ยอดเซลล์แมนทะลุมิติ 546.1

Now you are reading ยอดเซลล์แมนทะลุมิติ Chapter 546.1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
 โชคชะตาที่สวรรค์กำหนด

 

 

 

 

“ฆ่า!” หลังเสียงกู่ร้องยาวของเขา ทหารห้าพันนายเป็นดั่งพยัคฆ์ร้ายที่หลุดออกจากคอกกั้น ควบม้าห้อตะบึงอย่างบ้าคลั่ง ร้องคำรามพุ่งไปยังต๋าหลานจา ดาบศึกส่องประกายวูบไหว เปล่งประกายเย็นเยียบท่ามกลางแสงอาทิตย์ตกดิน 

 

 

แผดเผาไฟสงครามบนทุ่งหญ้าของชาวทูเจวี๋ยได้ นี่คือความใฝ่ฝันที่มีนับร้อยปีของทหารต้าหัว และเป็นช่วงเวลาก่อนที่จะล้างอัปยศด้วยเช่นกัน ภายในดวงตาของทุกคนเปล่งประกายเพลิงร้อนแรง ใบหน้าแดงก่ำ สายตาอันตื่นเต้นแสดงออกมาโดยไม่ต้องใช้ถ้อยคำบรรยาย ฝีเท้าม้าทำให้ฝุ่นดินคละคลุ้ง ปกคลุมไปครึ่งท้องฟ้า 

 

 

เสียงฝีเท้าม้าอันสะเทือนเลื่อนลั่นทำให้ชาวทูเจวี๋ยที่ปล่อยสัตว์ออกไปกินหญ้าซึ่งกำลังกลับมาตกใจ พวกมันยืนอยู่ริมกระโจม มือป้องดวงตาทั้งสองข้างทอดสายตามองไปไกล ขบวนม้าที่วิ่งห้อตะบึงอย่างเร็วรี่ สวมชุดขาดวิ่น สีหน้าดุร้ายอย่างหาที่เปรียบมิได้ บุรุษสตรีและเด็กๆ ชาวทูเจวี๋ยแห่งต๋าหลานจาพลันส่งเสียงร้องเรียกด้วยความตื่นเต้นยินดี แย่งกันกรูเข้าหาขบวนม้า เสียงกู่ร้องตะโกนด้วยความตื่นเต้นยินดีดังก้องไปทั่วทุ่งหญ้า 

 

 

เห็นชัดว่าชาวทูเจวี๋ยที่ไม่เคยถูกปล้นสะดมเห็นโจรต้าหัวที่เข้าสู่ทุ่งหญ้านี้เป็นผู้กล้าแห่งดินแดนที่กลับมาจากได้ชัย ในความทรงจำของพวกมัน ชาวต้าหัวไม่มีทางเหยียบย่ำทุ่งหญ้าได้แม้แต่ครึ่งก้าว ไอสังหารอันดุดันเ**้ยมหาญเช่นนี้ไม่มีทางเป็นของชาวต้าหัวผู้อ่อนแอแน่  

 

 

เมื่อเดินทางเข้าไปอีกหลายลี้ เมื่อเห็นว่าทั้งสองฝ่ายห่างกันแค่หลายร้อยจั้ง เวรยามชาวทูเจวี๋ยเป็นผู้พบเห็นความผิดปกติก่อน ขบวนม้าอันดุร้ายป่าเถื่อนนี้มาอย่างดุดัน ดาบศึกวาววับที่อยู่ในมือประหนึ่งประกายแสงอันเย็นเยียบที่กรีดผ่านท้องฟ้า มาพร้อมกับไอสังหารอันเย็นเยียบ ทหารม้าที่อยู่บนม้านั้นผิวเหลืองผมดำ สายตาเย็นชา เย็นชาไร้น้ำใจประหนึ่งน้ำแข็งยามเหมันต์ 

 

 

“แย่แล้ว ชาวต้าหัว! อ๊า!” ทหารยามของต๋าหลานจาตกตะลึงพรึงเพริด เสียงร้องเตือนยังไม่ทันได้เปล่งออกมาก็มีอาชาพ่วงพีกระโดดข้ามเข้ามานำหน้า คมดาบอันเร็วรี่กระจ่างวูบเข้าหาราวกับแสงสาดกะพริบของหิมะสีขาว ท่ามกลางเลือดที่สาดกระจาย ร่างของชาวทูเจวี๋ยขาดกลางเป็นสองท่อน ร่วงลงจากหลังม้าเสียงดังโครม ดวงตาจมลึกทั้งสองข้างถลนออกข้างนอกด้วยความประหวั่นพรั่นพรึง ความหวาดกลัวภายในดวงตาปรากฏมาให้เห็น เห็นชัดว่าแม้แต่ตายไปแล้วมันก็ยังนึกถึงว่ากลับต้องฝังร่างใต้คมดาบชาวต้าหัวที่หน้าประตูบ้าน 

 

 

เกาฉิวใบหน้าส่องประกายดุร้าย ถ่มน้ำลายใส่ศพชาวทูเจวี๋ยอย่างรุนแรง สะบัดดาบใหญ่ในมือ สลัดคราบเลือดที่อยู่บนคมดาบออกไปไกลลิบ เขาตวาดเสียงดังด้วยท่าทางดุร้าย “ไม่ผิด ข้าก็คือท่านปู่เกาที่มาจากต้าหัวของเจ้า ผู้รุกรานต้าหัวเรา แม้อยู่ไกลก็ต้องฆ่า!” 

 

 

“ผู้รุกรานต้าหัวเรา แม้อยู่ไกลก็ต้องฆ่า!” หูปู้กุยกับทหารห้าพันนายส่งเสียงคำรามดังลั่นพร้อมเพรียงกัน ขยับร่างรวดเร็วดั่งดาวตก มุ่งตรงไปยังกระโจมที่เชื้อมต่อกันนั่น ณ ต๋าหลานจา 

 

 

ชาวทูเจวี๋ยที่กระโดดโลดเต้น กำลังกรูเข้าหาเหล่า ‘ผู้กล้า’ ที่กลับมาด้วยความยินดี เมื่อประกายดาบของเกาฉิวส่องประกาย ฟันสังหารทหารเวรยาม เลือดสาดกระจายเต็มทุ่งหญ้า พวกมันก็อดตะลึงงันไม่ได้ เพียงชั่วประเดี๋ยวเดียวด็เห็นรูปโฉมของเหล่า ‘ผู้กล้า’ อย่างชัดเจน ผิวเหลืองตาดำ รูปร่างหน้าตาต่างจากชาวทูเจวี๋ยโดยสิ้นเชิง 

 

 

“อ๊ะ! ชาวต้าหัว!” ไม่รู้ว่าใครร้องตะโกนนำขึ้นมาก่อน ชาวทูเจวี๋ยจำนวนนับไม่ถ้วนรีบรั้งฝีเท้าทันที มองดูคมดาบที่มีเลือดหยดของโจรต้าหัว พวกมันคล้ายตกใจจนเป็นบื้อใบ้ ปรากฏความหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนภายในชั่วพริบตา ไม่มีใครคาดคิดว่าชาวต้าหัวที่ป่าเถื่อนเหล่านี้กลับบุกเข่นฆ่าเข้าสู่ทุ่งหญ้า ทำตัวเฉกเช่นสิ่งที่ชาวทูเจวี๋ยทำอยู่เป็นประจำ จุดไฟสงครามอยู่ส่วนหลังของด้านหลังทุ่งหญ้าที่ชาวทูเจวี๋ยทึกทักเอาเองว่าแข็งแกร่งไม่อาจบุกทะลวงได้ 

 

 

สถานการณ์ตรงข้ามอย่างรุนแรงทำให้ชาวทูเจวี๋ยทั้งหมดนิ่งอึ้งไป แม้แต่หลบหนีก็ลืมเลือนไปด้วย 

 

 

“ฆ่า!” หูปู้กุยสองตาแดงก่ำ ดุร้ายป่าเถื่อนดั่งหมาป่าบนทุ่งหญ้า ขี่ม้าเคียงคู่กับเกาฉิว บุกอยู่ด้านหน้าสุดของขบวน เขายกดาบฟันฉับคราหนึ่ง เสาโลหิตพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า หัวชาวทูเจวี๋ยที่ถักเปียเต็มไปหมดปลิวสูง จากนั้นจึงหล่นตุบลงพื้นหญ้า สองตาของชาวทูเจวี๋ยนี้เบิกโพลง ตายแล้วก็ยังไม่เชื่อว่าชาวต้าหัวจะบุกเข่นฆ่าเข้ามาจริงๆ 

 

 

ท่ามกลางประกายโลหิตปกคลุมท้องฟ้า ชาวทูเจวี๋ยถึงได้สติกลับมา “รีบหนีเร็ว!” ด้วยความหวาดกลัวและตกใจ ชาวทูเจวี๋ยจำนวนนับไม่ถ้วนใบหน้าเต็มไปด้วยความประหวั่นพรั่นพรึง ชักเท้าแล้ววิ่งห้อตะบึงกลับไป เมื่อทอดสายตามองไกลๆ ก็เหมือนเกี๊ยวที่เดือดพล่านอยู่ในกระทะ  

 

 

ชาวทูเจวี๋ยที่ทำอะไรไม่ถูกและหมดหนทางช่วยเหลือกลายเป็นเป้าที่มีชีวิตของทหารม้าต้าหัวภายในชั่วพริบตา เมื่อหวนนึกถึงสหายร่วมชาติที่ต้องตายอย่างน่าอนาถใต้กีบเท้าอาชาเหล็กของชาวทูเจวี๋ย ผู้เฒ่าผู้แก่ สตรีผู้อ่อนแอ เด็กน้อยผู้ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แต่ละคนต่างล้มจมกองเลือด สายตาสิ้นหวังและช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ผุดขึ้นตรงหน้าทุกคน 

 

 

ทหารต้าหัวห้าพันนายสองตาแดงก่ำในบัดดล นิสัยหมาป่าอันดุร้ายป่าเถื่อนปลุกเร้าอยู่ในกายพวกเขา พวกเขาอารมณ์เย็นชา น้าวคันธนูอย่างแช่มช้า มองดูหัวธนูที่หมุนวนนั้นยิงออกไปอย่างเร่งเร้า ทะลุหน้าอกชายฉกรรจ์ทูเจวี๋ย ฟังเสียงกระดูกหน้าอกแหลกละเอียดของพวกมัน ท่ามกลางโลหิตชุ่มโชก ประหนึ่งความเศร้าโศกของทุกคนถูกปลดปล่อยออกมาจนหมดสิ้น  

 

 

“กุบ! กับ!” ชาวทูเจวี๋ยที่ได้สติกลับมา ในที่สุดก็เริ่มดิ้นรนขัดขืน ชายฉกรรจ์ทูเจวี๋ยหลายพันคนที่ยังอยู่ในกระโจมขึ้นคร่อมหลังม้าราวกับเพิ่งตื่นจากความฝัน กู่ร้องเสียงหมาป่าพร้อมพุ่งเข้าหาทหารม้าต้าหัว เพียงแต่พวกมันรีบร้อน ปราศจากการเตรียมพร้อม แม้แต่คันธนูก็ยังไม่ทันนำมาด้วย เงื้อดาบใหญ่แล้วบุกเข้ามา ถึงกระนั้นจะเป็นคู่ต่อสู้ของทหารม้า ต้าหัวซึ่งเตรียมการมาตั้งแต่แรกได้อย่างไร 

 

 

ทหารม้าต้าหัวจำนวนหลายพันบุกย่างเบื้องหน้า อยู่ห่างจากกระโจมที่เชื่อมต่อกันของต๋าหลานจาแค่ไม่กี่ร้อยลี้ บุกเข้าหาชนเผ่านอกด่านนับพันที่แต่งกายไม่เรียบร้อยซึ่งกำลังบุกเข้ามาหาด้วยสายตาอันเย็นชา เมื่อพวกมันอยู่ใกล้พอแล้ว มุมปากของเกาฉิวก็ประดับรอยยิ้มเย็นชาอันเ**้ยมโหด โบกมือใหญ่แล้วพูดว่า “หน้าไม้ยิงต่อเนื่อง ยิง!” 

 

 

เหล่าทหารม้าต้าหัวที่อยู่บนม้ายิงหน้าไม้ที่อยู่ในมือออกไปโดยพร้อมเพรียงกัน ห่าธนูอันแน่นขนัดประหนึ่งเข็มผึ้งอันไร้ขอบเขต ปิดผนึกทุ่งหญ้าที่อยู่ตรงหน้าจนกลายเป็นนรกอันโหดร้ายทารุณ ชาวทูเจวี๋ยจำนวนนับไม่ถ้วนร้องโอดโอยพลางร่วงหล่นลงจากหลังม้า จากนั้นก็ถูกสหายที่อยู่ข้างหลังเหยียบย่ำจนกลายเป็นขนมเปี๊ยะเนื้อภายในชั่วพริบตา 

 

 

หลังจากห่าธนูผ่านไปสามรอบ ชาวทูเจวี๋ยนับพันคนเหลือไม่ถึงครึ่งหนึ่ง ชาวทูเจวี๋ยห้าหกร้อยคนล้มอยู่บนทุ่งหญ้าตรงหน้า ส่วนใหญ่วิญญาณออกจากร่างภายใต้ห่าธนู ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บที่มีอยู่จำนวนน้อยก็มีลูกศรปักอยู่เต็มร่าง ลมหายใจรวยริน 

 

 

โลหิตของสหายย้อมดวงตาทั้งสองข้างของชนเผ่านอกด่านจนเป็นสีแดงฉาน นิสัยดุร้ายของชาวทูเจวี๋ยปรากฏออกมาให้เห็นในช่วงเวลานี้ พวกมันส่งเสียงขู่แฮ่ๆ จัดกระบวนบุกขึ้นมาอีกครั้ง เหยียบย่ำซากศพของสหายอย่างไม่ย่อท้อ กระทั่งว่ายังเหยียบย่ำหน้าอกสหายซึ่งยังคงร้องครวญครางอยู่อีกด้วย บุกเข้าหาราวกับลมสลาตัน 

 

 

ชาวทูเจวี๋ยกับชาวต้าหัวช่างมีความแตกต่างกันอย่างยิ่งเสียจริง หลินหว่านหรงเห็นแล้วก็ส่ายหน้าถอนหายใจ เหยียบย่ำสหายที่บาดเจ็บล้มตาย เรื่องทำร้ายสหายเช่นนี้ ไม่ว่านายทหารต้าหัวที่มีเลือดเนื้อคนใดก็ทำไม่ได้ ไม่ใช่เพียงเท่านี้ สำหรับทหารต้าหัวแล้ว การเก็บรักษาร่างของสหายร่วมรบสำคัญเท่ากับการรักษาชีวิตตนเอง แต่ความเชื่อของชาวทูเจวี๋ยกลับตรงข้ามโดยสิ้นเชิง พวกมันนับถือผู้แข็งแกร่งเท่านั้น เพื่อที่จะได้ชัยชนะ ไม่ว่าชีวิตของผู้ใดก็สามารถสละได้ แม้จะเป็นสหายร่วมรบที่ร่วมเป็นร่วมตายกันมาก็ตาม นิสัยของคนกับนิสัยของหมาป่าปรากฏให้เห็นตอนนี้อย่างชัดเจน  

 

 

มองดูชาวทูเจวี๋ยที่เหลืออยู่ห้าร้อยซึ่งกำลังกรูเข้ามา ดาบศึกซึ่งถูกย้อมเป็นสีแดงฉานในมือหูปู้กุยชี้ไปข้างหน้า โลหิตของชนเผ่านอกด่านหยดลงตามปลายคมดาบ เขาหัวเราะฮ่าๆ เสียงดังพร้อมพูดว่า “มาได้ดี! ทหารทั้งหลาย ให้ชาวทูเจวี๋ยได้ลิ้มรสความเจ็บปวดนั้นเหมือนกันเถอะ ฆ่าไปกับข้า!” 

 

 

เขากับเกาฉิวสองคนบุกกันอยู่หน้าสุด ทหารม้าชั้นยอดห้าพันนายตามติดอยู่ข้างหลัง พร้อมตวาดเสียงดังด้วยโทสะออกมาว่า “ฆ่า ให้ชาวทูเจวี๋ยลิ้มรสความเจ็บปวด!” 

 

 

เสียงฝีเท้าม้าอันสะเทือนเลื่อนลั่น ทำให้ยามนี้ทุ่งหญ้าอันเวิ้งว้างกว้างใหญ่ดังอึกทึกครึกโครม ท่ามกลางแสงอาทิตย์อัสดง ไพร่พลที่เคลื่อนที่อย่างเร็วรี่สีดำทะมึนสองกลุ่มสู้ตะลุมบอนอยู่บนทุ่งหญ้า ส่งเสียงร้องโอดโอยน่าอนาถเป็นระยะ กรีดผ่านไปทั่วทุ่งหญ้าลอยล่องไปไกล คราบเลือดสีแดงฉานย้อมดอกไม้ใบหญ้าไปทั่ว  

 

 

ใช้ห้าพันสู้กับหลายร้อย นี่เป็นการเข่นฆ่าสังหารที่ไม่เท่าเทียมกันแม้แต่น้อย ชาวทูเจวี๋ยแม้แต่ฝันก็คงยังคิดไม่ถึงว่าวิธีการที่พวกมันถนัดมากที่สุดกลับถูกชาวต้าหัวย้อนคืนกลับมาให้พวกมัน ถึงแม้ชายฉกรรจ์ที่เหลืออยู่ห้าร้อยคนนี้จะเป็นผู้กล้าที่เชี่ยวชาญศึกและกล้าหาญมากที่สุดแห่งทุ่งหญ้า แต่ก็ไม่อาจสู้ทหารชั้นยอดของต้าหัวที่เป็นเหมือนดั่งพยัคฆ์และหมาป่านี้ได้ 

 

 

สังหารชาวทูเจวี๋ยบนทุ่งหญ้า โอกาสอันดีที่ยากจะได้พานพบเช่นนี้ทำให้ใจของทุกคนบังเกิดความสะใจอย่างที่ไม่อาจเอ่ยออกมาได้ วันคืนที่ชาวทูเจวี๋ยรังแกต้าหัวตามอำเภอใจผ่านไปไม่อาจหวนคืนแล้ว 

 

 

ทหารห้าพันนายเปลี่ยนความทุกข์ยากและความเคียดแค้นชิงชังที่มีทั้งหมดให้เป็นเพลงดาบอันร้ายกาจ มอบการสังหารแก่ชาวทูเจวี๋ยซึ่งถูกโอบล้อมอย่างแน่นหนาตรงหน้านี้ ยามนี้ชนเผ่านอกด่านห้าร้อยคนนี้เป็นเป้าที่มีชีวิตของทหารต้าหัว แต่ละดาบที่พวกเขาฟันลงไปล้วนบังเกิดเสียงร้องโหยหวน 

 

 

ดาบของชาวทูเจวี๋ยถือว่าเ**้ยมหาญดุดัน รู้ทั้งรู้ว่าถูกโอบล้อม ปราศจากทางรอด แต่พวกมันก็ยังดิ้นรนอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่ดี ใบหน้าที่มีโลหิตย้อมเต็มไปหมดนั้น คล้ายภูตผีปีศาจที่หลุดรอดออกมาจานรก “ฆ่า!” ทหารต้าหัวหลายสิบนายส่งเสียงคำรามด้วยโทสะออกมาพร้อมกัน ปลายทวนยาวเข้ามาจากทุกทิศทาง เสียบเข้าไปในร่างของชนเผ่านอกคนหนึ่ง โลหิตสดๆ จำนวนนับไม่ถ้วนไหลทะลักออกมา ชนเผ่านอกด่านผู้นั้นถูกเสียบจนกลายเป็นเม่น ดิ้นรนอย่างไร้เรี่ยวแรงหลายครั้ง จากนั้นก็ส่ายโอนเอน สุดท้ายก็ล้มลงไป 

 

 

เมื่อเห็นว่าชนเผ่านอกด่านที่อยู่ตรงหน้ากำลังจะถูกกำจัดจนหมดสิ้น ส่วนคนที่เหลืออยู่ก็หมดแรงดั่งน้าวคันศรจนสุดสาย ใกล้จะหมดสภาพ ปล่อยให้เกาฉิวนำกำลังโอบล้อมเข่นฆ่าต่อไป หูปู้กุยโบกมือคราหนึ่ง ทหารหลายพันนายถอนตัวออกจากขบวน ตามติดอยู่ข้างหลังเขา มุ่งไปยังกระโจมสีขาวที่เชื่อมต่อกันของต๋าหลานจา 

 

 

แม้จะพบการต่อต้านตลอดเส้นทาง ถึงกระนั้นต่างเป็นคนแก่คนป่วยและคนพิการที่เหลืออยู่ในเขตแดน กำลังรบห่างไกลลิบลับ ไหนเลยจะเป็นคู่ต่อสู้ของหูปู้กุยและพี่น้องใต้บังคับบัญชาได้ คนแก่คนป่วยและคนพิการเหล่านี้เป็นกำลังต่อต้านสุดท้ายของต๋าหลานจา นอกจากคนชราที่มีส่วนใหญ่แล้ว ที่เหลือก็คือชาวทูเจวี๋ยซึ่งได้รับบาดเจ็บจนทุพพลภาพที่ถอนตัวออกมาจากสนามรบ แทบจะปราศจากกำลังรบ แม้จะรู้ทั้งรู้ว่ากำลังรบห่างไกลกันลิบลับ แต่พวกเขาก็ยังต้านทานการรุกคืบเข้ามาของทหารม้าต้าหัวอย่างห้าวหาญไม่กริ่งเกรงความตาย ท่ามกลางเลือดไหลทะลัก กลายเป็นภาพอันยิ่งใหญ่  

 

 

เข่นฆ่าสังหารมาตลอดทาง สุดท้ายก็เข้าใกล้กระโจมจำนวนนับไม่ถ้วน สุดลูกหูลูกตาของต๋าหลานจา นี่คือกระโจมที่ใช้พักอาศัยภายในเขตแดนของชนเผ่านอกด่าน ต่างจากกระโจมที่ใช้เดินทัพ ไม่ใช่แค่แข็งแรงทนทาน มิหนำซ้ำพื้นที่ก็ใหญ่กว่า หนึ่งครอยครัวอาศัยอยู่ในนั้นได้เหลือเฟือ 

 

 

กระโจมก็คือบ้านของชาวทูเจวี๋ย หูปู้กุยซึ่งนั่งคร่อมอยู่บนหลังม้าดวงตาสาดประกายเย็นเยียบ เขาใช้มือขวาฟันชนเผ่านอกด่านที่ลอบโจมตีจากด้านข้างจนพลิกล้มลงไป มือซ้ายชูคบเพลิงซึ่งแผดเผาร้อนแรงขึ้นสูง เสียงเพียะๆ ที่ดังขึ้นมาเบาๆ กลบเสียงตะโกนร่ำไห้ที่ดังสลับกันไปมาของชาวทูเจวี๋ยจนหมดสิ้น 

 

 

เกาฉิวที่อยู่ทางนั้นจัดการชาวทูเจวี๋ยคนสุดท้าย โบกสะบัดดาบที่มีโลหิตหยาดหยดในมือ กล่าวระคนหัวเราะเสียงดังด้วยไอสังหารอันพลุ่งพล่าน “ฆ่าคนแล้วทำไมไม่วางเพลิง? เหล่าหู ยังรออะไรอยู่อีก?!” 

 

 

“ฆ่าคนวางเพลิงที่ดียิ่งนัก ข้าจะให้ชาวทูเจวี๋ยได้ลองลิ้มรสความเจ็บปวดเสียบ้าง” เหล่าหูหัวเราะยาวๆ เสียงดัง กวาดสายตามองไปยังกระโจมสุดลูกหูลูกตานั้นหลายครา ประกายโลหิตภายในดวงตาเขาเบ่งบาน เสียงดังปังคราหนึ่ง เขาโยนคบเพลิงไปที่กระโจมซึ่งอยู่ใกล้มากที่สุด 

 

 

คบเพลิงซึ่งแฝงน้ำมันตะเกียงตกลงบนกระโจม เสียงดังพรึบเบาๆ คราหนึ่ง กำลังเพลิงจากเล็กน้อยกลายเป็นรุนแรง จากใกล้เป็นไกล กระโจมขนาดมหึมาและกว้างขวางค่อยๆ ลุกไหม้ ประหนึ่งดาราเพลิงซึ่งแผดเผาอยู่บนทุ่งหญ้าอันเวิ้งว้าง  ไม่นานนักกระโจมนี้ก็ถูกเปลวไฟขนาดใหญ่กลืนกินจนหมดสิ้น เปลวไฟอันร้อนแรงโบกพลิ้วไปตามแรงลม ทั้งเผาไหม้กระโจมที่อยู่ติดกัน กระโจมจำนวนนับไม่ถ้วนประหนึ่งท่อนฟืนที่ตั้งอยู่ติดกัน ถูกเผาไหม้ทีละกระโจม 

 

 

หนึ่งหลัง สิบหลัง ร้อยหลัง เปลวเพลิงขยายใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ สว่างมากขึ้นเรื่อยๆ ยามที่กระโจมหลายพันหลังแห่งต๋าหลานจากำลังลุกไหม้ใต้ท้องฟ้า เหมือนดั่งดอกไม้ไฟที่เบ่งบานอยู่บนท้องฟ้ายามราตรีทีละดวง แสงอันร้อนแรงนั้นประหนึ่งบุปผาโลหิตที่เบ่งบานบนทุ่งหญ้า สะท้อนขอบ้าอันเวิ้งว้างจนแดงฉาน 

 

 

ศึกครั้งนี้ชนะอย่างไม่ต้องสงสัย การโจมตีครั้งนี้น่าจะเป็นศึกที่ชนเผ่านอกด่านคาดไม่ถึงมากที่สุด และทำให้เหล่านายทหารต้าหัวสาแก่ใจมากที่สุดท่ามกลางห้วงแห่งบุญคุณความแค้นหลายร้อยปีระหว่างต้าหัวกับทูเจวี๋ย การล้อมสังหารชาวทูเจวี๋ยบนทุ่งหญ้า คิดๆ แล้วก็ทำให้คนเลือดลมพลุ่งพล่าน ราวกับความฝัน แต่ทุกสิ่งนี้กลับเกิดขึ้นตรงหน้าอย่างจริงแท้แน่นอน  

 

 

ขณะที่กระโจมทยอยลุกไหม้ทีละหลัง เปลวเพลิงพวยพุ่งสู่ท้องฟ้าส่องเจิดจ้า ทหารม้าจำนวนนับไม่ถ้วนอยู่บนหลังม้า ชูดาบขึ้นสูง วิ่งห้อตะบึงกู่ร้องยินดีด้วยความตื่นเต้นวนกลับไปมา ความตื่นเต้นอันเปี่ยมล้นปรากฏให้เห็นอยู่บนใบหน้าและน้ำเสียงอันหนุ่มแน่นของพวกเขา  

 

 

ศึกครั้งนี้หลินหว่านหรงจงใจรั้งอยู่ท้ายสุด แม้จะมาถึงโลกที่ไม่คุ้นเคยนี้ได้ไม่ถึงหนึ่งปี แต่เมื่อเห็นเหล่าเกากับเหล่าหูนำพาทหารห้าพันนายเข่นฆ่าสังหารราวกับหมาป่า เบื้องหลังสองตาแดงก่ำนั้นกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นนั้นซ่อนความเศร้าโศกและความหนักอึ้งมากมายเหลือเกิน หลินหว่านหรงเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของพวกเขาอย่างลึกซึ้ง การศึกครั้งนี้ควรเป็นของพวกเขา ควรเป็นของสหายร่วมชาติที่ต้องทนทุกข์ทรมานและตายจากไปทุกคน 

 

 

เขาถอนหายใจ ก้าวขึ้นรถไป ถึงกระนั้นกลับเห็นสาวน้อยทูเจวี๋ยสองตาแดงฉาน น้ำตาไหลริน เต็มไปด้วยความเคียดแค้นชิงชังอันล้ำลึกและความเศร้าเสียใจที่ไม่อาจช่วยเหลือได้ 

 

 

“เจ็บปวดมาก ใช่หรือไม่?!” เขาหยิบเศษผ้าที่อุดปากอวี้เฉียออกมา หลินหว่านหรงไม่ได้ช้อนดวงตาขึ้นมา กล่าวด้วยท่าทีเรียบเฉย  

 

 

อวี้เฉียกัดจนปากแตก โลหิตซึมออกมา คำรามด้วยโทสะราวกับหมาป่าตัวเมีย “คนโฉดชั่วต้าหัว เจ้าฆ่าข้าเสียเถอะ!” 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด