ผู้กล้าเงาสุดแกร่ง อยากมีชีวิตอย่างคนธรรมดา 16

Now you are reading ผู้กล้าเงาสุดแกร่ง อยากมีชีวิตอย่างคนธรรมดา Chapter 16 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Ch.16 – คนน่าสงสัย

Translator : Reheikichi / Author

วันรุ่งขึ้น หลังจากได้ประสบการณ์จีบสาว

ผมที่เพิ่งเรียนคาบที่สองเสร็จ หันไปมองที่กลางห้องเรียน

――วันนี้ซิคไม่มาเหรอ

ผมพลางนึกถึงเด็กหนุ่มของแผนกผู้กล้าที่สู้ด้วยเมื่อวาน

เพราะสถานการณ์มันฉุกเฉินจึงเจาะรูบนฝ่ามือของเขาไป แต่ก็ไม่น่าจะถึงชีวิตนี่นา มันเป็นบาดแผลที่รักษาด้วยเวทมนตร์ฟื้นฟูที่หายได้ในชั่วข้ามคืน แต่สงสัยว่าวันนี้เขาจะตัดสินใจจะหยุดพักรักษาตัวก็เป็นได้

[ ดีล่ะ เที่ยงแล้ว! กินข้าวๆ ]

เมื่อเสียงดังของระฆังพักเที่ยงดังขึ้น กุเร็นก็พูดออกมาเสียงดัง

[ กุเร็น ผมขอไปห้องน้ำก่อน ไปก่อนได้เลย ]

[ รับทราบ ไว้เจอกัน ]

ผมให้กุเร็นล่วงหน้าไปก่อนและไปห้องน้ำ

และขณะที่กำลังจะเดินลงบันไดก็พบกับเด็กสาวที่หน้าตาคุ้นหน้าเข้าพอดี

[ อ่ะ ทรูเอท ]

[ เอลิเซียเองเหรอ ]

เมื่อเห็นว่าเป็นคนรู้จัก จึงเดินเข้าไปใกล้อีกนิด

[ วันนี้ดูท่าซิคจะหยุดรักษาตัวนะ ]

[ นั่นสินะ… คิดอยู่เลยว่าพอมาเรียนจะโดนเอาคืนแบบไหน แต่ก็ค่อยโล่งอกไปหน่อย ]

[ ก็ไม่รู้หรอก แต่เมื่อวานเขาดูแปลกๆ นะ ]

อย่างที่เอลิเซียบอก เมื่อวานซิคทำตัวแปลกๆ

จะให้ระวังตัวก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเลย

[ จะว่าไปปกตินายไปกินมื้อเที่ยงที่ไหนนะ? ]

[ โรงอาหารนะ ]

[ อืมม… จะไปด้วยดีไหมนะ ปกติฉันจะกินมื้อเที่ยงกับมิเซ่ แต่วันนี้มิเซ่ไปกับคนอื่น ]

เอลิเซียพึมพำเพราะถูกทิ้งอยู่คนเดียว ทำให้ผมเผลอถามสิ่งที่คิดอยู่ในใจออกไป

[ คิดมาสักพักแล้วล่ะ เอลิเซีย… เธอไม่มีเพื่อนคนอื่นในแผนกผู้กล้าเลยเหรอ? ]

[ เดี๋ยวสิ หยาบคายนะยะ… อืม แต่มันก็เป็นความจริง ]

[ หว๊าา ]

[ ไม่นะ! ไม่ได้เหงาสักหน่อย! ]

เอลิเซียเน้นย้ำ

[ นายเองก็น่าจะรู้ใช่มั้ยล่ะ ว่าแผนกผู้กล้าส่วนมากจะคุยกันอย่างการดูถูกแผนกสามัญ แต่ฉันไม่ชอบเรื่องแบบนั้น เลยไม่มีคนที่สนิทด้วย ]

แผนกผู้กล้าต่างมองแผนกสามัญอย่างดูถูก เรื่องนี้ทุกคนในโรงเรียนรู้ดี แม้จะไม่ใช่ทุกคนในแผนกผู้กล้าที่เป็นแบบนั้นยังคัดค้านเรื่องว่าแผนกสามัญ แต่สถานการณ์ก็ไม่สู้ดีนัก

[ ยังไงก็เถอะ นายน่ะปกคอเสื้อยับหมดแล้วนะ ]

เอลิเซียพูดขณะที่มองไปยังปกคอเสื้อของผม

แน่นอนว่ายับมาก ในวันแรกที่เข้าเรียนผมพยายามจัดปกคอเสื้อจนเนี๊ยบเลยขอบอก แต่พอนานวันเข้าก็เริ่มไม่จัดมันแล้ว ไม่ใช่แค่ผม รวมถึงกุเร็นและนักเรียนคนอื่นๆ ก็ติดกระดุมเม็ดแรกกันเท่านั้น คอเสื้อจึงอยู่ในสภาพยับมาก

พอนึกถึงความเปลี่ยนแปลงไปจากวันแรก ก็เผลอยกมุมปากขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ

[ หน้าแบบนั้นมันอะไรนะ? ]

[ ไม่หรอก… ก็แค่คิดว่าถ้าเป็นเมื่อก่อนคงทำแบบนี้ไม่ได้นะ ]

[ จะว่าไปนายเคยทำงานทำความสะอาดก่อนเข้าเรียนนี่นะ… อืมม ที่ทำงานคงจะเคร่งระเบิดสินะ? ]

[ ใช่แล้วล่ะ ถ้าหัวหน้าเห็นปกคอเสื้อยับแบบนี้มีหวังหัวกระเด็นได้ทันทีเลยล่ะ ]

[ เคร่งขนาดนั้นเลย!? ]

ใช่

แต่ที่จริงที่ว่าหัวกระเด็นนี้ไม่ใช่การเล่นคำแต่อย่างใด แต่หัวกระเด็นตรงตามตัวอักษร

[ คนที่ไม่ปฏิบัติตามกฏได้ หากอยู่ในหน้าที่ก็คงปฏิบัติงานตามกฏของงานไม่ได้ นี่ล่ะเหตุผล ]

[ ป เป็นที่ที่เคร่งระเบียบสุดๆ เลยนะ… เวลาเห็นคนทำความสะอาดเมืองต้องมองใหม่แล้วล่ะ พวกเขาพยายามกันน่าดูเลยนะ ]

เอลิเซียบ่นเสียงแผ่วเบา

บางทีนี่ผมอาจจะเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ของบริษัททำความสะอาดทั่วประเทศไปแล้วก็ได้นะเนี่ย

[ แต่ยังไงก็เถอะ ทำให้มันเรียบร้อยหน่อยสิ… เดี๋ยวจัดจัดคอเสื้อให้แล้วกัน ]

จากนั้นเอลิเซียก็ยื่นมือมาจับคอเสื้อของผม

ใบหน้าของเราใกล้กันมากขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้เห็นหน้าของเอลิเซียจัดเจนแบบทุกมุมมอง

สำหรับผมแล้ว ความประทับใจแรกพบกับเอลิเซีย เด็กสาวที่ได้ร่วมมือกันในตอนสอบเข้าก็คือ เด็กสาวที่ดูเข้มแข็งและหัวดื้อหน่อยๆ แม้จะมีนิสัยที่ตรงกันข้ามกับภาพลักษณ์ภายนอก ทั้งที่หน้าตาดูเป็นคนเรียบร้อยและมีความสวยชนิดที่ว่าไม่น่าจะสู้กับใครได้ ให้ความรู้สึกเหมือนเด็กสาวไร้เดียงสาซะมากกว่า

เมื่อสังเกตดูอีกทีก็เห็นว่าเอลิเซียกำลังจ้องมองผมด้วยความชื่นตา

[ … นี่ ]

[ อะไร? ]

[ นี่นายน่ะ ไม่สนใจเพศตรงข้ามเหรอ? ]

กำลังพูดถึงเรื่องอะไรนะ?

เอลิเซียยังคงเปิดปากและพูดต่อราวกับจะอ่านสิ่งที่อยู่ในใจผม

[ ทั้งที่ขนาดนี้แล้ว แต่ไม่รู้สึกตื่นเต้นอะไรเลยเหรอ? ]

[ ขนาดนี้? แต่ก็แค่จัดคอเสื้อเท่านั้นเองไม่ใช่เหรอ? ]

[ ถ้างั้น―― แบบนี้ล่ะ? ]

เอลิเซียยื่นหน้าของเธอเข้ามาใกล้

ทำให้มีกลิ่นหอมหวานของเธอแตะจมูกของผมเล็กน้อย

เอลิเซียที่จ้องมองเข้ามาในดวงตาของผม แก้มค่อยๆ แดงขึ้น

[ เอลิเซีย ]

[ …อะไร ]

[ ขนตาเธองอนยาวดีนะ ]

จากนั้นแก้มของเอลิเซียก็กลายเป็นสีแดงแปร๊ด

[ พะ พูด… ]

[ ถ้าคิดว่าน่าอายก็อย่าทำแต่แรกสิ ]

[ ก็ไม่คิดว่านายจะพูดออกมาแบบนั้นนี่นา… ]

[ หรือผมไม่พูดจะดีกว่า? ]

[ ชะ ช่างมันเถอะ! รีบไปโรงอาหารกันเร็วเข้า! ]

แม้เธอจะเป็นฝ่ายรุกเอง แต่ดูเหมือนจะอายจนสับสนและทนไม่ไหว

เอลิเซียจึงมุ่งหน้าเดินตรงไปที่โรงอาหารอย่างรวดเร็ว

[ นายมันแย่ที่สุด… ]

เอลิเซียชี้มาทางผมขณะที่น้ำตาเอ่อล้น

[ ทั้งที่ฉันลงทุนขนาดนี้ แต่นายก็ยังทำตัวตามปกติได้ เป็นคนที่มีปริศนาเยอะจริงๆ นะ …. แล้วก็เรื่องเมื่อกี้อย่าไปบอกใครนะยะ ]

[ ถ้าเป็นกล่องที่ห้ามเปิด ธรรมชาติของมนุษย์ก็อยากจะเปิดออกดูอยู่แล้ว… นี่เองก็เป็นวิธีหนึ่งสินะ? ]

[ ….ฉันคิดมาได้สักพักแล้ว ]

เอลิเซียยักไหล่

[ เรื่องนิยาม คำอธิบายเกี่ยวกับตัวนายน่ะ ]

[ ขอฟังหน่อยแล้วกัน ]

[ คนน่าสงสัย! นายมันเจ้าคนน่าสงสัย! ]

ตามที่คาดไว้เป๊ะ… แม้จะไม่อยากยอมรับ แต่มันก็เป็นความจริง

ทั้งที่ผมเองก็พยายามใช้ชีวิตในแบบคนธรรมดาแล้วนะ

[ … คนน่าสงสัยเหรอ ก็เตรียมใจมาได้สักพักแล้ว แต่ตกลงนี้ผมน่าสงสัยขนาดนั้นเลยเหรอ? ]

[ ใชสิ น่าสงสัยสุดๆ ทั้งสัมผัสแปลกๆ เวลาอยู่ใกล้ๆ … ทั้งยังเจอแต่เจอพิลึก เช่นเมื่อกี้ที่นายเดินมาก็ไม่มีแม้แต่เสียงฝีเท้าเลย นี่นายรู้ตัวบ้างรึเปล่า? ]

[ ไม่เลย มันติดนิสัยนะ ผมก็แค่ไม่คิดว่าไม่จำเป็นต้องแก้เรื่องนี้ก็ได้ หรือจะต้องแก้ไขให้มีเสียงเท้าเวลาเดิน? ]

[ หรือแก้หรือไม่แก้ก็ตามใจเถอะยะ… ]

เอลิเซียพูดด้วยใบหน้ายุ่งยาก

ผมก็รู้ตัวนะว่าตัวเองต่างจากคนอื่น มันเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับผมที่โตมาในสภาพแวดล้อมพิเศษ จึงเพิ่งสังเกตเรื่องฝีเท้าของตัวเองมันต่างจากคนอื่น

[ … ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่เห็นจะน่าสงสัยขนาดนั้นเลยนี่ ]

[ ปัญหาใหญ่ที่สุดก็คือนายที่ไม่รู้ตัวนี่ล่ะ ]

[ ไม่ปฏิเสธ …. เอลิเซีย ขอโทษที่ก่อปัญหาให้นะ แต่ถ้ามีจุดน่าสงสัยของผมอีกก็บอกหน่อยแล้วกัน―― ]

แล้วเราก็เดินออกจากอาคารเรียนไปยังโรงอาหาร

ทันใดนั้นผมก็รู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ จึงหยุดทันที

ด้านหลังประตูโรงเรียน ผมเห็นผู้หญิงผมสีชมพูอ่อนในชุดทหารสีดำยืนอยู่

ผู้หญิงคนนั้นโบกมือให้ผม

――คริส? ทำไมเธอถึงได้มาอยู่ที่โรงเรียนล่ะ?

ผมรู้สึกสับสนเล็กน้อยเพราะเห็นหัวหน้าเก่าอยู่ที่โรงเรียน

มีงาน―― คงไม่ใช่

ถ้ามีภารกิจ เธอน่าจะติดต่อผมล่วงหน้าโดยใช้ 『กระดาษสื่อสาร』สิ

เพราะเมินเฉยไม่ได้

ผมจึงหันไปหาเอลิเซียและผละตัวออกไป

[ … ขอโทษด้วย แต่ผมมีธุระด่วนสำคัญต้องไป เธอไปโรงเรียนคนเดียวได้เลยนะ ]

จากนั้นเอลิเซียก็ตอบมาด้วยท่าทางดูเย็นชา

[ เหรอ ก็คงงั้นสินะ ]

มันสำคัญมากจริงๆ

จากนั้นเอลิเซียก็ย้ำอีกครั้ง

[ คงอย่างนั้นสินะ ]

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด