ยอดเซลล์แมนทะลุมิติ 585 – 1 ใครหึง

Now you are reading ยอดเซลล์แมนทะลุมิติ Chapter 585 - 1 ใครหึง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“จริงหรือ?” เหล่าเกายินดีจนหุบปากไม่ลง “ข้ารู้อยู่แล้วว่าเรื่องแบบนี้น้องหลินต้องไม่พลาดแน่นอน หาคู่ ทุกคนไปหาคู่กันให้หมด!” 

 

 

เจ้าคนบ้ากามนี่กลับไม่ยอมลืมเรื่องนี้สักที หลินหว่านหรงหัวเราะฮ่าๆ แล้วพูดว่า “ชิงแพะชิงคนรักอะไรกัน ตอนนี้ข้ายังคิดไม่ออก ถึงเวลาค่อยว่ากันก็แล้วกัน! นอกจากนี้พรุ่งนี้ทัพใหญ่หนึ่งแสนของเค่อจือเอ่อร์จะออกเดินทางแล้ว พี่หู ท่านส่งพี่น้องที่มีความสามารถสักหลายคนไปยืนยันเรื่องนี้ พวกมันยิ่งอยู่ไกลจากพวกเรา เช่นนั้นก็ยิ่งปลอดภัย” 

 

 

เหล่าหูย่อมเข้าใจความสำคัญนี้ รีบผงกศีรษะแล้วตอบว่า “ข้าน้อยคิดว่าให้สวี่เจิ้นพาหน่วยลาดตระเวนสองกลุ่มออกไปสืบร่องรอยของทัพหนึ่งแสนของศัตรูได้ขอรับ” 

 

 

สวี่เจิ้นอายุน้อยมีความสามารถ เฉลียวฉลาดมีไหวพริบ จากที่เขาสะกดรอยหลินหว่านหรง ข้ามผ่านเฮ่อหลานซานเข้าสู่ทุ่งหญ้ามาได้ก็ดูออกแล้ว หลินหว่านหรงผงกศีรษะ มองสวี่เจิ้นหลายครั้ง “ว่าอย่างไร เสี่ยวสวี่ มีปัญหาหรือไม่?!” 

 

 

สวี่เจิ้นประสานมือด้วยความตื่นเต้น “ขอท่านแม่ทัพโปรดวางใจ ข้าน้อยจะไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอนขอรับ” 

 

 

การสะกดรอยทัพใหญ่หนึ่งแสนนี้ สิ่งที่สำคัญมากที่สุดก็คือต้องรักษาระยะห่าง ไม่อาจให้ชนเผ่านอกด่านพบเห็นเด็ดขาด มิเช่นนั้นจะกลายเป็นขโมยไก่ไม่ได้ เสียข้าวสารอีกกำมือ หากถูกพบเห็นขึ้นมา ด้วยความฉลาดเฉลียวของลู่ตงจ้าน การคาดเดาจุดมุ่งหมายของหลินหว่านหรงนั้นย่อมมิใช่เรื่องยากอันใด 

 

 

สั่งการสวี่เจิ้นอย่างถ้วนถี่ไปหลายประโยค เสี่ยวสวี่ผงกศีรษะเพื่อจดจำอย่างต่อเนื่อง จากนั้นถึงถอยออกไปเพื่อเตรียมตัว หลินหว่านหรงปรับสีหน้า “ตอนนี้พวกเราอยู่ห่างจากเค่อจือเอ่อร์แค่สามร้อยลี้ หากไม่ระวังเพียงนิดก็จะเปิดเผยร่องรอยของพวกเรา ก่อนที่สวี่เจิ้นจะส่งข่าวที่แน่ชัดกลับมา ความเคลื่อนไหวของพวกเราจะต้องรอบคอบ ยอมรอหนึ่งถึงสองวัน แต่ไม่อาจถูกชนเผ่านอกด่านหลอกลวงได้” 

 

 

ทุกคนรีบผงกศีรษะ หลินหว่านหรงส่งเสียงอืม “ยังมีอีก คืนนี้ถูสั่วจั่วอ๋องขวาทูเจวี๋ยจะค้างคืนอยู่ริมทะเลสาบ อยู่ห่างจากพวกเราแค่ยี่สิบกว่าลี้เท่านั้น สั่งการให้พี่น้องที่อยู่เบื้องหน้าต้องเพิ่มความตื่นตัว สังเกตการณ์อยู่ตลอดเวลา หากพบเหตุการณ์ผิดปกติ กลับมารายงานทันที ห้ามชักช้าเด็ดขาด” 

 

 

“รับบัญชา!” ทุกคนรีบประสานมือ ตวาดเสียงดังออกมาพร้อมเพรียงกัน 

 

 

เมื่อสั่งงานในมือออกไปอย่างชัดเจนแล้ว พี่น้องทุกคนต่างกระจายตัวออกไป หลินหว่านหรงหัวเราะฮิคราหนึ่ง เอ่ยถามเกาฉิวที่อยู่ข้างกายว่า “เยวี่ยหยาเอ๋อร์อยู่ที่ใด?” 

 

 

เกาฉิวชี้ไปที่พงหญ้าสีเขียวรกครึ้มที่อยู่ไกลๆ “อยู่ที่นั่น! มีพี่น้องหลายคนจับตาดูนางอยู่” 

 

 

หลินหว่านหรงทอดสายตามองไป หญ้าสีเขียวขจีบริเวณกว้างที่อยู่ไกลๆ นั้นสูงครึ่งตัวคนได้ ราวกับระลอกคลื่นสีเขียว กึ่งกลางถูกแหวกถางออกเป็นพื้นหญ้าอันราบเรียบ เงาร่างอันงดงามร่างหนึ่งนั่งอย่างสงบนิ่งบนพื้น มือถือหญ้าเขียวอยู่หลายกำ ไม่รู้ว่ากำลังถักอะไรอยู่ 

 

 

หลินหว่านหรงแค่นเสียง ชักเท้าแล้วเดินไปที่พงหญ้า นายทหารรอบด้านเมื่อเห็นเข้ามาก็รีบลุกขึ้นแสดงการคารวะด้วยความเคารพ หลินหว่านหรงโบกมือ ยิ้มให้ทุกคน 

 

 

เสียงฝีเท้าดังสวบสาบทำให้อวี้เจียซึ่งกำลังมีสมาธิตกใจ นางเงยหน้าขึ้นมา ครั้นเห็นใบหน้าดำทะมึนของหลินหว่านหรงก็ตกใจ รีบซ่อนหญ้าถักที่อยู่ในมือไว้ข้างหลัง 

 

 

หลินหว่านหรงไม่เอ่ยวาจาเช่นกัน ย่างก้าวอย่างแช่มช้าเข้าไปหา สายตาพุ่งไปที่ร่างสาวน้อยทูเจวี๋ยอย่างเย็นชาราวกับเป็นวัตถุที่มีอยู่จริง 

 

 

เยวี่ยหยาเอ๋อร์เงยหน้าขึ้นมาอย่างไม่ยอมสยบ สบตาเขาอย่างหาญกล้า ผ่านไปครู่หนึ่งก็ก้มหน้าลงไปอย่างอับจนปัญญา กำหญ้าเขียวในมือแน่น 

 

 

“ว่างมากนักหรือ คุณหนูอวี้เจีย?!” หลินหว่านหรงหัวเราะดังฮิฮะออกมาคราหนึ่ง เอ่ยปากอย่างเย็นชา น้ำเสียงเย็นเยียบ ทำให้เยวี่ยหยาเอ๋อร์รู้สึกปรับตัวไม่ทัน 

 

 

นางเงยหน้าพร้อมมองเขาด้วยท่าทีแข็งกร้าว “ว่างแล้วจะทำไม ไม่ใช่เกิดจากโจรเช่นเจ้าหรอกหรือ?!” 

 

 

“จับนางมัดให้ข้า!” อวี้เจียพูดยังไม่ทันขาดคำ หลินหว่านหรงก็คำรามด้วยโทสะหน้าตาถมึงทึง ท่าทางส่งเสียงขู่คำรามนั้นแม้แต่เกาฉิวที่อยู่ข้างกายเขาก็ยังต้องตกใจสะดุ้งโหยง 

 

 

“รับบัญชา!” มีทหารหลายนายออกไปแล้ว บุกเข้าหาอวี้เจียราวกับสัตว์ป่าดุร้าย กำลังจะบิดแขนนางเพื่อมัด 

 

 

“อย่ามาแตะต้องตัวข้า!” สาวน้อยทูเจวี๋ยหน้าแดงก่ำ พยายามออกแรงสะบัดทหารต้าหัวข้างกายให้หลุดออกไปอย่างสุดกำลัง รีบถอยหลังไปหลายก้าว กล่าวด้วยน้ำเสียงมีโทสะออกมาว่า “บุรุษต้าหัวอย่างพวกเจ้า ไม่ว่าผู้ใดก็ห้ามแตะต้องตัวข้า!” 

 

 

ยามนางโมโหเดือดดาล ดวงตาสาดประกายเย็นเยียบ ใบหน้าเปล่งบารมีอันสูงศักดิ์ทรงอำนาจ ทำให้คนมิกล้าล่วงเกิน 

 

 

“ห้ามแตะต้องตัวเจ้า?! ขู่ข้า?!” หลินหว่านหรงพับแขนเสื้อ ยิ้มหยันเย็นยะเยือก เดินเข้าหานางด้วยไอสังหารอันพลุ่งพล่าน “ข้าก็เป็นบุรุษต้าหัว เจ้าลองดูสิว่าข้าจะกล้าแตะต้องเจ้าหรือไม่?!” 

 

 

เขาเพิ่มแรงใต้ฝ่าเท้า แต่ละย่างก้าวล้วนจงใจเหยียบย่ำพื้นหญ้าอย่างรุนแรง หญ้าเขียวส่งเสียงกรอบแกรบ เสียงทรงอำนาจยิ่งนัก อวี้เจียสีหน้าแปรเปลี่ยน ประกายเย็นเยียบในมือกระจ่างวูบอย่างเร็วรี่ กลับควักดาบทองอันล้ำค่าดั่งชีวิตเล่มนั้นออกมาแล้ว คมดาบเย็นเยียบชี้ไปที่หลินหว่านหรงพร้อมพูดว่า “อัวเหล่ากง เจ้ากล้า!” 

 

 

ท่านย่ามัน! เป็นนักโทษแต่กลับไม่เคยรู้สึกตัวว่าเป็นนักโทษเลยนะ จนป่านนี้แล้วยังกล้าแสดงอำนาจขนาดนี้อีก?! หลินหว่านหรงยิ้มหยันอยู่ในใจ ย่ำเท้าอย่างมั่นคงพุ่งปราดเข้าไปหา เล็งข้อมือที่กุมดาบของนางอย่างเหมาะเหม็ง จากนั้นก็ต่อยอย่างรุนแรงคราหนึ่ง 

 

 

เขาคนนี้แม้การเรียนวรยุทธ์ยังได้ไม่ถึงครึ่งหนึ่งของคนไม่เอาถ่าน แต่ถึงอย่างไรก็เคยฝึกเสริมกับคุณหนูเซียวมา หากเอ่ยถึงเรี่ยวแรงมหาศาล แม้แต่ชนเผ่านอกด่านที่แข็งแรงกำยำมากที่สุดก็ยังต้องลอบประหวั่นใจ หมัดนี้มาพร้อมเสียงลมหวีดหวิวรุนแรง แฝงพลังแข็งกล้า กระแทกไปที่ข้อมือเยวี่ยหยาเอ๋อร์โดยตรง ลงมือไม่ไว้ไมตรีแม้แต่น้อย 

 

 

“คนต่ำช้า!” อวี้เจียร้องด้วยความตกใจคราหนึ่ง ขณะที่กำลังจะดึงดาบทองหนีก็รู้สึกเพียงว่าข้อมือไม่อาจขยับเขยื้อนได้ ถูกเขาจับยึดแน่นอยู่ในมือแล้ว 

 

 

ท่วงท่านี้แม้จะทำเพื่อขู่ให้กลัว แต่เมื่อหวัดกระแทกร่างของสาวน้อยกลับไม่ได้รุนแรงอะไรมากนัก ฝ่ามือคลายออกโดยไม่รู้ตัว 

 

 

หลินหว่านหรงบิดข้อมือของนาง ชิงดาบทองเจิดจ้านั้นมา ฟันดาบกรีดผ่านข้างใบหูนางอย่างรวดเร็วโดยไม่แม้แต่จะมอง 

 

 

สาวน้อยทูเจวี๋ยกรีดร้องคราหนึ่ง กล่าวอย่างมีน้ำโหออกมาว่า “อัวเหล่ากง จะ…เจ้าทำอะไรกับข้า?!” 

 

 

“แต่งผมเท่านั้นเอง จะต้องตื่นเต้นขนาดนี้เชียวหรือ?!” หลินหว่านหรงยิ้มหยันพูดไม่เร็วไม่ช้า เส้นผมงามยาวสลวยซึ่งถูกคมดาบตัดออกไปหลายเส้นลอยล่องอยู่กลางอากาศเบาๆ ร่วงหล่นลงพื้นอย่างแช่มช้า 

 

 

อวี้เจียหน้าร้อน หมุนกายไปพร้อมแค่นเสียงด้วยโทสะ “เจ้านอกจากจะรังแกข้าแล้ว ยังทำอะไรได้อีก?! ชาวต้าหัวที่ไม่ได้เรื่อง!” 

 

 

“ข้ารังแกเจ้า?!” ดวงตาของหลินหว่านหรงกระจ่างวูบ หัวเราะเย้ยหยันฮิฮะ “คุณหนูอวี้เจีย เจ้ายกย่องข้าเกินไปแล้ว คืนนี้พวกเราใครรังแกใครกันแน่ เจ้ารู้ดีกว่าข้าเสียอีก!” 

 

 

เยวี่ยหยาเอ๋อร์มองเขาด้วยความขบขัน “ฟังความหมายของเจ้า หรือว่าเป็นข้าที่รังแกเจ้า?! หึ คำว่าไร้ยางอายนี้เอามาใช้กับเจ้าช่างเหมาะสมพอดี อ๊ะ!” 

 

 

พูดยังไม่ทันจบ ดอกไม้ใบหญ้าที่ประดับด้วยหยดน้ำกลุ่มหนึ่งถูกโยนไปที่เท้านางอย่างรุนแรง กลิ่นหอมสะอาดจางๆ ลอยเข้าจมูก เกาฉิวสูดดมหลายครา ถึงกระนั้นกลับจามออกมาหลายครั้งไม่ได้ 

 

 

หลินหว่านหรงหน้าตาถมึงทึง จ้องนางเขม็ง กล่าวโดยยิ้มแต่เปลือกนอกว่า “ใครไร้ยางอายกว่าใคร แล้วใครรังแกใคร! คุณหนูอวี้เจีย เจ้าเห็นข้าเป็นไอ้โง่หรือ” 

 

 

“เอ๊ะ นี่คืออะไร…ข้ารังแกเจ้าแล้วหรือ?!” อวี้เจียเงยหน้าขึ้นมา ดวงตากลับสาดประกายบริสุทธิ์ไร้เดียงสาและไร้พิษสง 

 

 

หลินหว่านหรงกัดฟันกรอดย่างแค้นเคือง “เจ้าไม่รู้ว่านี่คืออะไรหรือ? เป็นวิชาแพทย์แล้วแน่แล้วหรือ!? เจ้ารู้หรือไม่ว่าไร้ยางอายคำนี้เขียนว่าอย่างไร?” 

 

 

เจ้าคนนี้มีหน้ามาพูดเรื่องไร้ยางอายต่อหน้าข้าอีกนะ สาวน้อยทูเจวี๋ยทั้งขำทั้งโมโห ก้มหน้าลงแล้วตอบว่า “เจ้ากำลังพูดอะไร ข้าฟังไม่เข้าใจ” 

 

 

“เหล่าเกา มัดนางไว้!” หลินหว่านหรงคำรามออกมาด้วยโทสะ บิดข้อมืออวี้เจีย พูดสั่งการเสียงดัง เกาฉิวหัวเราะฮิฮะชั่วร้าย หยิบเชือกมาแล้วสาวเท้าเข้าไปหาอย่างเร็วรี่ ขณะที่กำลังจะลงมือกลับได้ยินเสียงกรีดร้องของอวี้เจีย “ช้าก่อน!” 

 

 

“ลงมือ!” หลินหว่านหรงเสียงดังขึ้น แฝงบารมีที่ห้ามขัดขืน 

 

 

นิสัยอันร้อนแรงของอวี้เจียกลับเพิ่มพูนขึ้น หันหน้ากลับมาในทันที สองตาเบิกโพลง กล่าวอย่างมีโทสะ “หากจะมัดข้าก็ให้เจ้าลงมือเพียงผู้เดียวเท่านั้น!” 

 

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด