสัก 10% ของเรื่องก่อนแล้วค่อยเริ่มเอามาลง แต่สารภาพตามตรงว่าเจอปัจจัยที่ทำให้ รอไม่ได้ คือปัจจัยด้านคุณภาพ และเพื่อหาแรงกระตุ้นในการแปลค่ะ

       ถ้าถูกใจโปรเจ็คนี้ ขอความอนุเคราะห์ในการซัพพอร์ทค่ะ ที่ต้นทางนะคะ 

       Support the project: https://book.qidian.com/info/1016509432

_ .. _ .. _ .. _ .. _ .. _ 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+