พลิกชะตา หมอเทวดาอันดับหนึ่งบทที่ 417 ระลึกถึงเสมอ

Now you are reading พลิกชะตา หมอเทวดาอันดับหนึ่ง Chapter บทที่ 417 ระลึกถึงเสมอ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“พวก​เจ้าพูด​เรื่อง​อะไร​กัน​อยู่​หรือ​”

เสียง​ของ​ไทเฮา​ขัดจังหวะ​การ​สนทนา​ระหว่าง​กุ้ยเฟย​และ​องค์​ชาย​ใหญ่​ ทั้งคู่​รีบ​หันไป​มอง​ใน​ทันใด​

ไทเฮา​กวักมือ​เรียก​

“มาพูด​ให้​ข้า​ฟังด้วย​”

กุ้ยเฟย​ผลัก​องค์​ชาย​ใหญ่​ไป​ข้างหน้า​ด้วย​ใบหน้า​ยิ้มแย้ม​ องค์​ชาย​ใหญ่​ลุก​เดิน​ไปหา​ด้วย​รอยยิ้ม​ นั่งลง​ข้าง​ฮ่องเต้​พร้อมกับ​องค์​หญิง​เล็ก​ พอ​เห็น​พ่อ​ลูก​ทั้งสอง​พูดคุย​กัน​ ไทเฮา​ก็​นึก​บางอย่าง​ได้​

“นำ​น้ำแกง​ที่​ทำ​เพิ่ง​เสร็จ​ไป​ให้​ฮองเฮา​ที​” นาง​เอ่ย​ “นาง​ไม่ค่อย​แข็งแรง​ เกรง​ว่า​วันนี้​จะตกใจกลัว​ขึ้นไป​อีก​ เอา​ไป​ให้​นาง​ลอง​ชิมดู​”

“ประเดี๋ยว​ข้า​จะไปดู​เอง​” ฮ่องเต้​เอ่ย​

ไทเฮา​พยักหน้า​ มองดู​ขันที​รับ​คำสั่ง​แล้ว​เดิน​จากไป​ ไม่นาน​ก็​กลับมา​พร้อมกับ​คำขอบคุณ​จาก​ฮองเฮา​

“ฮองเฮา​หลับ​แล้ว​หรือ​” ไทเฮา​ถาม

“ยัง​พะ​ย่ะ​ค่ะ​ กำลัง​พูดคุย​อยู่​กับ​จวิ้น​อ๋อง​ น้ำแกง​ที่​นำ​ไป​ให้​ก็​แบ่ง​ให้​กับ​จวิ้น​อ๋อง​ด้วย​ ท่าทาง​ดู​อารมณ์ดี​ยิ่งนัก​พะ​ย่ะ​ค่ะ​” ขันที​พูด​ด้วย​รอยยิ้ม​

เห็น​แล้ว​หรือไม่​ หลบหน้า​คน​หรือ​ นี่​เรียก​ว่า​หลบหน้า​คน​หรือ​ ถึงคน​จะไม่อยู่​ แต่กลับ​ถูก​พูดถึง​ใน​ทุกที่​ ทุกเวลา​

กุ้ยเฟย​กำ​พัด​กลม​แน่น​ โบก​พัด​อย่าง​แรง​

ขันที​นี่​ก็​เหลือเกิน​ จะพูดมาก​ทำไม​ ถามแค่​เพียง​ว่า​ฮองเฮา​หลับ​แล้ว​หรือไม่​ ตอบ​แค่​ว่า​ยัง​ไม่หลับ​ก็​พอแล้ว​ พูดพล่าม​อะไร​ให้​มากความ​

ไทเฮา​และ​ฮ่องเต้​สบตา​กัน​แล้ว​ยิ้ม​

“นึก​แล้ว​เชียว​ว่า​เขา​ต้อง​เป็นห่วง​” ไทเฮา​เอ่ย​

ฮ่องเต้​พยักหน้า​ไม่เอ่ย​คำ​ใด​ แต่​เพียงแค่​ท่าทาง​นั้น​ก็​แสดงออก​อย่าง​ชัดเจน​ว่า​ชื่นชม​เพียงใด​

แล้​วจะ​ทำ​อย่างไร​ได้​เล่า​ แค่​จวิ้น​อ๋อง​เพียง​คนเดียว​ ทุกวันนี้​ก็​พึ่งพา​เพียง​ความกตัญญู​อาศัย​อยู่​ใน​วังหลัง​ เขา​จะกตัญญู​ไป​ตลอดชีวิต​อย่างนั้น​หรือ​

ไทเฮา​ต้องการ​ความกตัญญู​จาก​เขา​ เสด็จ​พ่อ​ต้องการ​ความกตัญญู​จาก​เขา​ ไทเฮา​ต้องการ​ความกตัญญู​จาก​เขา​ ส่วน​ข้า​ไม่ต้องการ​ความกตัญญู​จาก​เขา​

องค์​ชาย​ใหญ่​ที่นั่ง​อยู่​ด้านล่าง​ยก​ถ้วย​ทองคำ​ขึ้น​ดื่ม​อย่าง​ช้าๆ

เมื่อ​วาง​ถ้วย​ทองคำ​ลง​ น้ำแกง​ก็​หมด​ถ้วย​แล้ว​ จิ้น​อัน​จวิ้น​อ๋อง​ใช้ผ้าเช็ดหน้า​เช็ด​ปาก​ คำนับ​แล้ว​ขอตัว​ลา​

“ฮองเฮา​พักผ่อน​เถิด​พะ​ยะ​ค่ะ​” เขา​เอ่ย​

ฮองเฮา​เอนหลัง​มองดู​เขา​ถอย​ออก​ไป​

“ออก​ไป​เถิด​ อย่า​มาเสียเวลา​เลย​” นาง​เอ่ย​ “แม้จะปล่อยวาง​ไม่ได้​ก็​ต้อง​ปล่อย​”

จิ้น​อัน​จวิ้น​อ๋อง​เงยหน้า​ขึ้น​แล้ว​ส่ายหน้า​ด้วย​รอยยิ้ม​ แต่กลับ​ไม่พูด​อะไร​

“เหตุใด​เจ้าถึงทำ​เช่นนี้​ ถูก​เขา​กักขัง​ชั่วชีวิต​” ฮองเฮา​เอ่ย​ “ไป​เถิด​ ออก​ไป​ใช้ชีวิต​ข้างนอก​ เจ้าอยู่​กับ​เขา​มานาน​มาก​พอแล้ว​”

จิ้น​อัน​จวิ้น​อ๋อง​ยังคง​ยิ้ม​และ​ส่ายหน้า​โดย​ไม่พูด​อะไร​

“หาก​เจ้าไป​เสีย​ตอนนี้​ ฝ่าบาท​และ​ไทเฮา​พร้อม​จะปกป้อง​เจ้า ให้​เป็น​ท่าน​อ๋อง​ผู้​รัก​อิสระ​ อยู่​ใน​วังหลวง​ยิ่ง​นาน​ก็​ยิ่ง​มีแต่​คน​เกลียด​ หาก​ความแค้น​ยิ่ง​บาด​ลึก​ วันข้างหน้า​ไม่มีไทเฮา​และ​ฝ่าบาท​คอย​หนุนหลัง​แล้ว​ เกรง​ว่า​เจ้าจะใช้ชีวิต​ลำบาก​ และ​ถ้าหาก​เจ้าอยู่​อย่าง​ลำบาก​แล้ว​ จะดูแล​ชิ่งอ๋อง​ได้​อย่างไร​” ฮองเฮา​พูด​ต่อ​ “หาก​เจ้าหวังดี​กับ​เขา​ ก็​ควร​คิดถึง​วันข้างหน้า​ อย่า​ยึด​ติดกับ​ความผูกพัน​ฉัน​ญาติมิตร​เพียง​เล็กน้อย​นี้​เลย​”

นี่​คง​เป็น​คำพูด​ที่​ฮองเฮา​พูดมาก​ที่สุด​ใน​รอบ​สอง​ปี​ จิ้น​อัน​จวิ้น​อ๋อง​ยืน​ตรง​แล้ว​โค้ง​คำนับ​ให้​กับ​นาง​

“ฉะนั้น​ ฮองเฮา​ได้​โปรด​รักษา​สุภาพ​ และ​อยู่​ดูแล​ข้า​ให้​นานแสนนาน​” เขา​เอ่ย​

ฮองเฮา​มองดู​เขา​ ก่อน​จะส่ายหน้า​ นาง​ตา​หลับตา​แล้ว​หยุด​พูด​ในที่สุด​

แสงไฟของ​ตำหนัก​ชิ่งอ๋อง​สว่างไสว​ ได้ยิน​เสียงหัวเราะ​ของ​ขันที​จาก​ระยะไกล​

รอยยิ้ม​ปรากฏ​ขึ้น​บน​ใบหน้า​ของ​จิ้น​อัน​จวิ้น​อ๋อง​ เขา​ก้าวเดิน​เข้าไป​อย่าง​รวดเร็ว​ ห้องโถง​อัน​สว่างไสว​ มีขันที​มากมาย​วิ่งเล่น​ไป​รอบ​ๆ เป็นเพื่อน​เด็กน้อย​

เด็กน้อย​ยกมือ​ที่​ถือ​ป๋อง​แป๋ง​ไว้​ วิ่ง​หัวเราะ​จน​มองไม่เห็น​ดวงตา​ น้ำลายไหล​ย้อย​จาก​มุมปาก​จน​ผ้าพันคอ​เปียกชุ่ม​

เขา​เดินโซเซ​ ร่างกาย​อ้วนท้วน​ ไม่ทัน​ระวัง​จึงล้ม​ลง​แล้ว​ตะโกน​ร้อง​ออกมา​

พรม​ผืน​หนา​ปู​ไว้​บน​พื้น​ โต๊ะ​ไม้ถูก​ยก​ออก​ แม้แต่​เสาก็​ยัง​บุ​ด้วย​เบาะ​รอง​นั่ง​ เพื่อให้​แน่ใจ​ว่า​จะไม่ชน​เข้า​ ดังนั้น​ทุกคน​จึงไม่ได้​กังวล​มาก​นัก​เมื่อ​เห็น​เขา​ล้ม​ลง​

“ลิ่ว​เกอร์​ เป็น​อะไร​หรือ​” จิ้น​อัน​จวิ้น​อ๋อง​ยิ้ม​แล้ว​นั่งลง​กับ​พื้น​พยุง​เขา​ขึ้น​

ชิ่งอ๋อง​นอน​ราบ​กับ​พื้น​ ตะโกน​ร้อง​ครู่หนึ่ง​ ก่อน​จะเอา​ป๋อง​แป๋ง​ใน​มือ​ทุบตี​ไป​ยัง​คน​ที่อยู่​ใกล้​ตัว​ที่สุด​ มือ​และ​แขน​ของ​จิ้น​อัน​จวิ้น​อ๋อง​ถูก​ตี​ ขันที​ทั้งหลาย​อยาก​จะเข้ามา​ห้าม​ แต่​ก็​ต้อง​ระวังตัว​ทั้ง​ยัง​รู้สึก​หวาดกลัว​

แต่​จิ้น​อัน​จวิ้น​อ๋อง​กลับ​ห้าม​พวกเขา​ไว้​ ปล่อย​ให้​ชิ่งอ๋อง​ทุบตี​ พลาง​ปลอบ​เขา​ด้วย​รอยยิ้ม​

ขันที​ที่​ยืน​อยู่​ด้านนอก​ถอนหายใจ​อย่า​งอด​ไม่ได้​

ชิ่งอ๋อง​จำคน​ไม่ได้​ ฟังไม่รู้ความ​ ไม่ว่า​จะห่วงใย​แค่​ไหน​ก็​ไร้ค่า​ ก็​เหมือน​ทำ​ไป​เพื่อ​ปลอบใจ​ตัวเอง​เพียง​เท่านั้น​

โวยวาย​ได้​พัก​หนึ่ง​ ชิ่งอ๋อง​ก็​เหนื่อยล้า​ โยน​ป๋อง​แป๋ง​ทิ้ง​แล้ว​หลับ​ไป​ จิ้น​อัน​จวิ้น​อ๋อง​รีบ​ดึง​เขา​ขึ้น​ ทั้ง​ปลอบ​ ทั้ง​กล่อม​ ทั้ง​เขย่าตัว​ให้​เขา​ไป​อาบน้ำ​เปลี่ยน​เสื้อผ้า​

พอ​เด็กน้อย​ที่นอน​อยู่​บน​เตียง​ส่งเสียงกรน​ออกมา​ จิ้น​อัน​จวิ้น​อ๋อง​จึงหยุด​เล่านิทาน​ วาง​ธง มีด​ ปืน​และ​ของเล่น​อื่นๆ​ ใน​มือ​ลง​

“องค์​ชาย​ นี่​ก็​ค่ำ​แล้ว​ ท่าน​ไป​พักผ่อน​เถิด​พะ​ย่ะ​ค่ะ​” ขันที​ที่อยู่​ด้าน​ข้าง​พูด​กระซิบ​

จิ้น​อัน​จวิ้น​อ๋อง​ไม่ขยับ​ มองดู​เด็กน้อย​ที่​กำลัง​หลับใหล​แล้ว​ยื่นมือ​ออก​ไป​ลูบ​ใบหน้า​ของ​เขา​

“เขา​อ้วน​เกินไป​แล้ว​ ไม่ดี​ต่อ​ร่างกาย​ ทำ​อย่างไร​ถึงจะผอม​ลง​” เขา​เอ่ย​ “ไป​ถามหมอ​ห​ลี่​ที​”

“องค์​ชาย​ บางที​อาจ​ไม่จำเป็นต้อง​ไปหา​หมอ​ห​ลี่​” ขันที​ที่อยู่​ด้าน​ข้าง​กด​เสียงต่ำ​

จิ้น​อัน​จวิ้น​อ๋อง​เหลือบมอง​เขา​

“เมื่อ​ครู่​ มีคน​มาบอ​กว่า​แม่นาง​เฉิงเข้า​เมือง​มาแล้ว​พะ​ย่ะ​ค่ะ​” ขันที​เอ่ย​

จิ้น​อัน​จวิ้น​อ๋อง​ลุก​ยืน​ขึ้น​อย่าง​ยั้ง​สติ​ไม่อยู่​

“นาง​มาแล้ว​หรือ​ ตั้งแต่​เมื่อไหร่​” เขา​ถามด้วย​ความประหลาดใจ​

เสียง​สูงจน​รบกวน​เด็กน้อย​ที่นอน​อยู่​บน​เตียง​ทำ​เสียง​ฮึดฮัด​อยู่​หลาย​หน​ จิ้น​อัน​จวิ้น​อ๋อง​รีบ​เอื้อมมือ​ไป​แตะ​เขา​เบา​ๆ อยู่​ครู่หนึ่ง​ รอ​จน​เขา​หลับสนิท​ถึงจะปลด​มุ้งลง​แล้ว​เดิน​ออกมา​

“มาถึงวันนี้​พะ​ย่ะ​ค่ะ​” ขันที​พูด​ต่อ​

จิ้น​อัน​จวิ้น​อ๋อง​ตอบรับ​ กุมมือ​ทำท่า​เหมือน​อยาก​พูด​แต่​ก็​เหมือน​ไม่มีอะไร​จะให้​พูด​ รู้สึก​ถึงเพียง​หัวใจ​ที่​ปั่นป่วน​

ใน​ห้องโถง​เงียบสงัด​

“องค์​ชาย​รีบ​อาบน้ำ​แล้วไป​พักผ่อน​เถิด​” ขันที​พูด​

จิ้น​อัน​จวิ้น​อ๋อง​ตอบรับ​แล้ว​ยก​เท้า​ก้าวเดิน​ไป​

ข้าหลวง​ตัก​น้ำร้อน​ขึ้น​อย่าง​ระมัดระวัง​ เท​ผ่าน​ไหล่​กว้าง​ของ​ชายหนุ่ม​ลง​ไป​ใน​อ่าง​อาบน้ำ​

ดูเหมือน​จิ้น​อัน​จวิ้น​อ๋อง​จะหลับตา​นอน​ ข้าหลวง​ก็​ยิ่ง​เท​น้ำ​ให้​เบา​ลง​

นาง​กลับมา​แล้ว​! นาง​กลับมา​แล้ว​!

จิ้น​อัน​จวิ้น​อ๋อง​ลุกขึ้น​จาก​อ่าง​อาบน้ำ​พร้อมกับ​เสียงดัง​น้ำ​ ข้าหลวง​สะดุ้ง​ตกใจ​ จ้องมอง​ไป​ยัง​ร่าง​ที่​เปลือย​ของ​ชายหนุ่ม​ เมื่อ​ได้สติ​ใบหน้า​ก็​แดงก่ำ​ขึ้น​ก่อน​จะรีบ​ถอย​ออก​ไป​

มีกฎเกณฑ์​มากมาย​ใน​วังหลวง​ โดยเฉพาะ​ตำหนัก​ของ​จิ้น​อัน​จวิ้น​อ๋อง​ ข้าหลวง​ทั้งหลาย​แทบจะ​ไม่ค่อย​ได้​เข้าใกล้​เขา​เลย​

พอ​สัมผัส​ถึงความ​หนาวเย็น​ จิ้น​อัน​จวิ้น​อ๋อง​จึงได้สติ​ เขา​นั่งลง​ไป​ใน​น้ำ​อีกครั้ง​ ข้าหลวง​ถึงจะเดิน​ก้าว​ไป​ข้างหน้า​ ก่อนที่​ยื่นมือ​ออก​ไป​ จิ้น​อัน​จวิ้น​อ๋อง​ก็​ลุกขึ้น​อีกครั้ง​ ครั้งนี้​เขา​ก้าว​ออกจาก​อ่าง​ แล้ว​หยิบ​ผ้าขนหนู​ด้าน​ข้าง​มาห่ม​กาย​แล้ว​เดิน​ออก​ไป​ด้วย​เท้าเปล่า​

ยาม​ท้องฟ้า​สว่างไสว​ ประตู​ห้อง​ของ​ท่านชาย​ฉิน​สิบ​สามยังคง​ปิด​แน่น​

“ท่านชาย​ยัง​ไม่ตื่น​อีก​หรือ​”

ฮูหยิน​ฉิน​รู้สึก​ประหลาดใจ​ไม่น้อย​เมื่อ​เดิน​เข้ามา​

“เมื่อคืน​อ่านหนังสือ​จน​ดึก​เจ้าค่ะ​” สาวใช้​รีบ​ตอบ​

ฮูหยิน​ฉิน​ขมวดคิ้ว​

“ถ้าอย่างนั้น​ก็​แปลก​จริงๆ​ ด้วย​” นาง​เอ่ย​พลาง​มอง​ประตู​อย่าง​ครุ่นคิด​ “ท่าน​พ่อ​ของ​เขา​พูด​ถูก​”

การ​อ่านหนังสือ​จน​ดึก​ไม่ใช่นิสัย​ของ​ท่านชาย​ฉิน​สิบ​สาม

“ใครก็ได้​มานี่​ที​ ใครก็ได้​มานี่​ที​ เมื่อวาน​ใคร​ติดตาม​ท่านชาย​”

พอ​ได้ยิน​ท่าน​แม่พูดคุย​กับ​สาวใช้​และ​เสียง​ฝีเท้า​ที่​ไกล​ออก​ไป​ ท่านชาย​ฉิน​สิบ​สามที่อยู่​ด้านใน​ก็​พลิกตัว​นอน​ราบ​บน​เตียง​ ผม​สยาย​เต็ม​หมอน​ ขา​ข้าง​หนึ่ง​วาง​พาด​บน​เข่า​ มอง​ไป​ที่​ยอด​มุ้ง มือ​ข้าง​หนึ่ง​โบก​พัด​ ไม่อยาก​ลุก​จาก​เตียง​

วันนี้​ข้า​ทำ​อะไร​ดี​นะ​

การบ้าน​จะละเลย​ไม่ได้​ แต่​จริงๆ​ แล้วก็​ไม่ได้​ละเลย​อะไร​นี่​ เขา​ไม่ใช่พวก​หัว​ช้าเสียหน่อย​

จะไปหา​สหาย​หรือ​ ก็​ไม่เห็น​มีอะไร​ให้​น่า​ไปหา​ น่าเบื่อ​มาก​นัก​ เพราะ​เอาแต่​พูดคุย​ซุบซิบนินทา​และ​ถก​เรื่อง​การเมือง​

ดีด​พิณ​ยิง​ธนู​ก็​ร้อน​ ไม่อยาก​ขยับตัว​

ท่านชาย​ฉิน​สิบ​สามโบก​พัด​ใน​มือ​ไปมา​ พลิกตัว​เข้า​ฝาอีกครั้ง​แล้ว​ใช้พัด​ปิด​ใบหน้า​

นอน​ดีกว่า​

ทว่า​เสียง​ฝีเท้า​ข้างนอก​ประตู​ที่​เคย​เงียบสงบ​ก็​ดัง​ขึ้น​อีกครั้ง​

คง​นอน​ไม่ได้​แล้ว​ ท่าน​แม่เรียก​บ่าว​ไป​ถามความ​ ก็​คง​รู้แจ้ง​แล้ว​ว่า​เกิด​อะไร​ขึ้น​ อย่า​คิด​ว่า​จะได้​สงบสุข​

ประตู​ถูก​เคาะ​ดัง​คาด​

ท่านชาย​ฉิน​สิบ​สามยังคง​เอา​พัด​ปิดหน้า​ ยื้อ​เวลา​ให้​เงียบสงบ​ได้​อีก​สักหน่อย​ก็​ยัง​ดี​ ความคิด​เพิ่งจะ​ผุด​ขึ้น​ ประตู​ก็​ถูก​เตะ​ออก​

ท่าน​แม่ไม่น่าตื่นเต้น​ถึงเพียงนี้​หรอก​กระมัง​ ท่านชาย​ฉิน​สิบ​สามตกใจ​ ลุกขึ้น​นั่ง​แล้ว​มอง​ไป​ที่​ประตู​อย่าง​ตกตะลึง​

คน​ที่​ยืน​อยู่​ตรงหน้า​ประตู​หันหลัง​ให้​กับ​แสงแดด​จ้า ภาพ​จึงดู​พร่ามัว​ ก่อน​จะปรากฏ​ร่าง​หนา​กำยำ​

“นี่​ ตะวัน​โด่ง​แล้ว​ เจ้ายัง​นอน​อยู่​อีก​ จอหงวน​ทำ​นิสัย​เช่นนี้​กัน​หรือ​” ท่านชาย​โจว​หก​กอดอก​ เชิด​คาง​ขึ้น​ มองดู​ชายหนุ่ม​ที่​สวม​เสื้อ​ไหม​สีเขียว​ผม​กระเซิง​อยู่​บน​เตียง​ด้วย​ท่าทาง​รังเกียจ​

ไม่มีคำพูด​เจ็บแสบ​ใด​ตอบกลับ​ ภายใน​ห้อง​ก็​เงียบสงบ​

ท่านชาย​โจว​หก​ก้าว​เข้าไป​ใกล้​พลาง​มองหน้า​เขา​

“นี่​ เจ้าไม่ได้​อ่านหนังสือ​จน​เพี้ยน​ไป​แล้ว​หรอก​นะ​” เขา​พูด​พลาง​เอื้อมมือ​ไป​กดหัว​ของ​ท่านชาย​ฉิน​สิบ​สาม “บ้า​ไป​แล้ว​รึ​ บ้า​ไป​แล้ว​รึ​”

ท่านชาย​ฉิน​สิบ​สามยื่นมือ​ออกมา​ปัด​

“ไป​ ไป​ ไปให้พ้น​” เขา​พูด​อย่าง​ฉุนเฉียว​ “ไร้​มารยาท​ บุก​เข้า​ห้องนอน​คนอื่น​อย่างนี้​ได้​อย่างไร​ ไป​อยู่​ต่างถิ่น​กลับมา​ก็​ยิ่ง​ป่าเถื่อน​กว่า​เดิม​อีก​นะ​”

ท่านชาย​โจว​หก​ส่งเสียง​ถุย​ เอื้อมมือ​ไป​ผลัก​หัว​เขา​อีกครั้ง​

“ยัง​จะมาหาว่า​ข่า​ไร้​มารยาท​อีก​ เจ้าเปลือย​ทั้งตัว​ ข้า​ก็​เคย​เห็น​มาแล้ว​ ยัง​จะมาสนใจ​เรื่อง​พวก​นี้​อีก​…” เขา​พูด​พร้อม​ส่งเสียง​เดาะ​ลิ้น​ มอง​ไป​ยัง​ท่านชาย​ฉิน​สิบ​สามแล้ว​มอง​มาที่​ตัวเอง​ เสื้อคลุม​ผ้า​ลินิน​สีคราม​ รองเท้า​ผ้า​สีเขียว​ เข็ม​ขัดสี​เรียบ​ ดู​สะอาด​ตา​ และ​สง่างาม

เขา​กลั้น​หัวเราะ​ไว้​ไม่อยู่​และ​ชี้มาที่​ตัวเอง​

“ดู​ข้า​ ดู​ข้า​สิ แล้ว​ดู​เจ้า นี่​เป็นครั้งแรก​ที่​ข้า​เห็น​เจ้าปล่อยตัว​เช่นนี้​ เจ้านี่​ยิ่ง​โต​ยิ่ง​น่าเกลียด​ขึ้น​เรื่อยๆ​…”

ก่อนที่​เสียงหัวเราะ​จะหยุด​ลง​ ท่านชาย​ฉิน​สิบ​สามก็​กระโดด​ขึ้น​ ยื่นมือ​ต่อย​ออก​ไป​ที่​เขา​

ความแรง​ของ​หมัด​นี้​ไม่น้อย​เลย​ ท่านชาย​โจว​หก​ถด​ตัว​ถอยหลัง​ไป​หลาย​ก้าว​

“เอาล่ะ​ แขน​เล็ก​ๆ นี่​มีพลัง​ไม่น้อย​…” เขา​ยังคง​หัวเราะ​ไม่หยุด​

ท่านชาย​ฉิน​สิบ​สามยกมือ​ชก​ไป​อีกครั้ง​

“หาก​เจ้ายัง​ออก​หมัด​อีก​ ข้า​จะสู้กลับ​แล้ว​นะ​…”

“ตอนนี้​ข้า​ไม่เหมือน​เมื่อก่อน​แล้ว​…หมัด​ข้า​หนัก​นัก​… ออก​หมัด​ก็​ต้อง​ได้​เห็น​เลือด​…”

“เจ้าบาดเจ็บ​ก็​อย่า​มาโทษ​ข้า​แล้วกัน​…”

“…ยัง​จะตี​อีก​หรือ​ ยัง​จะตี​อีก​หรือ​…ถ้าอย่างนั้น​ข้า​จะสู้กลับ​จริงๆ​ แล้ว​นะ​…”

เสียง​ตะโกน​ลั่น​ห้อง​ตามมา​ด้วย​เสียง​ปะทะ​ดัง​กึกก้อง​ สาวใช้​ที่อยู่​ตรง​ระเบียง​ทางเดิน​เหลือบมอง​ ก่อน​จะยิ้ม​แล้ว​หันหลัง​กลับ​ไป​

ชายหนุ่ม​สอง​คน​ล้มลุกคลุกคลาน​เหนื่อยหอบ​อยู่​บน​พื้น​ ท่านชาย​โจว​หก​ไม่ลืม​ที่จะ​เตะ​เขา​อีกครั้ง​ใน​ตอนท้าย​

“ฝีมือ​ไม่เลว​ แหย่​เจ้านิดหน่อย​จะเป็น​อะไร​ไป​ เจ้าเป็นบ้า​อะไร​เนี่ย​”

ท่านชาย​ฉิน​สิบ​สามเตะ​เขา​คืน​อย่าง​ไม่เกรงใจ​

ทั้งสอง​นอน​ราบ​อยู่​บน​พื้น​ เตะ​กัน​ไปมา​อีก​หนึ่ง​ชุด​

“พอ​ พอ​ พอแล้ว​ ข้า​บาดเจ็บ​จาก​สนามรบ​มา” ท่านชาย​โจว​หก​ตะโกน​

ท่านชาย​ฉิน​สิบ​สามถุย​ใส่แล้ว​เตะ​ต่อ​

“ฝีมือ​ไม่เลว​ ถือว่า​ใช้ได้​ ได้รับบาดเจ็บ​รู้จัก​เขียนจดหมาย​มาหา​ข้า​ แต่​ตอน​กลับมา​เหตุใด​ถึงไม่รู้จัก​เขียนจดหมาย​มาบอก​กัน​ล่วงหน้า​” เขา​ตะโกน​ “ไป​เรียน​วิชา​มารยา​พวก​นี้​มาจาก​ไหน​”

ท่านชาย​โจว​หก​หัวเราะ​ลั่น​

“เป็น​อย่างไรบ้าง​ ตกใจ​หรือไม่​” เขา​นอน​เอ่ย​ด้วย​รอยยิ้ม​

ท่านชาย​ฉิน​สิบ​สามเตะ​ไป​ที่​ใบหน้า​ของ​เขา​

จู่ๆ ก็​เกิด​เสียงร้อง​โหยหวน​ดัง​ขึ้น​ภายใน​ห้อง​

“หน้า​ข้า​! ไอ้​เป๋​ ตาย​ซะเถอะ​”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด