พลิกชะตา หมอเทวดาอันดับหนึ่งบทที่ 434 ยอมรับเอง

Now you are reading พลิกชะตา หมอเทวดาอันดับหนึ่ง Chapter บทที่ 434 ยอมรับเอง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ข้า​ไม่ทราบ​ขอรับ​”

“เจ้ากับ​หลูเจิ้ง​รู้จัก​กัน​ได้​อย่างไร​”

“ข้า​ไม่รู้จัก​”

เสียง​ไต่สวน​และ​คำตอบ​ดัง​สลับ​ขึ้น​ภายใน​โถงใหญ่​ของ​หอ​อาลักษณ์​ ประตู​หอ​ปิด​แน่น​สนิท​ปิดกั้น​คน​สอดรู้สอดเห็น​จาก​ภายนอก​

เพราะ​ประตู​หันไป​ทาง​ทิศเหนือ​ ดังนั้น​ห้องหับ​ส่วนใหญ่​ใน​หอ​อาลักษณ์​หลวง​จึงมืด​สลัว​เป็นอย่างมาก​

ผู้ช่วย​ราชเลขาธิการ​นั่ง​อยู่​ภายใน​ห้อง​ รู้สึก​ว่า​หอ​อาลักษณ์​ใน​วันนี้​แตกต่าง​ออก​ไป​จาก​เดิม​

เสียง​ฝีเท้า​ดัง​ขึ้น​จาก​ด้านนอก​ตามมา​ด้วย​เสียงเคาะ​ประตู​

“ใต้เท้า​ บัณฑิต​ถงมาแล้ว​ขอรับ​”

เพิ่งจะ​สิ้น​เสียง​ ประตู​ก็​ถูก​เปิด​ออก​ เงาร่าง​ท้วม​สูงเดิน​เข้ามา​ด้านใน​

“น้อง​จื่อ​เห​วิน​ ไม่ได้​พบกัน​เสีย​นาน​เลย​” น้ำเสียง​เบิกบาน​ของ​บุรุษ​ดัง​ขึ้น​ภายใน​ห้อง​อัน​มืด​สลัว​

แม้ว่า​ยาม​นี้​ตำแหน่ง​ของ​ตน​จะสูงกว่า​บัณฑิต​ถง แต่​ตอนนั้น​เขา​ก็​ถูก​เลื่อนขั้น​มาจาก​ตำแหน่ง​บัณฑิต​สำนัก​ฮั่น​หลิน​และ​มีความสัมพันธ์​อัน​ดี​ต่อ​บัณฑิต​ถง เพียงแต่​พอ​มาเป็น​ผู้ช่วย​ราชเลขาธิการ​แล้ว​ต้อง​เป็น​ขุน​นางใน​ตำแหน่ง​โดดเดี่ยว​จึงห่างเหิน​จาก​คนอื่นๆ​ ไป​

ห​ลี่​จื่อ​เห​วิน​ลุกขึ้น​ยิ้ม​บาง​ให้​บัณฑิต​ถง

“ประโยค​นี้​ควร​เป็น​ข้า​ที่​พูด​มากกว่า​ พี่​จงเจิ้งยาม​นี้​เจอ​ตัว​ได้​ยาก​นัก​” เขา​เอ่ย​

“ข้า​ร่างกาย​ไม่แข็งแรง​น่ะ​สิ” บัณฑิต​ถงยิ้ม​เอ่ย​

ยังคง​เป็น​บัณฑิต​ถงที่​ตรงไปตรงมา​ ไม่เหมือน​สอง​คน​ที่​มาถึงก่อนหน้านี้​ เยิ่นเย้อ​เสียหลาย​ประโยค​กว่า​จะกลับ​เข้า​ประเด็น​ได้​

ผู้ช่วย​ราช​เลขา​ยิ้ม​บาง​

ณ ห้องโถง​ที่​ห่าง​จาก​หอ​อาลักษณ์​หลวง​ไป​หลาย​ช่วงตัว​ เกา​ห​ลิง​ปอ​ก็​กำลัง​ยิ้มแย้ม​อยู่​เช่นกัน​

“คน​กลัว​ตาย​มิใช่เรื่อง​น่า​อับอายขายหน้า​” เขา​เอ่ย​ “ขนาด​จิ๋นซี​ฮ่องเต้​และ​ฮั่น​อู่​ตี้​ยังมี​หนทาง​เรียนรู้​ใน​สิ่งต่างๆ​ หมอ​เทวดา​นาง​นี้​อยู่​ตรงหน้า​ มิใช่ภาพลวงตา​ที่​จับต้อง​มิได้​ ทุกคน​ต่าง​เคารพ​นบนอบ​ย่อม​เป็นเรื่อง​ธรรมดา​มิใช่หรือ​”

ผู้ติดตาม​ต่าง​อมยิ้ม​เอ่ย​รับ​

“ผู้​ที่มา​ร้องขอ​ความเมตตา​แทน​มีมากขึ้น​เรื่อยๆ​” เกา​ห​ลิง​ปอ​เอ่ย​พลาง​โยน​สาส์น​กราบทูล​ใน​มือ​ลง​บน​โต๊ะ​ “ไป​ เพิ่ม​ความคึกคัก​บน​ถนน​กัน​หน่อย​ เรื่อง​จับ​หมอ​เทวดา​มายิ่งใหญ่​เพียงนี้​ช่างเป็นเรื่อง​ที่​ยอดเยี่ยม​นัก​”

ผู้ติดตาม​ขานรับ​

ประตู​ใหญ่​หอ​อาลักษณ์​ที่​ปิด​สนิท​กลับ​มิได้​สกัดกั้น​ข่าวลือ​ที่​คาดเดา​กัน​ไป​สารพัด​ได้​

“ได้ยิน​หรือไม่​ แม่นาง​ตระกูล​เฉิงนั่น​ถูกจับ​แล้ว​…”

“นี่​มัน​เป็นเรื่อง​มลทิน​ใหญ่หลวง​นัก​…ไม่พูดถึง​เรื่อง​ที่​ออกรบ​แล้ว​ไม่ได้​ผลงาน​นะ​ ขนาด​เหล่า​สหาย​ยัง​พบ​กับ​หายนะ​กัน​ไป​หมด​…”

“หมอ​เทวดา​นาง​นั้น​เป็น​ศิษย์เอก​ของ​ท่าน​นักพรต​เชียว​นะ​ พวกเขา​ไม่กลัว​ถูก​ฟ้าผ่า​หรือ​ไร​…”

“…ไป​ ไป​ เรา​ไปดู​กัน​ ไม่แน่​ว่า​ถึงเวลา​นั้น​ท่าน​นักพรต​อาจจะ​แสดง​อิทธิฤทธิ์​ศักดิ์สิทธิ์​ขึ้น​มาก็​เป็นได้​…”

ไม่รู้​ว่า​คน​รวมตัวกัน​มาจาก​ทาง​ไหน​ ผู้คน​ภายใน​โรงน้ำชา​ต่าง​พา​กัน​กรู​ออก​ไป​ด้านนอก​ ท่านชาย​โจว​หก​วาง​ถ้วย​ชาใน​มือ​ลง​ด้วย​สีหน้า​หนักอึ้ง​

“คน​ที่​แพร่​ข่าวลือ​ไป​ทั่ว​ทิศ​เช่นนี้​ต้อง​เป็น​คน​ของ​เกา​ห​ลิง​ปอ​แน่​!” เขา​เอ่ย​ขึ้น​

“เช่นนั้น​ก็​แย่​แล้ว​” ท่านชาย​ฉิน​สิบ​สามเอ่ย​ขึ้น​ด้วย​สีหน้า​กังวล​ไม่น้อย​ “หาก​ถูก​พูดถึง​โดย​การอาศัย​เทพ​เทวดา​เช่นนี้​ ความเห็นใจ​ ความสงสาร​ของ​ชาวบ้าน​ได้​เปลี่ยนไป​กัน​หมด​แน่​”

“เพราะ​อย่างนั้น​นาง​จึงไม่ควร​รักษา​คน​!” ท่านชาย​โจว​หก​เอ่ย​อย่าง​ไม่สบอารมณ์​

“เพราะ​อย่างนั้น​นาง​จึงได้​ตั้ง​กฎ​สามข้อ​นั้น​ขึ้น​มาอย่างไรเล่า​” ท่านชาย​ฉิน​สิบ​สามเอ่ย​ เขา​มอง​ท่านชาย​โจว​หก​พลาง​ส่ายหน้า​ “เรื่องราว​ทุกอย่าง​ล้วน​มีข้อดี​และ​ข้อเสีย​ มิอาจ​เลิก​ทำ​เพราะ​กลัว​จะเกิด​ปัญหา​ได้​ สำหรับ​นางใน​ครา​แรก​นั้น​การรักษา​คน​เป็นประโยชน์​มากกว่า​ข้อเสีย​”

“แล้ว​ยาม​นี้​เล่า​” ท่านชาย​โจว​หก​ตวาด​ขึ้น​

ประการ​แรก​เพราะ​การตาย​ของ​ทหาร​ทั้ง​ห้า​ใน​สงคราม​ ทำให้​ทุกคน​ต่าง​เดือดดาล​คั่งแค้น​กัน​อย่างยิ่ง​ สำหรับ​ฮ่องเต้​แล้ว​กลับ​มิใช่เรื่องใหญ่​อัน​ใด​ ทว่า​หาก​ก่อให้เกิด​การ​ทำ​เรื่อง​ผิด​ทำนองคลองธรรม​ของ​ผู้คน​ขึ้น​เพราะ​หมอ​เทวดา​ล่ะ​ก็​ เช่นนั้น​ก็​เป็น​คนละเรื่อง​ใน​สายตา​ของ​ฮ่องเต้​แล้ว​

“…มีตระกูล​ถง ตระกูล​เผิง​ และ​อีก​หลาย​ตระกูล​ไป​หอ​อาลักษณ์​ตามลำดับ​ สืบ​ข่าว​ส่งสาร​กัน​ทั้ง​ใน​ที่ลับ​ที่แจ้ง​…” เฉินเซ่า​เอ่ย​ขึ้น​

“พวกเขา​คิด​อยาก​ผลัก​เรื่อง​นี้​ไป​ให้​หลูเจิ้ง​ บอ​กว่า​พวก​แม่นาง​เฉิงถูกหลูเจิ้ง​หลอก​ใช้ เรื่อง​นี้​ยัง​ไม่เกี่ยวข้อง​กับ​พวกเขา​อีก​หรือ​” นาย​ท่าน​เฉิน​เอ่ย​ถามขึ้น​

เฉินเซ่า​พยักหน้า​

“ท่าน​พ่อ​ ท่าน​ก็​รีบ​ไป​ช่วย​นาง​สิเจ้าคะ​” แม่นาง​เฉิน​สิบ​แปด​เอ่ย​แทรก​ขึ้น​มาอย่า​งอด​ไม่ได้​

เฉินเซ่า​มอง​นาง​แล้ว​ยิ้มเจื่อน​ให้​

“เกา​ห​ลิง​ปอ​ก็​กำลัง​คิด​เช่นเดียวกัน​อยู่​” เขา​เอ่ย​

แม่นาง​เฉิงสิบ​แปด​นิ่งอึ้ง​ เพิ่งจะ​รู้สึกตัว​ว่า​ตัวเอง​พูด​ผิด​ไป​

“สร้าง​บุญคุณ​แก่​ผู้คน​ พูด​แทน​ผู้คน​” นาย​ท่าน​เฉิน​เอ่ย​พลาง​ทอดถอนใจ​ “ฮ่องเต้​กลัว​คำ​ว่า​บุญคุณ​ที่สุด​มิใช่หรือ​”

บุญคุณ​ใบ​โลก​นี้​มีเพียง​ฮ่องเต้​เท่านั้น​ที่จะ​ทรง​ประทาน​ให้ได้​ หาก​มีคน​คิด​มาแบ่ง​ไป​…

“ก็​เหมือน​อย่าง​ที่​นาง​สังหาร​ภิกษุ​หนิง​เต๋อ​ด้วย​ดาบ​เล่ม​เดียว​ ไม่ช้าก็เร็ว​ต้อง​มีคน​สังหาร​นาง​ด้วย​ดาบ​เล่ม​เดียว​เช่นกัน​” เฉินเซ่า​เอ่ย​

ภิกษุ​หนิง​เต๋อ​เป็น​ผู้ใด​อีก​เล่า​

นาง​ไป​ฆ่าคน​เมื่อใด​อีก​

แม่นาง​เฉิน​สิบ​แปด​สีหน้า​ซีดเผือด​ เรื่อง​เหล่านี้​ต่าง​ไม่ใช่ประเด็น​ ประเด็น​ก็​คือ​ประโยค​สุดท้าย​ที่​ท่าน​พ่อ​พูด​

เหตุใด​เรื่อง​ครา​นี้​จึงกลายเป็น​เรื่องใหญ่​ไป​ได้​ แค่​ฝังศพ​พี่ชาย​บุญธรรม​เฉย​ๆ มิใช่หรือ​ นี่​มิใช่เรื่อง​ธรรมดา​ของ​มนุษย์​หรอก​หรือ​

“นี่​คือ​ผลลัพธ์​ที่​นาง​ก้าว​ออกมา​ ตราบใดที่​นาง​ไม่ลุก​ออกมา​ ไม่ว่า​ใคร​ก็​มองไม่เห็น​นาง​” เฉินเซ่า​เอ่ย​

“พูด​เช่นนี้​ก็​ไม่ถูก​ ชั่วชีวิต​คน​ผู้​หนึ่ง​ต้อง​หลบ​ๆ ซ่อน​ๆ ไป​ตลอดกาล​เช่นนั้น​หรือ​ ใน​เมื่อ​นาง​กล้า​ที่จะ​ออกมา​ นาง​ย่อม​มีความมั่นใจ​ที่จะ​ทำ​แน่นอน​” นาย​ท่าน​เฉิน​เอ่ย​

เรื่อง​มาถึงขั้น​นี้​ก็​คง​ทำได้​เพียง​คิด​เช่นนี้​แล้ว​

“ไม่รู้​จริงๆ​ ว่า​นาง​ทำ​เช่นนี้​แล้ว​คุ้มค่า​หรือไม่​ เรื่อง​เล็กน้อย​แค่นี้​ ค่อยๆ​ พูด​แล้ว​จะเป็นไรไป​ เหตุใด​ต้อง​หุนหัน​พัน​แล่น​ด้วย​” เฉินเซ่า​ถอนใจ​เอ่ย​ขึ้น​

“เรื่องใหญ่​มีความคุ้มค่า​ใน​ตัว​มัน​ เรื่องเล็ก​ก็​เช่นกัน​” นาย​ท่าน​เฉิน​เอ่ย​ “ขอ​เพียง​ตัวเอง​คิด​ว่า​คุ้มค่า​ ก็​จะคุ้มค่า​”

เฉินเซ่า​ยิ้ม​ออกมา​แล้ว​คำนับ​ให้​นาย​ท่าน​เฉิน​

“เช่นนั้น​ลูก​ก็​ขอตัว​ไป​ทำ​เรื่อง​ที่​คุ้มค่า​ก่อน​ก็แล้วกัน​” เขา​เอ่ย​

แม่นาง​เฉิน​สิบ​แปด​มอง​ท่าน​พ่อ​ขอตัว​ออก​ไป​ ส่วน​ตัวนาง​ยังคง​นั่ง​เหม่อ​อยู่​ที่​เดิม​

“ท่าน​ปู่​เจ้าคะ​ เรื่องใหญ่​ถึงเพียงนี้​ เป็น​แม่นาง​เฉิงจงใจทำ​จริงๆ​ หรือ​เจ้าคะ​” นาง​เอ่ย​ “นาง​ช่างใจกล้า​ไม่น้อย​”

“บางครั้ง​ที่​ใจกล้า​ก็​เพียง​เพราะ​ไร้​หนทาง​ให้​ถอยกลับ​แล้ว​” นาย​ท่าน​เฉิน​เอ่ย​แล้ว​ถอนใจ​ “อย่า​ได้​อิจฉา​เรื่อง​นี้​เลย​ หาก​เป็นไปได้​ ใคร​จะอยาก​เป็น​เช่นนี้​กัน​เล่า​ แม่นาง​เฉิงต้อง​อิจฉา​เจ้าอยู่​ใน​ใจเช่นกัน​”

“ข้า​มีอัน​ใด​ให้​น่าอิจฉา​กัน​ ข้า​สู้อัน​ใด​นาง​ได้​ที่ไหน​” แม่นาง​เฉิน​สิบ​แปด​ยิ้ม​เอ่ย​

“ย่อม​เป็น​สิ่งที่​เจ้ามี แต่​นาง​ไม่มีแน่นอน​ ก็​เหมือนกับ​ที่​เจ้าอิจฉา​ใน​สิ่งที่​นาง​มี แต่​เจ้าไม่มีอย่างไรเล่า​” นาย​ท่าน​เฉิน​เอ่ย​ “ทุกคน​ต่าง​มีสิ่งที่​ควรค่า​ให้​ผู้อื่น​อิจฉา​ อย่า​ได้​สนใจ​ใน​สิ่งที่​ผู้อื่น​มี จงสนใจ​ใน​สิ่งที่​ผู้อื่น​ไม่มี นี่​จึงจะเป็น​จิตใจ​ปกติ​ที่​มีเมตตากรุณา​”

สิ่งที่​ตน​มีแต่​นาง​ไม่มี…

เสียงหัวเราะ​พูดคุย​ของ​บรรดา​พี่สาว​น้องสาว​ดัง​ขึ้น​มาจาก​หน้า​ประตู​ แม่นาง​เฉิน​สิบ​แปด​หัน​มอง​ไป​ก็​ถอนใจ​ออกมา​ ยิ่ง​คิด​ก็​ยิ่ง​ทรมาน​ นาง​ขอบตา​แดงก่ำ​ขึ้น​มาอย่าง​สุด​กลั้น​

“เดิมที​ก็​ไม่มีอยู่แล้ว​ ยัง​มาถูก​พราก​จากไป​ กลับ​กลายเป็น​ตนเอง​จนตรอก​ ต้อง​ลงมือทำ​อย่าง​ไร้​ทางเลือก​” นาง​กำหมัด​แน่น​แล้ว​เอ่ย​ต่อ​ “เรื่องเล็ก​ ความหมาย​ของ​ชีวิต​อยู่​ที่นั่น​ อารมณ์​ความรู้สึก​มีที่มา​ที่​ไป​ เดิมที​ก็​มิใช่เรื่องเล็ก​น้อยอยู่แล้ว​ เป็นเรื่อง​ใหญ่หลวง​นัก​”

นาง​หัน​กลับมา​มอง​นาย​ท่าน​เฉิน​

“ท่าน​ปู่​ ข้า​คิดออก​แล้ว​ว่า​จะเขียน​อัน​ใด​แนบ​ไป​กับ​ตำรา​ที่​ถวาย​ให้​ฝ่าบาท​ดี​”

นาย​ท่าน​เฉิน​ตกใจ​ ทันใดนั้น​ก็​แย้มยิ้ม​ออกมา​

“เจ้าอย่า​ได้​ก่อเรื่อง​ตาม​ไป​อีก​คน​” เขา​เอ่ย​ “ทำ​ใน​สิ่งที่​พึงกระทำ​จึงจะคุ้มค่า​”

“ท่าน​ปู่​ ท่าน​คิดมาก​แล้ว​ ข้า​เพียงแค่​อยาก​คัดลอก​พระไตรปิฎก​สัก​บท​เท่านั้น​” แม่นาง​เฉิน​สิบ​แปด​ยิ้ม​เอ่ย​

นาย​ท่าน​เฉิน​หัวเราะ​ออกมา​ยกใหญ่​

“ข้า​มักจะ​บอ​กว่า​พ่อเจ้า​ขี้​กังวล​เคร่งเครียด​อยู่​บ่อยๆ​ แต่​ความจริง​แล้ว​ข้า​เอง​ก็​ต้อง​กังวลใจ​กับ​การกระทำ​ของ​แม่นาง​น้อย​อย่าง​พวก​เจ้าเช่นกัน​”

“ฟ่าน​เจียง​หลิน​ เจ้าทำ​เรื่อง​พวก​นี้​แค่นั้น​หรือ​” ผู้ตรวจการ​มอง​บันทึก​ที่​ขุนนาง​อาลักษณ์​ส่งมาให้​แล้ว​เอ่ย​ถาม

“ขอรับ​” ฟ่าน​เจียง​หลิน​เอ่ย​ตอบ​

“แล้ว​เจ้าไป​เกี่ยวข้อง​กับ​หลูเจิ้ง​ได้​อย่างไร​” ผู้ตรวจการ​เอ่ย​ถาม

“ใต้เท้า​ ข้า​ไม่รู้จัก​เขา​ ข้า​เพียงแค่​มาส่งศพ​บรรดา​พี่น้อง​ของ​ข้า​กลับ​เมืองหลวง​” ฟ่าน​เจียง​หลิน​เอ่ย​

ผู้ตรวจ​การหัวเราะ​เสียง​เย็นเยียบ​

“พวก​เจ้าเป็น​คน​จาก​เขา​เม่าหยวน​ซาน​มิใช่รึ​ เมืองหลวง​มิใช่บ้านเกิดเมืองนอน​ของ​พวก​เจ้าเสียหน่อย​ ห่าง​ไป​เป็น​เดือน​เพิ่งจะ​วิ่ง​แจ้น​มาฝังศพ​รึ​” เขา​เอ่ย​แล้ว​เคาะ​ไม้จิงถังอย่าง​แรง​ “บอก​มา ใคร​คือ​ผู้​ชักใย​อยู่​เบื้องหลัง​ ใคร​เป็น​คนวางแผน​ ใคร​เป็น​คน​ปลุกปั่น​ชาวเมือง​!”

“ข้า​”

ฟ่าน​เจียง​หลิน​ไม่ได้​เอ่ย​คำ​นั้น​ เสียง​ของ​หญิง​นาง​หนึ่ง​ดัง​ขึ้น​ภายใน​โถง

สายตา​ของ​ผู้ตรวจการ​ตก​อยู่​บน​ร่าง​หญิงสาว​ที่อยู่​ด้าน​ข้าง​ ความจริง​แล้ว​สายตา​เขา​มอง​หญิง​นาง​นี้​อยู่​ตลอด​ไม่ห่าง​ไป​ไหน​ ไม่ว่า​จะมอง​อย่างไร​ก็​แทบ​ไม่อยาก​เชื่อ​สายตา​

ไม่คาดคิด​เลย​ว่า​แม่นาง​น้อย​ผู้​นี้​จะเป็น​หมอ​เทวดา​ไป​เสียได้​ ใคร​จะไป​เชื่อ​กัน​ มิน่าเล่า​จึงถูก​เล่าลือ​กัน​ว่า​เป็น​ศิษย์​ของ​นักพรต​เซียน​ และ​ถูกวัด​ผู่​ซิว​มองว่า​เป็น​เต้าหู้​อัน​ล้ำค่า​ ไหนจะ​นางฟ้า​ผ่าน​ทาง​ที่​โด่งดัง​แห่ง​เมืองหลวง​อี​ก.​..

หาก​มิใช่ตระกูล​โจว​ เช่นนั้น​คน​หนุนหลัง​นาง​คือ​ผู้ใด​เล่า​

มีคน​ไป​สืบ​เรื่อง​ตระกูล​ฝั่งพ่อ​ของ​นาง​แล้ว​ พลิก​ตระกูล​หา​ก็​ไม่พบ​สิ่งใด​ จึงค่อย​รอ​สืบหา​ต่อไป​

แม่นาง​น้อย​ก้าว​ออกมา​ก้าว​หนึ่ง​ นาง​ค้อม​กาย​คำนับ​ต่อ​ศาล​

“เจ้ารึ​ เจ้าอะไร​นะ​” ผู้ตรวจการ​ขมวดคิ้ว​เอ่ย​ถาม

“เป็น​ข้า​ที่​ต้องการ​ให้​พวก​ท่าน​พี่​ได้​กลับมา​ฝังยัง​เมืองหลวง​เจ้าค่ะ​” เฉิงเจียว​เหนียง​บอก​

ผู้ตรวจ​การส่งเสียง​เย้ยหยัน​ออกมา​ กำลังจะ​เอ่ยปาก​ขึ้น​ เฉิงเจียว​เหนียง​ก็​เอ่ย​แทรก​ขึ้น​ก่อน​

“เป็น​ข้า​ที่​ต้องการ​ให้​พวก​ท่าน​พี่​ได้​กลับมา​ฝังยัง​เมืองหลวง​ เป็น​ข้า​ให้​คน​จัด​พิธี​เซ่นไหว้​ เป็น​ข้า​ที่​ระดมพล​” นาง​เอ่ย​

ยอมรับ​อย่าง​ตรงไปตรงมา​

ผู้ตรวจการ​กำลัง​เคาะ​ไม้จิงถังที่​ถือ​ไว้​

“ไม่มีใคร​ชักใย​ให้​ข้า​ทำ​เช่นนี้​ เป็น​ข้า​ที่​ทำ​ด้วยตัวเอง​” เฉิงเจียว​เหนียง​เอ่ย​พลาง​มอง​เขา​แล้ว​ยิ้ม​บาง​

ผู้ตรวจการ​ใจลอย​นิ่งงัน​ไป​ มิใช่เพราะ​รอยยิ้ม​ของ​คน​งาม แต่​เพราะ​ถูก​คำพูด​ของ​คน​งามทำให้​นิ่ง​ไป​ เขา​ลืม​กระทั่ง​เคาะ​ไม้จิงถังใน​มือ​

“เจ้าว่า​อย่างไร​นะ​” เขา​เอ่ย​ถาม

“เป็น​ข้า​ที่​ก่อเรื่อง​ให้​ใหญ่โต​เอง​ เป็น​ข้า​ที่​อยาก​ให้​ฮ่องเต้​ได้​รับรู้​เอง​” เฉิงเจียว​เหนียง​เอ่ย​

กล่าวอีกนัยหนึ่ง​คือ​นาง​ยอมรับ​ว่า​จงใจปลุกปั่น​ความ​แค้นเคือง​ของ​คนใน​เมืองหลวง​…

เมื่อ​ครู่​ชาย​ผู้​นั้น​ไม่ยอมรับ​อะไร​สัก​อย่าง​ ทว่า​เขา​ยัง​ไม่ทัน​จะถามอะไร​เลย​ แต่​หญิง​นาง​นี้​กลับ​ยอม​รับสารภาพ​ออกมา​ทั้งหมด​ ผู้ตรวจการ​ตกตะลึง​ไป​

“เจ้าทำ​เช่นนี้​ทำไม​” เขา​เอ่ย​ถาม

“เพราะ​ข้า​ต้องการ​ทวง​คือ​ความดี​ความชอบ​” เฉิงเจียว​เหนียง​เอ่ย​

ประตู​หอ​อาลักษณ์​ปิด​สนิท​ วันรุ่งขึ้น​ใน​ราชสำนัก​กลับ​คึกคัก​เป็นอย่างมาก​

“…เกา​ห​ลิง​ปอ​แอบ​อ้างสิทธิ์​รวบอำนาจ​ ทำให้​เหล่า​ขุนนาง​รู้​มากเกินไป​แต่​ไม่กล้า​พูด​ เจียง​เห​วิน​หยวน​และ​คนอื่นๆ​ โอหัง​อวดดี​ปิดบัง​หลอกลวง​ ไม่ปูนบำเหน็จ​ให้​แก่​ผู้สร้าง​คุณูปการ​ ฝ่าบาท​พ่ะย่ะค่ะ​ เลือด​อัปยศ​ริม​ฝั่งแม่น้ำ​เฉาชวน​ยัง​ไม่หมดสิ้น​ไป​!”

การประชุม​ราชสำนัก​ใน​วันนี้​ เดิมที​เป็น​เพียงแค่​การ​ดำเนิน​ตาม​ขั้นตอน​รอบ​หนึ่ง​เท่านั้น​ ทว่า​ใคร​จะรู้​ได้​ว่า​ผู้ตรวจการ​ผู้​นี้​จะเริ่ม​ยื่น​มติ​ไม่ไว้วางใจ​ต่อ​เกา​ห​ลิง​ปอ​ขึ้น​ที่นี่​

วาจา​รุนแรง​ดุเดือด​ อารมณ์​พุ่งพล่าน​ ขาด​แค่​เพียง​ยืน​ชี้หน้า​เกา​ห​ลิง​ปอ​ด่าทอ​เท่านั้น​แล้ว​

ภายใน​ท้องพระโรง​ไร้​เสียง​อื่น​ใด​ มีเพียง​เสียง​ของ​ผู้ตรวจการ​ที่​ดังก้อง​สะท้อน​ไป​ทั่ว​บริเวณ​ ทว่า​ต่อให้​พวกเขา​ก้มหน้า​อยู่​ ฮ่องเต้​ก็​ยัง​มองเห็น​ความตื่นเต้น​ประกาย​วาบ​อยู่​ใน​แววตา​ของ​ทุกคน​ ความตื่นเต้น​ที่​ได้​เห็น​ความ​คึก​ครื้น​ คอย​หา​โอกาส​เข้าร่วม​ด้วย​

พระองค์​ทราบ​อยู่แล้ว​ว่า​จะเป็น​เช่นนี้​

สายตา​ของ​ฮ่องเต้​ตก​อยู่​บน​ร่าง​ของ​เกา​ห​ลิง​ปอ​คล้าย​ตั้งใจ​คล้าย​ไม่ตั้งใจ​ เขา​มอง​สอง​คน​ที่​ต่าง​คน​ต่าง​มีสีหน้า​เรียบ​เฉย​ เหมือนกับ​รูปปั้น​ที่​ไร้ความรู้สึก​อย่างไร​อย่างนั้น​

เป็น​ความคิด​ของ​ใคร​ เป็น​เกา​ห​ลิง​ปอ​เอง​ที่​ทำให้​ตัวเอง​มีมลทิน​แล้ว​ใช้วิธี​ยอม​อ่อนข้อ​ให้​เพื่อ​หาทาง​โจมตี​ หรือ​เป็น​เฉินเซ่า​ที่​เสียหาย​ด้วยกัน​ทั้งสองฝ่าย​จึงได้​ลาก​คน​ลง​จาก​หลัง​ม้า

ไม่ว่า​จะเป็น​ใคร​คนใดคนหนึ่ง​ใน​พวกเขา​ ฮ่องเต้​ก็​ระอา​ทั้งนั้น​

ทั้งหมด​นี่​ล้วน​เป็นเรื่อง​การ​ส่งศพ​อะไร​นั่น​ที่​ก่อ​ขึ้น​!

หมอ​เทวดา​…

“เรื่อง​ไร้ยางอาย​ใน​ราชสำนัก​เช่นนี้​ ผู้ช่วย​ราชเลขาธิการ​จะไม่ใส่ใจเลย​หรือ​ไร​” มีขุนนาง​ทน​ดูไม่ได้​จึงตะโกน​ขึ้น​

ผู้ช่วย​ราชเลขาธิการ​ที่นั่ง​อยู่​อีก​ด้าน​ยังคง​สีหน้า​เรียบ​เฉย​

“เรื่อง​รายงาน​ข่าวลือ​เป็น​หน้าที่​รับผิดชอบ​ของ​ผู้ตรวจการ​ มิอาจ​ปฏิบัติ​ดังเช่น​ธรรมเนียม​ของ​ขุนนาง​ท่าน​อื่น​ได้​” เขา​เอ่ย​เสียง​เรียบ​พลาง​ยก​มือขึ้น​ชี้ขุนนาง​ผู้​นั้น​ “ถอย​ไป​เสีย​ อย่า​ได้​สร้าง​ความวุ่นวาย​!”

ใบหน้า​ของ​ขุนนาง​คน​ผู้​แดงก่ำ​ เขา​ทำได้​เพียง​สะบัด​แขน​เสื้อ​แล้ว​ถอยกลับ​ไป​

ด้าน​ผู้ตรวจการ​ก็​ยังคง​พูด​ต่อไป​ เขา​เริ่ม​พูดถึง​เรื่อง​ที่​เกา​ห​ลิง​ปอ​ไม่มีความรู้​ความสามารถ​ โชคดี​ที่​ได้​วางตัว​อยู่​ใน​ราชสำนัก​ แต่​ไม่รู้จัก​ตอบแทน​พระคุณ​ฮ่องเต้​…

“เรื่อง​ของ​หลูเจิ้ง​ตรวจสอบ​ไป​ถึงไหน​แล้ว​”

ฮ่องเต้​ที่​รู้​ว่า​หาก​ไม่พูด​อัน​ใด​ขึ้น​ ก็​จะยิ่ง​ส่งเสริม​ให้​ราชสำนัก​บิดเบี้ยว​ จึงได้​เอ่ย​แทรก​ผู้ตรวจการ​ขึ้น​มา

ณ การประชุม​ราชสำนัก​ ฮ่องเต้​ถามถึงหลูเจิ้ง​ขึ้น​มา นั่น​ก็​หมายความว่า​พระองค์​รับ​เรื่อง​ไม่ไว้วางใจ​หลูเจิ้ง​แล้ว​

เกา​ห​ลิง​ปอ​มอง​เฉินเซ่า​ครา​หนึ่ง​ด้วย​แววตา​เคียดแค้น​

บีบบังคับ​เสีย​จน​ฮ่องเต้​ต้อง​เอ่ยปาก​ต่อหน้า​ขุนนาง​มากมาย​ ในที่สุด​การประชุม​ก็​เสร็จสิ้น​ทุก​ขั้นตอน​ไป​อย่าง​ทุลักทุเล​ บรรดา​ขุนนาง​ชั้นสูง​เดิน​เลี้ยว​ไป​ยัง​ตำหนัก​อีก​หลัง​เพื่อ​เริ่ม​หารือ​ข้อราชการ​อย่าง​เป็นทางการ​

“กระหม่อม​ได้​สอบถาม​ญาติ​ของ​ทั้ง​ห้า​คน​จาก​เขา​เม่าหยวน​ซาน​ใน​ซีเป่ย​แล้ว​พ่ะย่ะค่ะ​” ผู้ช่วย​ราชเลขาธิการ​ตอบ​ “หอ​อาลักษณ์​หลวง​กำลัง​คัดลอก​เรียบเรียง​พ่ะย่ะค่ะ​”

ฮ่องเต้​พยักหน้า​ ยก​มือขึ้น​นวด​ขมับ​ไปมา​

“ใต้เท้า​ห​ลี่​ ไม่ทราบ​ว่า​เมื่อวาน​มีกี่​คน​ต่อ​กี่​คน​ที่​ไป​เยี่ยมเยือน​หอ​อาลักษณ์​หลวง​ของ​ท่าน​หรือ​” เกา​ห​ลิง​ปอ​โพล่ง​ถามขึ้น​

ผู้ช่วย​ราชเลขาธิการ​สีหน้า​ยังคง​ดังเดิม​

“เจ็ด​คน​” เขา​เอ่ย​ตอบ​ไป​อย่าง​ไม่ปิดบัง​

“แล้ว​ใน​คน​พวก​นั้น​มีกี่​คน​ที่มา​เพื่อ​แม่นาง​เฉิงกัน​หรือ​” เกา​ห​ลิง​ปอ​อมยิ้ม​ถาม

คำตอบ​นี้​เดิมที​เขา​เอง​ก็​บอก​ได้​ แต่​หาก​ออก​มาจาก​ปาก​ผู้ช่วย​ราชเลขาธิการ​จะยิ่ง​มีผลลัพธ์​ที่​ดี​มากกว่า​ หลี​จึเห​วิน​ผู้​นี้​โดดเดี่ยว​ตัว​คนเดียว​มาโดยตลอด​ ทว่า​เพราะเหตุนี้​ใน​บาง​ครา​จึงเหมาะ​ที่จะ​เอา​มาใช้ประโยชน์​

“ทั้งหมด​” ผู้ช่วย​ราชเลขาธิการ​บอก​โดย​ไม่ลังเล​

“แม่นาง​เฉิงผู้​นี้​ฝีมือ​การแพทย์​ยอดเยี่ยม​ ดูท่า​แล้ว​คงจะ​ได้ใจ​คน​ไป​ไม่น้อย​ทีเดียว​” เกา​ห​ลิง​ปอ​ยิ้ม​เอ่ย​พลาง​มอง​ไป​ทาง​ฮ่องเต้​

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด