ยอดเซลล์แมนทะลุมิติ 597 – 2 นางจะทำอะไร?

Now you are reading ยอดเซลล์แมนทะลุมิติ Chapter 597 - 2 นางจะทำอะไร? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เรื่องต่อจากนี้ก็ง่ายดายแล้ว! ชนเผ่านอกด่านสองดินแดนที่เหลืออยู่เมื่ออยู่ต่อหน้าการสู้รบของเยวี่ยซื่อที่ไม่ชิงแพะแต่ฟันคนโดยเฉพาะซึ่งเกือบจะเหมือนฝูงหมาป่าอันโหดร้ายป่าเถื่อนนี้ ไม่ได้เตรียมตัวแม้แต่น้อย ในสถานการณ์ที่บาดเจ็บล้มตายเกินครึ่ง แม้จะเห็นเหล่าเกาควบม้านำหน้า บุกทลายจุดหมายด้วยความหยิ่งผยอง ถึงกระนั้นจนแล้วจนรอดพวกมันก็กลับไม่อาจข้ามผ่านฝูงหมาป่าที่อยู่ตรงหน้านี้ได้เลย 

 

 

สถานการณ์เปลี่ยนผัน เยวี่ยซื่อชนะแล้ว! ดินแดนเล็กอันแสนจะอ่อนแอดินแดนหนึ่งเอาชนะการแข่งขันชิงแพะซึ่งมีแต่ผู้เ**้ยมหาญเต็มไปหมดถึงสองรอบ นี่ถือเป็นชัยชนะอันยอดเยี่ยม การต่อสู้ฝูงหมาป่าของพวกเขาตราตรึงอยู่ในจิตใจคน แม้จะเป็นที่ดูแคลนของดินแดนใหญ่ ทว่ากลับเป็นเข็มทิศชี้นำทางแด่ดินแดนเล็ก 

 

 

ผู้ชนะเป็นเจ้า! ชาวทูเจวี๋ยผู้เทิดทูนกำลังในการสู้รบลืมเลือนความดูแคลนที่มีก่อนหน้านี้ไปตั้งแต่แรก ต่างกรูกันเข้ามาชูแขนโห่ร้องยินดีให้ดินแดนที่มีขนาดเล็กที่สุดนี้  

 

 

อวี้เจียที่ชมการสู้รบใบหน้าผุดรอยยิ้มเล็กน้อย กระซิบกระซาบกับซ่าเอ่อร์มู่ ชี้มาทางนี้หลายครั้งเป็นระยะ คล้ายกำลังอธิบายการรบของเยวี่ยซื่อให้ข่านน้อยอยู่ 

 

 

สาวน้อยทูเจวี๋ยผู้งดงามนางหนึ่ง มือถือมาลัยดอกไม้ซึ่งถักสานด้วยความตั้งใจ ใบหน้าประดับสีแดงระเรื่อด้วยความเอียงอาย ลังเลอยู่หลายครั้ง ในที่สุดก็รวบรวมความกล้า วิ่งมาทางนี้อย่างรวดเร็ว  

 

 

คราวนี้คงมามอบดอกไม้ให้ข้ากระมัง ในที่สุดก็มีคนชื่นชมข้าแล้ว! เหล่าเกาชูแพะขึ้นเหนือศีรษะ แอ่นอกด้วยท่าทีกระหยิ่มยิ้มย่อง  

 

 

สาวน้อยทูเจวี๋ยนางนั้นเมื่อเดินเข้ามาใกล้ก็เหลียวซ้ายแลขวา เดินวนเวียนอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็วิ่งห้อตะบึงเข้ามาราวกับสายลมหอบหนึ่ง ใบหน้าแดงสดใสราวกับเปลวเพลิง แขวนมาลัยดอกไม้อันงดงามพวงนั้นลงบนคอหลินหว่านหรงอย่างน่าประหลาด 

 

 

นี่มันเรื่องอะไรกัน? เขายังไม่ทันได้สติกลับมา สาวน้อยทูเจวี๋ยผู้นั้นกลับรวบรวมความกล้า หอมแก้มเขาด้วยความรวดเร็วยิ่งคราหนึ่ง ทิ้งภาษาทูเจวี๋ยกระจ่างชัดเป็นชุด มองเขาอย่างเขินอายหลายครั้ง จากนั้นจึงหมุนกายบิดเอววิ่งจากไปอย่างรวดเร็ว 

 

 

มีผู้กล้าถูกเลือกอีกคนแล้ว! ชนเผ่านอกด่านที่อยู่รอบด้านส่งเสียงผิวปากโห่ร้องยินดีกึกก้อง เสียงปรบมือและเสียงหัวเราะดังก้องไปทั่วทุ่งหญ้า! 

 

 

เป็นไปไม่ได้น่า! ข้าปิดบังใบหน้าอันหล่อเหลาไปแล้วนะ แถมยังพยายามปิดบังเสน่ห์ของตัวเองอีกด้วย แบบนี้ยังถูกใจคนอื่นอีก? เกิดเป็นผู้ชายที่มีความโดดเด่นมันช่างยุ่งยากเสียจริง! เขาหัวเราะฮิฮะสองครา ส่ายหน้าด้วยความอับจนปัญญา 

 

 

เกาฉิวยิ่งงุนงงทำอะไรไม่ถูก ทำเรื่องหน้าไม่อายไว้ก็มีคนถูกใจได้?! เสน่ห์ของน้องหลินช่างไม่แบ่งแยกพรมแดนเสียจริง! 

 

 

“มาลัยดอกไม้นี้ไม่เลวนะ ดอกไม้กับต้นหญ้ามีมากพอๆ กันเลย!” เขาตบบ่าสาวน้อยที่มามอบดอกไม้ หลินหว่านหรงหัวเราะฮ่าๆ สองครา “พี่หู เมื่อครู่แม่สาวน้อยคนนี้พูดว่าอะไร? หนวกหูเหลือเกิน ข้าฟังไม่ชัด!” 

 

 

ไม่หนวกหูเจ้าก็ฟังไม่ชัดอยู่ดี! หูปู้กุยหัวเราะแล้วตอบว่า “เอ่อ…ไม่แปลจะดีกว่านะขอรับ ความหมายไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่!” 

 

 

หลินหว่านหรงอารมณ์เบิกบาน พูดด้วยท่าทางจริงจัง “ความหมายไม่ค่อยดี? ข้าเข้าใจแล้ว ก็คงเป็นสาวน้อยมาสารภาพรักล่ะสิท่า หล่อเหลาสูงสง่า กล้าหาญไร้เทียมทาน ข้ารักเจ้ามากเลยนะอะไรต่อมิอะไร นี่จะมีอะไรให้อายกัน? ดูอย่างข้าสิ ฟังมากเข้าก็ชินเสียแล้ว! แต่จะว่าไปคำสารภาพรักภาษาทูเจวี๋ยข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยจริงๆ พี่หู ท่านรีบแปลมาเร็ว…เฮ้อ ไม่ได้ต่ำช้าอย่างที่ท่านคิด อันที่จริงสิ่งที่สำคัญนั้นข้าทำเพื่อยกระดับภาษาทูเจวี๋ยของข้าน่ะ” 

 

 

“ต้องแปลจริงหรือขอรับ” เหล่าหูสะกดกลั้นอยู่นาน ในที่สุดก็ทนไม่ไหว “ภาษาทูเจวี๋ยประโยคนี้อันที่จริงเข้าใจง่ายมากขอรับ ที่นางพูดก็คือ…ผู้กล้าที่เล็กและอ่อนแอเช่นเจ้านี้ไม่เคยพบบนทุ่งหญ้ามาก่อน เจ้าพิเศษมาก ดังนั้นข้าจึงชอบเจ้ามาก!” 

 

 

“พรวด” เหล่าเกาซึ่งกำลังดื่มน้ำสำลักจนพ่นน้ำออกมา ที่แท้สาวน้อยทูเจวี๋ยก็ไม่ได้ชอบแต่วีรบุรุษ แต่ชอบคนอ่อนแอด้วยนะ! 

 

 

“เล็กและอ่อนแออะไรกัน?! ข้าเล็กและอ่อนแอตรงไหน” หลินหว่านหรงเต้นเป็นเจ้าเข้า “พี่หู ท่านไปบอกนาง ข้ายิ่งใหญ่อลังการมากนะ! ไม่มีตรงไหนที่ไม่ใหญ่ ไม่มีตรงไหนที่ไม่อลังการ ท่านย่ามัน! ถ้ากล้าก็ให้นางมาดูเอง นางจะตกใจจนตาย!” 

 

 

ทุกคนต่างหัวเราะฮ่าๆ เสียงดัง เมื่อชนะติดกันสองรอบ บรรยากาศจึงค่อยๆ ผ่อนคลาย 

 

 

“ปู๊น!” เสียงแตรสัญญาณสั้นกระชั้นดังขึ้น ทุ่งหญ้าพลันบังเกิดเสียงปรบมือและโห่ร้องกึกก้อง เมื่อเงยหน้ามอง อาชาสง่างามของทูเจวี๋ยหลายสิบตัววิ่งเข้าทุ่งหญ้าราวกับสายลม เหล่าทหารม้ารูปร่างแข็งแรงกำยำสูงใหญ่ควบคุมม้าอ่างชำนาญราวกับเดินเล่นในลานบ้าน ตัวดาบสีเงินกรีดผ่านท้องนภาสีครามเสียงดังขวับออกมาอย่างพร้อมเพรียง ประหนึ่งอสุนีบาต 

 

 

“ถูสั่วจั่วออกโรงแล้ว!” หูปู้กุยพูดกดเสียงต่ำ  

 

 

แม้จะมองไม่เห็นโฉมหน้าถูสั่วจั่ว แต่อ๋องขวาทูเจวี๋ยขึ้นเหนือล่องใต้สู้รบมานานหลายปี แต่บารมีจะธรรมดาได้อย่างไร? พอขบวนอันห้าวหาญชาญชัยของมันพุ่งเข้าสู่ทุ่งหญ้าก็มีคนจำได้แล้ว รอบด้านพลันบังเกิดเสียงปรบมือกึกก้อง เสียงโห่ร้องดังสนั่น มอบความนิยมชมชอบให้ทั้งกลุ่ม  

 

 

ถูสั่วจั่วขี่ม้านำอยู่เบื้องหน้าสุด อาชาชั้นยอดใต้ร่างขยับวูบราวกับสายฟ้าแลบ 

 

 

“ฮี้!” เสียงร้องรุนแรงลากยาวดังขึ้นมาคราหนึ่ง อาชาที่อยู่ใต้ร่างมันพลันรั้งฝีเท้า ขาหน้ายกตะกุย ยืนเก้าสิบองศาอยู่บนทุ่งหญ้าในบัดดล ร่างกายขนาดมหึมาของถูสั่วจั่วติดอยู่บนหลังม้าราวกับใบไม้ที่ร่วงหล่น ปราศจากการเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย 

 

 

เมื่ออาชาตัวนั้นแหงนหน้าจนถึงจุดที่สูงที่สุด มือของถูสั่วจั่วก็เพิ่มดาบโค้งยักษ์เล่มหนึ่ง  

 

 

มันผละมือทั้งสองข้างออกจากหลังม้า อาศัยเพียงกำลังขาแนบติดกับอานม้า ร่างกายเสมอกับพื้นหญ้าทันที 

 

 

“ผึง!” เสียงสายธนูดังขึ้น ประกายแสงกรีดผ่านท้องนภาดั่งดาวตก ยิงตรงไปยังขอบเมฆา  

 

 

“แกว๊ก!” เสียงร้องโหยหวนตัดผ่านท้องฟ้า นกอินทรีขนาดใหญ่ซึ่งกำลังบินเร็วรี่อยู่กลางเวหาตัวหนึ่งร่วงตรงลงมาราวกับก้อนหิน ลูกศรอันคมกริบนั้นไม่เบี่ยงไม่เบน แทงทะลุดวงตาทั้งสอข้างของมันเข้าพอดี โลหิตไหลพร่างพรูลงมาตามขนของมันอย่างแช่มช้า  

 

 

อาชาพ่วงพียืนแหงนหน้านิ่งอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ค่อยๆ กลับมาสู่สภาพเดิม ถูสั่วจั่วนั่งงามสง่าอยู่บนหลังม้าไม่ขยับเขยื้อน เกาทัณฑ์ยาวไม่รู้ว่าแขวนอยู่ด้านหลังตั้งแต่เมื่อใด สงบนิ่งราวกับไม่เคยเกิดสิ่งใดขึ้นมาก่อน  

 

 

“เยี่ยม!” คราวนี้แม้แต่หูปู้กุยก็ยังอดเปล่งเสียงชมเชยออกมาไม่ได้ ไม่เสียที่ที่เป็นอ๋องขวาทูเจวี๋ย การขี่ม้ายิงธนูนี้ทำอย่างหมดจดรวบรัด คนและม้าหลอมรวมเป็นหนึ่งภายในชั่วพริบตา ปราศจากข้อตำหนิ 

 

 

ชนเผ่านอกด่านกระโดดโลดเต้นโห่ร้องยินดี เสียงคนดังเซ็งแซ่ ยอมศิโรราบต่อฝีมือขั้นเทพเซียนของถูสั่วจั่ว ฝีมือการควบม้าอย่างรวดเร็วและให้ยืนตรง ยิงธนูทะลุตาทั้งสองข้างนี้ เมื่อเทียบกับการยิงให้เชือกขาดของซ่าเอ่อร์มู่หาใช่สูงส่งกว่าแค่ขั้นเดียว กดความโดดเด่นของข่านน้อยไปทันที 

 

 

ผู้สืบทอดข่านผีเจียเจ้าผู้ปกครองทุ่งหญ้ากลับถูกอ๋องขวาสะกดไว้ ซ่าเอ่อร์มู่ผู้เยาว์วัยก้มหน้าลงอย่างเงียบงัน ดวงตาอดเผยความผิดหวังไม่ได้ อวี้เจียจับมือเขาไว้พร้อมส่ายหน้าเบาๆ กล่าวปลอบเสียงอ่อนโยน ไม่รู้ว่าพูดอะไรบ้าง ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มมั่นใจ 

 

 

ถูสั่วจั่วยิงธนูอย่างน่าตื่นตะลึง ดังนั้นจึงอดกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่บ้างไม่ได้ มันควบม้าอย่างภาคภูมิ ยืนนิ่งอยู่ตรงเส้นเริ่มแข่งขัน แย้มยิ้มพร้อมโบกมือให้รอบด้าน ทำให้สาวน้อยจำนวนนับไม่ถ้วนส่งเสียงกรีดร้องและส่งเสียงชมเชย 

 

 

ชนเผ่านอกด่านไม่เสียทีที่เป็นชนเผ่าซึ่งเติบโตอยู่บนหลังม้าเสียจริง ฝีมือการขี่ม้ายิงธนูไร้เทียมทานในแผ่นดิน หลินหว่านหรงแอบรู้สึกโชคดีอยู่ในใจ หากถูสั่วจั่วเข้าร่วมแข่งขันรอบที่แล้ว ชัยชนะจะตกอยู่กับผู้ใดก็ยังไม่แน่ ชนเผ่านอกด่านที่ต้องสู้กับถูสั่วจั่วหลังจากนี้คงต้องลำบากแล้ว 

 

 

ในที่สุดอ๋องขวาก็ลงสนามแล้ว บรรยากาศในงานตึงเครียดทว่ากลับคึกคักอีกด้วย! ชาวทูเจวี๋ยทั้งหมดต่างจ้องมองแพะอ้วนพีที่แขวนอยู่บนคานไม้กลางทุ่งหญ้านั้นเขม็ง นี่กำลังจะเป็นช่วงเวลาที่ผู้กล้าที่ร้ายกาจที่สุดบนทุ่งหญ้าได้แสดงฝีมือแล้ว 

 

 

ส่วนเหล่าคู่ต่อสู้ของถูสั่วจั่วต่างตั้งรูปกระบวนเรียบร้อยตั้งแต่แรก มองมันด้วยความระแวดระวังเป็นร้อยเท่า พร้อมจะเริ่มการแข่งขันครั้งใหญ่ได้ทุกเมื่อ  

 

 

“ขอเชิญอวี้เจียโปรดตัดเชือก!” น้ำเสียงของนักบวชทูเจวี๋ยแฝงด้วยความตื่นเต้น ในเมื่ออ๋องขวาลงแข่งด้วยตนเอง ผู้ที่มีคุณสมบัติเปิดงานย่อมเป็นท่านข่านใหญ่ซึ่งเป็นเจ้าของดาบทองอันงดงามเล่มนี้แน่นอน 

 

 

อวี้เจียแย้มยิ้ม ยืนขึ้นอย่างแช่มช้า ขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่านางจะเดินขึ้นเวทีไปตัดเชือก นางกลับยืนนิ่งเบาๆ พร้อมเหยียดมือน้อยออกไป ข้างกายมีนางกำนัลส่งเกาทัณฑ์โค้งอันวิจิตรงดงามคันหนึ่งให้ 

 

 

อวี้เจียกุมเกาทัณฑ์อยู่ในมือ ดึงสายเบาๆ หลายครั้ง ใบหน้าคลี่รอยยิ้มแห่งความมั่นใจในตนเองออกมา  

 

 

ข่านน้อยซ่าเอ่อร์มู่ยืนข้างกายนาง สีหน้าประหม่าตื่นเต้นอย่างล้นเหลือ มือทั้งสองข้างสั่นเล็กน้อย 

 

 

เหล่าเกาเห็นแล้วก้ร้อนอกร้อนใจยิ่งนัก อดร้องออกมาไม่ได้ “เยวี่ยหยาเอ๋อร์โง่หรือเปล่า? หากเอ่ยฝีมือการยิงธนู นางจะไปสู้ถูสั่วจั่วที่ยิงทะลุตาอินทรีได้อย่างไรกัน เมื่อครู่ข่านน้อยก็แพ้ไปตาหนึ่งแล้ว หากนางแพ้อีก อย่างนั้นชื่อเสียงก็ต้องย่อยยับแล้วจริงๆ” 

 

 

หูปู้กุยรู้สึกเช่นเดียวกัน แม้พวกเขากับอวี้เจียจะมีสถานะเป็นศัตรูกัน แต่เมื่อเทียบกับถูสั่วจั่ว เยวี่ยหยาเอ๋อร์ซึ่งเคยร่วมเดินทางและร่วมเป็นร่วมตายย่อมได้รับความชื่นชอบจากพวกเขาอย่างเห็นได้ชัด 

 

 

อวี้เจียยกคันศรขึ้นอย่างแช่มช้า หลับดวงตาอันงามข้างหนึ่งเบาๆ แล้วเล็งไปที่เชือก 

 

 

ทุกคนต่างกลั้นลมหายใจ ช่วงเวลานี้ไม่ว่าจะเป็นชาวต้าหัวหรือว่าชาวทูเจวี๋ย ไม่มีผู้ใดรู้ว่านางจะทำอะไร 

 

 

แม้แต่หลินหว่านหรงที่ยอมรับว่าตนเองฉลาดเป็นอันดับหนึ่งในแผ่นดิน เมื่ออยู่ต่อหน้าอวี้เจียผู้นี้กลับปราศจากความมั่นใจ สตรีชนเผ่านอกด่านผู้งดงามคนนี้ไม่เคยทำให้คนคาดเดาได้เลย นางจะทำอะไรกันนะ? 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด