พลิกชะตา หมอเทวดาอันดับหนึ่งบทที่ 426 ไม่หยุด

Now you are reading พลิกชะตา หมอเทวดาอันดับหนึ่ง Chapter บทที่ 426 ไม่หยุด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“นั่น​อะไร​น่ะ​”

ยาม​นี้​ผู้คน​ทั่วทุกสารทิศ​ใน​เมืองหลวง​ต่าง​มอง​ขึ้นไป​บน​ท้องฟ้า​

“มีคน​จุด​ดอกไม้ไฟ​กลางวันแสกๆ​ ด้วย​หรือ​”

“แต่​ดอกไม้ไฟ​นั่น​ก็​ลอย​สูงเสีย​เหลือเกิน​…”

บน​เจดีย์​เก้า​ชั้น​ทางทิศใต้​ของ​เมืองหลวง​ บรรดา​ผู้คน​มาเที่ยว​ชมใช้เวลา​กว่า​ครึ่ง​ค่อนวัน​กว่า​จะปีน​ขึ้น​มาถึงสูงสุด​ได้​ ยาม​มองดู​เมืองหลวง​จาก​มุมสูงเช่นนี้​ ใน​ใจก็​ฮึกเหิม​ขั้น​มา ความคิด​มากมาย​ก็​พรั่งพรู​ ขณะที่​กำลังจะ​ตวัด​พู่กัน​จุ่มหมึก​เขียน​โคลงกลอน​บน​กำแพง​ ทันใดนั้น​ดอกไม้ไฟ​สีขาว​ประกาย​ระยิบ​ก็​ปรากฏ​ขึ้น​สู่สายตา​

พา​ให้​พวกเขา​เหล่านั้น​เหม่อมอง​อย่าง​ตกตะลึง​

“ดอกไม้ไฟ​หรือ​”

“จะเป็นไปได้​อย่างไร​ พลุ​ของ​งานเทศกาล​โคมไฟ​ยัง​สูงไม่ถึงเจดีย์​สามชั้น​เลย​ ดอกไม้ไฟ​จะลอย​สูงถึงเพียงนี้​ได้​อย่างไร​”

จังหวะ​ที่​พูด​อยู่​นั้น​ดอกไม้ไฟ​ปะทุ​ขึ้น​ไม่หยุด​ จน​อารมณ์​เจ้าบท​เจ้ากลอน​ของ​เหล่า​ผู้​มาเที่ยว​ชมแตก​กระเจิง​ไป​ เอาแต่​ถกเถียง​กัน​ว่า​เหตุใด​ดอกไม้ไฟ​ถึงได้​ลอย​สูงเช่นนี้​

บน​กำแพงเมือง​ประตู​ตะวันออก​ เหล่า​ทหาร​ที่​กำลัง​ลาดตระเวน​อยู่​ก็​มอง​ดอกไม้ไฟ​เหล่านั้น​ด้วย​ความสงสัย​

“กลางวันแสกๆ​ แท้ๆ​ มีคน​จุด​ดอกไม้ไฟ​ด้วย​หรือ​นี่​” พวกเขา​พา​กัน​เอ่ย​ขึ้น​ ถึงอย่างนั้น​ก็​ไม่มีผู้ใด​คิด​จะหยุด​ม้าลง​

กองทหาร​ปัญจ​ทิศ​รักษา​นคร​ก็ตาม​ขบวน​มาเช่นกัน​ จนกระทั่ง​ผู้​เป็น​หัวหน้า​หยุด​ลง​

ขุนนาง​ประจำ​ประตูเมือง​ทิศตะวันออก​แหงนหน้า​มอง​ท้องฟ้า​อีกครั้ง​ สีหน้า​ก็​ยิ่ง​เคร่งขรึม​มากขึ้น​เรื่อยๆ​

“พวก​เจ้าดู​…” เขา​เอ่ย​

ก็​ดู​อยู่​นี่​อย่างไรเล่า​ เหล่า​ทหาร​ผู้น้อย​ได้​แต่​สงสัย​ก่อน​จะแหงนหน้า​มอง​อีกครั้ง​

ดอกไม้ไฟ​บน​ท้องฟ้า​ยังคง​ปะทุ​ขึ้น​ต่อเนื่อง​

“ดอกไม้ไฟ​ลอย​สูงได้​ถึงเพียงนั้น​เชียว​หรือ​…” ขุนนาง​ผู้​นั้น​เอ่ย​ขึ้น​ด้วย​สีหน้า​ประหลาดใจ​

ผู้คน​เบียดเสียด​กัน​ให้​แน่น​บริเวณ​นอกเมือง​ฝั่งตะวันออก​ พวกเขา​มองดู​คน​ผู้​หนึ่ง​วาง​กระบอกไม้ไผ่​ไว้​บน​โครง​ไม้ที่​ตั้งอยู่​กลางแจ้ง​ คราวนี้​ทุกคน​รู้​แล้ว​ว่า​จะเกิด​สิ่งใด​ขึ้น​ ก็​พา​กัน​ยก​มือขึ้น​อุด​หู​อุด​จมูก​

แต่​คน​ผู้​นั้น​กลับ​จุดชนวน​บน​กระบอกไม้ไผ่​ก่อน​จะรีบ​วิ่ง​หลบ​ไป​อีก​ จากนั้น​เสียง​หวีดหวิว​ก็​ดัง​ขึ้น​ กระบอกไม้ไผ่​พุ่ง​ทะยาน​ขึ้น​สู่เวหา​

สายตา​ของ​ฝูงชน​มอง​ไป​ตาม​ศีรษะ​ที่​แหงน​ขึ้น​

เสียง​ระเบิด​ดัง​ขึ้น​ก่อน​ดอกไม้ไฟ​จะปรากฏ​กลาง​ท้องฟ้า​

เหล่า​ชาวเมือง​ที่อยู่​บน​พื้นดิน​เอง​ก็​โห่ร้อง​

“ดอกไม้ไฟ​นี่​ร้ายกาจ​เสีย​ยิง​กว่า​ตะกาย​ดาว​ของ​ร้าน​ตระกูล​ห​ลี่​เสีย​อี​ก.​..”

“ตะกาย​ดาว​ของ​ร้าน​ตระกูล​ห​ลี่​นั่น​ไม่สมชื่อ​เอา​เสีย​เลย​ น่าจะ​เรียก​ว่า​ดาวตก​เสีย​มากกว่า​…”

“ใช่ ใช่ แบบนี้​ต่างหาก​ถึงจะเรียก​ว่า​ตะกาย​ดาว​ ดู​สิลอย​สูงยิ่งนัก​… หาก​เป็น​ยาม​กลางคืน​คงจะ​ตะกาย​ดาว​ได้​จริงๆ​”

เวลา​ผ่าน​ไป​ครู่หนึ่ง​ ดอกไม้ไฟ​ก็​ถูกจุด​จน​หมด​ ใน​โพรงจมูก​มีแต่​กลิ่น​ของ​เขม่า​ดินปืน​ตลบอบอวล​ เสียง​ร้องไห้​ที่​ถูก​กลบ​โดย​เสียง​ของ​ดอกไม้ไฟ​ก็​หยุด​ลง​ โลงศพ​ไม้ที่อยู่​อีก​ฝั่งก็​ถูก​ลำเลียง​ลง​หลุม​เรียบร้อย​แล้ว​ พร้อมกับ​ป้าย​หน้า​ศพ​ที่ตั้ง​ตระหง่าน​

บน​ป้าย​หน้า​ศพ​นั้น​ไร้​ซึ่งตัวอักษร​ใด​

ไม่นาน​เรื่อง​นี้​ก็​ถูก​ส่งต่อกัน​ปากต่อปาก​ของ​เหล่า​ชาวเมือง​ที่มา​มุงดู​

“เห็น​บอ​กว่า​จะให้​ทุกคน​ที่​มีชีวิต​อยู่​เป็น​ผู้​ตัด​สิน.​..”

“ทำ​ความดี​ความชอบ​แล้วแต่​ไม่มีผู้​เห็นคุณค่า​ ผู้ใด​จะยอม​กัน​…”

“คน​พวก​นั้น​ทำมาหากิน​อะไร​หรือ​…”

“เจ้าเดิน​ตามมา​ตั้ง​นาน​แล้ว​ ยัง​ไม่รู้​อีก​หรือ​ มัวแต่​กิน​เหล้า​น่ะ​สิ”

“ก็​ใช่น่ะ​สิ ก็​ใช่น่ะ​สิ เหล้า​ที่​เท​แจก​กัน​ริม​ทาง​ช่างน้อย​นัก​ พวก​เจ้าดู​นั่น​มีอีก​ต้อง​สอง​กอง​ ต้อง​แย่ง​มากิน​ให้ได้​”

ขณะที่​ชาวเมือง​กำลัง​พูดคุย​หัวเราะ​กัน​อยู่​นั้น​ ด้านหน้า​ก็​มีเสียง​กรีดร้อง​ดัง​ขึ้น​พร้อมกับ​เสียง​ของ​แตก​กระจาย​

เกิด​อะไร​ขึ้น​

ฝูงชน​รอบ​ทิศ​พา​กัน​กรู​เข้ามา​อีกครั้ง​ พอ​เห็น​ว่า​เกิด​อะไร​ขึ้น​ก็​โกลาหล​ขึ้น​มาใน​ทันใด​

“เหล้า​ของ​ข้า​!”

คน​มากมาย​พา​กัน​ร้อง​เสียงหลง​

“ฟ่านสือ​โถว​ จงดื่ม​ให้​หนำ​ใจเสีย​!”

ฟ่าน​เจียง​หลิน​หอบ​ไห​เหล้า​สอง​ใบ​ก่อน​จะปา​ลงพื้น​หน้า​ป้าย​หลุมศพ​แล้ว​ตะโกน​ลั่น​

“สวี​เม่าซิว​ จงดื่ม​ให้​หนำ​ใจเสีย​!”

เสียง​เพ​ล้ง​ดัง​ขึ้น​ เหล้า​อีก​สอง​ไห​แตก​กระจาย​

“สวี​ล่า​เย่ว์…”​

“ฟ่าน​ซาน​โฉ่ว…”​

“สวี​ปั้ง​ฉุย​…”

ฟ่าน​เจียง​หลิน​ยืน​อยู่​หน้า​หลุมศพ​แล้ว​เงยหน้า​ขึ้น​ เขา​ร้อง​ตะโกน​จน​เสียง​แหบแห้ง​ราวกับ​ใช้กำลัง​ที่​เหลืออยู่​ไป​จน​หมดสิ้น​

เสียง​ตะโกน​ดัง​ขึ้น​ครั้งแล้วครั้งเล่า​

ไม่ว่า​จะตะโกน​อย่างไร​ก็​ไม่มีเสียง​ตอบกลับ​ ไม่มีอีกต่อไป​

วันหน้า​ก็​ไม่มีแม้แต่​โอกาส​จะได้​เรียก​อีก​ ไม่มีแล้ว​

“…คน​นับ​หมื่น​ร่วมใจ​ ฟาดฟัน​ศัตรู​ไป​พร้อมกับ​เจ้า…”

“…มีเพียง​จิตใจ​อัน​กล้าหาญ​และ​ภักดี​… เด็ดเดี่ยว​มุ่งมั่น​…”

“…ต้าน​ศัตรู​นับ​พัน​อย่าง​โดดเดี่ยว​… ไม่เกรงกลัว​แม้ตัว​ตาย​…”

“…ตอบ​แทนคุณ​แผ่นดิน​และ​อาณาประชาราษฎร์​… ได้​ชื่อว่า​เป็น​ผู้​ปราบ​คนชั่ว​…”

น้ำเสียง​แหบแห้ง​ไร้​ซึ่งความไพเราะ​ ร่ำร้อง​บทเพลง​ไร้​จังหวะ​ ตามมา​ด้วย​เสียง​ของ​ไห​เหล้า​แตก​กระจาย​ น้ำเมา​ไหลริน​หน้า​หลุมศพ​ กลิ่น​เหล้า​คละคลุ้ง​ไป​ทั่ว​

เหล่า​ผู้คน​ที่​มุงล้อม​อยู่​ก็​ตื่นตระหนก​ขึ้น​มาอีกครั้ง​ ไม่ว่า​จะเป็น​คน​ที่มา​เพื่อ​เหล้า​หรือ​มาเพื่อ​ดู​ดอกไม้ไฟ​ หรือ​แม้แต่​คน​ที่มา​มุงดู​เพราะ​เพียงแค่​อยากรู้อยากเห็น​ก็​พา​กัน​เงียบ​ไป​

“…ร่วมกัน​ปกป้อง​ประตูเมือง​…ชาย​ชาติทหาร​ไม่อาจ​ไหว​หวั่น​…”

“…ทองพันชั่ง​ซื้อ​ม้า… เงิน​ร้อยชั่ง​ตี​หอก​ดา​บ.​..”

บน​เดิน​เขา​ที่​ตั้งอยู่​ออก​ไป​ไม่ไกล​นัก​ ท่านชาย​ฉิบ​สิบ​สามฮัมเพลง​พลาง​เหลียว​มอง​ไป​มอง​ท่านชาย​โจว​ หก​ที่อยู่​ข้าง​กัน​

“ข้า​ร้อง​เพราะ​หรือไม่​”

ท่านชาย​โจว​หก​ถือ​จอก​เหล้า​อยู่​ใน​มือ​ สายตา​ยังคง​จับจ้อง​ไป​ที่​กลุ่มคน​ เสียง​ของ​ท่านชาย​ฉิบ​สิบ​สามขัดจังหวะ​เขา​ที่​กำลัง​ครุ่นคิด​ไป​ตาม​เสียง​ขับ​กลอน​ของ​ฟ่าน​เจียง​หลิน​

เขา​ส่งเสียง​เย้ยหยัน​แต่​ไม่เอ่ย​คำ​ใด​ ก่อน​จะยก​จอก​เหล้า​ขึ้น​ดื่ม​

“ช้าหน่อย​ เหล้า​นี้​แรง​นัก​ อย่า​ได้​ดื่ม​มาก​” ท่านชาย​ฉิน​สิบ​สามเอ่ย​

“เจ้าเคย​ดื่ม​หรือ​” ท่านชาย​โจว​หก​ถามเขา​

ท่านชาย​ฉิบ​สามมอง​เขา​แล้ว​ส่ายหน้า​

“ไม่เคย​” เขา​เอ่ย​ “น้องสาว​เจ้าเคร่งครัด​กฎระเบียบ​นัก​ บอ​กว่า​เหล้า​ที่จะ​ใช้ใน​พี่​ศพ​ของ​เหล้า​พี่ชาย​ จะดื่มได้​เฉพาะ​วันนี้​เท่านั้น​ แล้วก็​เป็น​เช่นนั้น​จริงๆ​ ก่อนที่​เจ้าจะให้​คน​ไป​แย่ง​มาได้​ ข้า​จะไม่เคย​แม้แต่​จะได้กลิ่น​ด้วยซ้ำ​”

ท่านชาย​โจว​หก​คลี่​ยิ้ม​

“เช่นนั้น​ก็ดี​” เขา​เอ่ย​พลาง​พลาง​ยก​เหล้า​ขึ้น​ดื่ม​จน​หมด​จอก​

ทว่า​เขา​ประเมิน​ฤทธิ์​ร้อนแรง​ของ​เหล้า​นี้​ต่ำ​ไป​ จึงสำลัก​เสีย​จน​ไอ​โขลก​หน้าแดง​ไป​หมด​

ท่านชาย​ฉิน​สิบ​สามหัวเราะ​

“เจ้านี่​จริงๆ​ เลย​ ไม่เห็น​หรือ​ไร​ว่า​คนอื่น​ดื่มเหล้า​นี่​แล้ว​เป็น​อย่างไร​ ไม่เห็น​หรือว่า​มีคนเมา​ตั้ง​เท่าไหร่​ตลอดทาง​ เจ้ายัง​ไม่เชื่อ​คำ​นาง​อีก​” เขา​เอ่ย​

“แล้ว​อย่างไรเล่า​ มีประโยชน์​อัน​ใด​กัน​!” ท่านชาย​โจว​หก​เอ่ย​พลาง​ไอ​สำลัก​แล้ว​ชี้นิ้ว​ไป​ด้านล่าง​ “คน​พวก​นั้น​ ไม่ได้​สนใจ​อะไร​เลย​สักนิด​ มาเพียง​เพราะ​ความ​อยากรู้อยากเห็น​ พวกเขา​ไม่จำไม่ได้​แม้แต่​ชื่อ​ของ​พวก​สวี​เม่าซิว​ ยัง​จะหวัง​ให้​พวกเขา​ช่วย​เรียกร้อง​ความยุติธรรม​อีก​หรือ​ หวัง​ให้​พวกเขา​แพร่ข่าว​ความ​อัปยศอดสู​ที่​พวก​สวี​เม่าซิว​ได้รับ​อย่างนั้น​หรือ​ ไม่ถึงสามวัน​พวกเขา​ก็​คง​ลืม​ทั้ง​ห้า​คน​นั่น​ไป​แล้ว​ ไม่หรอก​ ไม่ต้อง​รอ​ให้​ถึงสามวัน​ พรุ่งนี้​ก็​คง​ลืม​แล้ว​กระมัง​”

ท่านชาย​ฉิน​สิบ​สามส่ายหน้า​แล้ว​มอง​ฝูงชน​เบื้องล่าง​

“หาก​มาเพียง​เพราะ​ความ​อยากรู้อยากเห็น​ ไม่นาน​พวกเขา​ก็​คง​ลืม​ แต่​ยาม​นี้​พวกเขา​ไม่ได้มา​เพียง​เพราะ​ความ​อยากรู้อยากเห็น​” เขา​เอ่ย​ “พอ​ตัวตน​ที่​แท้จริง​ของ​เถ้าแก่​เรือน​นางฟ้า​และ​อี๋​ชุน​ถังถูก​เปิดเผย​ ชาว​เมืองหลวง​จึงได้​พา​กัน​สนใจ​ ทั้ง​ยังมี​ดอกไม้ไฟ​ยาม​กลางวันแสกๆ​ อีก​ แน่นอน​ว่า​เรื่อง​นี้​คง​พูด​ถึงกัน​ได้​อย่าง​มาก​ก็​คง​สามวัน​ห้า​วัน​ หาก​นาน​กว่า​นั้น​ก็​คง​เดือน​สอง​เดือน​ ทว่า​ยังมี​อีก​เรื่อง​หนึ่ง​ที่​คน​สนใจ​ ทั้ง​ยัง​เป็นเรื่อง​ที่​สำคัญ​ที่สุด​อีกด้วย​ นั่น​ก็​คือ​…”

“เหล้า​อย่างนั้น​หรือ​” ท่านชาย​โจว​หก​เอ่ย​ขึ้น​พลาง​มองดู​จอก​เหล้า​ใน​มือ​ พอ​สิ้น​เสียง​จอก​เหล้า​ก็​ร่วง​ลงพื้น​ ตัว​คน​เอง​ก็​ล้ม​หงายหลัง​ไป​ โชคดี​ที่​ท่านชาย​ฉิบ​สิบ​สามมือไว​จึงประคอง​ไว้​ได้​ทัน​ ไม่อย่างนั้น​คง​ล้มกลิ้ง​ลง​ไป​เป็นแน่​

ท่านชาย​ฉิน​สิบ​สามเหวี่ยง​ร่าง​ของ​ท่านชาย​โจว​หก​ให้​นอนลง​ ก่อน​จะนวด​คลึง​แขน​ของ​ตัวเอง​

“เจ้าหมอ​นี่​ ไม่เจอกัน​แค่​สอง​ปี​ ตัว​ใหญ่​ขึ้น​เยอะ​ หนัก​ชะมัด​” เขา​บ่นพึมพำ​ มองดู​ชายหนุ่ม​ที่​ดื่มเหล้า​จน​นอน​กรน​หน้า​แดงก่ำ​อยู่​บน​เนินเขา​ ก่อน​จะพลาง​หน้า​แล้ว​ยิ้ม​ออกมา​

เสียงกรน​ยังคง​เคล้า​คลอ​ สายตา​ของ​เขา​เหลียว​กลับ​ไป​มอง​ที่​ตีนเขา​อีกครั้ง​ เหล่า​คน​ที่มา​ร่วม​พิธีศพ​ได้​กลับกัน​ไป​แล้ว​ แต่​ฝูงชน​ที่มา​มุงดู​ยังคง​ไม่แยกย้าย​ไป​ไหน​

“เหล้า​ เหล้า​ชั้นดี​เช่นนี้​ เหล้า​แรง​หนึ่งเดียว​บน​โลก​หล้า​ มีเพียง​ครั้งนี้​ครั้ง​เดียว​เท่านั้น​ ชาติ​นี้​ก็​หา​ที่ใด​ไม่ได้​อีก​ คน​ที่​ได้​ลิ้มลอง​จะลืม​ได้​อย่างไร​ นอกจาก​จะไม่ลืม​แล้ว​ แต่​กลิ่น​หอมหวน​นั้น​จะยังคง​คละคลุ้ง​อยู่​ใน​ความทรงจำ​ คน​ที่​ไม่ได้​ลิ้มลอง​ก็​ไม่ลืม​เช่นกัน​ นอกจาก​จะไม่ลืม​แล้ว​ ทั้ง​ยัง​เสียดาย​เพราะ​ไม่เคย​ได้​สัมผัส​รส​นั้น​”

“สิ่งที่​ลืม​ใน​ชาติ​นี้​ คือ​สิ่งที่​ไขว่คว้า​มาไม่ได้​”

“ยิ่ง​นาน​วัน​เข้า​ก็​ยิ่ง​ยาก​จะลืมเลือน​”

“พ​อนึกถึง​เหล้า​ใน​วันนี้​ ก็​ย่อม​นึกถึง​เหตุการณ์​ใน​วันนี้​ และ​ย่อม​ระลึกถึง​เหล่า​พี่น้อง​เขา​เม่าหยวน​ซาน​”

“เหล้า​นี้​ หาก​เป็นไป​ตามที่​คาด​ไว้​ละ​ก็​ วันพรุ่ง​เหล้า​นี้​คง​ได้​ชื่อว่า​เม่าหยวน​ซาน​”

ท่านชาย​ฉิน​สิบ​สามมองดู​ที่​ตีนเขา​แล้ว​ลุก​ยืน​ขึ้น​ สายลม​อบอ้าว​ยาม​ปลายเดือน​เจ็ด​โบก​เป็นเกลียว​ ชาย​เสื้อคลุม​ของ​เขา​ม้วน​กระพือ​ไป​ตาม​แรงลม​

นาง​ไม่ได้​ลงมือ​อัน​ใด​เลย​ ไม่ได้​เข้าพบ​ผู้ใด​ ไม่ได้​ขอความช่วยเหลือ​จาก​ผู้ใด​ ไม่ได้​ร้องไห้​คร่ำครวญ​ ไม่ได้​ฟ้องร้อง​ เหมือน​ดั่ง​ที่​นาง​ได้​พูด​ไว้​ นาง​ต้องการ​เพียง​จัด​พิธีศพ​ให้​เหล่า​พี่ชาย​อย่าง​สงบ​

แต่​ผู้ใด​จะไป​รู้​ว่า​พิธีศพ​นั้น​จะมีอนุ​ภาพ​ถึงเพียงนี้​

“เจ้าต้อง​ฟัง! เจ้าต้อง​ฟัง! ข้า​บอก​ให้​เจ้าฟัง! ข้า​บอก​ให้​เจ้าฟัง! ให้​คน​ทั้งเมือง​ได้​ฟังเรื่องราว​ของ​เขา​เม่าหยวน​ซาน​!” เขา​แหงนหน้า​ขึ้น​พลาง​เอ่ย​ด้วย​รอยยิ้ม​ สายตา​ทอด​มอง​ไป​ยัง​ภายใน​ประตูเมือง​

เหล่า​ราชวงศ์​ เหล่า​ราชสำนัก​ เหล่า​ขุนนาง​

ข้า​บอก​ให้​เจ้าฟัง! ข้า​บอก​ให้​เจ้าฟัง! ให้​คน​ทั้งเมือง​ได้​ฟังเรื่องราว​ของ​เขา​เม่าหยวน​ซาน​!

“นาง​ที่​ปกปิด​ตัวตน​มาโดยตลอด​ ยาม​นี้​กลับ​ปรากฏตัว​ต่อหน้า​คน​ทั้ง​เมืองหลวง​” ท่านชาย​ฉิน​สิบ​สามเอ่ย​พลาง​ยก​มือขึ้น​มา “เต้าหู้​เรือน​ไท่​ผิง​ นางฟ้า​ผ่าน​ทาง​ หมอ​เทวดา​ น้องสาว​ของ​ทหาร​หนี​ทัพ​ ไม่สิ หาก​ตัวตน​ทั้ง​สี่นี้​ถูก​เปิดเผย​ ก็​เท่ากับ​เปิดเผย​เรื่องราว​อื่น​ด้วย​เช่นกัน​ หาก​มีปัญญา​ก็​ย่อม​เชื่อมโยง​เรื่องราว​ได้​ เช่น​เรื่อง​ของ​ราช​เลขา​หลิว​ เช่น​คดี​หนี​ทหาร​…”

พูดถึง​เพียง​เท่านั้น​เขา​ก็​ถอนหายใจ​ออกมา​แล้ว​มอง​ไป​ยัง​ตีนเขา​

“จู่ๆ ก็​งัด​กระบวนท่า​มากมาย​ออกมา​เช่นนี้​ ท่าทาง​คง​โกรธ​น่าดู​”

เขา​เอ่ย​พลาง​นั่งลง​อีกครั้ง​

“ทำ​เต้าหู้​เป็น​ ทำอาหาร​เป็น​ รักษา​คน​ก็ได้​ คำนวณ​ปฏิทิน​ก็ได้​ คราวนี้​ยัง​บ่ม​เหล้า​เอง​อี​ก.​..”

เขา​พูด​ไป​พลาง​หัก​นิ้ว​ตาม​ทีละ​นิ้ว​

“ทุกครั้งที่​ผู้ใด​ทำให้​นาง​ต้อง​หวาดหวั่น​ นาง​ก็​จะตอบโต้​ด้วย​วิธีการ​ที่​น่าหวาดกลัว​ยิ่งกว่า​ ไม่รู้​เลย​จริงๆ​ ว่า​หญิง​ผู้​นี้​จะเก็บ​ซ่อน​สิ่งใด​ที่​น่า​ประหลาดใจ​ไว้​อีก​ ช่างทำให้​ผู้คน​สับสน​งุนงง​ยิ่ง​นั้น​ มอง​อย่างไร​ก็​มอง​ไม่ออก​ คาดเดา​อัน​ใด​ไม่ได้​เลย​…”

เขา​พูดถึง​เพียง​เท่านั้น​ก็​ใช้เท้า​สะกิด​ท่านชาย​โจว​หก​ที่​กำลัง​นอน​ฝันหวาน​อยู่​ข้าง​กัน​

“เช่นนี้​ผู้ใด​จะอดใจ​ไม่ไป​เจอ​ไม่คิดถึง​ได้​เล่า​ เช่นนี้​ผู้ใด​อยาก​จะอยู่​ห่าง​จาก​นาง​กัน​เล่า​ เจ้าว่า​ใช่หรือไม่​”

ท่านชาย​ที่​กำลัง​หลับสนิท​พอ​ถูก​เขา​สะกิด​ก็​คราง​พึมพำ​ออกมา​

ท้องฟ้า​กลับมา​สงบ​ดังเดิม​อีกครั้ง​ เหล่า​ทหารม้า​ลาดตระเวน​บน​กำแพงเมือง​เดิน​วน​ไปมา​ ส่วน​ขุนนาง​ประจำ​ประตูเมือง​ตะวันออก​ยัง​ยืน​นิ่ง​อยู่​ที่​เดิม​ สายตา​ยังคง​จับจ้อง​ไป​บน​ท้องฟ้า​

“เหตุใด​ดอกไม้ไฟ​ถึงได้​ลอย​สูงเช่นนั้น​ได้​” เขา​เอ่ย​พึมพำ​

เหล่า​ทหาร​ผู้น้อย​ก็ได้​แต่​ขมวดคิ้ว​สงสัย​

ตั้งแต่​ได้​เห็น​ดอกไม้ไฟ​ยาม​กลางวัน​ ขุนนาง​ผู้​นี้​ก็​เอาแต่​ยืน​นิ่ง​อย่างนั้น​ ราวกับ​กำลัง​ครุ่นคิด​อะไร​บางอย่าง​ แต่​ก็​เหมือน​เหม่อลอย​ โพล่ง​ประโยค​เดิม​ขึ้น​มาเป็นครั้งคราว​

เหตุใด​จู่ๆ ใต้เท้า​ถึงเปลี่ยนไป​ราวกับ​เป็น​หญิงสาว​หรือ​เหล่า​กวี​ที่​กำลัง​ดื่มด่ำ​ไป​กลับ​ทิวทัศน์​เช่นนั้น​

“แล้ว​อย่างไรเล่า​” มีคน​ถามขึ้น​อย่า​งอด​ไม่ได้​

“ที่​ไม่เคย​มีดอกไม้ไฟ​ใด​ลอย​ได้​สูงถึงเพียงนี้​ เพราะ​ไม่มีดินปืน​ที่ไหน​ทำ​เช่นนี้​ได้​” ขุนนาง​ประจำ​ประตูเมือง​เอ่ย​พลาง​ส่ายหน้า​

เหล่า​ทหาร​ผู้น้อย​หันมา​สบตา​กัน​อย่าง​ขบขัน​

“ใต้เท้า​ห​ลี่​มอง​สรรพสิ่ง​ล้ำลึก​ยิ่งนัก​” มีคน​เอ่ย​ขึ้น​พลาง​แค่น​หัวเราะ​

คำพูด​นั้น​ดึง​สติ​ของ​ขุนนาง​ประจำ​ประตูเมือง​กลับมา​ เขา​ขมวดคิ้ว​แล้ว​มอง​ทหาร​ผู้น้อย​ผู้​นั้น​ ถึงตำแหน่ง​สูงต่ำ​อย่างไร​ตน​ก็​เป็น​ขุนนาง​ เพียงแต่​ใน​เมืองหลวง​แห่ง​นี้​ขุนนาง​นั้น​มีให้​ดาด​เดื่อ​นรา​ว​กับ​สุนัข​ไม่ปาน​ ขุนนาง​ฝ่ายบู๊​ที่​ไม่มีแต่​ยศอย่าง​เขา​เอง​ไม่มีใคร​นับหน้าถือตา​ด้วยซ้ำ​

มองดู​ทหาร​ผู้น้อย​เบื้องหน้า​ผู้​นี้​ แม้จะอีก​ฝ่าย​จะเป็น​เพียง​ทหาร​ ส่วน​ตน​จะเป็น​ขุนนาง​ แต่​อีก​คน​กลับ​มีอำนาจ​เสีย​ยิ่งกว่า​ตัว​เขา​ที่​เป็น​ขุนนาง​เสีย​อีก​

ขุนนาง​ประจำ​ประตูเมือง​ละสายตา​กลับมา​ไม่เอ่ย​คำ​ใด​ต่อ​

“ทำ​อัน​ใด​กัน​” ไกล​ออก​ไป​มีคน​กลุ่ม​หนึ่ง​เดิน​เข้ามา​พลาง​เอ่ย​ถาม

แม่ทัพ​ผู้​เป็น​หัวหน้า​ท่าทาง​น่าเกรงขาม​ ขุนนาง​ประจำ​ประตูเมือง​รีบ​เดิน​เข้า​มาหา​แล้ว​คำนับ​ให้​

“ใต้เท้า​ห​ลี่​ดู​ดอกไม้ไฟ​อยู่​น่ะ​ขอรับ​” มีคน​เอ่ย​ด้วย​เสียงหัวเราะ​

คำพูด​นั้น​เสียงหัวเราะ​ของ​ทุกคน​ให้​ดัง​ขึ้น​

“ห​ลี่​เม่า ใน​เมื่อ​ใช้เงิน​ซื้อ​ตำแหน่ง​ขุนนาง​มาแล้ว​ ก็​อย่า​ได้​เอาแต่​สนใจ​กิจการ​ของ​ตระกูล​เจ้าเช่นนี้​” แม่ทัพ​ผู้​นั้น​ขมวดคิ้ว​เอ่ย​ด้วย​สีหน้า​ไม่พอใจ​นัก​

ขุนนาง​ประจำ​ประตู​ก้มหัว​ลง​อย่าง​กระอักกระอ่วน​

“ขอรับ​ ใต้เท้า​ ข้าน้อย​ไม่ได้​ทำ​เช่นนั้น​” เขา​เอ่ย​

“ไม่ได้​ทำ​เช่นนั้น​ก็ดี​ ตั้งใจ​ทำงาน​ วันหน้า​จะได้​เลื่อนขั้น​ พอ​ถึงตอนนั้น​ผู้คน​จะได้​รู้​ว่า​ตระกูล​ห​ลี่​ก็​มีลูกชาย​ที่​เก่งกาจ​ มิได้​มีเพียงแค่​พลุ​ดอกไม้ไฟ​ ยาม​เอ่ยถึง​ตระกูล​ห​ลี่​ของ​เจ้าจะได้​ไม่ใช่แค่​ปรมาจารย์​พลุ​กระบอกไม้ไผ่​” แม่ทัพ​ผู้​นั้น​เอ่ย​

แม้คำพูด​นั้น​ฟังดูเหมือน​ปลุกใจ​ แต่​พอ​เห็น​ผู้คน​โดยรอบ​กำลัง​กลั้น​ยิ้ม​ บ้าง​ก็​หัวเราะ​ออกมา​อย่าง​ไม่ปิดบัง​ ก็​รู้​ได้​ว่า​กำลัง​เอ่ย​ถากถาง​กัน​อยู่​

ขุนนาง​ประจำ​ประตูเมือง​ผู้​นี้​เป็น​ลูกชาย​คน​ที่สาม​ของ​ตระกูล​ห​ลี่​ เจ้าของร้าน​ดอกไม้ไฟ​อัน​เลื่องชื่อ​ของ​เมืองหลวง​ เพราะ​ดอกไม้ไฟ​ที่​ตระกูล​ห​ลี่​ถวาย​ได้รับ​คำชมเชย​จาก​ฮ่องเต้​ ห​ลี่​เม่าผู้​นี้​ถึงได้​อวย​ยศ​เป็น​ขุนนาง​ฝ่ายบู๊​ ยาม​นี้​เขา​กำลัง​กำหมัด​แน่น​ โค้ง​ตัว​ลง​แล้ว​เอ่ย​ขานรับ​

คน​กลุ่ม​นั้น​พา​กัน​เดิน​จากไป​ เขา​ถึงค่อยๆ​ ยืน​ตัว​ขึ้น​ก่อน​จะเงยหน้า​มอง​ฟ้าอีกครั้ง​

“พวก​เจ้าเคย​คิด​หรือไม่​ ดอกไม้ไฟ​ที่​จุด​แนวตั้ง​นั้น​พุ่ง​สูงได้​เพียง​แล้ว​ แล้ว​ถ้าจุด​แนวนอน​เล่า​” เขา​เอ่ย​พึมพำ​ ดวงตา​เป็นประกาย​ “ทำได้​อย่างไร​กัน​นะ​ ดินปืน​ที่​ทำให้​พุ่ง​สูงได้ขนาด​นี้​…”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด