ยอดเซลล์แมนทะลุมิติ 598 – 2 ฝีมือยิงเกาทัณฑ์อันน่าอัศจรรย์

Now you are reading ยอดเซลล์แมนทะลุมิติ Chapter 598 - 2 ฝีมือยิงเกาทัณฑ์อันน่าอัศจรรย์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

สำหรับดินแดนอีกสองดินแดน การกระทำทุกอย่างของอ๋องขวาแทบจะเป็นการท้าทายและลบหลู่อย่างโจ่งแจ้ง แต่ทุ่งหญ้าคุยกันด้วยพลังอันแท้จริง ไม่ว่าพวกมันจะต้านทานอย่างรุนแรงสักเพียงใด ผลลัพธ์ก็ยังไม่อาจเปลี่ยนแปลง 

 

 

เมื่อคู่ต่อสู้ไม่มีผู้ใดนั่งอยู่บนหลังม้าแล้ว ถูสั่วจั่วใช้มือเดียวถือแพะ ชูดาบศึกขึ้นสูง ไอสังหารพลุ่งพล่าน เคลื่อนที่อย่างแช่มช้า ณ เส้นชัย ชาวทูเจวี๋ยจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังรอต้อนรับมัน โห่ร้องแสดงความนับถือให้มันอยู่  

 

 

“มารดามัน! เจ้าหนุ่มนี้จองหองเกินไปแล้ว” ชาวทูเจวี๋ยกรูเข้าหาอ๋องขวาราวกับสายน้ำหลาก “เยวี่ยซื่อ” ซึ่งเมื่อครู่ยังเสพสุขกับเสียงโห่ร้องยินดีปราศจากผู้สนใจไต่ถามภายในชั่วพริบตา หน้าและหลังต่างกันอย่างยิ่ง เหล่าเกาด่าทอด้วยความเดือดดาลไม่ได้ เมื่อครู่พวกเขาเพิ่งรบชนะไปรอบหนึ่ง เป็นการชนะจากฝีมือในการทำศึก ส่วนเคล็ดลับของอ๋องขวาทูเจวี๋ยกลับเรียบง่ายตรงไปตรงมา…ประชันความโหดเ**้ยมดุร้าย ใช้กำลังเอาชนะ! เห็นชัดว่าชนเผ่านอกด่านชอบวิธีการที่ตรงไปตรงมาและเร้าอารมณ์เช่นนี้มากกว่า 

 

 

อ๋องขวาเสพสุขกับเสียงโห่ร้องยินดีของฝูงชน ถึงกระนั้นกลับยังไม่ลืมที่จะกวาดตามองไปยังปะรำพิธี ข่านใหญ่ยิ้มแย้มพร้อมโบกมือให้มัน ภายในดวงตาปรากฏความชื่นชมและเทิดทูนเล็กน้อย ถูสั่วจั่วบังเกิดความพลุ่งพล่าน ใช้มือข้างหนึ่งแตะหน้าอก แสดงการคารวะอวี้เจียอยู่ไกลๆ 

 

 

รอบต่อไปถูสั่วจั่วไม่น่าจะเข้าร่วมแล้วกระมัง แม่ทัพหลินโบกมือ ขณะกำลังจะให้เหล่าหูไปจับสลากรอบถัดไปอีกครั้ง กลับเห็นอ๋องขวากับขบวนของมันเคลื่อนที่ไปกึ่งกลางทุ่งหญ้าอย่างแช่มช้า ยืนอยู่ที่จุดเริ่มต้นใหม่อีกครา เหลียวมองรอบด้าน ใบหน้าเต็มไปด้วยความหยิ่งผยอง 

 

 

“เรื่องอะไรกัน?!” หลินหว่านหรงรีบลากตัวหูปู้กุยกลับมา 

 

 

เหล่าหูกวาดตามองหลายรอบ ถามด้วยความตกใจออกมาว่า “พวกมันจะสู้ต่อเนื่อง?! ถูสั่วจั่วเสียสติไปแล้วหรือ?” 

 

 

ผู้ชนะจากรอบที่แล้วเลือกว่าจะสู้รอบถัดไปหรือพักผ่อนชั่วคราวเพื่อถนอมกำลังก็ได้ เนื่องจากหากพ่ายแพ้รอบหนึ่งก็จะถูกคัดออก ดังนั้นผู้ชนะแทบทุกคนจะเลือกพักผ่อนชั่วคราว ส่วนการไม่แยแสต่อความเสี่ยงมหันต์ เลือกสู้ศึกต่อเนื่องเช่นถูสั่วจั่วนี้ แทบจะเป็นการท้าทายดินแดนทั้งหมดในทุ่งหญ้านี่เป็นการแสดงออกถึงความเชื่อมั่นอันเปี่ยมล้นจนระเบิดออกมา 

 

 

หลินหว่านหรงผงกศีรษะ หัวเราะแล้วพูดว่า “เจ้าคนนี้มีสติมากนัก มันต้องการแสดงกำลังผ่านการเอาชนะอย่างต่อเนื่อง ก่อร่างสร้างบารมี กู้หน้ากลับคืนมาต่อหน้าคนในเผ่าและอวี้เจีย” 

 

 

เมื่อพูดเช่นนี้ทุกคนล้วนเข้าใจได้ เหล่าเกาหัวเราะฮิฮะคราหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “เก่งนักก็ให้มันยืนอยู่ในสนามอย่าขยับ สู้ต่อไปเรื่อยๆ ดูสิว่าเจ้าหนุ่มนี่จะยันไปได้ถึงเมื่อไหร่” 

 

 

คำพูดล้อเล่นของเหล่าเกากลับทำให้หูปู้กุยตกใจในบัดดล “ด้วยนิสัยของถูสั่วจั่ว หากสู้จนเสียสติไปย่อมไม่มีผู้ใดเอาชนะมันได้แน่ เจ้านี่คงยืนอยู่ไม่ยอมลงจากสนามแล้ว ส่วนพวกเรายังขาดการชนะตาหนึ่ง…” 

 

 

ไม่คิดก็ไม่รู้ พอคิดก็ต้องตกใจ ด้วยการยั่วยวนอันมหาศาลของข่านใหญ่ดาบทอง อีกทั้งอ๋องขวายังต้องการพิสูจน์กำลังอันแท้จริงของตนต่อหน้าอวี้เจียอีก ย่อมทำเรื่องอะไรก็ได้ทั้งสิ้น หากมันครองสนามอยู่ตลอดจริง ถ้าต้องการเก็บชัยชนะครบสามรอบเพื่อปะปนเข้าเค่อจือเอ่อร์ หรือว่าต้องให้ข้าไปแลกกับถูสั่วจั่ว? 

 

 

หลินหว่านหรงตกตะลึง 

 

 

ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าเรื่องนี้มีความเป็นไปได้อย่างยิ่ง เกาฉิวดึงแขนเสื้อเขาด้วยความตึงเครียดอยู่บ้าง “น้องหลิน ตอนนี้ทำเช่นไร?!” 

 

 

หลินหว่านหรงคิดแล้วคิดอีก จากนั้นก็ส่ายหน้าแล้วตอบว่า “ถ้าเป็นเช่นนี้จริง ข้าก็หมดหนทาง ถึงเวลาคงทำได้แค่แลกกับมันสักตั้งแล้ว เพียงแต่ข้ารู้สึกว่า หากถูสั่วจั่วต้องการครองสนามไม่ยอมออกมา เกรงว่าคงไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น” 

 

 

“เพราะเหตุใด?!” พวกของหูปู้กุยสองคนเอ่ยถามพร้อมกัน 

 

 

หลินหว่านหรงหัวเราะ “พี่ชายทั้งสองลองคิดดู หากถูสั่วจั่วต้องการชนะการแข่งขันชิงแพะเพื่อสู่ขออวี้เจียจริง จะเกิดผลลัพธ์เช่นไร?” 

 

 

นี่ยังต้องคิดอีกหรือ? เหล่าเกาหัวเราะฮิ “ย่อมเป็นถูสั่วจั่วครองอำนาจใหญ่แต่เพียงผู้เดียว เป็นผู้ปกครองทุ่งหญ้าแล้ว!” 

 

 

“นี่ไม่จบแล้วหรือ?” หลินหว่านหรงกล่าวด้วยท่าทีผ่อนคลาย “แต่เดิมเป็นสถานการณ์ที่มีขุมอำนาจหลายเส้า ต่างฝ่ายต่างถ่วงดุลซึ่งกันและกัน หากถูกทำลายไปเช่นนี้ ให้ถูสั่วจั่วที่จิตใจมักใหญ่ใฝ่สูงเป็นใหญ่และเป็นผู้แข็งแกร่ง ปาเต๋อหลู่กับลู่ตงจ้านจะยอมตกลงหรือ? อวี้เจียจะตกลงหรือ?!” 

 

 

สมองหูปู้กุยกระจ่างวูบ กล่าวด้วยความยินดีว่า “ท่านแม่ทัพ ความหมายของท่านก็คืออวี้เจียกับอ๋องซ้ายจะลอบขัดขวางการชิงที่หนึ่งของถูสั่วจั่วหรือขอรับ?” 

 

 

“เดาดูเท่านั้นเอง” แม่ทัพหลินแบมือ “ความฉลาดของอวี้เจียทุกคนก็เคยรับรู้มาแล้ว ความจริงเป็นเช่นไรคงมีแค่รอคอยเท่านั้น!” 

 

 

เหล่าเกาชูนิ้วโป้ง ถอนหายใจแล้วพูดว่า “น้องหลิน ข้าเหล่าเกายอมเจ้า หากเอ่ยถึงความฉลาดและสติปัญญา น่าจะมีแค่เยวี่ยหยาเอ๋อร์ที่สูสีกับเจ้าแล้วล่ะ!” 

 

 

แม่ทัพหลินหัวเราะฮ่าๆ “นางไม่ได้ขี้โกงเหมือนข้า ส่วนข้าก็เจ้าเล่ห์ไม่เท่านาง ต่างฝ่ายต่างมีจุดเด่นเท่านั้นเอง” 

 

 

กาเข้าฝูงกา หงส์เข้าฝูงหงส์ ตะเภาเดียวกัน! หูปู้กุยกับเกาฉิวสบตากันโดยไม่ได้นัดหมาย กำหนดความหมายให้คนทั้งสองคน 

 

 

ถูสั่วจั่วไปยืนอยู่กลางสนาม ก่อให้เกิดปฏิกิริยาอย่างต่อเนื่องทันที ดินแดนเล็กซึ่งยังไม่ได้เข้าร่วมการแข่งขันบางดินแดนแหกปากด่าทอยกใหญ่ เมื่อมีอ๋องขวาขวางอยู่ข้างหน้าโอกาสที่พวกมันจะชนะสักรอบก็แทบจะเป็นศูนย์ 

 

 

วีรบุรุษเช่นนี้ย่อมทำให้สาวน้อยจำนวนนับไม่ถ้วนกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง พวกนางกรูเข้าไปหา มอบมาลัยดอกไม้ที่บรรจงถักสานอย่างตั้งใจ เพียงแต่อ๋องขวามีคนอยู่ในใจ ผลักไสสาวน้อยเหล่านั้นไปด้านข้างอย่างไร้ไมตรีต่อหน้าอวี้เจีย 

 

 

ด้วยความเสียใจ บรรดาสาวน้อยจึงถอยออกไปหาคนที่รองลงไป มอบมาลัยดอกไม้ให้เหล่าผู้กล้าที่อยู่ข้างกายอ๋องขวา 

 

 

ชนเผ่านอกด่านเหล่านี้ไม่ได้มีข้อห้ามอะไรมากมายนัก ไม่ปฏิเสธผู้ที่เข้ามาหา บนคอของแต่ละคนต่างแขวนมาลัยดอกไม้อันวิจิตรงดงาม สาวน้อยทูเจวี๋ยที่มาสายสักหน่อยก็รู้สึกเสียใจ ด้วยความจนใจจึงคล้องมาลัยดอกไม้บนคอม้าศึกของเหล่าผู้กล้าเพื่อให้เกียรติ  

 

 

ขบวนของถูสั่วจั่วเป็นลายพร้อยหลากสีสัน มีมาลัยดอกไม้สีสันสดใสคล้องเต็มไปหมด ดึงดูดสายตาริษยาจำนวนนับไม่ถ้วน ไม่เหมือนมาแข่งขัน แต่กลับเหมือนมาจัดงานเทศกาลดอกไม้ ม้าศึกบางตัวเหมือนปรับตัวกับการคล้องมาลัยดอกไม้เต็มไปหมดไม่ได้ มีบางตัวที่เดินย่ำวนไปมาด้วยความกระวนกระวาย บางครั้งยังได้ยินเสียงฟืดฟาดจากพวกมันอีกด้วย 

 

 

หลินหว่านหรงส่ายหน้าด้วยความรู้สึกขบขัน กวาดสายมองหลายครั้ง กลับต้องค่อยๆ ประหลาดใจเล็กน้อย มาลัยดอกไม้ซึ่งบรรดาสาวน้อยมอบให้เหล่านี้มีตัวดอกที่แตกต่าง มากมายหลากสีสัน ถึงกระนั้นกลับวิจิตรงดงามเฉกเช่นกัน ฝีมือการถักและการปักราวกับเคาะออกมาจากพิมพ์เดียวกัน แฝงความรู้สึกอันคุ้นเคยอยู่บ้างรางๆ น่าแปลกเสียจริง! 

 

 

ขั้นตอนต่อมาไม่ต่างจากที่คิดเอาไว้ อาศัยกำลังอันดุดันและความโหดเ**้ยม ถูสั่วจั่วชนะต่อเนื่องสี่รอบ ดินแดนซึ่งกล้าออกมาสู้รบเพื่อคานอำนาจกับอ๋องขวาเหล่านั้นจะกี่มากน้อยก็มียอดฝีมืออยู่บ้าง แม้บางครั้งจะได้เปรียบเล็กน้อย แต่กลับพ่ายแพ้ต่อกำลังอันน่าอัศจรรย์ของถูสั่วจั่วโดยปราศจากข้อยกเว้น 

 

 

อวี้เจียสีหน้าสงบนิ่ง เผยรอยยิ้มออกมาเป็นบางครั้ง โบกมือให้อ๋องขวากับเหล่าผู้กล้าของมัน เมื่อมีการให้กำลังใจเช่นนี้ ถูสั่วจั่วจึงยิ่งคึกคัก ปราศจากผู้ต้านทาน ดาบฟันลงไปหลายครั้งปราศจากผู้ที่โต้คืนกลับมาได้   

 

 

“รอบที่ห้าแล้ว! รีบดูธงนกอินทรีนั่นสิ นี่คือชนเผ่านอกด่านจากดินแดนของอ๋องซ้ายปาเต๋อหลู่!” 

 

 

เหล่าเกาชี้ไปยังชาวทูเจวี๋ยซึ่งกำลังต่อสู้ชุลมุนอยู่กลางสนาม พูดด้วยความตื่นเต้นแฝงด้วยความตึงเครียด 

 

 

ฝุ่นดินคละคลุ้ง ทหารม้าราวยี่สิบกว่าคนวิ่งวนไล่ตามอยู่บนทุ่งหญ้าเสียงดาบทวนกระทบกันแจ่มชัด ดังเข้าสู่ใบหูอย่างต่อเนื่อง ครั้งนี้ไม่ได้ได้เปรียบเพียงฝ่ายเดียวอย่างที่คาดไว้ เหล่าชนเผ่านอกด่านแต่ละคนต่างดุดันห้าวหาญพอๆ กัน สองฝ่ายเจ้าไปข้ามา ไล่ตามเข่นฆ่า ดุเดือดยิ่งนัก 

 

 

ไม่เสียทีที่เป็นดินแดนของปาเต๋อหลู่อันเ**้ยมหาญ แม้ตัวของอ๋องซ้ายทูเจวี๋ยจะอยู่แนวหน้า ไม่อาจเข้าร่วมด้วยตัวเอง เหล่าผู้กล้าภายในดินแดนของปาเต๋อหลู่ก็ยังคงประจันหน้ากับกลุ่มของอ๋องขวาอย่างทัดเทียมกัน และในการแข่งขันชิงแพะของทุกปีก็มีศึกใหญ่ของสองดินแดนนี้ที่น่าดูมากที่สุด ปีนี้แม้จะจืดชืดไปบ้างเพราะอ๋องซ้ายไม่ได้นำทัพด้วยตนเอง แต่ประเพณีการแลกชีวิตอย่างเอาเป็นเอาตายของทั้งสองฝ่ายกลับดำเนินต่อไป 

 

 

ทั้งสองต่างเป็นดินแดนที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของทูเจวี๋ย ไม่มีใครยอมใคร การกระทบกระทั่งครั้งนี้พลันบังเกิดสะเก็ดไฟสาดกระเซ็นไปทั่ว คนเบียดคน ม้าชนม้า นับตั้งแต่เริ่มต้นทั้งสองฝ่ายก็อยู่ในสภาพติดพันเช่นนี้ 

 

 

ชาวทูเจวี๋ยที่อยู่โดยรอบเลือดลมพลุ่งพล่าน โห่ร้องอย่างลืมตัว สร้างกำลังใจให้กับเหล่าผู้กล้าที่กำลังฆ่าฟันกันอยู่ ทุ่งหญ้าบังเกิดคลื่นความร้อนที่พวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า 

 

 

หากใช้ความสามารถของทัพเดี่ยวแต่ละทัพ ทั้งสองดินแดนอาจพูดได้ว่ากินกันไม่ลง เดิมทีควรเป็นศึกใหญ่ที่มีกำลังรบเท่าเทียมกัน เพียงแต่น่าเสียดายที่ปาเต๋อหลู่ไม่อาจมาด้วยตนเอง ผู้กล้าซึ่งรับหน้าที่ผู้นำแทนแม้จะมีเรี่ยวแรงมหาศาล ท่าทีดุดันห้าวหาญก็ตาม แต่เมื่อเทียบกับถูสั่วจั่ว สุดท้ายแล้วกลับด้อยกว่าขั้นหนึ่ง หากไม่ใช่มันเสี่ยงหัวหลุดจากบ่า รบพัวพันถูสั่วจั่วอย่างเอาเป็นเอาตายหลายครั้ง แพะอ้วนพีตัวนั้นคงถูกอ๋องขวาชิงไปตั้งนานแล้ว 

 

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด