ยอดเซลล์แมนทะลุมิติ 598 – 3 ฝีมือยิงเกาทัณฑ์อันน่าอัศจรรย์

Now you are reading ยอดเซลล์แมนทะลุมิติ Chapter 598 - 3 ฝีมือยิงเกาทัณฑ์อันน่าอัศจรรย์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ขาดปาเต๋อหลู่ไปคนหนึ่ง พวกมันไม่ใช่คู่ต่อสู้ถูสั่วจั่ว!” อ๋องขวาทูเจวี๋ยวิ่งห้อตะบึงประดุจสายลม ทุกดาบล้วนทำให้คู่ต่อสู่ร่างสั่นสะท้าน แม้จะชนะต่อเนื่องห้ารอบ ทว่ากลับไม่เห็นว่าจะหมดเรี่ยวแรงแม้แต่น้อย หลายครั้งที่เกือบทำให้หัวหน้าจากดินแดนปาเต๋อหลู่พลิกตกลงจากม้า หูปู้กุยที่มองดูการต่อสู้ทางนี้มีสีหน้าตึงเครียดยิ่งนัก 

 

 

บนทุ่งหญ้า ผู้ที่มีกำลังต่อสู้ต้านทานถูสั่วจั่วได้มีแค่ปาเต๋อหลู่ หากอ๋องซ้ายแพ้พ่ายก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการแข่งขันชิงแพะจะกลายเป็นดินแดนของอ๋องขวา และเมื่อดูจากรูปการณ์ตอนนี้ สถานการณ์กำลังคืบคลานไปยังทิศทางนั้น แล้วเหตุใดอวี้เจียถึงยังไม่ลงมือ? 

 

 

เขาเหล่มองไปทางปะรำพิธีด้วยความร้อนใจอยู่บ้าง อวี้เจียนั่งอยู่บนบัลลังก์ หรี่ตาทั้งสองข้างลงเล็กน้อย ใบหน้าปราศจากความรู้สึก ดวงตาสาดประกายเย็นเยียบ ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่บ้าง 

 

 

“ดูเร็ว มีคนตกจากม้าแล้ว!!!” หูปู้กุยร้องอย่างเร็วรี่ ดึงสติของหลินหว่านหรงให้กลับคืนมา เมื่อทอดสายตามองไป ขณะที่กำลังวิ่งห้อตะบึงอย่างเร็วรี่ ผู้กล้าคนหนึ่งของอ๋องขวาก็เงื้อดาบโค้งขึ้นขวางการโจมตีของศัตรู ถึงกระนั้นกลับไม่รู้เพราะเหตุใด อาชาใต้ร่างมันกลับล้มเอนไปข้างหน้า ขาหน้างอล้มลงกับพื้น นักขี่ม้าผู้นั้นถูกเหวี่ยงขึ้นสูง สะบัดหลุดกระแทกพื้นอย่างหนัก 

 

 

คนในเผ่าถูสั่วจั่วต่างเป็นนชั้นสุดยอด ฝีมือขี่ม้าล้ำเลิศ แล้วเหตุใดถึงร่วงลงจากม้าอย่างน่าประหลาดได้? เหตุเกิดอยู่ใกล้ยิ่งนัก ชาวทูเจวี๋ยที่อยู่โดยรอบไม่ทันได้สติก็ได้ยินเสียงตึงๆ ดังลั่นหลายครั้ง ม้าศึกในสังกัดถูสั่วจั่วต่างล้มลงสี่ห้าตัวภายในชั่วพริบตา เหวี่ยงผู้ที่ขี่อยู่หลุดออกไปอย่างแรง อาชาพ่วงพีใต้ร่างอ๋องขวาก็ซวนเซอยู่หลายครั้ง โชคยังดีที่ถูสั่วจั่วมีฝีมือขี่ม้าเป็นเลิศ มันใช้สองขาหนีบ คลายบังเ**ยนเล็กน้อย ม้าศึกตัวนั้นถึงยืนยิ่งได้ ความรวดเร็วลดทอนลงไปมาก 

 

 

“ม้าศึกของถูสั่วจั่วเหนื่อยสายตัวแทบขนาดแล้ว ผู้กล้าทั้งหลาย ตามข้าบุก!” ครั้นหัวหน้าจากดินแดนของปาเต๋อหลู่ซึ่งแต่เดิมมีสภาพทุลักทุเลดูไม่จืดเห็นรุปการณ์ก็ร้องเสียงดัง กวัดแกว่งดาบม้า พาผู้ใต้บังคับบัญชาบุกเข้ามา 

 

 

เสียงร้องโอดโอยดังขึ้น คนในเผ่าอ๋องขวาที่ร่วงลงจากม้ายังไม่ทันยืนขึ้นก็ถูกฝ่ายตรงข้ามฟันจนล้มอย่างแรง 

 

 

“ปาเต๋อหลู่ตัวดี กลับกล้าวางยาม้าของข้า! ถูสั่วจั่วจะไม่ละเว้นเจ้าเด็ดขาด!” อ๋องขวาทูเจวี๋ยเดือดดาลแล้ว มันห้อยร่างแพะอยู่บนหลังม้า หวดแส้อย่างรุนแรง พุ่งสู่เส้นชัยอย่างเร็วรี่ 

 

 

นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่เข้าสนามที่ถูสั่วจั่ววิ่งสู่เส้นชัยโดยไม่ได้เอาชนะ เมื่อตกอยู่ในสภาพเสียเปรียบ ทิ้งหน้าตาลงไปอย่างทันท่วงที ตัดสินใจเปลี่ยนยุทธศาสตร์ด้วยความเด็ดขาด อ๋องขวาทูเจวี๋ยช่างมีฝีมืออยู่บ้างจริง ๆ  

 

 

เมื่อเห็นถูสั่วจั่วที่หนีไปด้วยสภาพทุลักทุเล เกาฉิวหัวเราะร่วนแล้วพูดว่า “ใครใช้ให้เจ้าเด็กนี่ขี้โอ่ แม้ม้าศึกก็ไม่ยอมให้พักสักครู่ ตอนนี้ดีเลย ม้าเหนื่อยจะแย่ วิ่งจนล้ม นี่คือกรรมตามสนองแล้วนะ” 

 

 

หูปู้กุยเป็นผู้เชี่ยวชาญในการเลี้ยงม้า เขาขมวดคิ้ว ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “น่าแปลก ม้าศึกของพวกถูสั่วจั่วแทบจะดีที่สุดบนทุ่งหญ้าแล้ว แล้วเหตุใดถึงล้มลงอย่างน่าประหลาดได้? มิหนำซ้ำยังล้มลงพร้อมกันอีกด้วย?! นี่มีอะไรแปลกๆ ถูสั่วจั่วด่าได้ถูกต้อง ต้องเป็นคนในเผ่าของอ๋องซ้ายเล่นลูกไม้แน่!” 

 

 

เล่นลูกไม้?! มองดูมาลัยดอกไม้แหลกลาญกระจัดกระจายซึ่งห้อยอยู่บนคอม้าทูเจวี๋ยที่ล้มลงพวกนั้น หลินหว่านหรงปรบมือฉาดทันที หัวเราะเสียงดังพร้อมเอ่ยว่า “เยี่ยมๆ! ยิงหินนัดเดียวได้นกสองตัว นังหนูคนนี้ช่างเป็นคนฉลาดเหมือนข้าจริงๆ!” 

 

 

เกาฉิวฟังอะไรบางอย่างออก ดังนั้นจึงเบิกตาโพลง รีบพูดขึ้นมาว่า “น้องหลิน ความหมายของเจ้าคืออวี้เจียเล่นลูกไม้?! สวรรค์ เป็นไปได้อย่างไรกัน? ตั้งแต่ต้นจนจบนางไม่ได้แตะต้องม้าพวกนั้นเลย แล้วจะลงมือได้อย่างไร?! ลงมือผ่านใคร?!” 

 

 

หูปู้กุยเต็มไปด้วยความสงสัยเช่นกัน ต้องการเล่นลูกไม้ต่อหน้าต่อตาคนเช่นถูสั่วจั่วนี้ ไม่เพียงต้องมีความกล้าและสติปัญญาเท่านั้น และยิ่งต้องใช้ฝีมืออันสูงส่งอีกด้วย 

 

 

“คนฉลาดไม่เคยต้องลงมือด้วยตนเอง!” หลินหว่านหรงตบบ่าเกาฉิว ยิ้มแย้มเล็กน้อย “มิหนำซ้ำข้าขอรับประกันกับท่าน ต่อให้ถูสั่วจั่วจะฉลาดอีกสักเพียงใด มันไม่มีทางรู้ว่าผู้อื่นลงมือเช่นไรแน่! และนี่ก็คือจุดที่สูงส่งนั่นเอง” 

 

 

ใจเขาพลันรู้สึกอบอุ่น ไม่ใช่เพื่อเรื่องอื่น แต่เพราะเรื่องของฝีมือที่ราวกับเคยทำมาก่อน 

 

 

สมัยก่อนตอนที่ประชันกับเหมยเยี่ยนชิวด้วยโทสะที่สถานศึกษาในเมืองจินหลิง การประลองฝีมือกับอ๋องน้อยเจ้าคังหนิง ไม่ใช่ว่าเขาก็เคยเล่นลูกไม้แบบเดียวกันหรอกหรือ?! เพียงแต่คนหนึ่งใช้น้ำหอม คนหนึ่งใช้มาลัยดอกไม้ก็เท่านั้นเอง นึกถึงคำพูดประโยคนั้นของเหล่าเกา “เยวี่ยหยาเอ๋อร์กับน้องหลินถึงจะเหมาะสมกันมากที่สุด” ช่างมีความหมายอยุ่บ้างจริงๆ  

 

 

สถานการณ์ภายในสนามย้อนศร อ๋องขวาทูเจวี๋ยซึ่งเมื่อครู่ยังครองความได้เปรียบเริ่มหลบหนีหัวซุกหัวซุนภายในชั่วพริบตา ชาวทูเจวี๋ยทุกคนต่างเบิกตาโพลง อยากจะดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แม้แต่ข่านน้อยเองก็ยังอดป้องตามองไม่ได้ สายตาเต็มไปด้วยความห่วงใย 

 

 

สถานการณ์ภายในสนามเทไปที่อีกฝั่งหนึ่ง ถูสั่วจั่วขี่ม้าทุพพลภาพวิ่งห้อตะบึงเร็วรี่อยู่ข้างหน้า ข้างหลังมีผู้กล้าชั้นยอดของปาเต๋อหลู่กำลังไล่ตามอย่างเอาเป็นเอาตาย ทั้งสองฝ่ายเข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ อาชาใต้ร่างอ๋องขวาสมกับเป็นอาชาเทพ อยู่ในสภาพอันสาหัสเพียงนี้แต่กลับยังรักษาความเร็วไว้ได้ ทำให้หูปู้กุยชมดูโดยไม่กล้ากะพริบตา 

 

 

ถูสั่วจั่วแบกแพะเดินทาง กำลังถดถอยถึงที่สุดแล้ว เพียงชั่วครู่ต่อมาคนในเผ่าอ๋องซ้ายก็ไล่ตามทัน มันกอดแผงคอม้าแน่น หันกลับมามองไม่หยุด ความร้อนรนภายในดวงตาปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน 

 

 

ไม่เคยเห็นอ๋องขวาอยู่ในสภาพดูไม่จืดเช่นนี้มาก่อน คนในเผ่าอ๋องซ้ายหัวเราะฮ่าๆ เสียงดัง ผู้กล้าที่เป็นหัวหน้าคนนั้นควบม้าน้ำหน้า บุกอยู่เบื้องหน้าสุด ขณะที่กำลังจะตีคู่กับมันดาบโค้งที่อยู่ในมือก็ส่งเสียงหวีดหวิว ฟันลงไปที่ศีรษะถูสั่วจั่ว 

 

 

ที่รอก็คือช่วงเวลานี้! ไม่รอให้ดาบใหญ่ฟันลงมา ร่างของอ๋องขวาทูเจวี๋ยก็พุ่งพรวดขึ้นทันที ขาออกแรงกระโดดออกจากหลังม้า อาชาที่อยู่ใต้ร่างล้มร่างกายอ่อนยวบ ส่วนร่างของมันกลับลอยขึ้นกลางอากาศ โผออกไปมากกว่าครึ่งจั้ง ร่อนลงข้างหลังหัวหน้าชนเผ่านอกด่านผู้นั้นพอดี กำปั้นทั้งสองข้างดั่งสายฟ้า ไม่รอให้ฝูงชนมีปฏิกิริยาตอบสนอง ขมับของชนเผ่านอกด่านนั้นถูกอัดหนักๆ คราหนึ่ง ล้มลงบนพื้นเสียงดังโครม แน่นิ่งไป 

 

 

ความเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องนี้เกิดขึ้นภายในชั่วงประกายไฟ ชาวทูเจวี๋ยยังไม่ทันกะพริบตา สถานการณ์ก็เปลี่ยนแปลงราวกับพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดินแล้ว  

 

 

ใบหน้าของข่านใหญ่ดาบทองฉายแววตกใจออกมาวูบหนึ่ง จากนั้นก็กลับคืนสู่สภาพเดิมโดยพลัน นางกัดริมฝีปากสีแดงชุ่มชื่น กลับเป็นฝ่ายปรบมือให้ถูสั่วจั่วก่อน  

 

 

ชาวทูเจวี๋ยราวกับตื่นขึ้นจากความฝัน เสียงโห่ร้องยินดีดังต่อเนื่องไม่ขาดสาย ไม่ว่าจะเป็นดินแดนใดต่างยอมศิโรราบต่อฝีมืออันล้ำเลิศของถูสั่ว เป็นฝ่ายได้เปรียบอย่างยิ่งแต่กลับเสียผู้นำไปอย่างน่าประหลาดภายใต้ความเปลี่ยนแปลงอันเร็วรี่เช่นนี้ ทำให้คนในเผ่าของอ๋องซ้ายปรับตัวไม่ทัน อ๋องขวาทูเจวี๋ยขึ้นขี่ม้า ถือแพะอ้วนพีห้อตะบึงฝุ่นตลบราวกับมังกรลงสู่ห้วงมหรรณพ ไม่มอบโอกาสอื่นใดให้ฝ่ายตรงข้ามอีกต่อไป 

 

 

หลินหว่านหรงถอนหายใจยาว “ผลงานล้มเหลวตอนใกล้จะสำเร็จ…ถูสั่วจั่วร้ายกาจจริงๆ! พี่หู ท่านรีบไปจับสลาก รอบต่อไปคือโอกาสดีครั้งใหญ่ของเราแล้ว! ขอเพียงชนะอีกครั้ง ทุกอย่างก็ไม่เกี่ยวกับพวกเราอีก!” 

 

 

“หา? เจ้าไม่กังวลว่าถูสั่วจั่วจะกลับมาอีกหรือ?!” เหล่าเการีบถาม 

 

 

หลินหว่านหรงหัวเราะฮิฮะ “ด้วยสภาพในตอนนี้ หากถูสั่วจั่วยังไม่ยอมรับการสั่งสอนอีก มันก็ไม่ใช่อ๋องขวาทูเจวี๋ยแล้ว ก่อนที่จะทำความเข้าใจได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ มันไม่มีทางลงสนามโดยง่ายแน่นอน!” 

 

 

ผ่านไปครู่หนึ่งหูปู้กุยจึงกลับมา ชูสลากที่อยู่ในมือ เช็ดเหงื่อที่อยู่บนหน้าผากแล้วพูดว่า “ท่านย่ามัน! ทางนั้นวุ่นวายกันใหญ่ ยากนักกว่าถูสั่วจั่วจะไปพักผ่อน ดินแดนน้อยใหญ่ต่างคิดโอกาสอันดีเช่นนี้เพื่อเอาชนะ โชคดีที่แม่ทัพหลินเตือนสติตั้งแต่เนิ่นๆ หากช้าอีกสักหน่อย พวกเราก็ไม่รู้ว่าต้องต่อแถวไปถึงเมื่อใด!” 

 

 

ถูสั่วจั่วชนะหกรอบแล้ว มันจะกลับมาเมื่อไหร่ก็ได้ หรือพูดอีกอย่าง ไม่ว่าผู้ใดที่ต้องการได้รับชัยชนะครั้งสุดท้ายก็ต้องผ่านด่านของอ๋องขวานี้ หลังจากการเกือบเอาชนะของดินแดนปาเต๋อหลู่ ยังมีผู้ใดกล้ามาต่อสู้กับอ๋องขวาทูเจวี๋ยผู้เ**้ยมหาญคนนี้อีก?! 

 

 

โชคดีที่แม่ทัพหลินตั้งเป้าหมายไว้ต่ำ ขอเพียงชนะอีกรอบ ได้คุณสมบัติที่จะเข้าเมืองก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องชิงที่หนึ่งเลย! 

 

 

การแข่งขันรอบที่สามสงบนิ่ง กระทั่งว่ายังปราศจากจุดให้รำลึกถึงอีกด้วย เห็นชัดว่าดินแดนฝ่ายตรงข้ามทั้งสองถูกการต่อสู้อันดุเดือดเลือดพล่านของอ๋องขวาจนก่อให้เกิดเงาภายในใจ บวกกับได้เห็นวิธีการต่อสู้ของหมาป่าอันโหดเ**้ยมอำมหิตของเยวี่ยซื่อ พอลงสนามจึงขลาดกลัวอยู่บ้าง 

 

 

แม่ทัพหลินถ้าทำแล้วต้องทำถึงที่สุด ให้หูปู้กุยชิงแพะแล้ววิ่งอยู่ด้านหน้าอย่างรวดเร็ว เขากับพี่น้องที่เหลือล้อมเขาและคุ้มกันอยู่ข้างหลัง บวกกับเหล่าเกาผู้ดุร้ายคุมหลัง ใช้การรบโอบล้อมอย่างน่าละอายขวางชนเผ่านอกด่านอยู่รอบนอก 

 

 

ดินแดนซึ่งมีขนาดเล็กที่สุดบนทุ่งหญ้า เอาชนะการแข่งขันชิงแพะต่อเนื่องสามรอบ ตัวของผลการแข่งขันก็เพียงพอให้ตื่นตระหนกแล้ว เพียงแต่เมื่อชมการแข่งขันอันดุเดือดของอ๋องขวาจนเคยชิน ความสนใจที่ชาวทูเจวี๋ยมีต่อพวกเขาจึงลดทอนลงไปมาก กลับไม่ค่อยมีผู้ใดสนใจพวกเขาสักเท่าไหร่ 

 

 

“คราวนี้ดีแล้ว ไม่ว่าใครจะชิงที่หนึ่งก็ไม่เกี่ยวกับพวกเรา รอแค่เข้าเมืองก็พอแล้ว!” หูปู้กุยกล่าวระคนหัวเราะ ยามนี้เป็นช่วงบ่ายแล้ว ในสนามยังคงต่อสู้กันอย่างดุเดือด คึกคักยิ่งนัก อ๋องขวากลัมาที่เผ่าแล้ว กำลังปรึกษาอะไรบางอย่างกับคนในเผ่า ดูท่าทางกำลังกระบวนทัพในการแข่งใหม่ ท่ามกลางดินแดนที่เหลืออยู่ ที่ส่งผลคุกคามต่ออ๋องขวาได้ก็มีไม่กี่แห่งแล้ว หากไม่เหนือความคาดหมาย ผู้ชนะในการแข่งขันชิงแพะครั้งนี้ต้องเป็นของถูสั่วจั่วแน่ 

 

 

เพียงแต่ทุกสิ่งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเขาอีกแล้ว เป้าหมายบรรลุแล้ว ใครจะเป็นสามีของข่านดาบทอง สำหรับพวกเขาไม่สำคัญแม้แต่น้อย  

 

 

จนถึงยามสายัณห์ ถูสั่วจั่วถึงพกพารอยยิ้มหยิ่งผยองลงสนามอีกครั้งหนึ่ง ดินแดนที่เหลือบนทุ่งหญ้ามีเพียงไม่กี่แห่งแล้ว และที่เอาชนะต่อเนื่องได้สามรอบก็ยิ่งนับนิ้วได้ 

 

 

การกลับมาใหม่ของอ๋องขวาครานี้ต่างจากคราก่อนโดยสิ้นเชิง การรบกับดินแดนของปาเต๋อหลู่คืนเกียรติยศให้มันอีกครั้งหนึ่ง บวกกับการเอาชนะหกรอบก่อนหน้านี้ ถือว่าทรงพลานุภาพ ยิ่งใหญ่เกรียงไกร เหล่าชาวทูเจวี๋ยไม่มีผู้ใดเคารพเทิดทูนมัน 

 

 

ผู้ที่มีผลงานโดดเด่นเอาชนะได้สามรอบต่อเนื่องถึงจะมีคุณสมบัติสู้กับถูสั่วจั่ว ส่วนดินแดนของอ๋องซ้ายก็พ่ายแพ้ใต้เงื้อมมือถูสั่วจั่วเพียงผู้เดียว กำลังวังชาอันทรงพลานุภาพเช่นนี้ยังมีผู้ใดสู้มันได้อีก? 

 

 

ไม่กินหนึ่งชั่วยาม อ๋องขวาก็ใช้ความเร็วดั่งลมพายุสลาตันกวาดล้าง ผู้ชนะทั้งหมดต่างพ่ายแพ้ต่อผู้ใต้บังคับบัญชาของมัน 

 

 

“ยังมีผู้ใดจะสู้กับถูสั่วจั่วอีก?!” อ๋องขวาทูเจวี๋ยยืนอยู่กลางทุ่งหญ้า ยืนร่างเหยียดตรงด้วยความหยิ่งผยอง เปล่งเสียงหัวเราะดังลั่น เสียงอันกระจ่างใสทรงพลังนั้นแพ่ไปทั่วทุกหัวระแหง 

 

 

ทุ่งหญ้าเงียบงัน นอกจากเสียงฟืดฟาดเบาๆ ของม้าศึกก็ไม่มีผู้ใดกล้าตอบมัน 

 

 

ถูสั่วจั่วร้องเรียกต่อเนื่องหลายครั้ง รอบด้านต่างเงียบงัน มันผงกศีรษะด้วยความพอใจ ขณะกำลังจะพุ่งเข้าหาดาบทองซึ่งแขวนอยู่เหนือปะรำพิธีนั้นกลับเห็นข่านใหญ่อวี้เจียผู้งดงามค่อยๆ ลุกยืนขึ้น 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด