ยอดเซลล์แมนทะลุมิติ 600 – 1 ศึกครั้งใหญ่กับอ๋องขวา

Now you are reading ยอดเซลล์แมนทะลุมิติ Chapter 600 - 1 ศึกครั้งใหญ่กับอ๋องขวา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ความเร็วของทั้งสองฝ่ายดั่งสายฟ้า ทว่าม้าศึกที่อยู่ใต้ร่างเหล่าผู้กล้าของอ๋องขวานั้นคัดสรรมาอย่างดี ยอดเยี่ยมเหนือล้ำกว่าต้าหัว ระยะทางหลายร้อยลี้ที่วิ่งห้อตะบึงไปยังกึ่งกลางทุ่งหญ้านี้ พวกมันค่อยๆ นำหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ  

 

 

ครั้นเห็นคนสองกลุ่มนี้วิ่งกรูเข้ามาหา ข่านใหญ่ดาบทองผงกศีรษะแย้มยิ้ม นางหยิบผ้าสีดำออกมาจากข้างหลังผืนหนึ่งแล้วนำมาปิดบังดวงตาของอาชาสีขาวแซมดำตัวนั้น ทั้งยังใช้ตะกร้อซึ้งทำมาจากไม้ไผ่ครอบไว้ที่ปากมันอีกด้วย เมื่อเป็นเช่นนี้ อาชาสีขาวแซมดำตัวนั้นดวงตาไม่อาจมองเห็น ปากไม่อาจกินอาหารได้ 

 

 

เกาฉิวเห็นแล้วประหลาดใจยิ่งนัก หวดม้าแล้วไล่ตามหลินหว่านหรงกับหูปู้กุย พูดกดเสียงต่ำออกมาว่า “น้องหลิน นี่อวี้เจียจะทำอะไรน่ะ?!” 

 

 

“ปิดตาม้า ให้มันไม่กลัวแสงไฟ สวมตะกร้อปาก ก็ไม่กลัวจะถูกล่อหลอกด้วยอาหาร! นังหนูคนนี้หาหนทางเล่นตุกติกไม่ได้” หลินหว่านหรงหัวเราะพลางอธิบาย เหล่าเการ้องอ้อออกมาคราหนึ่ง กระทั่งว่ายังนับถือความคิดของอวี้เจียอีกด้วย 

 

 

หากเอ่ยถึงตัวม้าและทักษะการขี่ม้า ขบวนของถูสั่วจั่วต่างได้เปรียบ พวกมันวิ่งห้อตะบึงตลอดทาง ใช้ทักษะการขี่ม้าจนถึงขีดสุด ชิงนำหน้าเยวี่ยซื่อหลายสิบจั้ง บุกไปเบื้องหน้าอวี้เจีย ข่านใหญ่ขี่อยู่บนหลังม้าไม่ขยับเขยื้อน เพียงผงกศีรษะให้ถูสั่วจั่วเล็กน้อยเพื่อแสดงความยินดีให้พวกมันเท่านั้น  

 

 

เห็นชัดว่าอ๋องขวาเตรียมการไว้ตั้งแต่แรก เมื่อไปถึงเบื้องหน้าอวี้เจียมันก็โบกมือ ทหารม้าหลายสิบคนที่อยู่ข้างหลังมันก็แยกเป็นสองกลุ่ม มีสี่คนที่กระโดดไปข้างหลังม้าตัวนั้นอย่างเร็วรี่พร้อมหวดแส้ม้าพร้อมกัน แส้ส่งเสียงเพียะๆ เอะอะวุ่นวาย ถึงกระนั้นกลับไม่ได้กระทบร่างม้า นี่คือวิธีที่ชาวทูเจวี๋ยใช้ไล่ม้าอยู่ประจำ เพียงแต่คราวนี้คล้ายจะไม่เห็นผลมากนัก อาชาสีขาวแซมเทาตัวสั่นเล็กน้อย ค่อยๆ เบือนหน้าไปด้านข้าง ถึงกระนั้นกลับไม่ยอมขยับเขยื้อนแม้แต่ก้าวเดียว  

 

 

ชาวทูเจวี๋ยที่อยู่บนทุ่งหญ้าต่างเป็นยอดฝีมือในการไล่ม้า เมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนี้จึงอดร้องด้วยความตกใจไม่ได้  

 

 

เมื่อลองครั้งแรกไม่สำเร็จ ถูสั่วจั่วก็ไม่ร้อนใจ โบกมืออีกครั้ง ข้างหลังก็มีผู้กล้าสองคนพุ่งปราดออกมา มือถือหญ้าเขียวที่อาชาทูเจวี๋ยชอบกินมากที่สุดแล้วส่งไปเบื้องหน้าอาชาตัวนั้น เพียงแต่ปากอาชาครอบตะกร้อเอาไว้ อวี้เจียสะบัดบังเ**ยนเล็กน้อย อาชาน้อยออกแรงสะบัดหัวสองคราอย่างแรง ปัดหญ้าเขียวชอุ่มนั้นไปด้านข้าง ปราศจากความอาวรณ์แม้แต่น้อย 

 

 

ม้าไม่กินหญ้า ตีก็ไม่ไป ภาพเหตุการณ์อันน่าประหลาดเช่นนี้ แม้แต่ชาวทูเจวี๋ยซึ่งคบหากับม้ามาตลอดชีวิตก็ยังงุนงงอยู่บ้าง 

 

 

หลินหว่านหรงกลับไม่เหลือบแลเรื่องพวกนี้ เมื่อเห็นขบวนของถูสั่วจั่วแบ่งเป็นสองกลุ่มหนึ่งหน้าหนึ่งหลัง เขาก็ผงกศีรษะด้วยความตื่นเต้น พูดอย่างเร็วรี่ออกมาว่า “พี่เกา พี่หู ยุทธวิธีในการรบของพวกเราต้องเปลี่ยนแปลงชั่วคราว อย่าไปสนใจ ถูสั่วจั่ว รวบรวมกำลังไว้ก่อน โจมตีลูกสมุนมันโดยเฉพาะ ระลอกแรก ตีก้นม้าข้างหลัง!” 

 

 

หูปู้กุยเห็นแล้วก็เข้าใจ นี่คือกลยุทธ์ตีให้พ่ายทีละคน ถึงอย่างไรถูสั่วจั่วก็ขยับม้าของอวี้เจียไม่ได้อยู่แล้ว มันหนีไม่รอดแน่นอน ฉวยโอกาสช่วงที่กองกำลังของมันกระจัดกระจายพอดี เล็งจังหวะกำจัดผู้กล้าใต้สังกัดของมัน ทำให้มันโดดเดี่ยว สุดท้ายก็ค่อยไปจัดการมันอีกที 

 

 

“ฟิ้ว!” แม่ทัพหลินส่งเสียงผิวปากแปลกประหลาดหลายครั้ง บุกตีคู่อยู่เบื้องหน้าสุดกับเกาฉิว ดาบโค้งในมือสาดประกายเย็นเยียบ 

 

 

เหล่าผู้กล้าของถูสั่วจั่วเบื้องหลังหวดแส้ เบื้องหน้าป้อนหญ้า กำลังยุ่งวุ่นวายกันอยู่ ดินแดนเยวี่ยซื่ออันเ**้ยมหาญนั้นกลับไปถึงภายในชั่วพริบตา คนสิบกว่าคนบุกไปด้านหลังม้าของอวี้เจียราวกับลมพายุ “ระวัง!” เมื่อเห็นไอสังหารอันรุนแรงของเยวี่ยซื่อ ถูสั่วจั่วก็รับรู้ถึงอันตรายได้ทันที รีบร้องออกมาอย่างรวดเร็ว เร่งม้าไล่ตามไปช่วยคนในเผ่าตน 

 

 

โอกาสชนะอยู่แค่ช่วงเวลานี้เท่านั้น แล้วหลินหว่านหรงจะพลาดโอกาสครั้งใหญ่ไปได้อย่างไร เขาควบม้าอย่างบ้าคลั่ง มุ่งไปที่ชนเผ่านอกด่านสี่คนที่อยู่ข้างหลังอวี้เจีย ถ้าการสู้ตะลุมบอนแบบนี้ยังไม่ชนะอีก ไม่สู้ให้เขาเอาหัวชนเต้าหู้ให้ตายไปเลยจะดีกว่า 

 

 

“ฮึ่ย!” เหล่าเกาตวาดออกมาคราหนึ่ง ดาบโค้งในมือปราศจากกระบวนท่าใดๆ ทั้งสิ้น ตรงไปตรงมา เล็งแล้วฟันไปที่ใบหน้าชาวทูเจวี๋ยอย่างสุดกำลัง ผู้กล้าในดินแดนถูสั่วจั่วมีชื่อเสียงในทุ่งหญ้าเรื่องความโหดเ**้ยมดุร้ายป่าเถื่อน แล้วจะไปกลัวเกรงเยวี่ยซื่อเล็กๆ นี้ได้อย่างไร มันยกมือขึ้น ดาบโค้งในมือต้านดาบใหญ่ของเกาฉิวได้พอดี 

 

 

ระหว่างที่บังเกิดเสียง ‘เคร้ง’ กระจ่างชัด สะเก็ดไฟก็สาดกระจาย เกาฉิวมีกำลังวังชาเช่นใด ดาบใหญ่ออกแรงดันลงไป กดอยู่ที่ลำคอชาวทูเจวี๋ยผู้นั้นทันที ชนเผ่านอกด่านหน้าแดงคอเกร็ง เอ็นเขียวปูดโปนบนหน้าผาก เหงื่อไหลริน ข้อมือสั่นระริกอย่างรุนแรง 

 

 

“อ๊า!” เลือดก็สาดกระจายท่ามกลางเสียงร้องโหยหวน แม่ทัพหลินไม่รู้ว่าบุกเข่นฆ่าออกมาจากที่ใด เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ใช้ดาบฟันลงบนหัวของชนเผ่านอกด่านคนนี้โดยไม่ไว้ไมตรีแม้แต่น้อย ขณะเดียวกันก็พูดกดเสียงต่ำ “พี่เกา สู้เร็ว ตัดสินใจเร็ว อย่าชักช้า!” 

 

 

หูปู้กุยทางนั้นก็ฟันดาบฉับอย่างเร็วรี่ ทำให้ชาวทูเจวี๋ยอีกคนพลิกตกจากม้า 

 

 

ประกายโลหิตและเสียงร้องโอดโอยกระตุ้นโทสะถูสั่วจั่ว มันร้องอ๊าๆ เสียงดัง กวัดแกว่งดาบโค้งแล้วบุกตรงเข้ามา 

 

 

พวกเกาฉิวสามคนต่างส่งสายตาให้กัน เล็งชาวทูเจวี๋ยที่ยังขัดขืนอยู่อีกคนหนึ่ง สามคนสามดาบออกแรงฟังลงไปพร้อมกันด้วยเรี่ยวแรงที่มีอยู่ทั้งร่าง เรี่ยวแรงที่ใช้ในคราวนี้ ต่อให้ถูสั่วจั่วมาด้วยตนเองก็ขวางไม่อยู่ ชนเผ่านอกด่านที่อยู่ข้างหลังอวี้เจียหายไปภายในชั่วพริบตา 

 

 

“ไป!” หลินหว่านหรงตวาดเสียงต่ำคราหนึ่งพร้อมพุ่งปราดออกไป ด้านหลังมีลมดาบกวาดวูบเข้ามา สุดท้ายถูสั่วจั่วซึ่งร้องขู่คำรามด้วยโทสะก็มาช้าไปครึ่งก้าว นักขี่ม้าสิบกว่าคนมาเร็วไปก็เร็ว ฟันคนในเผ่าถูสั่วจั่วสี่คนพลิกร่วง จากนั้นก็ควบม้ากลับไปยังเส้นทางขามาอีก ตั้งแต่ต้นจนจบไม่มองอวี้เจียแม้แต่แวบเดียว 

 

 

“เฮ!” ชาวทูเจวี๋ยที่สนับสนุนเยวี่ยซื่อพลันโห่ร้องเสียงสะเทือนเลื่อนลั่น แม้แต่พวกมันเองก็คาดไม่ถึงว่าเยวี่ยซื่อจะกลับดุร้ายป่าเถื่อนเยี่ยงนี้ พอมาก็ทำให้อ๋องขวาเสียเปรียบครั้งใหญ่ ขณะนี้ข้างกายถูสั่วจั่วเหลือคนเพียงหกเจ็ดคน แม้กำลังวังชาของมันจะมหาศาลไร้ขีดจำกัด แต่เยวี่ยซื่อก็ได้เปรียบด้านจำนวนคน ศึกครั้งนี้มีดีให้ดูแล้ว! 

 

 

ด้วยความย่ามใจถูสั่วจั่วจึงถูกเยวี่ยซื่อที่อ่อนแอมากที่สุดลอบโจมตี ความหงุดหงิดโมโหภายในใจแค่เห็นก็ไม่ต้องเอ่ยถึง แต่ขอเพียงข่านใหญ่ไม่ได้ถูกคนชิงตัวไป เช่นนั้นทุกอย่างก็ยังอยู่ในกำมือ 

 

 

ตามกติกาต้องพาข่านใหญ่กับม้าของนางจากไป ห้ามใช้กำลังรุนแรงเข้าโจมตี ถูสั่วจั่วครุ่นคิดอย่างเงียบๆ ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงสั่งการคนในเผ่าสองคนอยู่หลายประโยค สองคนนั้นหาหญ้าแห้งมาปูเป็นวงกลมโดยเว้นช่องว่าง ล้อมอาชาสีผสมตัวนั้นอยู่กึ่งกลาง จากนั้นก็จุดไฟ 

 

 

เปลวไฟถูกจุดขึ้น อวี้เจียกับม้าสีผสมของนางถูกโอบล้อมอยู่กึ่งกลาง หากคิดจะออกไปก็เหลือเพียงทางเดียว นั่นคือออกทางช่องว่างช่องนั้น! 

 

 

“เจ้าหนุ่มนี่ฉลาดมากเลยนะ รู้จักใช้ไฟด้วย!” พวกของเกาฉิววิ่งห้อตะบึงไปครู่หนึ่งก็ค่อยๆ หยุดฝีเท้าลง ทอดสายตามองวงล้อมเพลิงกลางสนามอยู่ไกลๆ ถูสั่วจั่วรู้เช่นกันว่าเยวี่ยซื่อกำลังรอการโจมตีระลอกที่สองอยู่ ดังนั้นจึงยืนจัดกระบวนป้องกันเรียบร้อยตั้งแต่แรก ไม่ให้พวกเขามีโอกาสได้ลงมือ 

 

 

หลินหว่านหรงกล่าวระคนหัวเราะ “ฉลาดมากเลยหรือ? ก็ไม่แน่!! ม้าของอวี้เจียถูกปิดตา ไม่กลัวแสงไฟแม้แต่น้อย นี่ถูสั่วจั่วกำลังบีบให้เยวี่ยหยาเอ๋อร์ควบม้าไปข้างหน้าด้วยตนเอง เพียงแต่มันกลับลืมไปว่าเยวี่ยหยาเอ๋อร์กำหนดเวลาไว้สามนาฬิกาทราย จุดไฟล้อมเพื่อให้นางขี่ม้าไปข้างหน้าเช่นนี้ แต่ละครั้งก็ทำให้แค่เดินหน้าไปไม่กี่ก้าวเท่านั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าสามวันก็ยังไม่ถึงเส้นชัย! เพียงแต่ถูสั่วจั่วกลับเตือนสติข้าเรื่องหนึ่ง มันใช้ไฟได้ ข้าก็ใช้ไฟได้นี่นา! พี่เกา รีบไปหาท่อนไม้มาจำนวนหนึ่ง ให้พวกพี่น้องมันที่จุดไฟไว้ด้วยกัน จากนั้นก็พันด้วยหญ้าแห้ง อีกประเดี๋ยวจะได้ใช้งาน!!” 

 

 

เกาฉิวรีบรับบัญชา ไม่นานนักทุกคนก็มัดคบเพลิงเรียบร้อย! 

 

 

ระหว่างที่สนทนา อวี้เจียเร่งอาชาน้อยสีผสมใต้ร่างให้ขยับจริงๆ ด้วย เพียงแต่อาชาน้อยตัวนั้นคล้ายไม่ยอมฟังแม้แต่ผู้เป็นนาย วนไปวนมาอยู่นานถึงขยับเขยื้อนไปสองสามก้าวอย่างไม่ยินยอม เมื่อก้าวออกจากวงล้อมเพลิงก็ยังอดแหงนหน้าส่งเสียงฟืดฟาดไม่ได้  

 

 

คนในเผ่าอ๋องขวารีบสร้างวงล้อมเพลิงอีกครั้ง ทว่าถูสั่วจั่วกลับรู้สึกถึงปัญหาได้ มันวนรอบอาชาสีผสมของอวี้เจียอยู่นาน แต่ก็ไม่พบว่าต้นตอของปัญหาอยู่ที่ใด 

 

 

หูปู้กุยทางนี้เห็นแล้วก็สงสัยเช่นกัน พูดพึมพำออกมาว่า “แปลก ม้าของอวี้เจียเป็นอะไร เหตุใดถึงไม่เดินนะ ดูจากสีหน้าท่าทางของมัน นอกจากไม่ยอมเดินแล้ว ทุกอย่างก็ปกติดีนี่นา!” 

 

 

เหล่าเกาหัวเราะฮ่าๆ แล้วเอ่ยว่า “ไม่เดินก็ดีเลย เยวี่ยหยาเอ๋อร์จะได้ไม่ต้องแต่งกับพ่อหนุ่มหน้าขาวทูเจวี๋ยแล้ว ฮิฮิ ดูเร็ว ถูสั่วจั่วจะใช้กำลังแล้ว…มารดามัน! เจ้าหนุ่มนี่ช่างหน้าไม่อาย!” 

 

 

ใช้กำลัง?! อ๋องขวาทูเจวี๋ยใช้กำลังกับข่านใหญ่?! คำพูดนี้ช่างสร้างความสั่นสะเทือนเสียจริง ทุกคนต่างตกใจอย่างยิ่ง รีบเงยหน้าขึ้นมอง ที่แท้ถูสั่วจั่วก็เดินวนรอบม้าอยู่หลายรอบหาคำตอบไม่ได้ ดังนั้นจึงทำให้มันรุ้แล้วรู้รอดไปเลย คว้าบังเ**ยนที่จมูกอาชาสีผสมแล้วออกแรงกระชากไปข้างหน้า 

 

 

อวี้เจียขมวดคิ้วเล็กน้อย ทว่ากลับไม่ได้ส่งเสียง คิดว่าคงยอมรับการกระทำของมันอย่างเงียบๆ แล้ว  

 

 

มารดามัน! นี่ไม่ใช่การใช้กำลังบังคับหรอกหรือ? ผิดกติกา ผิดกติกาอย่างร้ายแรงอย่างยิ่ง ขอให้เตะอ๋องขวาออกจากสนามไป! หลินหว่านหรงแค่นเสียงด้วยความหงุดหงิดโมโห ชาวทูเจวี๋ยที่มุงดูก็ส่ายหน้าเช่นกัน เปล่งเสียงหัวเราะดังลั่น การกระทำนี้ของอ๋องขวาช่างเป็นการลดเกียรติของตนเสียจริง เพียงแต่เมื่อลองคิดดูว่ามันทำเพื่อท่านจ่างผู้งดงามล้ำเลิศ กลับรู้สึกน่าให้อภัย 

 

 

อาชาน้อยคล้ายต่อต้านพฤติกรรมของอ๋องขวายิ่งนัก ถอยร่างไปข้างหลัง ไม่ว่ามันจะขยับดึงเช่นไรก็ไม่ยอมเคลื่อนไปแม้แต่ก้าวเดียว คนในเผ่าถูสั่วจั่วมาช่วยเช่นกัน ชายฉกรรจ์สามสี่คนดึงบังเ**ยนที่จมูกม้า อีกทั้งยังมีอีกสองคนที่จุดไฟเผาวงล้อมเพลิงอยู่ข้างหลังอีก การแข่งขันชิงแพะรอบนี้ในวันนี้กลับกลายเป็นปรากฏการณ์ประหลาดที่ยากจะได้พบเห็นนับพันปีบนทุ่งหญ้า! 

 

 

เกาฉิวทนไม่ไหวแล้ว กระโดดออกมาด่าทอ “ผู้ชายมากขนาดนี้รังแกผู้หญิงตัวคนเดียว ช่างขายขี้หน้ามารดามันเสียจริง!” 

 

 

หลินหว่านหรงหัวเราะพร้อมส่ายศีรษะ “ข้ากลับรู้สึกว่าเป็นอวี้เจียที่กำลังรังแกถูสั่วจั่วอยู่นะ ท่านไม่เห็นหรือ ฉุดกระชากลากถูกกันตั้งนานแล้ว ม้าน้อยของนางก็ไม่ได้ขยับแม้แต่ก้าวเดียว!” 

 

 

จริงดังคาด ไม่ว่าพวกของถูสั่วจั่วจะออกแรงสักเพียงใด อาชาสีขาวสลับเทาตัวนั้นกลับเหมือนถูกมัดเอาไว้ ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ก็ไม่ขยับแม้แต่ก้าวเดียว รูจมูกปรากฏรอยเลือดให้เห็นรางๆ 

 

 

“ถูสั่วจั่ว เจ้าคิดจะใช้กำลังอย่างนั้นหรือ?!” ในที่สุดแม้แต่ข่านใหญ่ดาบทองก็ทนไม่ได้เช่นกัน ตวาดด้วยโทสะอยู่บนหลังม้า ชนเผ่านอกด่านที่อยู่รอบด้านต่างด่าทอด้วยความเดือดดาล 

 

 

“ฆ่า!” เมื่อเห็นว่าทุกคนเตรียมตัวที่จะหยุด หลินหว่านหรงก็ตวาดออกมาอย่างทันท่วงที เสียงฝีเท้าม้าดังอย่างเร็วรี่ ดินแดนเยวี่ยซื่อวิ่งฝุ่นตลบกลับมาอีกครั้ง! 

 

 

ถูสั่วจั่วแค่นเสียง ปล่อยมือที่จูงม้าออกไป รอคอยพร้อมกับคนในเผ่าด้วยสีหน้าจริงจัง รอการมาถึงของเยวี่ยซื่ออย่างสงบนิ่ง 

 

 

ม้ารวดเร็วยิ่งนัก เพียงครู่เดียวก็ปะทะกับอ๋องขวา ดวงตาถูสั่วจั่วสาดประกายอำมหิต ดาบม้ากวัดแกว่งตะโกนเสียงดังลั่น “เหล่าผู้กล้า กำจัดเยวี่ยซื่อให้สิ้นซาก บุก!” 

 

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด