ยอดเซลล์แมนทะลุมิติ 573 – 1 การละเล่นที่แสนอันตราย

Now you are reading ยอดเซลล์แมนทะลุมิติ Chapter 573 - 1 การละเล่นที่แสนอันตราย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เขาสวมเพียงกางเกงชั้นในตัวหนึ่งเท่านั้น เนื้อตัวล่อนจ้อน เผยให้เห็นลำแขนอันแข็งแกร่ง หยดน้ำหยดลงมาจากเส้นผมและใบหน้า ผิวแทบจะผสมเป็นสีเดียวกันกับราตรี กำลังยืนอยู่หน้าอวี้เจียด้วยใบหน้าทะเล้น 

 

 

“เจ้า…เจ้าทำอะไรน่ะ?!” สาวน้อยทูเจวี๋ยรีบหลบออกไปหลายก้าว อยู่ห่างจากเขาราวกับป้องกันหมาป่าเยี่ยงนั้น ดวงตาของนางเบิกโพลง มองเขาด้วยความตกใจ 

 

 

“คำพูดนี้น่าจะเป็นข้าถามเจ้าถึงจะถูกนะ” หลินหว่านหรงเช็ดหยดน้ำบนใบหน้า มองดูก้อนกรวดที่อยู่ใต้เท้านาง หัวเราะฮิฮะพร้อมกับพูดว่า “ลงมือรวดเร็วเสียจริง วันนี้หากเพิ่มหินให้เจ้าอีกจำนวนหนึ่ง สายน้ำแห่งนี้เกรงว่าคงถูกเจ้าถมจนเต็มแล้ว” 

 

 

อวี้เจียคล้ายหวนคืนสู่ความสงบเยือกเย็น กล่าวเย้ยหยันเย็นชาออกมาว่า “ต้าหัวของพวกเจ้าไม่ใช่มีนิทานเรื่องนกจิงเว่ยถมทะเล[1]หรอกหรือ? ต่อให้ถมสายน้ำแห่งนี้แล้วจะทำไม ไม่ต้องให้เจ้ามายุ่ง” 

 

 

แม้แต่เรื่องนกจิงเว่ยถมทะเลก็รู้ด้วย ความรู้ของแม่สาวคนนี้ช่างไม่ธรรมดาเสียจริง หลินหว่านหรงหัวเราะฮ่าๆ สองครั้ง สายตาไปอยู่บนร่างอวี้เจียโดยไม่รู้ตัว 

 

 

เดินทางวนเวียนอยู่ในทะเลแห่งความตายมายี่สิบกว่าวัน อย่าว่าแต่อาบน้ำเลย แม้แต่ดื่มน้ำก็ยังเป็นปัญหาใหญ่ นายทหารห้าพันทั้งกองทัพตั้งแต่เบื้องบนจรดแม่ทัพนายกอง ตั้งแต่แม่ทัพนายกองจรดนายทหาร แต่ละคนต่างตัวสกปรก มีเพียงสาวน้อยทูเจวี๋ยผู้นี้ที่เป็นข้อยกเว้น 

 

 

ผิวพรรณของนางเรียบลื่นกระจ่างใสดังเดิม แฝงความเปล่งประกาย เหมือนดวงอาทิตย์อันร้อนแรงของทะเลแห่งความตายไม่อาจส่องกระทบร่างนางได้เลย เมื่อยืนใกล้นางก็ยังแอบได้กลิ่นหอมจางๆ ทำให้คนลุ่มหลงเมามายอีกด้วย นอกจากริมฝีปากที่ซีดเล็กน้อยเพราะขาดน้ำกับฝุ่นดินทรายที่แปดเปื้อนอยู่บนชุดกระโปรงชนเผ่านอกด่าน เยวี่ยหยาเอ๋อร์ยังคงงดงามส่องแสงเรืองรองที่เช่นที่พบกันครั้งแรก 

 

 

“เจ้า…เจ้ามองอะไร?!” เมื่อถูกเขาจับจ้อง อวี้เจียจึงกำหมัดแน่น รีบก้มหน้าลงไป 

 

 

ข้าตากแดดจนเหมือนถ่าน แม่หนูนี่กลับยังคงขาวเหมือนหยก ข้อเปรียบเทียบระหว่างคนกับคนมันช่างน่าแค้นใจตายเสียจริงนะ! หลินหว่านหรงยิ้มอย่างอับจนปัญญา ส่ายหน้า ถอนหายใจเบาๆ ออกมายาวๆ “ไม่ได้มองอะไร…ในที่สุดก็เดินออกมาจากทะเลทรายที่สมควรตายนั่นได้แล้ว!” 

 

 

สาวน้อยทูเจวี๋ยนิ่งงัน ทันใดนั้นก็กล่าวด้วยความเคียดแค้นออกมาว่า “เจ้าอยากจะเดินออกไปเช่นนั้นจริงหรือ?!” 

 

 

“นั่นมันแน่นอน” หลินหว่านหรงหัวเราะพร้อมตอบโดยไม่ต้องแม้แต่จะคิด “สถานที่แห่งนั้นนอกจากทรายสีเหลืองแล้วก็มีแต่ทรายสีเหลือง ไม่มีของกินไม่มีน้ำดื่ม กระต่ายยังไม่ฉี่ เกือบต้องทิ้งชีวิตไปแล้ว ยังจะมีอะไรให้น่ารำลึกถึงอีก! ไม่ใช่แค่ข้านะ ทุกคนต่างก็อยากจะเดินออกมาอย่างยิ่ง ทำไม หรือว่าเจ้าอยากจะอยู่ในนั้น…นี่ นี่ เจ้าทำอะไร อย่ามาผลักข้าสิ…” 

 

 

“ไสหัวไป ไสหัวไปให้ข้าเดี๋ยวนี้ ข้าไม่อยากจะเห็นเจ้าอีกต่อไปแล้ว ไสหัวไปสิ!” ไม่รอให้เขาพูดจบ สองมือของอวี้เจียแทบจะจิกเข้าไปในแขนเขา ใช้เรี่ยวแรงทั่วทั้งสรรพางค์กายผลักเขาออกไป รีบตวาดด้วยน้ำเสียงมีโทสะ 

 

 

สาวน้อยทูเจวี๋ยผู้นี้ราวกับเป็นแม่เสือดาวที่กำลังเดือดดาลอยู่ เพียงชั่วพริบตาก็ระเบิดโทสะ แม้แต่หลินหว่านหรงก็ยังตกใจสะดุ้งโหยง เขารีบถอยหลังออกไปหลายก้าว หัวเราะด้วยความกระอักกระอ่วนใจพร้อมพูดว่า “จะพูดก็พูดไปสิ จะมาลงมือทำไมกัน เจ้าสู้ข้าไม่ได้หรอกนะ!” 

 

 

“ไสหัวไป ข้าให้เจ้าไสหัวไป!” สาวน้อยทูเจวี๋ยผลักเขาไปหลายก้าว จากนั้นก็ปิดหน้าร่ำไห้ทันที น้ำตากระจ่างใสไหลออกมาตามซอกนิ้ว ไล่ไปตามมือน้อยที่ขาวกระจ่าง จากนั้นจึงค่อยๆ หยดลงบนแขนงาม 

 

 

แม่หนูคนนี้โมโหจริงๆ แต่ข้าไม่เข้าใจเลย หรือว่าข้าต้องรั้งอยู่ที่ทะเลแห่งความตายนางถึงจะดีใจ? หลินหว่านหรงส่ายหน้าด้วยความรู้สึกทอดถอนใจ “อย่างร้องเลย เจ้าวางใจเถิด รอให้ทำงานหนึ่งเสร็จแล้ว ไม่ต้องให้เจ้าไล่ ข้าก็ไปเองได้!” 

 

 

“เจ้ายังจะทำอะไรอีก?” เยวี่ยหยาเอ๋อร์กัดฟันกรอดพร้อมถามด้วยโทสะ 

 

 

หลินหว่านหรงยิ้มเล็กน้อย “ข้าจะทำเรื่องอะไร เช่นนั้นไอ้ที่เจ้ามาหลบอยู่ที่นี่คิดจะทำอะไรล่ะ?!” 

 

 

“ข้า ข้า…” อวี้เจียนิ่งงัน ใบหน้าบัดเดี๋ยวซีดบัดเดี๋ยวแดง 

 

 

“รีบไปอาบเถอะ ข้าจะเฝ้าให้เจ้าอยู่ตรงนี้…เจ้าวางใจ ข้าขอใช้เกียรติอันสูงส่งที่สุดของข้ารับประกัน ไม่มีทางทีผู้อื่นแอบดูเจ้าแน่!” เขากะพริบตา ชูมือขวาสาบานด้วยสีหน้าขึงขัง 

 

 

ดวงหน้าซึ่งขาวนวลใสราวกับหยกมันแพะซับสีแดงสดใส อวี้เจียเอ่ยออกมาเบาๆ “เจ้า…เจ้า…รู้ได้อย่างไร…หึ เจ้ามีเกียรติด้วยหรือ?!” 

 

 

“ดูน้องสาวพูดเข้าสิ” หลินหว่านหรงหัวเราะฮิฮะ “ข้ามีสมญานามว่าบุคคลที่เที่ยงตรงจิตใจดีงามอันดับหนึ่งของต้าหัว ทุกคนต่างเคารพนับถือ ขอเพียงข้าเฝ้าอยู่ตรงนี้ ผู้อื่นต่างต้องยำเกรงต่อสมญานามของข้า ไม่มีทางกล้าเข้ามาใกล้สถานที่แห่งนี้แน่ เจ้าลงแม่น้ำไปอย่างกล้าหาญและวางใจเถอะ!” 

 

 

เยวี่ยหยาเอ๋อร์กัดฟันกรอด แค่นเสียงแล้วพูดว่า “พูดว่าป้องกันผู้อื่นอะไรกัน คนพวกนั้นข้ากลับไม่เป็นห่วง! ที่ข้าเป็นห่วง ก็คือเจ้า!” 

 

 

“เป็นไปไม่ได้กระมัง” หลินหว่านหรงสูดลมหายใจหนาวเหน็บ สองตาเบิกกว้าง ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ “คุณหนูอวี้เจีย คำพูดเช่นนี้เจ้าก็พูดออกมาจากปากได้? เจ้าไม่ลองไปสืบดูหรือ ที่ผ่านมามีแต่คุณหนูบ้านอื่นคิดแต่จะเอารัดเอาเปรียบข้า ไหนเลยยังต้องให้ข้าไปลวนลามผู้อื่นด้วย? เจ้าไม่เชื่อข้าไม่เป็นไร แต่เจ้าไม่อาจลบหลู่สายตาของสตรีอันดีงามของคุณหนูทั้งหลายของต้าหัวเราเหล่านั้นได้นะ! เฮ้อ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็ไม่มีอะไรพูดแล้ว น้องสาว เจ้าอาบให้ดีๆ ล่ะ ข้าจะไปแล้ว!” 

 

 

พอเขาพูดจบก็ชักเท่าจะเดินจากไป ท่าทางคล้ายไม่อาวรณ์เช่นนั้น เขาเปลือยแขนสวมเพียงกางเกงชั้นใน ทว่าเมื่อเดินเหินกลับเดินด้วยท่าทางองอาจสง่าผ่าเผย น่าหัวร่อยิ่งนัก 

 

 

อวี้เจียแค่นเสียง ไม่สนใจเขา เสียงย่ำฝีเท้าดังไกลออกไปเรื่อยๆ เจ้าโจรนั่นเหมือนจะไปแล้วจริงๆ ครานี้นางถึงเริ่มร้อนใจ เงยหน้าแล้วพูดว่า “เจ้า เจ้ารอก่อน!” 

 

 

เสียงนี้แม้จะเบา แต่เจ้าโจรนั่นคล้ายเงี่ยหูฟังนางร้องเรียกอยู่ เมื่อได้ยินนางเอ่ยปาก หลินหว่านหรงก็หยุดฝีเท้าดังขวับพร้อมหันกลับมา กล่าวระคนหัวเราะด้วยท่าทางเจ้าเล่ห์ “น้องสาว เจ้ากำลังเรียกข้าอยู่หรือ?” 

 

 

รู้ทั้งรู้ยังจะมาถามอีก! อวี้เจียหน้าแดงซ่าน ก้มหน้าลงพร้อมแค่นเสียง “ไม่ได้เรียกเจ้า!” 

 

 

หลินหว่านหรงหัวเราะร่วนพร้อมเดินเข้ามา “เช่นนั้นข้าจะไม่ไสหัวก่อนชั่วคราว! ทำไมหรือ คุณหนูอวี้เจีย เปลี่ยนแปลงความคิด เชื่อในเกียรติของข้าแล้วหรือ?!” 

 

 

“เชื่อสิถึงจะแปลก!” อวี้เจียหน้าร้อน หากบอกว่าอัวเหล่ากงคนนี้เป็นคนดี ตัวนางเองก็ยังไม่อาจโน้มน้าวใจตัวเองได้เลย 

 

 

เดินทางในทะเลทรายมายี่สิบกว่าวัน ขาดน้ำขาดอาหารกลับยังทนได้ สำหรับผู้หญิงที่รักความสะอาดเช่นนางนี้ การไม่ได้อาบชำระล้างถึงจะเป็นความทรมานอันยิ่งใหญ่มากที่สุด ไม่ง่ายดายเลยกว่าจะเดินทางออกจากทะเลทรายได้ แต่นางกลับคืนสู่สภาพนักโทษ รอบด้านมีทหารคอยจับตามอง สตรีผู้งดงามคนหนึ่งเช่นนางไหนเลยจะกล้าลงไปเล่นน้ำได้? 

 

 

โชคดีที่มีอัวเหล่ากงอยู่ เจ้าโจรนี่ถึงแม้จะเลว แต่กลับยังดีกว่าคนอื่นมากมายเหลือเกิน ช่วงเวลาสำคัญ ปราศจากตัวเลือก คงได้แต่พึ่งพาเขาแล้ว 

 

 

นางคล้ายกำลังหาเหตุผลให้ตัวเอง ใบหน้าแดงระเรื่อ พูดเสียงค่อยออกมาว่า “เจ้า…เจ้าหันหน้ากลับไป อยู่ไกลจากข้าสักหน่อย ห้ามดู!” 

 

 

หลินหว่านหรงหัวเราะเสียงดังอย่างปลอดโปร่ง สาวเท้าเดินออกไปหลายจั้ง ข้างหลังกลับมีเสียงแผ่วเบาของอวี้เจียลอยเข้ามาอีก “จะ..เจ้า…ห้ามเดินออกไปไกลนัก!” 

 

 

นี่กลับแปลกแล้ว ตอนนั้นก็ให้ข้าออกไปไกลหน่อย ตอนนี้มาบอกให้ข้าอย่าไกลเกินไปอีก สรุปแล้วจะเอาอย่างไรกันแน่? 

 

 

“ข้า…ข้ากลัวความมืด!” เสียงซึ่งแฝงอาการสั่นเทาของสาวน้อยดังอยู่ข้างหลังเขา หลินหว่านหรงนิ่งอึ้ง หัวเราะฮ่าๆ เสียงดังออกมาทันที ที่แท้ผู้หญิงทูเจวี๋ยก็เหมือนกับผู้หญิงต้าหัวของเรา ต่างมีโรคกลัวความมืดเหมือนกัน ไม่เข้าใจผู้หญิงเลยจริงๆ ความมืดมีอะไรน่ากลัวกัน ข้าชอบฟ้ามืดมากที่สุดแล้ว! 

 

 

เมื่อเห็นเขาหยุดฝีเท้า เยวี่ยหยาเอ๋อร์จึงไม่พูดแล้ว “เจ้า…เจ้าห้ามหันมานะ!” หลังจากกำชับคราหนึ่ง ด้านหลังก็มีเสียงเสียดสีของเสื้อผ้าดังสวบสาบ เห็นชัดว่าอวี้เจียกำลังถอดเสื้อผ้าแล้ว 

 

 

สาวน้อยทูเจวี๋ยผู้นี้ผิวกระจ่างใสประดุจหยก เรือนร่างก็แจ่มแจ๋ว ข้าจะใช้สายตาชื่นชมงานศิลปะ ชมดูด้วยตัวเองสักครั้งดีไหมนะ?! แต่ถ้าทำแบบนี้จะไม่เป็นการทำลายชื่อเสียงของข้าหรอกหรือ…ตอนข้าอยู่ต่อหน้าซื่อเต๋อกับเหล่าเกา มีภาพลักษณ์อันน่าเทิดทูนมากเลยนะ แล้วจะทำลายด้วยตัวเองได้อย่างไรกัน?! 

 

 

ใจเขาผุดความคิดของเดรัจฉาน ครุ่นคิดอยู่นาน ในที่สุดก็กัดฟันกรอดพร้อมแค่นเสียง นักชื่นชมงานศิลปะผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งจะต้องพบสายตาดูแคลนจากชาวโลกและเสียสละเกียรติภูมิของตนเอง ความคิดอันสูงส่งเช่นนี้ ไม่ใช่ข้าแล้วจะเป็นใครได้? 

 

 

ขณะที่เขากำลังจะแอบหมุนตัวก็ได้ยินเสียงน้ำดังตูมอยู่ข้างหลังคราหนึ่ง จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงตวาดเจื้อยแจ้วระคนความเอียงอายของสาวน้อย “ห้ามแอบดู ห้ามหมุนตัว!” 

 

 

แม่หนูนี่กลับระแวงป้องกันนักนะ หลินหว่านหรงร้องอ้แล้วพูดว่า “ข้าไม่แอบดูเจ้า แต่ว่านะ เพื่อความยุติธรรม คุณหนูอวี้เจีย ขอให้เจ้าอย่าแอบมองข้าด้วยล่ะ! หากข้าเห็นว่าเจ้าแอบดูข้า ข้าจะต้องแอบดูเจ้า ข้าพูดได้ก็ทำได้ มีความสามารุก็ลองดู…โอ๊ย!” 

 

 

มีก้อนหินขนาดเล็กลอยมาจากทางด้านหลังกระแทกเท้าเขาเข้าพอดี เสียงแค่นลมหายใจเบาๆ ของอวี้เจียลอยเข้ามา 

 

 

เจ้าไม่แอบดูข้าแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าข้าแอบดูเจ้า?! สาวน้อยมองแผนการเขาออก ด้วยความอายและโมโหระคนกันจึงถลึงตามองเขาอย่างดุดันคราหนึ่งไม่ได้ จากนั้นก็ส่งคำเตือนให้เขาไปด้วย  

 

 

คำชาวบ้านกล่าวได้ดี ผู้หญิงอาบน้ำ ไม่มีวันจบสิ้น! อวี้เจียผู้นี้สถานะสูงส่ง รักความสะอาดเท่าชีวิต กินลมทะเลทรายอยู่ในทะเลทรายมาตั้งหลายวันขนาดนั้น ตอนนี้ยากเย็นนักกว่าจะมีช่วงเวลาอันสงบสุขเพื่ออาบชำระล้างให้ดีๆ แล้วจะยอมเลิกราโดยง่ายได้อย่างไรกัน เสียงดังซ่าๆ อยู่ข้างหลัง อีกทั้งยังแฝงเสียงร้องเพลงด้วยความสุขของสาวน้อยอีกด้วย เพียงแต่น่าเสียดายที่นั่นเป็นภาษาทูเจวี๋ย เขาฟังไม่ออกเลย เฮ้อ! 

 

 

อาบชำระล้างมันสำคัญมากขนาดนั้นจริงหรือ? หลินหว่านหรงอดที่จะสงสัยไม่ได้ ก่อนหน้านี้สาวน้อยยังเต้นผางราวกับพยัคฆ์คำรามอยู่เลย แล้วเหตุใดอาบไปอาบมากลับหัวเราะมีความสุขขึ้นมาได้? ไม่เข้าใจจริงๆ! 

 

 

ขดตัวอยู่บนก้อนหิน ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าใด รู้สึกเพียงขานั่งจนชาแล้ว เขาทนไม่ไหวแล้วจริงๆ ดังนั้นจึงกระโดดขึ้นมาพร้อมร้องเรียก “น้องสาว เจ้าชำระล้างเสร็จแล้วหรือไม่? ข้าอยากจะออกไปถ่ายเบา!” 

 

 

กลิ่นหอมอ่อนๆ ลอยเข้ามา เสียงแค่นลมหายใจคล้ายเอียงอายคล้ายตำหนิของเยวี่ยหยาเอ๋อร์แว่วมาจากข้างหลัง “เจ้าคนนี้นี่ ไม่มีช่วงที่จริงจังบ้างหรืออย่างไร?!” 

 

 

หลินหว่านหรงหันกลับมา เพียงมองเท่านั้นก็ต้องนิ่งงันไป 

 

 

ผิวพรรณที่ขาวสะอาดประดุจหยก กระจ่างใสดั่งวารี ริมฝีปากสีแดงสดคล้ายดอกตูมสีชมพูซึ่งกำลังจะผลิบาน ใบหน้าแดงระเรื่อเล็กน้อย ราวกับดอกกุหลาบที่งามเฉิดฉัน นัยน์ตาทั้งสองข้างที่เรียบเฉย ราวกับสายรุ้งที่ลอยอยู่เหนือผิวน้ำ คล้ายกับจะดึงดูดคนเข้าไปได้ เรือนผมงามสีดำขลับยังประดับด้วยคราบน้ำที่ยังไม่แห้ง แผ่ลงมาอย่างอ่อนโยนพลิ้วไหวราวกับน้ำตกที่เปล่งประกาย 

 

 

กลิ่นหอมสะอาดจางๆ ลอยเข้ามา ภายใต้แสงจันทร์ สาวน้อยทูเจวี๋ยสวมชุดกระโปรงของชนเผ่านอกด่านสีเหลือง ชายกระโปรงยาวพลิ้วขึ้นมาถึงข้อเท้าขาวสะอาดของนาง วาดโครงร่างที่เต็มไปด้วยส่วนโค้งส่วนเว้าของนางออกมาเป็นเส้นโค้งอันน่าลุ่มหลง  

 

 

มุมปากของนางหยักยกขึ้นเล็กน้อย เผยรอยยิ้มเอียงอายทว่าหยิ่งผยองออกมา ภายในดวงเนตรที่ชุ่มชื่นราวกับวารีเปล่งประกายเย็นเยียบระยิบระยับออกมาเป็นระยะ ยิ่งแสดงความแน่วแน่และดื้อดึงของนางออกมาให้เห็นชัดเจน นี่ก็คือสตรีที่จะยากจะสยบได้ยิ่งนางหนึ่ง! 

 

 

 

 

 

—— 

 

 

[1] นกจิงเว่ยถมทะเล เป็นตำนานโบราณของจีน เอ่ยถึงเรื่องขององค์หญิงผู้หนึ่งซึ่งร่างของเธอจมลงสู่และทะเลและเกิดใหม่เป็นนกจิงเว่ย ทุกวันจะคอยคาบหินก้อนเล็ก กิ่งไม้ และเมล็ดพืชจากเขาฟาจิวที่อาศัยอยู่ไปทิ้งยังท้องทะเลตะวันออก ต้องการถมทะเลให้เต็ม เพื่อแก้แค้น 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด