พลิกชะตา หมอเทวดาอันดับหนึ่งบทที่ 329.1 พบหน้า (1)

Now you are reading พลิกชะตา หมอเทวดาอันดับหนึ่ง Chapter บทที่ 329.1 พบหน้า (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ณ ลานบ้านของฮูหยินใหญ่เฉิงเต็มไปด้วยเหล่าแม่นมและสาวใช้ ทั้งยังมีแม่นมและสาวใช้คนอื่นๆ ที่ถูกเรียกพากันวิ่งมา ไกลออกก็มีเหล่าแม่นมและสาวใช้ที่ยังคงงุนงงเอ่ยถามซึ่งกันและกัน

“เกิดอะไรขึ้นหรือ”

“รีบไปดูแม่นางบ้าผู้นั้นกลับมาน่ะสิ”

“แม่นางบ้านั่นมีอะไรน่าดูกัน ระวังตกใจล่ะ มองมากเข้าจะซวยเอา”

“ไม่ใช่คนบ้า แต่เป็นหญิงงามต่างหาก!”

“ตกลงคนบ้าหรือหญิงงามมากันแน่”

ลานบ้านตระกูลเฉิงเสียงจอแจไม่หยุดหย่อน ทว่าคนที่อยู่ใกล้กับฮูหยินใหญ่เฉิงกลับไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยคำใด แม่นมและสาวใช้ยิ่งกลั้นหายใจไม่กล้าส่งเสียง ส่วนผู้คนที่นั่งกันอยู่เต็มห้องโถงก็เงียบสงัดจนแทบได้ยินเสียงฝีเข็ม สายตาของทุกคนจ้องมองไปที่หญิงสาวที่นั่งอยู่ทางซ้ายมือของฮูหยินใหญ่เฉิง

มือข้างหนึ่งของหญิงผู้นั้นกำลังรั้งแขนเสื้อขึ้น ส่วนมืออีกข้างหนึ่งก็ยกชาขึ้นดื่ม… เอ่อ ไม่ใช่ชา ยามเหล่าสาวใช้ยกชาเข้ามาให้ สาวใช้ที่นั่งอยู่ด้านหลังของนางก็เอ่ยท้วงด้วยรอยยิ้ม

“นายหญิงของข้าไม่ดื่มชา ขอเปลี่ยนเป็นน้ำเปล่าได้หรือไม่” นางเอ่ย

สาวใช้นางนี้ใบหน้ายิ้มแย้ม ท่าทางดูผ่อนคลาย ดูไม่เหมือนกับคนที่เพิ่งมาเยือนแปลกที่เลยแม้แต่นิด

อ๋อ ใช่แล้วละ สำหรับนางแล้ว ที่นี่ก็ไม่ถือว่าต่างถิ่นแต่อย่างใด สาวใช้นางนี้เคยมาที่นี่

แม่นมข้างกายฮูหยินรองเฉิงหรี่ตามองอย่างตั้งใจอยู่นานสองนาน ภาพความทรงจำของสาวใช้ร่างสั่นเครือที่ถูกตบจนน้ำตาไหลนองหน้าก็ปรากฏขึ้นมา

สาวใช้นางนี้ก็กลับมาด้วยหรือนี่

หญิงสาวถอดหมวกคลุมหน้าออก สวมเสื้อผ้าสีเข้มเช่นเดียวกับหมวกคลุมหน้า มีเพียงแขนเสื้อกว้างเท่านั้นที่กุ้นขอบตกแต่ง ส่วนกระโปรงผืนยาวนั้นก็เป็นสีล้วนเช่นกัน เส้นผมแสกกลางปักด้วยหวีเล็กสีเงิน นอกจากนั้นก็ไม่มีเครื่องประดับใด แขนเสื้อที่ถูกยกขึ้นสูงบดบังใบหน้าของนางไปกว่าครึ่งหนึ่ง

แขนเสื้อกว้างที่คล้อยลงมาพลิ้วไหวเหมือนดั่งท่วงท่ากิริยาของหญิงผู้นี้

แขนเสื้อถูกรวบเก็บแล้ววางลงบนตัก ถ้วยชาถูกดันออกห่าง คนในห้องจึงพากันถอนหายใจอย่างโล่งอก ราวกับว่าในที่สุดก็ได้เวลาพูดคุยโดยไม่ขัดจังหวะแม่นางผู้นี้เสียที

“เจ้า หายดีแล้วจริงๆ หรือ” ฮูหยินหวังถามขึ้นเป็นคนแรก แม้นางจะพินิจพิจารณาเฉิงเจียวเหนียงนับครั้งไม่ถ้วนตั้งแต่เดินเข้าประตูมาจนถึงตอนนี้แล้วก็ตาม

“ร่างกายของข้านับว่าแข็งแรงใช้ได้” เฉิงเจียวเหนียงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะส่งยิ้มบางให้นาง

ฮูหยินหวังชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะยื่นมือออกไป

“เช่นนั้น… นี่กี่นิ้ว” นางถาม

เมื่อคำนั้นเอ่ยออกไป คนทั้งห้องก็ตกตะลึงในทันที

“ห้านิ้วเจ้าค่ะ” เฉิงเจียวเหนียงสีหน้ายิ้มแย้ม ทั้งยังเอ่ยพลางหัวเราะออกมา

นับเลขเป็นนี่! แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว

ฮูหยินหวังดีใจยิ่งนัก ก่อนจะถอนหายใจออกมา

“ดียิ่งนัก” นางเอ่ยพลางลุกยืนขึ้น “เช่นนั้นข้าขอตัวลา”

คนอื่นยังคงเหม่อลอย ทว่าเฉิงเจียวเหนียงนั้นลุกยืนขึ้นก่อนจะโค้งคำนับลา

คนในห้องเพิ่งได้สติก่อนพากันลุกขึ้นยืนจนวุ่นวายไปหมด

“นั่งลงเถิด นั่งลงเถิด” ฮูหยินหวังยิ้มเอ่ยก่อนจะก้าวเท้าเดินออกไป

ฮูหยินใหญ่เฉิงรู้ดีว่าในใจของนางคงกังวัลเรื่องท่านชายหวังสิบเจ็ดอยู่ หากไม่ต้องมาสำรวจเฉิงเจียวเหนียงอย่างใกล้ชิดเช่นนี้ นางคงกลับเรือนไปตั้งนานแล้ว ดังนั้นนางจึงไม่ได้เอ่ยรั้งไว้ ก่อนจะเดินไปส่งด้วยตนเอง

“ไม่เลว ไม่เลว แหมท่านพี่ ท่านนี่ก็เหลือเกิน แม่นางน้อยเป็นคนดีถึงเพียงนี้ ท่านจะกังวลใจไปใย” ฮูหยินหวังเอ่ยด้วยรอยยิ้ม พลางก้าวเดินอย่างฉับไว

ฮูหยินใหญ่เฉิงสีหน้ายุ่งเหยิง

“แต่ก่อน นางไม่ได้ดีเช่นนี้…” นางเอ่ย พูดจบก็หยุดเดินลง “ยามนี้เองก็ไม่ได้รู้ว่าดีขึ้นสักเท่าใด… คนจะดีหรือไม่ ใช่ว่าอยู่ที่รูปร่างหน้าตา…”

ฮูหยินหวังเหลียวหลังมายิ้มให้

“ชายสิบเจ็ดของข้า ไม่ได้ดูคนที่หน้าตาเพียงอย่างเดียวหรอกเจ้าค่ะ” นางยิ้มเอ่ยพลางยกมือขึ้นโบกไปมา “หน้าตาเช่นนี้ จะหาที่ไหนได้อีก”

ฮูหยินใหญ่เฉิงมองดูฮูหยินหวังนั่งรถที่เคลื่อนออกไปอย่างรวดเร็ว นางยืนเหม่อลอยอยู่ที่หน้าประตูรอง

เสียงฝีเท้ารีบเร่งดังขึ้นมาจากด้านหลัง พร้อมกับเสียงหัวเราะคิกคัก

“เร็วเข้า รีบไปดูหญิงงามกัน”

“คือคนบ้าผู้นั้นจริงๆ หรือ”

ฮูหยินใหญ่เฉิงหันหลังกลับ ก็เห็นแม่นมและสาวใช้พากันวิ่งให้วุ่นวาย ทันใดนั้นสีหน้าก็บึ้งตึงขึ้นมาในทันใด

แม่นมข้างกายกระแอมขึ้นมา

เหล่าแม่นมและสาวใช้ที่เพิ่งเห็นฮูหยินใหญ่เฉิงก็ตกใจจนคุกเข่าลงแล้วโขกหัวกับพื้น

ฮูหยินใหญ่เฉิงเองก็คร้านจะลงโทษพวกนาง เพียงแต่ในใจนั้นรู้สึกกระวนกระวาย อธิบายไม่ถูกว่ารู้สึกเช่นไร

คราวก่อนที่แม่นางน้อยกลับมา เป็นเพราะเคาะประตูยามดึกดื่นจนทะเลาะกันเสียงดังวุ่นวายไปหมด ทั้งยังทำให้สะใภ้ทั้งสองอย่างพวกนางบาดหมางกันมาจนถึงตอนนี้

คราวนี้นางกลับมาอย่างสง่าผ่าเผย ทว่าก็ก่อเรื่องวุ่นวายไม่น้อย… ไม่รู้ว่าต่อไปจะมีเรื่องอันใดให้รำคาญใจอีก

ฮูหยินใหญ่เฉิงยกมือขึ้นนวดขมับ ก่อนจะก้าวเท้าเดินเข้าไปข้างใน

แต่ว่า…

นางหยุดฝีเท้าลงอีกครั้ง

หายดีแล้วจริงๆ หรือ ไม่บ้าแล้วหรือ

หายดีได้จริงๆ หรือ โรคที่เป็นตั้งแต่กำเนิดก็หายดีได้หรือ

หรือว่าจะเหมือนกับคราวก่อนที่เดินทางจากปิ้งโจวมานับพันลี้ ที่จริงแล้วล้วนแต่เป็นแผนการและฝีมือของสาวใช้นางนั้นทั้งหมด

อ๋อ ใช่ สาวใช้นางนั้น สาวใช้ที่หนีไปกับตระกูลโจว เหตุใดถึงกลับมาอีกเล่า

นางก้าวเท้าเดินต่อ รู้สึกเพียงว่าในหัวสับสนวุ่นวายไปหมด พอเดินมาถึงหน้าประตูเรือน ก็เห็นว่าผู้คนที่นั่งอยู่เต็มเรือนเมื่อครู่หายไปหมดแล้ว เหลือเพียงสาวใช้และแม่นมที่อยู่เวรยามกำลังซุบซิบอะไรกันบางอย่าง

“ไปไหนกันหมดแล้ว” นางถามอย่างประหลาดใจ

แม่นมและสาวใช้ยืนหลังตรงในทันที

“ฮูหยินเจ้าคะ ฮูหยินรองพาออกไปแล้วเจ้าค่ะ” แม่นมนางหนึ่งตอบ

ฮูหยินรองพาออกไปแล้วอย่างนั้นหรือ

ฮูหยินใหญ่เฉิงใบหน้าขุ่นเคืองขึ้นมาในทันใดก่อนจะกัดฟันกรอด ดูเถิด ดูเถิด ยามเป็นบ้าก็ผลักไสไล่ส่งให้นางดูแล ยามนี้หายดีแล้วกลับแย่งไปเสียอย่างนั้น

ทำเพื่อนางอย่างนั้นหรือ ใช่ก็แปลกแล้ว คิดวางแผนชั่วอันใดอีกล่ะสิท่า

“เจียวเหนียง เจ้าดูสิ นี่คือเรือนของเจ้า”

ฮูหยินรองเฉิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม พลางเดินนำเฉิงเจียวเหนียงให้ก้าวเข้าประตูเรือนมา

เหล่าแม่นมและสาวใช้ในเรือนพากันหลีกทางให้ในทันใด พลางตั้งใจมองดูหญิงสาวที่ก้าวเดินอย่างเชื่องช้า

ด้านหลังของพวกนางมีแม่นางเฉิงเจ็ด แม่นางเฉิงหก และเหล่าพี่สาวน้องสาวคนอื่นๆ ถัดจากนั้นไปอีกก็มีแม่นมและสาวใช้ของเหล่าแม่นาง หลังจากนั้นไปอีกก็เป็นแม่นมและสาวใช้คนอื่นๆ ที่พากันวิ่งโร่ตามมาจากเรือนของฮูหยินใหญ่เฉิง ด้านนอกประตูก็มีคนยืนต่อแถวกันเป็นหางว่าว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเหล่าแม่นมและสาวใช้ที่หลบซ่อนตัวเพื่อแอบถามข่าวคราวอยู่ริมทาง

“ท่านพ่อของเจ้าไม่อยู่ ข้าให้คนไปบอกข่าวแก่เขาแล้ว รอเขาเลิกงานกลับเจอเจ้าก็แล้วกัน” ฮูหยินรองเฉิงเอ่ย พลางเดินนำเฉิงเจียวเหนียงเข้ามาในห้องโถง

“เร็วเข้า นั่งพักเสียหน่อย”

“ฮูหยิน ห้องของนายหญิงอยู่ที่ใดหรือเจ้าคะ” ปั้นฉินเอ่ยถาม “นางหญิงของข้าอยากจะอาบน้ำ พักผ่อนสักเล็กน้อย”

ฮูหยินรองเฉิงจ้องมองสาวใช้ก็นึกออกในทันใดว่านางคือใคร

ตอนนั้นนางไม่ยอมเป็นแม่ครัวให้แก่แม่นางเจ็ด จึงถูกตบหน้าดังฉาด ตกใจหวาดกลัวราวกับนกน้อยก่อนจะวิ่งหนีไป จากนั้นพอท่านชายหนุ่มน้อยจากตระกูลโจวมาเยือน พูดหว่านล้อมเพียงไม่กี่คำก็วิ่งโร่ตามเขาไป

การจากไปในคราวนั้นของนางดูท่าทางคงไม่ได้สูญเปล่า คงได้เรียนรู้การงานมาบ้าง ดูท่าทางหยิ่งผยองนั่นสิ ดูผ่อนคลายเสียยิ่งกว่าคนเป็นเจ้าของบ้านอีก

ฮูหยินรองเฉิงแอบหัวเราะอยู่ในใจ

สาวใช้นางนี้ไม่ธรรมดาเลย

“นั่นสิ ข้าดีใจจนลืมไปเสียหมด” นางเอ่ยด้วยรอยยิ้มพลางหันไปมองแม่นมข้างกาย “ฮูหยินใหญ่เป็นคนจัดการเรื่องห้องหับของเจียวเหนียงใช่หรือไม่”

แม่นมไหวพริบเฉียบแหลมจึงเข้าใจในทันใด

“เจ้าค่ะ” นางตอบทว่าสีหน้ากลับดูกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “เพียงแต่ฮูหยินเจ้าคะ ห้องนั้นไม่มีคนอยู่มาตั้งนานแล้ว ผ่านมาทั้งฤดูร้อนฤดูใบไม้ร่วง ทั้งร้อนทั้งชื้น ยามนี้อากาศก็เริ่มหนาวอีก ถึงจะเก็บกวาดได้ แต่หากให้คนเข้าอยู่เกรงว่าจะไม่ดีนัก…”

ทันใดนั้นก็มีเสียงซ่าดังขึ้น

ฮูหยินใหญ่เฉิงคว่ำถ้วยชาในมือ น้ำชาสาดกระเซ็นไปทั่วถาดรอง สาวใช้รีบร้อนคลานเข้าไปเก็บกวาด

“นางพูดเช่นนั้นหรือ” นางขมวดคิ้วถาม

แม่นมตอบเสียงแผ่ว

“เพราะเช่นนั้นฮูหยินรองจึงให้แม่นางเฉิงพักกับแม่นางเจ็ดเป็นการชั่วคราวก่อน” นางตอบ “ส่วนนางก็พาคนไปทำความสะอาดเรือนริมสระบัวด้วยตัวเอง”

“ข้ากำชับให้นางเตรียมเก็บกวาดแล้วไม่ใช่หรือ” ฮูหยินใหญ่เฉิงกัดฟัดกรอดเอ่ยน้ำเสียงขุ่นเคือง “จัดฉากสร้างเรื่องให้ข้าเป็นผู้ร้าย แล้วจะมีประโยชน์อันใดต่อนางกัน”

“แน่นอนว่ามีประโยชน์เจ้าค่ะ” แม่นมตอบ “ฮูหยิน ตอนนี้ดูท่าทางแล้วแม่นางเจียวเหนียงคงหายดีแล้วจริงๆ …”

“จะหายดีได้อย่างไร” ฮูหยินใหญ่เฉิงถามอย่างไม่สบอารมณ์นัก “หน้าตาดีหรือ เดิมทีนางก็หน้าตาเช่นนี้ คราวก่อนที่นางกลับมา ใครใช้ให้พวกเขาไม่ดูเอง เดินแล้วอย่างนั้นหรือ คราวก็ที่มาก็เดินเข้ามา พูดได้อย่างนั้นหรือ คราวก่อนก็เรียกท่านพ่อเสียเต็มปากเต็มคำ เหมือนเดิมทุกอย่าง จะมาบอกว่าหายดีได้อย่างไร ก็แค่ตระกูลโจวจัดฉากมาดีเท่านั้น….”

ตระกูลโจวจัดฉากมาดีอย่างนั้นหรือ….

ฮูหยินใหญ่เฉิงหยุดพูดก่อนจะปรบมือในทันใด

ถึงว่าละนางรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกชอบกล คราวนี้ตระกูลโจวคงเตรียมจัดฉากให้แม่นางน้อยผู้นี้มาอย่างดีสินะ!

แล้วเหตุใดพวกเขาถึงต้องทำเช่นนั้น เพื่อปกป้องหลานสาวของตนเองอย่างนั้นหรือ ถุย ผู้ใดจะเชื่อกัน!

“ข้าเองก็คิดอยู่เหมือนกันว่านี่ก็ผ่านมานานแล้วเหตุใดพวกเขาถึงไม่มีความเคลื่อนไหวอันใดเลย นึกว่าจะตัดใจไม่มาก่อกวนตระกูลเราอีกแล้ว… ส่วนเรื่องสินเดิมของเจียวเหนียง ที่แท้ก็มีคนชักใยอยู่เบื้องหลังที่นี่…” นางเอ่ยน้ำเสียงเย้ยหยันก่อนจะเผยยิ้มออกมา

“ใช่แล้วเจ้าค่ะ ตระกูลโจวจัดขบวนตั้งธงตีกลองโห่ร้องมาส่งนางเสียใหญ่โต คนทั้งเมืองต่างก็รู้ว่าเจียงเหนียงของตระกูลเราไม่ได้เป็นเหมือนแต่ก่อนแล้ว ฮูหยินรองเจ้าเล่ห์เสียขนาดนั้น จะปล่อยโอกาสนี้หลุดลอยไปได้อย่างไร เพียงแต่เล่าลือกันมาว่า…” แม่นมกดเสียงต่ำ “หากทำอะไรไม่ถูกใจนางเข้า นางจะก่อเรื่องวุ่นวายให้ หากเป็นแต่ก่อนนางจะโวยวายเช่นไรก็คงไม่มีผู้ใดสนใจ…”

คนทั้งเมืองต่างก็รู้ดีว่าเฉิงเจียวเหนียงเป็นเด็กบ้า เด็กบ้าคนหนึ่งแต่งงานออกเรือนได้ก็นับว่าโชคดียิ่งนัก แถมฮูหยินใหญ่เฉิงก็เลือกคู่ให้อย่างดีจนไม่รู้จะหาผู้ใดที่ดีกว่านี้ได้แล้ว หากฮูหยินรองเฉิงพูดอะไรออกไป ก็คงไม่มีผู้ใดเชื่อ

ทว่ายามนี้กลับต่างออกไป เด็กบ้าคนนั้นปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนอย่างสง่างาม วันรุ่งขึ้นข่าวคงแพร่ไปทั่วเมือง หากฮูหยินรองเฉิงพูดอะไรเกี่ยวกับเฉิงเจียวเหนียงออกไป ชาวเมืองคงเก็บเอาไปถกเถียงกันเป็นแน่…

“ฮูหยินรองเห็นว่าเด็กคนนี้มีประโยชน์ต่อตน ไม่ใช่เด็กบ้าปัญญาอ่อนอีกต่อไป ถึงได้วิ่งโร่จับใส่กรงไว้ พอถึงเวลาก็เอาอกเอาใจเสียหน่อย อยากได้สิ่งใดก็ประเคนมาให้ ฮูหยินเจ้าคะ หากเป็นเช่นนั้นคงจะ…” แม่นมส่ายหน้าพลางส่งเสียงระอาใจ

นางบอกตั้งแต่แรกแล้วว่าเด็กบ้าคนนี้นำพามาแต่ความวุ่นวาย! ฮูหยินใหญ่เฉิงกัดฟันกรอด

“ฮูหยินเจ้าคะ ฮูหยินหวังก็ดูถูกใจนางไม่น้อย ท่านชายเองก็กลับมาแล้ว รีบหาทางไล่นางออกไปจากเรือนเถิดเจ้าค่ะ” แม่นมเอ่ย “หากปล่อยนานวันเข้า เกรงว่าจะไม่เป็นการดี”

ฮูหยินใหญ่เฉิงพยักหน้ารับ

“พวกเจ้าก็อย่าได้นิ่งเฉย ไปเอาเสื้อผ้าของใช้ไปให้นางด้วย” นางเอ่ย

แม่นมขานรับก่อนจะออกจากห้องไป

“เร็วเข้า เร็วเข้า ไปที่คลังเก็บของ” นางตะโกนบอกเหล่าแม่นม

ภายในเรือนโกลาหลวุ่นวายในทันใด

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

พลิกชะตา หมอเทวดาอันดับหนึ่งบทที่ 329.1 พบหน้า (1)

Now you are reading พลิกชะตา หมอเทวดาอันดับหนึ่ง Chapter บทที่ 329.1 พบหน้า (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ณ ลานบ้านของฮูหยินใหญ่เฉิงเต็มไปด้วยเหล่าแม่นมและสาวใช้ ทั้งยังมีแม่นมและสาวใช้คนอื่นๆ ที่ถูกเรียกพากันวิ่งมา ไกลออกก็มีเหล่าแม่นมและสาวใช้ที่ยังคงงุนงงเอ่ยถามซึ่งกันและกัน

“เกิดอะไรขึ้นหรือ”

“รีบไปดูแม่นางบ้าผู้นั้นกลับมาน่ะสิ”

“แม่นางบ้านั่นมีอะไรน่าดูกัน ระวังตกใจล่ะ มองมากเข้าจะซวยเอา”

“ไม่ใช่คนบ้า แต่เป็นหญิงงามต่างหาก!”

“ตกลงคนบ้าหรือหญิงงามมากันแน่”

ลานบ้านตระกูลเฉิงเสียงจอแจไม่หยุดหย่อน ทว่าคนที่อยู่ใกล้กับฮูหยินใหญ่เฉิงกลับไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยคำใด แม่นมและสาวใช้ยิ่งกลั้นหายใจไม่กล้าส่งเสียง ส่วนผู้คนที่นั่งกันอยู่เต็มห้องโถงก็เงียบสงัดจนแทบได้ยินเสียงฝีเข็ม สายตาของทุกคนจ้องมองไปที่หญิงสาวที่นั่งอยู่ทางซ้ายมือของฮูหยินใหญ่เฉิง

มือข้างหนึ่งของหญิงผู้นั้นกำลังรั้งแขนเสื้อขึ้น ส่วนมืออีกข้างหนึ่งก็ยกชาขึ้นดื่ม… เอ่อ ไม่ใช่ชา ยามเหล่าสาวใช้ยกชาเข้ามาให้ สาวใช้ที่นั่งอยู่ด้านหลังของนางก็เอ่ยท้วงด้วยรอยยิ้ม

“นายหญิงของข้าไม่ดื่มชา ขอเปลี่ยนเป็นน้ำเปล่าได้หรือไม่” นางเอ่ย

สาวใช้นางนี้ใบหน้ายิ้มแย้ม ท่าทางดูผ่อนคลาย ดูไม่เหมือนกับคนที่เพิ่งมาเยือนแปลกที่เลยแม้แต่นิด

อ๋อ ใช่แล้วละ สำหรับนางแล้ว ที่นี่ก็ไม่ถือว่าต่างถิ่นแต่อย่างใด สาวใช้นางนี้เคยมาที่นี่

แม่นมข้างกายฮูหยินรองเฉิงหรี่ตามองอย่างตั้งใจอยู่นานสองนาน ภาพความทรงจำของสาวใช้ร่างสั่นเครือที่ถูกตบจนน้ำตาไหลนองหน้าก็ปรากฏขึ้นมา

สาวใช้นางนี้ก็กลับมาด้วยหรือนี่

หญิงสาวถอดหมวกคลุมหน้าออก สวมเสื้อผ้าสีเข้มเช่นเดียวกับหมวกคลุมหน้า มีเพียงแขนเสื้อกว้างเท่านั้นที่กุ้นขอบตกแต่ง ส่วนกระโปรงผืนยาวนั้นก็เป็นสีล้วนเช่นกัน เส้นผมแสกกลางปักด้วยหวีเล็กสีเงิน นอกจากนั้นก็ไม่มีเครื่องประดับใด แขนเสื้อที่ถูกยกขึ้นสูงบดบังใบหน้าของนางไปกว่าครึ่งหนึ่ง

แขนเสื้อกว้างที่คล้อยลงมาพลิ้วไหวเหมือนดั่งท่วงท่ากิริยาของหญิงผู้นี้

แขนเสื้อถูกรวบเก็บแล้ววางลงบนตัก ถ้วยชาถูกดันออกห่าง คนในห้องจึงพากันถอนหายใจอย่างโล่งอก ราวกับว่าในที่สุดก็ได้เวลาพูดคุยโดยไม่ขัดจังหวะแม่นางผู้นี้เสียที

“เจ้า หายดีแล้วจริงๆ หรือ” ฮูหยินหวังถามขึ้นเป็นคนแรก แม้นางจะพินิจพิจารณาเฉิงเจียวเหนียงนับครั้งไม่ถ้วนตั้งแต่เดินเข้าประตูมาจนถึงตอนนี้แล้วก็ตาม

“ร่างกายของข้านับว่าแข็งแรงใช้ได้” เฉิงเจียวเหนียงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะส่งยิ้มบางให้นาง

ฮูหยินหวังชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะยื่นมือออกไป

“เช่นนั้น… นี่กี่นิ้ว” นางถาม

เมื่อคำนั้นเอ่ยออกไป คนทั้งห้องก็ตกตะลึงในทันที

“ห้านิ้วเจ้าค่ะ” เฉิงเจียวเหนียงสีหน้ายิ้มแย้ม ทั้งยังเอ่ยพลางหัวเราะออกมา

นับเลขเป็นนี่! แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว

ฮูหยินหวังดีใจยิ่งนัก ก่อนจะถอนหายใจออกมา

“ดียิ่งนัก” นางเอ่ยพลางลุกยืนขึ้น “เช่นนั้นข้าขอตัวลา”

คนอื่นยังคงเหม่อลอย ทว่าเฉิงเจียวเหนียงนั้นลุกยืนขึ้นก่อนจะโค้งคำนับลา

คนในห้องเพิ่งได้สติก่อนพากันลุกขึ้นยืนจนวุ่นวายไปหมด

“นั่งลงเถิด นั่งลงเถิด” ฮูหยินหวังยิ้มเอ่ยก่อนจะก้าวเท้าเดินออกไป

ฮูหยินใหญ่เฉิงรู้ดีว่าในใจของนางคงกังวัลเรื่องท่านชายหวังสิบเจ็ดอยู่ หากไม่ต้องมาสำรวจเฉิงเจียวเหนียงอย่างใกล้ชิดเช่นนี้ นางคงกลับเรือนไปตั้งนานแล้ว ดังนั้นนางจึงไม่ได้เอ่ยรั้งไว้ ก่อนจะเดินไปส่งด้วยตนเอง

“ไม่เลว ไม่เลว แหมท่านพี่ ท่านนี่ก็เหลือเกิน แม่นางน้อยเป็นคนดีถึงเพียงนี้ ท่านจะกังวลใจไปใย” ฮูหยินหวังเอ่ยด้วยรอยยิ้ม พลางก้าวเดินอย่างฉับไว

ฮูหยินใหญ่เฉิงสีหน้ายุ่งเหยิง

“แต่ก่อน นางไม่ได้ดีเช่นนี้…” นางเอ่ย พูดจบก็หยุดเดินลง “ยามนี้เองก็ไม่ได้รู้ว่าดีขึ้นสักเท่าใด… คนจะดีหรือไม่ ใช่ว่าอยู่ที่รูปร่างหน้าตา…”

ฮูหยินหวังเหลียวหลังมายิ้มให้

“ชายสิบเจ็ดของข้า ไม่ได้ดูคนที่หน้าตาเพียงอย่างเดียวหรอกเจ้าค่ะ” นางยิ้มเอ่ยพลางยกมือขึ้นโบกไปมา “หน้าตาเช่นนี้ จะหาที่ไหนได้อีก”

ฮูหยินใหญ่เฉิงมองดูฮูหยินหวังนั่งรถที่เคลื่อนออกไปอย่างรวดเร็ว นางยืนเหม่อลอยอยู่ที่หน้าประตูรอง

เสียงฝีเท้ารีบเร่งดังขึ้นมาจากด้านหลัง พร้อมกับเสียงหัวเราะคิกคัก

“เร็วเข้า รีบไปดูหญิงงามกัน”

“คือคนบ้าผู้นั้นจริงๆ หรือ”

ฮูหยินใหญ่เฉิงหันหลังกลับ ก็เห็นแม่นมและสาวใช้พากันวิ่งให้วุ่นวาย ทันใดนั้นสีหน้าก็บึ้งตึงขึ้นมาในทันใด

แม่นมข้างกายกระแอมขึ้นมา

เหล่าแม่นมและสาวใช้ที่เพิ่งเห็นฮูหยินใหญ่เฉิงก็ตกใจจนคุกเข่าลงแล้วโขกหัวกับพื้น

ฮูหยินใหญ่เฉิงเองก็คร้านจะลงโทษพวกนาง เพียงแต่ในใจนั้นรู้สึกกระวนกระวาย อธิบายไม่ถูกว่ารู้สึกเช่นไร

คราวก่อนที่แม่นางน้อยกลับมา เป็นเพราะเคาะประตูยามดึกดื่นจนทะเลาะกันเสียงดังวุ่นวายไปหมด ทั้งยังทำให้สะใภ้ทั้งสองอย่างพวกนางบาดหมางกันมาจนถึงตอนนี้

คราวนี้นางกลับมาอย่างสง่าผ่าเผย ทว่าก็ก่อเรื่องวุ่นวายไม่น้อย… ไม่รู้ว่าต่อไปจะมีเรื่องอันใดให้รำคาญใจอีก

ฮูหยินใหญ่เฉิงยกมือขึ้นนวดขมับ ก่อนจะก้าวเท้าเดินเข้าไปข้างใน

แต่ว่า…

นางหยุดฝีเท้าลงอีกครั้ง

หายดีแล้วจริงๆ หรือ ไม่บ้าแล้วหรือ

หายดีได้จริงๆ หรือ โรคที่เป็นตั้งแต่กำเนิดก็หายดีได้หรือ

หรือว่าจะเหมือนกับคราวก่อนที่เดินทางจากปิ้งโจวมานับพันลี้ ที่จริงแล้วล้วนแต่เป็นแผนการและฝีมือของสาวใช้นางนั้นทั้งหมด

อ๋อ ใช่ สาวใช้นางนั้น สาวใช้ที่หนีไปกับตระกูลโจว เหตุใดถึงกลับมาอีกเล่า

นางก้าวเท้าเดินต่อ รู้สึกเพียงว่าในหัวสับสนวุ่นวายไปหมด พอเดินมาถึงหน้าประตูเรือน ก็เห็นว่าผู้คนที่นั่งอยู่เต็มเรือนเมื่อครู่หายไปหมดแล้ว เหลือเพียงสาวใช้และแม่นมที่อยู่เวรยามกำลังซุบซิบอะไรกันบางอย่าง

“ไปไหนกันหมดแล้ว” นางถามอย่างประหลาดใจ

แม่นมและสาวใช้ยืนหลังตรงในทันที

“ฮูหยินเจ้าคะ ฮูหยินรองพาออกไปแล้วเจ้าค่ะ” แม่นมนางหนึ่งตอบ

ฮูหยินรองพาออกไปแล้วอย่างนั้นหรือ

ฮูหยินใหญ่เฉิงใบหน้าขุ่นเคืองขึ้นมาในทันใดก่อนจะกัดฟันกรอด ดูเถิด ดูเถิด ยามเป็นบ้าก็ผลักไสไล่ส่งให้นางดูแล ยามนี้หายดีแล้วกลับแย่งไปเสียอย่างนั้น

ทำเพื่อนางอย่างนั้นหรือ ใช่ก็แปลกแล้ว คิดวางแผนชั่วอันใดอีกล่ะสิท่า

“เจียวเหนียง เจ้าดูสิ นี่คือเรือนของเจ้า”

ฮูหยินรองเฉิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม พลางเดินนำเฉิงเจียวเหนียงให้ก้าวเข้าประตูเรือนมา

เหล่าแม่นมและสาวใช้ในเรือนพากันหลีกทางให้ในทันใด พลางตั้งใจมองดูหญิงสาวที่ก้าวเดินอย่างเชื่องช้า

ด้านหลังของพวกนางมีแม่นางเฉิงเจ็ด แม่นางเฉิงหก และเหล่าพี่สาวน้องสาวคนอื่นๆ ถัดจากนั้นไปอีกก็มีแม่นมและสาวใช้ของเหล่าแม่นาง หลังจากนั้นไปอีกก็เป็นแม่นมและสาวใช้คนอื่นๆ ที่พากันวิ่งโร่ตามมาจากเรือนของฮูหยินใหญ่เฉิง ด้านนอกประตูก็มีคนยืนต่อแถวกันเป็นหางว่าว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเหล่าแม่นมและสาวใช้ที่หลบซ่อนตัวเพื่อแอบถามข่าวคราวอยู่ริมทาง

“ท่านพ่อของเจ้าไม่อยู่ ข้าให้คนไปบอกข่าวแก่เขาแล้ว รอเขาเลิกงานกลับเจอเจ้าก็แล้วกัน” ฮูหยินรองเฉิงเอ่ย พลางเดินนำเฉิงเจียวเหนียงเข้ามาในห้องโถง

“เร็วเข้า นั่งพักเสียหน่อย”

“ฮูหยิน ห้องของนายหญิงอยู่ที่ใดหรือเจ้าคะ” ปั้นฉินเอ่ยถาม “นางหญิงของข้าอยากจะอาบน้ำ พักผ่อนสักเล็กน้อย”

ฮูหยินรองเฉิงจ้องมองสาวใช้ก็นึกออกในทันใดว่านางคือใคร

ตอนนั้นนางไม่ยอมเป็นแม่ครัวให้แก่แม่นางเจ็ด จึงถูกตบหน้าดังฉาด ตกใจหวาดกลัวราวกับนกน้อยก่อนจะวิ่งหนีไป จากนั้นพอท่านชายหนุ่มน้อยจากตระกูลโจวมาเยือน พูดหว่านล้อมเพียงไม่กี่คำก็วิ่งโร่ตามเขาไป

การจากไปในคราวนั้นของนางดูท่าทางคงไม่ได้สูญเปล่า คงได้เรียนรู้การงานมาบ้าง ดูท่าทางหยิ่งผยองนั่นสิ ดูผ่อนคลายเสียยิ่งกว่าคนเป็นเจ้าของบ้านอีก

ฮูหยินรองเฉิงแอบหัวเราะอยู่ในใจ

สาวใช้นางนี้ไม่ธรรมดาเลย

“นั่นสิ ข้าดีใจจนลืมไปเสียหมด” นางเอ่ยด้วยรอยยิ้มพลางหันไปมองแม่นมข้างกาย “ฮูหยินใหญ่เป็นคนจัดการเรื่องห้องหับของเจียวเหนียงใช่หรือไม่”

แม่นมไหวพริบเฉียบแหลมจึงเข้าใจในทันใด

“เจ้าค่ะ” นางตอบทว่าสีหน้ากลับดูกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “เพียงแต่ฮูหยินเจ้าคะ ห้องนั้นไม่มีคนอยู่มาตั้งนานแล้ว ผ่านมาทั้งฤดูร้อนฤดูใบไม้ร่วง ทั้งร้อนทั้งชื้น ยามนี้อากาศก็เริ่มหนาวอีก ถึงจะเก็บกวาดได้ แต่หากให้คนเข้าอยู่เกรงว่าจะไม่ดีนัก…”

ทันใดนั้นก็มีเสียงซ่าดังขึ้น

ฮูหยินใหญ่เฉิงคว่ำถ้วยชาในมือ น้ำชาสาดกระเซ็นไปทั่วถาดรอง สาวใช้รีบร้อนคลานเข้าไปเก็บกวาด

“นางพูดเช่นนั้นหรือ” นางขมวดคิ้วถาม

แม่นมตอบเสียงแผ่ว

“เพราะเช่นนั้นฮูหยินรองจึงให้แม่นางเฉิงพักกับแม่นางเจ็ดเป็นการชั่วคราวก่อน” นางตอบ “ส่วนนางก็พาคนไปทำความสะอาดเรือนริมสระบัวด้วยตัวเอง”

“ข้ากำชับให้นางเตรียมเก็บกวาดแล้วไม่ใช่หรือ” ฮูหยินใหญ่เฉิงกัดฟัดกรอดเอ่ยน้ำเสียงขุ่นเคือง “จัดฉากสร้างเรื่องให้ข้าเป็นผู้ร้าย แล้วจะมีประโยชน์อันใดต่อนางกัน”

“แน่นอนว่ามีประโยชน์เจ้าค่ะ” แม่นมตอบ “ฮูหยิน ตอนนี้ดูท่าทางแล้วแม่นางเจียวเหนียงคงหายดีแล้วจริงๆ …”

“จะหายดีได้อย่างไร” ฮูหยินใหญ่เฉิงถามอย่างไม่สบอารมณ์นัก “หน้าตาดีหรือ เดิมทีนางก็หน้าตาเช่นนี้ คราวก่อนที่นางกลับมา ใครใช้ให้พวกเขาไม่ดูเอง เดินแล้วอย่างนั้นหรือ คราวก็ที่มาก็เดินเข้ามา พูดได้อย่างนั้นหรือ คราวก่อนก็เรียกท่านพ่อเสียเต็มปากเต็มคำ เหมือนเดิมทุกอย่าง จะมาบอกว่าหายดีได้อย่างไร ก็แค่ตระกูลโจวจัดฉากมาดีเท่านั้น….”

ตระกูลโจวจัดฉากมาดีอย่างนั้นหรือ….

ฮูหยินใหญ่เฉิงหยุดพูดก่อนจะปรบมือในทันใด

ถึงว่าละนางรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกชอบกล คราวนี้ตระกูลโจวคงเตรียมจัดฉากให้แม่นางน้อยผู้นี้มาอย่างดีสินะ!

แล้วเหตุใดพวกเขาถึงต้องทำเช่นนั้น เพื่อปกป้องหลานสาวของตนเองอย่างนั้นหรือ ถุย ผู้ใดจะเชื่อกัน!

“ข้าเองก็คิดอยู่เหมือนกันว่านี่ก็ผ่านมานานแล้วเหตุใดพวกเขาถึงไม่มีความเคลื่อนไหวอันใดเลย นึกว่าจะตัดใจไม่มาก่อกวนตระกูลเราอีกแล้ว… ส่วนเรื่องสินเดิมของเจียวเหนียง ที่แท้ก็มีคนชักใยอยู่เบื้องหลังที่นี่…” นางเอ่ยน้ำเสียงเย้ยหยันก่อนจะเผยยิ้มออกมา

“ใช่แล้วเจ้าค่ะ ตระกูลโจวจัดขบวนตั้งธงตีกลองโห่ร้องมาส่งนางเสียใหญ่โต คนทั้งเมืองต่างก็รู้ว่าเจียงเหนียงของตระกูลเราไม่ได้เป็นเหมือนแต่ก่อนแล้ว ฮูหยินรองเจ้าเล่ห์เสียขนาดนั้น จะปล่อยโอกาสนี้หลุดลอยไปได้อย่างไร เพียงแต่เล่าลือกันมาว่า…” แม่นมกดเสียงต่ำ “หากทำอะไรไม่ถูกใจนางเข้า นางจะก่อเรื่องวุ่นวายให้ หากเป็นแต่ก่อนนางจะโวยวายเช่นไรก็คงไม่มีผู้ใดสนใจ…”

คนทั้งเมืองต่างก็รู้ดีว่าเฉิงเจียวเหนียงเป็นเด็กบ้า เด็กบ้าคนหนึ่งแต่งงานออกเรือนได้ก็นับว่าโชคดียิ่งนัก แถมฮูหยินใหญ่เฉิงก็เลือกคู่ให้อย่างดีจนไม่รู้จะหาผู้ใดที่ดีกว่านี้ได้แล้ว หากฮูหยินรองเฉิงพูดอะไรออกไป ก็คงไม่มีผู้ใดเชื่อ

ทว่ายามนี้กลับต่างออกไป เด็กบ้าคนนั้นปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนอย่างสง่างาม วันรุ่งขึ้นข่าวคงแพร่ไปทั่วเมือง หากฮูหยินรองเฉิงพูดอะไรเกี่ยวกับเฉิงเจียวเหนียงออกไป ชาวเมืองคงเก็บเอาไปถกเถียงกันเป็นแน่…

“ฮูหยินรองเห็นว่าเด็กคนนี้มีประโยชน์ต่อตน ไม่ใช่เด็กบ้าปัญญาอ่อนอีกต่อไป ถึงได้วิ่งโร่จับใส่กรงไว้ พอถึงเวลาก็เอาอกเอาใจเสียหน่อย อยากได้สิ่งใดก็ประเคนมาให้ ฮูหยินเจ้าคะ หากเป็นเช่นนั้นคงจะ…” แม่นมส่ายหน้าพลางส่งเสียงระอาใจ

นางบอกตั้งแต่แรกแล้วว่าเด็กบ้าคนนี้นำพามาแต่ความวุ่นวาย! ฮูหยินใหญ่เฉิงกัดฟันกรอด

“ฮูหยินเจ้าคะ ฮูหยินหวังก็ดูถูกใจนางไม่น้อย ท่านชายเองก็กลับมาแล้ว รีบหาทางไล่นางออกไปจากเรือนเถิดเจ้าค่ะ” แม่นมเอ่ย “หากปล่อยนานวันเข้า เกรงว่าจะไม่เป็นการดี”

ฮูหยินใหญ่เฉิงพยักหน้ารับ

“พวกเจ้าก็อย่าได้นิ่งเฉย ไปเอาเสื้อผ้าของใช้ไปให้นางด้วย” นางเอ่ย

แม่นมขานรับก่อนจะออกจากห้องไป

“เร็วเข้า เร็วเข้า ไปที่คลังเก็บของ” นางตะโกนบอกเหล่าแม่นม

ภายในเรือนโกลาหลวุ่นวายในทันใด

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

พลิกชะตา หมอเทวดาอันดับหนึ่งบทที่ 329.1 พบหน้า (1)

Now you are reading พลิกชะตา หมอเทวดาอันดับหนึ่ง Chapter บทที่ 329.1 พบหน้า (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ณ ลานบ้านของฮูหยินใหญ่เฉิงเต็มไปด้วยเหล่าแม่นมและสาวใช้ ทั้งยังมีแม่นมและสาวใช้คนอื่นๆ ที่ถูกเรียกพากันวิ่งมา ไกลออกก็มีเหล่าแม่นมและสาวใช้ที่ยังคงงุนงงเอ่ยถามซึ่งกันและกัน

“เกิดอะไรขึ้นหรือ”

“รีบไปดูแม่นางบ้าผู้นั้นกลับมาน่ะสิ”

“แม่นางบ้านั่นมีอะไรน่าดูกัน ระวังตกใจล่ะ มองมากเข้าจะซวยเอา”

“ไม่ใช่คนบ้า แต่เป็นหญิงงามต่างหาก!”

“ตกลงคนบ้าหรือหญิงงามมากันแน่”

ลานบ้านตระกูลเฉิงเสียงจอแจไม่หยุดหย่อน ทว่าคนที่อยู่ใกล้กับฮูหยินใหญ่เฉิงกลับไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยคำใด แม่นมและสาวใช้ยิ่งกลั้นหายใจไม่กล้าส่งเสียง ส่วนผู้คนที่นั่งกันอยู่เต็มห้องโถงก็เงียบสงัดจนแทบได้ยินเสียงฝีเข็ม สายตาของทุกคนจ้องมองไปที่หญิงสาวที่นั่งอยู่ทางซ้ายมือของฮูหยินใหญ่เฉิง

มือข้างหนึ่งของหญิงผู้นั้นกำลังรั้งแขนเสื้อขึ้น ส่วนมืออีกข้างหนึ่งก็ยกชาขึ้นดื่ม… เอ่อ ไม่ใช่ชา ยามเหล่าสาวใช้ยกชาเข้ามาให้ สาวใช้ที่นั่งอยู่ด้านหลังของนางก็เอ่ยท้วงด้วยรอยยิ้ม

“นายหญิงของข้าไม่ดื่มชา ขอเปลี่ยนเป็นน้ำเปล่าได้หรือไม่” นางเอ่ย

สาวใช้นางนี้ใบหน้ายิ้มแย้ม ท่าทางดูผ่อนคลาย ดูไม่เหมือนกับคนที่เพิ่งมาเยือนแปลกที่เลยแม้แต่นิด

อ๋อ ใช่แล้วละ สำหรับนางแล้ว ที่นี่ก็ไม่ถือว่าต่างถิ่นแต่อย่างใด สาวใช้นางนี้เคยมาที่นี่

แม่นมข้างกายฮูหยินรองเฉิงหรี่ตามองอย่างตั้งใจอยู่นานสองนาน ภาพความทรงจำของสาวใช้ร่างสั่นเครือที่ถูกตบจนน้ำตาไหลนองหน้าก็ปรากฏขึ้นมา

สาวใช้นางนี้ก็กลับมาด้วยหรือนี่

หญิงสาวถอดหมวกคลุมหน้าออก สวมเสื้อผ้าสีเข้มเช่นเดียวกับหมวกคลุมหน้า มีเพียงแขนเสื้อกว้างเท่านั้นที่กุ้นขอบตกแต่ง ส่วนกระโปรงผืนยาวนั้นก็เป็นสีล้วนเช่นกัน เส้นผมแสกกลางปักด้วยหวีเล็กสีเงิน นอกจากนั้นก็ไม่มีเครื่องประดับใด แขนเสื้อที่ถูกยกขึ้นสูงบดบังใบหน้าของนางไปกว่าครึ่งหนึ่ง

แขนเสื้อกว้างที่คล้อยลงมาพลิ้วไหวเหมือนดั่งท่วงท่ากิริยาของหญิงผู้นี้

แขนเสื้อถูกรวบเก็บแล้ววางลงบนตัก ถ้วยชาถูกดันออกห่าง คนในห้องจึงพากันถอนหายใจอย่างโล่งอก ราวกับว่าในที่สุดก็ได้เวลาพูดคุยโดยไม่ขัดจังหวะแม่นางผู้นี้เสียที

“เจ้า หายดีแล้วจริงๆ หรือ” ฮูหยินหวังถามขึ้นเป็นคนแรก แม้นางจะพินิจพิจารณาเฉิงเจียวเหนียงนับครั้งไม่ถ้วนตั้งแต่เดินเข้าประตูมาจนถึงตอนนี้แล้วก็ตาม

“ร่างกายของข้านับว่าแข็งแรงใช้ได้” เฉิงเจียวเหนียงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะส่งยิ้มบางให้นาง

ฮูหยินหวังชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะยื่นมือออกไป

“เช่นนั้น… นี่กี่นิ้ว” นางถาม

เมื่อคำนั้นเอ่ยออกไป คนทั้งห้องก็ตกตะลึงในทันที

“ห้านิ้วเจ้าค่ะ” เฉิงเจียวเหนียงสีหน้ายิ้มแย้ม ทั้งยังเอ่ยพลางหัวเราะออกมา

นับเลขเป็นนี่! แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว

ฮูหยินหวังดีใจยิ่งนัก ก่อนจะถอนหายใจออกมา

“ดียิ่งนัก” นางเอ่ยพลางลุกยืนขึ้น “เช่นนั้นข้าขอตัวลา”

คนอื่นยังคงเหม่อลอย ทว่าเฉิงเจียวเหนียงนั้นลุกยืนขึ้นก่อนจะโค้งคำนับลา

คนในห้องเพิ่งได้สติก่อนพากันลุกขึ้นยืนจนวุ่นวายไปหมด

“นั่งลงเถิด นั่งลงเถิด” ฮูหยินหวังยิ้มเอ่ยก่อนจะก้าวเท้าเดินออกไป

ฮูหยินใหญ่เฉิงรู้ดีว่าในใจของนางคงกังวัลเรื่องท่านชายหวังสิบเจ็ดอยู่ หากไม่ต้องมาสำรวจเฉิงเจียวเหนียงอย่างใกล้ชิดเช่นนี้ นางคงกลับเรือนไปตั้งนานแล้ว ดังนั้นนางจึงไม่ได้เอ่ยรั้งไว้ ก่อนจะเดินไปส่งด้วยตนเอง

“ไม่เลว ไม่เลว แหมท่านพี่ ท่านนี่ก็เหลือเกิน แม่นางน้อยเป็นคนดีถึงเพียงนี้ ท่านจะกังวลใจไปใย” ฮูหยินหวังเอ่ยด้วยรอยยิ้ม พลางก้าวเดินอย่างฉับไว

ฮูหยินใหญ่เฉิงสีหน้ายุ่งเหยิง

“แต่ก่อน นางไม่ได้ดีเช่นนี้…” นางเอ่ย พูดจบก็หยุดเดินลง “ยามนี้เองก็ไม่ได้รู้ว่าดีขึ้นสักเท่าใด… คนจะดีหรือไม่ ใช่ว่าอยู่ที่รูปร่างหน้าตา…”

ฮูหยินหวังเหลียวหลังมายิ้มให้

“ชายสิบเจ็ดของข้า ไม่ได้ดูคนที่หน้าตาเพียงอย่างเดียวหรอกเจ้าค่ะ” นางยิ้มเอ่ยพลางยกมือขึ้นโบกไปมา “หน้าตาเช่นนี้ จะหาที่ไหนได้อีก”

ฮูหยินใหญ่เฉิงมองดูฮูหยินหวังนั่งรถที่เคลื่อนออกไปอย่างรวดเร็ว นางยืนเหม่อลอยอยู่ที่หน้าประตูรอง

เสียงฝีเท้ารีบเร่งดังขึ้นมาจากด้านหลัง พร้อมกับเสียงหัวเราะคิกคัก

“เร็วเข้า รีบไปดูหญิงงามกัน”

“คือคนบ้าผู้นั้นจริงๆ หรือ”

ฮูหยินใหญ่เฉิงหันหลังกลับ ก็เห็นแม่นมและสาวใช้พากันวิ่งให้วุ่นวาย ทันใดนั้นสีหน้าก็บึ้งตึงขึ้นมาในทันใด

แม่นมข้างกายกระแอมขึ้นมา

เหล่าแม่นมและสาวใช้ที่เพิ่งเห็นฮูหยินใหญ่เฉิงก็ตกใจจนคุกเข่าลงแล้วโขกหัวกับพื้น

ฮูหยินใหญ่เฉิงเองก็คร้านจะลงโทษพวกนาง เพียงแต่ในใจนั้นรู้สึกกระวนกระวาย อธิบายไม่ถูกว่ารู้สึกเช่นไร

คราวก่อนที่แม่นางน้อยกลับมา เป็นเพราะเคาะประตูยามดึกดื่นจนทะเลาะกันเสียงดังวุ่นวายไปหมด ทั้งยังทำให้สะใภ้ทั้งสองอย่างพวกนางบาดหมางกันมาจนถึงตอนนี้

คราวนี้นางกลับมาอย่างสง่าผ่าเผย ทว่าก็ก่อเรื่องวุ่นวายไม่น้อย… ไม่รู้ว่าต่อไปจะมีเรื่องอันใดให้รำคาญใจอีก

ฮูหยินใหญ่เฉิงยกมือขึ้นนวดขมับ ก่อนจะก้าวเท้าเดินเข้าไปข้างใน

แต่ว่า…

นางหยุดฝีเท้าลงอีกครั้ง

หายดีแล้วจริงๆ หรือ ไม่บ้าแล้วหรือ

หายดีได้จริงๆ หรือ โรคที่เป็นตั้งแต่กำเนิดก็หายดีได้หรือ

หรือว่าจะเหมือนกับคราวก่อนที่เดินทางจากปิ้งโจวมานับพันลี้ ที่จริงแล้วล้วนแต่เป็นแผนการและฝีมือของสาวใช้นางนั้นทั้งหมด

อ๋อ ใช่ สาวใช้นางนั้น สาวใช้ที่หนีไปกับตระกูลโจว เหตุใดถึงกลับมาอีกเล่า

นางก้าวเท้าเดินต่อ รู้สึกเพียงว่าในหัวสับสนวุ่นวายไปหมด พอเดินมาถึงหน้าประตูเรือน ก็เห็นว่าผู้คนที่นั่งอยู่เต็มเรือนเมื่อครู่หายไปหมดแล้ว เหลือเพียงสาวใช้และแม่นมที่อยู่เวรยามกำลังซุบซิบอะไรกันบางอย่าง

“ไปไหนกันหมดแล้ว” นางถามอย่างประหลาดใจ

แม่นมและสาวใช้ยืนหลังตรงในทันที

“ฮูหยินเจ้าคะ ฮูหยินรองพาออกไปแล้วเจ้าค่ะ” แม่นมนางหนึ่งตอบ

ฮูหยินรองพาออกไปแล้วอย่างนั้นหรือ

ฮูหยินใหญ่เฉิงใบหน้าขุ่นเคืองขึ้นมาในทันใดก่อนจะกัดฟันกรอด ดูเถิด ดูเถิด ยามเป็นบ้าก็ผลักไสไล่ส่งให้นางดูแล ยามนี้หายดีแล้วกลับแย่งไปเสียอย่างนั้น

ทำเพื่อนางอย่างนั้นหรือ ใช่ก็แปลกแล้ว คิดวางแผนชั่วอันใดอีกล่ะสิท่า

“เจียวเหนียง เจ้าดูสิ นี่คือเรือนของเจ้า”

ฮูหยินรองเฉิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม พลางเดินนำเฉิงเจียวเหนียงให้ก้าวเข้าประตูเรือนมา

เหล่าแม่นมและสาวใช้ในเรือนพากันหลีกทางให้ในทันใด พลางตั้งใจมองดูหญิงสาวที่ก้าวเดินอย่างเชื่องช้า

ด้านหลังของพวกนางมีแม่นางเฉิงเจ็ด แม่นางเฉิงหก และเหล่าพี่สาวน้องสาวคนอื่นๆ ถัดจากนั้นไปอีกก็มีแม่นมและสาวใช้ของเหล่าแม่นาง หลังจากนั้นไปอีกก็เป็นแม่นมและสาวใช้คนอื่นๆ ที่พากันวิ่งโร่ตามมาจากเรือนของฮูหยินใหญ่เฉิง ด้านนอกประตูก็มีคนยืนต่อแถวกันเป็นหางว่าว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเหล่าแม่นมและสาวใช้ที่หลบซ่อนตัวเพื่อแอบถามข่าวคราวอยู่ริมทาง

“ท่านพ่อของเจ้าไม่อยู่ ข้าให้คนไปบอกข่าวแก่เขาแล้ว รอเขาเลิกงานกลับเจอเจ้าก็แล้วกัน” ฮูหยินรองเฉิงเอ่ย พลางเดินนำเฉิงเจียวเหนียงเข้ามาในห้องโถง

“เร็วเข้า นั่งพักเสียหน่อย”

“ฮูหยิน ห้องของนายหญิงอยู่ที่ใดหรือเจ้าคะ” ปั้นฉินเอ่ยถาม “นางหญิงของข้าอยากจะอาบน้ำ พักผ่อนสักเล็กน้อย”

ฮูหยินรองเฉิงจ้องมองสาวใช้ก็นึกออกในทันใดว่านางคือใคร

ตอนนั้นนางไม่ยอมเป็นแม่ครัวให้แก่แม่นางเจ็ด จึงถูกตบหน้าดังฉาด ตกใจหวาดกลัวราวกับนกน้อยก่อนจะวิ่งหนีไป จากนั้นพอท่านชายหนุ่มน้อยจากตระกูลโจวมาเยือน พูดหว่านล้อมเพียงไม่กี่คำก็วิ่งโร่ตามเขาไป

การจากไปในคราวนั้นของนางดูท่าทางคงไม่ได้สูญเปล่า คงได้เรียนรู้การงานมาบ้าง ดูท่าทางหยิ่งผยองนั่นสิ ดูผ่อนคลายเสียยิ่งกว่าคนเป็นเจ้าของบ้านอีก

ฮูหยินรองเฉิงแอบหัวเราะอยู่ในใจ

สาวใช้นางนี้ไม่ธรรมดาเลย

“นั่นสิ ข้าดีใจจนลืมไปเสียหมด” นางเอ่ยด้วยรอยยิ้มพลางหันไปมองแม่นมข้างกาย “ฮูหยินใหญ่เป็นคนจัดการเรื่องห้องหับของเจียวเหนียงใช่หรือไม่”

แม่นมไหวพริบเฉียบแหลมจึงเข้าใจในทันใด

“เจ้าค่ะ” นางตอบทว่าสีหน้ากลับดูกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “เพียงแต่ฮูหยินเจ้าคะ ห้องนั้นไม่มีคนอยู่มาตั้งนานแล้ว ผ่านมาทั้งฤดูร้อนฤดูใบไม้ร่วง ทั้งร้อนทั้งชื้น ยามนี้อากาศก็เริ่มหนาวอีก ถึงจะเก็บกวาดได้ แต่หากให้คนเข้าอยู่เกรงว่าจะไม่ดีนัก…”

ทันใดนั้นก็มีเสียงซ่าดังขึ้น

ฮูหยินใหญ่เฉิงคว่ำถ้วยชาในมือ น้ำชาสาดกระเซ็นไปทั่วถาดรอง สาวใช้รีบร้อนคลานเข้าไปเก็บกวาด

“นางพูดเช่นนั้นหรือ” นางขมวดคิ้วถาม

แม่นมตอบเสียงแผ่ว

“เพราะเช่นนั้นฮูหยินรองจึงให้แม่นางเฉิงพักกับแม่นางเจ็ดเป็นการชั่วคราวก่อน” นางตอบ “ส่วนนางก็พาคนไปทำความสะอาดเรือนริมสระบัวด้วยตัวเอง”

“ข้ากำชับให้นางเตรียมเก็บกวาดแล้วไม่ใช่หรือ” ฮูหยินใหญ่เฉิงกัดฟัดกรอดเอ่ยน้ำเสียงขุ่นเคือง “จัดฉากสร้างเรื่องให้ข้าเป็นผู้ร้าย แล้วจะมีประโยชน์อันใดต่อนางกัน”

“แน่นอนว่ามีประโยชน์เจ้าค่ะ” แม่นมตอบ “ฮูหยิน ตอนนี้ดูท่าทางแล้วแม่นางเจียวเหนียงคงหายดีแล้วจริงๆ …”

“จะหายดีได้อย่างไร” ฮูหยินใหญ่เฉิงถามอย่างไม่สบอารมณ์นัก “หน้าตาดีหรือ เดิมทีนางก็หน้าตาเช่นนี้ คราวก่อนที่นางกลับมา ใครใช้ให้พวกเขาไม่ดูเอง เดินแล้วอย่างนั้นหรือ คราวก็ที่มาก็เดินเข้ามา พูดได้อย่างนั้นหรือ คราวก่อนก็เรียกท่านพ่อเสียเต็มปากเต็มคำ เหมือนเดิมทุกอย่าง จะมาบอกว่าหายดีได้อย่างไร ก็แค่ตระกูลโจวจัดฉากมาดีเท่านั้น….”

ตระกูลโจวจัดฉากมาดีอย่างนั้นหรือ….

ฮูหยินใหญ่เฉิงหยุดพูดก่อนจะปรบมือในทันใด

ถึงว่าละนางรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกชอบกล คราวนี้ตระกูลโจวคงเตรียมจัดฉากให้แม่นางน้อยผู้นี้มาอย่างดีสินะ!

แล้วเหตุใดพวกเขาถึงต้องทำเช่นนั้น เพื่อปกป้องหลานสาวของตนเองอย่างนั้นหรือ ถุย ผู้ใดจะเชื่อกัน!

“ข้าเองก็คิดอยู่เหมือนกันว่านี่ก็ผ่านมานานแล้วเหตุใดพวกเขาถึงไม่มีความเคลื่อนไหวอันใดเลย นึกว่าจะตัดใจไม่มาก่อกวนตระกูลเราอีกแล้ว… ส่วนเรื่องสินเดิมของเจียวเหนียง ที่แท้ก็มีคนชักใยอยู่เบื้องหลังที่นี่…” นางเอ่ยน้ำเสียงเย้ยหยันก่อนจะเผยยิ้มออกมา

“ใช่แล้วเจ้าค่ะ ตระกูลโจวจัดขบวนตั้งธงตีกลองโห่ร้องมาส่งนางเสียใหญ่โต คนทั้งเมืองต่างก็รู้ว่าเจียงเหนียงของตระกูลเราไม่ได้เป็นเหมือนแต่ก่อนแล้ว ฮูหยินรองเจ้าเล่ห์เสียขนาดนั้น จะปล่อยโอกาสนี้หลุดลอยไปได้อย่างไร เพียงแต่เล่าลือกันมาว่า…” แม่นมกดเสียงต่ำ “หากทำอะไรไม่ถูกใจนางเข้า นางจะก่อเรื่องวุ่นวายให้ หากเป็นแต่ก่อนนางจะโวยวายเช่นไรก็คงไม่มีผู้ใดสนใจ…”

คนทั้งเมืองต่างก็รู้ดีว่าเฉิงเจียวเหนียงเป็นเด็กบ้า เด็กบ้าคนหนึ่งแต่งงานออกเรือนได้ก็นับว่าโชคดียิ่งนัก แถมฮูหยินใหญ่เฉิงก็เลือกคู่ให้อย่างดีจนไม่รู้จะหาผู้ใดที่ดีกว่านี้ได้แล้ว หากฮูหยินรองเฉิงพูดอะไรออกไป ก็คงไม่มีผู้ใดเชื่อ

ทว่ายามนี้กลับต่างออกไป เด็กบ้าคนนั้นปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนอย่างสง่างาม วันรุ่งขึ้นข่าวคงแพร่ไปทั่วเมือง หากฮูหยินรองเฉิงพูดอะไรเกี่ยวกับเฉิงเจียวเหนียงออกไป ชาวเมืองคงเก็บเอาไปถกเถียงกันเป็นแน่…

“ฮูหยินรองเห็นว่าเด็กคนนี้มีประโยชน์ต่อตน ไม่ใช่เด็กบ้าปัญญาอ่อนอีกต่อไป ถึงได้วิ่งโร่จับใส่กรงไว้ พอถึงเวลาก็เอาอกเอาใจเสียหน่อย อยากได้สิ่งใดก็ประเคนมาให้ ฮูหยินเจ้าคะ หากเป็นเช่นนั้นคงจะ…” แม่นมส่ายหน้าพลางส่งเสียงระอาใจ

นางบอกตั้งแต่แรกแล้วว่าเด็กบ้าคนนี้นำพามาแต่ความวุ่นวาย! ฮูหยินใหญ่เฉิงกัดฟันกรอด

“ฮูหยินเจ้าคะ ฮูหยินหวังก็ดูถูกใจนางไม่น้อย ท่านชายเองก็กลับมาแล้ว รีบหาทางไล่นางออกไปจากเรือนเถิดเจ้าค่ะ” แม่นมเอ่ย “หากปล่อยนานวันเข้า เกรงว่าจะไม่เป็นการดี”

ฮูหยินใหญ่เฉิงพยักหน้ารับ

“พวกเจ้าก็อย่าได้นิ่งเฉย ไปเอาเสื้อผ้าของใช้ไปให้นางด้วย” นางเอ่ย

แม่นมขานรับก่อนจะออกจากห้องไป

“เร็วเข้า เร็วเข้า ไปที่คลังเก็บของ” นางตะโกนบอกเหล่าแม่นม

ภายในเรือนโกลาหลวุ่นวายในทันใด

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+