พลิกชะตา หมอเทวดาอันดับหนึ่งบทที่ 420 ย่อมได้ (1)

Now you are reading พลิกชะตา หมอเทวดาอันดับหนึ่ง Chapter บทที่ 420 ย่อมได้ (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ผล​จาก​สุริยุปราคา​จางหาย​ไป​ ชีวิต​ของ​ชาว​เมืองหลวง​ยาม​เดือน​เจ็ด​กลับมา​เป็น​เหมือน​วันวาน​อีกครั้ง​

ยามเช้าตรู่​ หลังจาก​ประชุม​ราชสำนัก​เสร็จสิ้น​ เฉินเซ่า​ที่​ควบม้า​มาถึงสะพา​นอ​วี้​ไต้​ก่อน​จะกระตุก​ม้าให้​หยุด​ เหล่า​ผู้ติดตาม​ข้าง​กาย​ก็​รีบ​เอ่ย​ถามใน​ทันใด​

“ไปดู​ว่า​แม่นาง​เฉิงอยู่​หรือไม่​” เฉินเซ่า​นิ่ง​ไป​ครู่หนึ่ง​แล้ว​เอ่ย​ขึ้น​

ผู้ติดตาม​คน​หนึ่ง​ขานรับ​แล้ว​รีบ​วิ่ง​ออก​ไป​

เฉินเซ่า​ยืน​อยู่​ไม่นาน​ก็​เห็น​ว่า​ประตู​ถูก​เปิด​ออก​ สาวใช้​นาง​หนึ่ง​เดิน​ออกมา​คุย​กับ​ผู้ติดตาม​สอง​สามคำ​ จากนั้น​ผู้ติดตาม​ก็​กลับมา​

“นาง​บอ​กว่า​แม่นาง​เฉิงไม่อยู่​ขอรับ​” ผู้ติดตาม​ตอบ​

ไม่อยู่​ที่นี่​หรือ​ เช่นนั้น​แล้วก็​แสดงว่า​ยัง​ไม่กลับมา​ หรือว่า​คน​ที่​คาดการณ์​วันเกิด​สุริยุปราคา​จะไม่ใช่นาง​

เฉินเซ่า​ขมวดคิ้ว​อยู่​นาน​ เหล่า​ผู้ติดตาม​เอง​ก็​ไม่กล้า​เร่งเร้า​ พอ​คนเดินถนน​เริ่ม​มอง​มาด้วย​สายตา​อยากรู้อยากเห็น​มากขึ้น​เรื่อยๆ​ เฉินเซ่า​ถึงได้​ควบม้า​ออก​ไป​

พอ​รถม้า​ของ​เฉินเซ่า​เคลื่อน​เข้า​ประตู​เรือน​มา ก็​เห็น​ว่า​มีรถม้า​คน​หนึ่ง​กำลัง​ออกมา​พอดี​

“ท่าน​พ่อ​” แม่นาง​เฉิน​สิบ​แปด​และ​ลูกสาว​คนอื่นๆ​ ลงรถ​มาแล้ว​คำนับ​ให้​

“พวก​เจ้าจะออก​ไป​ข้างนอก​หรือ​” เฉินเซ่า​ถาม

“องค์​หญิง​ป๋อ​หยาง​เชิญไป​งานแต่ง​โคลงกลอน​เจ้าค่ะ​” แม่นาง​เฉิน​สิบ​แปด​ตอบ​

เหล่า​หญิงสาว​ใน​เมืองหลวง​นิยม​จัด​งานแต่ง​โคลงกลอน​กัน​เพื่อ​ความบันเทิง​ ทั้ง​ยัง​ถือโอกาส​นี้​พบปะ​สังสรรค์​กัน​ใน​หมู่​หญิงสาว​อีกด้วย​

น้อย​ครั้ง​ที่​แม่นาง​เฉิน​สิบ​แปด​จะไป​ร่วม​งานแต่ง​โคลงกลอน​ เพราะ​นาง​นั้น​แต่ง​กลอน​ไม่เก่ง​นัก​ ทว่า​เฉินเซ่า​เอง​ก็​ไม่ได้​ใส่ใจเรื่อง​เล็กน้อย​เช่นนี้​ จึงปล่อย​ให้​ลูกสาว​ขึ้น​รถม้า​ออก​นอก​เรือน​ไป​

เพียงแค่​สำหรับ​ผู้อื่น​แล้ว​ นี่​ไม่ใช่เรื่องเล็ก​เลย​สักนิด​ พอ​เห็น​ว่า​แม่นาง​เฉิน​สิบ​แปด​มาเยือน​ เหล่า​ลูกสาว​ของ​องค์​หญิง​ป๋อ​หยาง​ก็​พา​กัน​ตกใจ​ไม่น้อย​

“แม่นาง​สิบ​แปด​ ไม่ใช่ว่า​เจ้าได้ยิน​ข่าว​ว่า​แม่ครัว​ของ​องค์​หญิง​ป๋อ​หยาง​เคี่ยว​น้ำแกง​ได้​อร่อย​นัก​ถึงได้มา​หรอก​นะ​”

หญิง​ผู้​หนึ่ง​เอ่ย​พลาง​หัวเราะ​

คำพูด​นั้น​พา​ให้​ผู้คน​โดยรอบ​หัวเราะ​ไป​ด้วย​

“ใช่แล้ว​ ข้าเฝ้า​แต่​คิดถึง​น้ำแกง​รส​เลิศ​ของ​องค์​หญิง​ป๋อ​หยาง​ ได้​กิน​ครั้งหนึ่ง​ก็​ยาก​จะลืมเลือน​” แม่นาง​เฉิน​สิบ​แปด​เอ่ย​ พลาง​มองดู​องค์​หญิง​ป๋อ​หยาง​ที่นั่ง​อยู่​ “ข้า​เห็นแก่​กิน​เช่นนี้​ องค์​หญิง​อย่า​ได้​หัวเราะ​เยอะ​ข้า​เลย​”

องค์​หญิง​ป๋อ​หยาง​ยิ้ม​พลาง​ส่ายหน้า​

“คน​ชอบ​กิน​ ย่อม​กิน​เป็น​เป็น​ ย่อม​เข้าใจ​อาหาร​ หา​ได้​ยาก​นัก​” นาง​เอ่ย​

เดิมที​จะพูด​เยาะเย้ย​เสียหน่อย​ แต่​กลายเป็น​ว่า​นาง​ได้รับ​คำชม​เสีย​อย่างนั้น​ จะหัวเราะ​ก็​หัวเราะ​ไม่ออก​ เพราะ​คน​รอบตัว​ก็​พา​กัน​เยินยอ​นาง​ตาม​ไป​ด้วย​

แม่นาง​เฉิน​สิบ​แปด​นั่ง​หลัง​เหยียด​ตรง​พลาง​ยก​ชาขึ้น​ดื่ม​แล้ว​ส่งยิ้ม​

เหล่า​หญิงสาว​คนอื่น​ได้​แต่​หงุดหงิด​แต่​ก็​จนปัญญา​

“ประเดี๋ยว​ตอน​แต่ง​กลอน​จะได้​เห็นดีกัน​” หญิงสาว​นาง​หนึ่ง​เอ่ย​ขึ้น​

หลังจาก​ทักทาย​กัน​เสร็จ​ไม่นาน​ การ​ต่อ​โคลงกลอน​ก็​เริ่ม​ขึ้น​

“แม่นาง​สิบ​แปด​”

ขณะที่​ทุกคน​กำลัง​ก้มหน้า​ใช้ความคิด​กัน​อยู่​นั้น​ ก็​มีกลุ่ม​หญิงสาว​หยุด​ยืน​อยู่​หน้า​โต๊ะ​ของ​บรรดา​ลูกสาว​ตระกูล​เฉิน​ หนึ่ง​ใน​นั้น​เอ่ย​เรียก​ด้วย​น้ำเสียง​หยิ่งผยอง​ พลาง​จ้องมอง​โต๊ะ​อัน​วาง​เปล่า​ที่​ตั้งอยู่​เบื้องหน้า​ของ​แม่นาง​เฉิน​สิบ​แปด​

“น้ำแกง​ก็​กิน​หมด​แล้ว​ เจ้าก็​ไม่มีอะไร​ต้อง​ทำ​แล้ว​ไม่ใช่หรือ​”

“ข้า​หญิง​สิบ​แปด​ผู้​นี้​มิได้​ช่ำชอง​แต่ง​กลอน​บทกวี​ จึงมาเพื่อ​ช่วย​เหล่า​พี่น้อง​เท่านั้น​” แม่นาง​เฉิน​สิบ​แปด​เอ่ย​

“ช่วย​อย่างนั้น​หรือ​ ช่วย​อะไร​กัน​ แม่นาง​สิบ​แปด​ งานแต่ง​โคลงกลอน​วันนี้​จัด​ขึ้น​เพื่อ​ฉลอง​วันเกิด​ให้​แก่​ฮ่องเต้​เชียว​นะ​ เจ้าจะไม่แสดง​ความจริงใจ​ด้วย​การ​แต่ง​กลอน​สัก​บท​หน่อย​หรือ​” หญิง​อีก​คน​หนึ่ง​ส่งเสียง​เย้ยหยัน​

“ความจริงใจ​มิจำเป็นต้อง​แสดง​ด้วย​บทกลอน​” แม่นาง​เฉิน​สิบ​แปด​ตอบ​

“เช่นนั้น​พวก​ข้า​จะรอ​ดู​ความจริงใจ​ของ​แม่นาง​สิบ​แปด​ก็แล้วกัน​” บรรดา​หญิงสาว​เอ่ย​ด้วย​น้ำเสียง​เยาะเย้ย​พลาง​หัวเราะ​

แม่นาง​เฉิน​สิบ​แปด​สีหน้า​เรียบ​เฉย​ดังเดิม​ ก่อน​จะพยักหน้า​ด้วย​รอยยิ้ม​

“แม่นาง​เฉิน​สิบ​แปด​ช่วงนี้​แปลก​พิกล​นัก​”

เหล่า​หญิงสาว​ที่​พา​กัน​เดิน​ออกมา​ท่าทาง​หงุดหงิด​ไม่น้อย​ พูดจา​กระแทกแดกดัน​เสีย​ขนาด​นั้น​แล้ว​แต่กลับ​ไม่มีท่าที​โมโห​เลย​แม้แต่​นิด​ ยิ่ง​ทำให้​พวก​นาง​ร้อนรน​

“เช่นนั้น​ก็​คอย​ดู​ก็แล้วกัน​ ว่า​นาง​จะแสดง​ความจริงใจ​อย่างไร​”

พวก​นาง​ยืน​อยู่​อีก​ฝั่ง เขียน​บทกลอน​ของ​ตัวเอง​ไป​พลาง​ จ้องมอง​บรรดา​ลูกสาว​ตระกูล​เฉิน​ที่​ไป​พลาง​ ก่อน​จะเห็น​ว่า​แม่นาง​เฉิน​สิบ​แปด​ที่นั่ง​นิ่ง​มาตลอด​ จนกระทั่ง​น้องสาว​เรียกหา​นาง​ แม่นาง​เฉิน​สิบ​แปด​ถึงได้​เดิน​ไปหา​ ก่อน​จะยก​พู่กัน​จรด​หมึก​แล้ว​เขียน​ลง​บน​กระดาษ​

ทุกคน​ชะงัก​ไป​ครู่หนึ่ง​ นาง​กำลัง​เขียน​อยู่​จริง​หรือ​ ทว่า​พอ​แม่นาง​เฉิน​สิบ​แปด​เขียน​เสร็จ​ นาง​กลับ​เดิน​ไป​ยัง​ตะ​อีก​ตัว​แล้ว​เริ่ม​เขียน​ต่อ​

“อ๋อ​ นาง​กำลัง​ช่วย​เขียน​อักษร​แทน​พี่น้อง​ของ​นาง​” ในที่สุด​ก็​มีหญิงสาว​นาง​หนึ่ง​เข้าใจ​แล้ว​เอ่ย​ขึ้น​

เมื่อ​คำพูด​นั้น​เอ่ย​ออกมา​ทุกคน​ก็​เข้าใจ​ใน​ทันใด​

“นี่​คือ​ความจริงใจ​อย่างนั้น​หรือ​”

“เหล่า​พี่น้อง​แต่ง​กลอน​ส่วน​นาง​เขียน​อักษร​อย่างนั้น​หรือ​”

“พอ​ถึงตอนนั้น​ก็​จะบอ​กว่า​เป็น​ผลงาน​ที่​พวก​นาง​พี่น้อง​ทำ​ด้วยกัน​อย่างนั้น​หรือ​”

เสียง​ถกเถียง​เริ่ม​กระจาย​วงกว้าง​ออก​ไป​ สายตา​ที่​จับจ้อง​มายัง​บรรดา​พี่น้อง​ตระกูล​เฉิน​ก็​ยิ่ง​มากขึ้น​เรื่อยๆ​ แม้แต่​องค์​หญิง​ป๋อ​หยาง​ที่นั่ง​อยู่​ก็​สังเกตเห็น​เช่นกัน​ นางกำนัล​กระซิบ​บอก​นาง​ว่า​เกิด​อะไร​ขึ้น​ องค์​หญิง​ป๋อ​หยาง​ได้ยิน​ดังนั้น​ก็​ขมวดคิ้ว​ขึ้น​มา

ทำ​เช่นนี้​จะไม่เหมือน​เด็ก​ไป​หน่อย​หรือ​ นาง​ก็​ยอมรับ​ว่า​ตนเอง​แต่ง​กลอน​ไม่เป็น​แล้ว​มาเล่น​สนุก​ด้วย​เฉย​ๆ ก็​ไม่เห็นจะ​เป็น​อะไร​นี่​

องค์​หญิง​ป๋อ​หยาง​ส่ายหน้า​ไม่เอ่ย​คำ​ใด​ ทว่า​เห็นได้ชัด​ว่า​ผิดหวัง​มาก​เพียงใด​

ไม่นาน​นางกำนัล​ก็​รวบรวม​บทกลอน​ที่​เขียน​เสร็จ​ นอกจากนี้​องค์​หญิง​ป๋อ​หยาง​ยัง​ได้​เชิญเหล่า​บัณฑิต​ฮั่น​หลิน​ปราชญ์​จาก​ลัทธิ​ขงจื๊อ​มาเป็น​ผู้ตัดสิน​อีกด้วย​ ทุกคน​พูดคุย​หัวเราะ​กัน​อยู่​ใน​ห้องโถง​ขณะ​รอ​ผล​ตัดสิน​

พอ​เห็น​บรรดา​บทกลอน​ถูก​ส่งเข้ามา​ บรรดา​บัณฑิต​ฮั่น​หลิน​ที่​กำลัง​ดื่มเหล้า​กัน​อย่าง​สำราญใจ​ก็​ไม่ได้​มีท่าที​แยแส​เลย​แม้แต่​นิด​

ยาม​นี้​แม้เหล่า​หญิงสาว​จะเรียนหนังสือ​ แต่​สิ่งที่​พวก​นาง​ร่ำเรียน​นั้น​นับว่า​เป็น​เพียง​เศษเสี้ยว​ของ​เศษเสี้ยว​เสีย​ด้วยซ้ำ​ เหตุ​ที่​พวกเขา​รับ​คำเชิญ​นั้น​ไม่ใช่เพราะ​ต้องการ​ชื่นชม​บทกลอน​ แต่​ประการ​แรก​เพราะ​เห็นแก่หน้า​ของ​องค์​หญิง​ป๋อ​หยาง​ และ​ประการ​ที่สอง​เพราะ​เห็นแก่​กิน​

เหล้า​ที่​เรือน​องค์​หญิง​ป๋อ​หยาง​บ่ม​นั้น​นับว่า​เป็น​เหล้า​ชั้นดี​ที่​เลื่องชื่อ​ไป​ทั้ง​เมืองหลวง​

“มา มา มาเดิมพัน​กัน​ วันนี้​จะมีผู้ใด​เล่น​สัมผัส​วรรณยุกต์​บ้าง​” บัณฑิต​ฮั่น​หลิน​คน​หนึ่ง​เอ่ย​ขึ้น​ พลาง​ยก​จอก​เหล้า​ใน​มือขึ้น​ “หาก​แพ้​ต้อง​ลงโทษ​ตัวเอง​สามจอก​”

“เช่นนั้น​จะเรียก​แพ้​หรือ​ เรียก​ว่า​ชนะ​เสีย​มากกว่า​ ได้​ดื่ม​ตั้ง​สามจอก​ ใจใน​เจ้าคิด​อะไร​อยู่​กัน​แน่​” คนอื่น​พา​กัน​เอ่ย​ด้วย​เสียงหัวเราะ​

แม้จะหัวเราะ​กัน​อย่าง​สนุกสนาน​ แต่​เหล่า​ผู้คน​ที่​ดื่มเหล้า​อยู่​นี้​ยัง​ต้อง​ทำหน้าที่​ของ​ตน​ พวกเขา​แจกจ่าย​บทกลอน​กัน​แล้ว​เริ่ม​อ่าน​

“อืม​ บท​นี้​ไม่เลว​ ฝน​หมึก​ได้​ไม่เลว​”

“ดู​สิ ดู​สิ บท​นี้​อ้าง​ตำรา​ถูก​เสีย​ด้วย​…”

“ข้า​เจอ​คน​เล่น​สัมผัส​วรรณยุกต์​แล้ว​ เห็นที​เหล้า​สามจอก​คง​เป็น​ของ​ข้า​แล้ว​…”

เสียงหัวเราะ​เย้ยหยัน​ดัง​ขึ้น​ไม่ขาดสาย​ภายใน​ห้อง​ จนกระทั่ง​มีใครคนหนึ่ง​ร้อง​ออกมา​อย่าง​ตกใจ​

“เยี่ยม​ เยี่ยม​!” เขา​ตบ​โต๊ะ​พลาง​เอ่ย​

ทุกคน​เหลียว​ไป​มอง​เขา​ รอ​ฟังคำพูด​ประชดประชัน​

“ยอดเยี่ยม​นัก​!” คน​ผู้​นั้น​เอ่ย​ออกมา​ด้วย​สีหน้า​ตื่นเต้น​นัก​ ก่อน​จะวาง​กระดาษ​ใน​มือ​ลง​แล้ว​หยิบ​ขึ้น​มาใหม่​ก่อน​จะเอ่ย​ชื่นชม​อีกครั้ง​

ยอดเยี่ยม​อย่างนั้น​หรือ​

“ไหน​ลอง​อ่าน​ให้​ฟังสิ” ทุกคน​เอ่ย​ขึ้น​

ทว่า​คน​ผู้​นั้น​เหมือน​จะไม่ได้ยิน​ เอาแต่​จ้องมอง​บทกลอน​ใน​มือ​พลาง​เอ่ย​ชมไม่หยุด​ปาก​ ส่วน​มือ​อีก​ข้าง​หนึ่ง​ก็​เริ่ม​ขีดเขียน​บน​โต๊ะ​

ยอดเยี่ยม​ถึงเพียงนั้น​เชียว​หรือ​ พอ​เห็น​ท่าทาง​เช่นนั้น​ของ​เขา​ ทุกคน​ก็​พา​กัน​รุมล้อม​เข้ามา​

“โอ้โห​! นี่​! นี่​มัน​…”

ทันใดนั้น​เสียง​โห่ร้อง​ตกใจ​ก็​ดัง​ขึ้น​ใน​ห้องโถง​

ภายใน​โถงด้านหน้า​เอง​ก็​คึกคัก​ไม่น้อย​ ทั้ง​ยัง​คึกคัก​กว่า​แต่ก่อน​เป็น​เท่าตัว​ เหล่า​หญิงสาว​ที่นั่ง​ล้อมวง​กัน​อยู่​พา​กัน​หัวเราะ​ขึ้น​มาเป็นระยะ​ แถมยาม​หัวเราะ​ยัง​หันไป​มอง​ทาง​เหล่า​พี่น้อง​ตระกูล​เฉิน​อีก​ต่างหาก​ หาก​เป็น​เช่นนี้​ต่อไป​ บรรดา​พี่น้อง​ตระกูล​เฉิน​คงทน​นั่ง​อยู่​ที่นี่​ต่อไป​ไม่ไหว​ สีหน้า​ของ​พี่น้อง​คนอื่น​นั้น​เริ่ม​ไม่สบอารมณ์​นัก​ เว้น​เสียแต่​แม่นาง​เฉิน​สิบ​แปด​

หาก​เป็น​เพราะ​ลูกสาว​ของ​อำมาตย์​เฉิน​ก่อความวุ่นวาย​ นาง​เอง​ใน​ฐานะ​คน​จัดงาน​ก็​คง​เสียหน้า​ไป​ด้วย​อย่าง​หลีกเลี่ยง​ไม่ได้​

องค์​หญิง​ป๋อ​หยาง​หัน​ไปหา​นางกำนัล​

“ยัง​ไม่เสร็จ​อีก​หรือ​” นาง​เอ่ย​ถามเสียง​แผ่วเบา​

เหตุใด​วันนี้​ถึงได้​นาน​นัก​

องค์​หญิง​ป๋อ​หยาง​ไม่ได้คิด​ว่า​เหล่า​บัณฑิต​ฮั่น​หลิน​พวก​นั้น​จะตั้งใจ​อ่าน​บทกลอน​อยู่แล้ว​ เพราะ​นาง​เอง​ก็​รู้ดี​ว่า​ฝีมือ​แต่ง​กลอน​ของ​เด็กสาว​เหล่านี้​เป็น​เช่นไร​ คน​ที่​แต่ง​ได้ดี​ก็​มีเพียงแค่​หยิบมือ​ ส่วนใหญ่​ก็​นับว่า​อ่าน​ไหล​ลื่น​พอไปวัดไปวาได้​แค่นั้น​

อย่างไร​เสีย​นาง​ก็​มิได้​คาดหวัง​ว่า​จะเลือก​บทกลอน​ที่​ดี​ที่สุด​ถวาย​ให้​แก่​ฮ่องเต้​แต่อย่างใด​ ก็​แค่​จัดงาน​ขึ้น​เพื่อ​แสดง​ความจงรักภักดี​ของ​ตัวเอง​เท่านั้น​

นางกำนัล​ลุกขึ้น​ยืน​แล้ว​รีบ​ออก​ไป​ถามในทันที​ ไม่นาน​ก็​กลับมา​ทั้ง​ยังมี​ผู้อาวุโส​เดิน​ตามหลัง​มาอีกด้วย​

องค์​หญิง​ป๋อ​หยาง​ตกใจ​

แต่ก่อน​เหล่า​บัณฑิต​ฮั่น​หลิน​ผู้​แสน​เย่อหยิ่ง​พวก​นี้​ไม่เคย​มาประกาศ​ผล​ด้วย​ตนเอง​เลย​สักครั้ง​ นาง​เอง​ก็​รู้ดี​ว่า​หาก​ไม่ใช่เพราะ​นาง​เชิญมา พวกเขา​ย่อม​ไม่มีทาง​มาอย่าง​แน่นอน​

“ใต้เท้า​หยาง​…” นาง​เอ่ย​ “เหตุใด​ท่าน​ถึง…”

นาง​ยัง​ไม่ทัน​ได้​เอ่ย​จบ​ ผู้อาวุโส​ผู้​นั้น​ก็​เริ่ม​เอ่ยปาก​พูด​ด้วย​ความตื่นเต้น​

“กลอน​ กลอน​สี่บท​นี้​แม่นาง​คนใด​เป็น​ผู้แต่ง​หรือ​” เขา​ถามพลาง​มอง​กระดาษ​สี่แผ่น​ใน​มือ​

เขา​ถือ​กระดาษ​สี่แผ่น​นั้น​ไว้​ใน​มือ​อย่าง​ทะนุถนอม​ ไม่ได้​กำ​ขยำ​อย่าง​ไม่ใส่ใจเหมือน​แต่ก่อน​

ผู้​ที่​ได้​รับเชิญ​จาก​องค์​หญิง​ป๋อ​หยาง​ย่อม​ต้อง​มาจาก​ตระกูล​ใหญ่โต​ใน​เมืองหลวง​อยู่แล้ว​ แต่​เพื่อ​มิให้​ใช้อำนาจ​ของ​ตระกูล​และ​ป้องกัน​มิให้​ผู้อื่น​ล่วงรู้​ชื่อเสียงเรียงนาม​ที่​แท้จริง​ของ​เหล่า​หญิงสาว​ กลอน​ทุก​บท​จึงมิได้​ลงชื่อ​เอาไว้​ และ​แบ่งแยก​ด้วย​หมายเลข​บน​โต๊ะ​ของ​แต่ละคน​แทน​

พอ​เห็น​ท่าทาง​ตื่นเต้น​ของ​ผู้อาวุโส​ คน​ทั้ง​ห้อง​ก็​เข้าใจ​ในทันที​ว่า​นั่น​คือ​บทกลอน​ชิ้นเอก​ของ​วันนี้​

เหล่า​หญิงสาว​นั่ง​หลัง​ตรง​อย่าง​สง่างามอยู่​ที่​โต๊ะ​ของ​ตนเอง​ รอ​ฟังคำ​ยินดี​จาก​ทุกคน​

“สิบสอง​ สิบ​สาม สิบ​สี่ สิบห้า​…” โชคดี​ที่​ผู้อาวุโส​ไม่ปล่อย​ให้​ทุกคน​ต้อง​รอ​นาน​ แล้ว​ขาน​เรียก​หมายเลข​ใน​ทันใด​

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด