ยอดเซลล์แมนทะลุมิติ 574 – 2 ยากจะจัดการ

Now you are reading ยอดเซลล์แมนทะลุมิติ Chapter 574 - 2 ยากจะจัดการ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

การเดินทางขึ้นเขาครั้งนี้เส้นทางลาดชันมากขึ้นเรื่อยๆ พื้นผิวน้ำแข็งและหิมะลื่นมากขึ้นเรื่อยๆ ปีนป่ายยากลำบากเหลือแสน ไม่รู้ว่าเดินทางไปนานเท่าไหร่แล้ว ทันใดนั้นเบื้องหน้าก็สว่างวาบ แสงคลื่นน้ำจากทะเลสาบอันกว้างใหญ่ไพศาลปรากฏอยู่ตรงหน้า ทะเลสาบแห่งนี้มีพื้นที่ใหญ่โตยิ่งนัก เรียวยาวคดเคี้ยว แผ่ขยายออกไปไม่มีที่สิ้นสุด สายน้ำสงบนิ่งดุจกระจก ใสสะอาดราวกับน้ำค้างยามรุ่งอรุณ รอบเนินเขามีต้นอวิ๋นซาน ต้นไป๋หัว ต้นหยางหลิ่ว งอกเงยตั้งตระหง่านเต็มไปหมด ทางด้านตะวันตกของทะเลสาบสะท้อนเงาของศาลาหอเก๋งอันวิจิตรงดงามหลายหลัง ยอดเขาเขียวขจีและภูเขาหิมะซึ่งสะท้อนลงในน้ำนั้นแกว่งไกวลอยล่องไปตามระลอกคลื่น งดงามน่าลุ่มหลง ราวกับโลกแห่งเซียนที่ลงมาสู่แดนดิน  

 

 

ทัศนียภาพอันงดงามเช่นนี้ทำให้ทุกคนเห็นแล้วต้องลมหายใจหยุดชะงัก เกาฉิวกล่าวด้วยท่าทีเหม่อลอยออกมาว่า “มารดามัน หรือว่านี่จะเป็นสระเหยาฉือแห่งสวรรค์เก้าชั้นฟ้าในตำนาน?” 

 

 

“พี่เกาสมกับที่มีความรู้” หลินหว่านหรงกล่าวพลางหัวเราะร่วน “สถานที่แห่งนี้ก็คือสระสวรรค์ที่มีชื่อเสียงเลื่องลือมากที่สุดของเทียนซาน และก็คือเหยาฉือที่พระแม่ซีหวางหมู่จัดงานเลี้ยงลูกท้อในตำนาน ตามตำนานเล่าว่าเมื่อสามพันปีก่อน โจวมู่อ๋องโดยสารรถม้าแปดตัวเทียมมุ่งมาเทียนซานทางทิศประจิมเพื่อมาร่วมงานเลี้ยงนี้โดยเฉพาะ ชนรุ่นหลังแต่งกลอนชื่นชมออกมาว่า พระแม่เบิกพระวิสูตรริมเหยาฉือ ยินเพียงเสียงพลิ้วแพรเหลือเศร้าอาดูร อาชาแปดตัวเดินทางได้สามหมื่นลี้ มู่อ๋องจะหวนคืนในคราใด และนี่ก็หมายถึงทัศนียภาพอันงดงามของเหยาฉือ แม้แต่โจวมู่อ๋องก็ยังอดกลับมาอีกครั้งไม่ได้” 

 

 

เป็นเหยาฉือแห่งสวรรค์เก้าชั้นฟ้าจริงด้วย เมื่อได้ฟังคำอธิบายของหลินหว่านหรงนี้ ทุกคนจึงยิ่งวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างคึกคักขึ้นมาทันที แม้แต่อวี้เจียที่กำลังตัวสั่นงันงกด้วยความหนาว ดวงตาก็ยังเป็นประกาย อดทอดสายตามองรอบตัวไม่ได้ สระสวรรค์อันบริสุทธิ์สงบนิ่งสะท้อนหิมะสีขาวกระจ่างใส ประหนึ่งผิวกระจกที่สะท้อนยอดหิมะอันสะอาดบริสุทธิ์ ในทะเลสาบมีหิมะ ในหิมะมีทะเลสาบ ทัศนียภาพล้ำเลิศยากจะได้พานพบได้ 

 

 

“เป็นอย่างไร สระสวรรค์เป็นเช่นไร” หลินหว่านหรงหัวเราะพร้อมถามทุกคนที่อยู่รอบกาย 

 

 

“ล้ำเลิศ ล้ำเลิศ” เสี่ยวหลี่จื่อปรบมือหัวเราะร่า “พี่หลิน หากท่านมีเวลาว่างจะต้องพาท่านน้าสวีมาดูนะขอรับ นางชอบท่องเที่ยวธรรมชาติมากที่สุดแล้ว หากทราบว่ามีเหยาฉือสวรรค์เก้าชั้นฟ้าแห่งนี้อยู่ นางจะต้องยินดีจนกระโดดโลดเต้นแน่นอน เมื่อพวกท่านวิวาห์ก็มาสร้างบ้านไม้อยู่ที่นี่สักหลังหนึ่ง ทุกปีเจียดเวลาว่างมาอยู่สักระยะหนึ่ง ข้าจะได้แวะมาเที่ยวด้วย ฮิๆ” 

 

 

เจ้าเด็กนี่เพิ่งจะหายจากอาการบาดเจ็บสาหัสก็กลับคืนสันดานเดิมเสียแล้ว แม้แต่กุนซือสวีก็กล้าเอามาล้อเล่นได้ เรื่องราวระหว่างแม่ทัพหลินและกุนซือสวีทุกคนต่างรู้อยู่แก่ใจ ครั้นเห็นหลี่อู่หลิงพูดเรื่องนี้ออกมาอย่างโจ่งแจ้ง ทุกคนจึงหัวเราะฮ่าๆ เสียงดัง บรรยากาศครึกครื้นทันที 

 

 

ครั้นนึกถึงสวีจื่อฉิงที่อยู่ไกลถึงเฮ่อหลานซาน นึกถึงคำสาบานเรื่องฝังทรายนั้น หลินหว่านหรงก็อดสะท้อนใจไม่ได้ ยังมีพวกของชิงเสวียน หนิงเอ๋อร์ซึ่งอยู่ไกลถึงเมืองหลวงอีก ยามนี้เกรงว่าคงกำลังนับนิ้วคำนวณเวลา รอคอยการหวนคืนอย่างปลอดภัยของตนอย่างทรมานเป็นแน่ เขาถอนหายใจเล็กน้อย ดวงตาเปียกชื้นแล้ว 

 

 

อวี้เจียเบือนหน้าไป ทอดสายตามองสระสวรรค์ซึ่งมีหมอกปกคลุมแผ่ศาลอย่างสงบนิ่ง แอบฟังเสียงหายใจยาวของหลินหว่านหรง นางก็ใจเต้นเร็วรี่ ดวงตาเหม่อลอยมากยิ่งขึ้น 

 

 

ชื่อของสวีจื่อฉิงนางย่อมเคยได้ยิน ที่แท้เจ้าโจรคนนี้กับกุนซือหญิงแห่งต้าหัวผู้นี้ก็มีความสัมพันธ์กันด้วย นางขบกรามแน่น ใจเต้นบัดเดี๋ยวเร็วบัดเดี๋ยวช้า ยากที่จะควบคุมได้ 

 

 

เจ้าโจรคนนี้ช่างเป็นคนที่แปลกประหลาดมากที่สุดบนโลกเสียจริง ดูท่าทางเจ้าเล่ห์ คล้ายไม่มีความรู้สักเท่าไหร่ แต่ทุกครั้งเขามัก หยิบยกออกมาอย่างต่อเนื่องเป็นเรื่องเป็นราว เล่าเรื่องที่น่าหลงใหลหลายเรื่อง ราวกับถือติดมือออกมาอย่างง่ายดาย ทั้งยังน่าดึงดูดใจยิ่งนัก การเดินทางผ่านทะเลทราย ผ่านเทียนซานก็เหมือนการเดินทางท่องเที่ยวชื่นชมธรรมชาติเที่ยวหนึ่ง ประกับพายุทะเลทราย ชมหอคอยของเซิ่น ชมสระสวรรค์ ฟังเขาเล่าเรื่องราวแปลกประหลาดมากมายตลอดเส้นทาง เวลาผ่านไปราวกับสายน้ำไหล ต่อให้ต้องทนรับความทรมานและเหนื่อยล้ามากอีกสักเพียงใด ตนเองก็ไม่รู้สึกรู้สาแม้แต่น้อย 

 

 

นางนิ่งเหม่อลอย ใจบัดเดี๋ยวร้อนบัดเดี๋ยวเย็น ไม่รู้เป็นเพราะเหตุใดถึงมีน้ำตาไหลรินลงมา 

 

 

พวกของเกาฉิวเห็นเยวี่ยหยาเอ๋อร์ซึ่งกำลังหลั่งน้ำตา ทุกคนต่างกะพริบตา หัวเราะฮ่าๆ พลางลากหลินหว่านหรงไปด้านข้าง “น้องหลิน เรื่องมงคล เรื่องมงคล!” 

 

 

“เรื่องมงคลจากที่ใด?” เมื่อเห็นรอยยิ้มลามกที่ผุดขึ้นที่มุมปากของเหล่าเกา หลินหว่านหรงก็อดสั่นสะท้านไม่ได้ 

 

 

เกาฉิวทำปากบุ้ยใบ้ไปทางนั้น พูดหัวเราะฮิฮะประกบข้างใบหูหลินหว่านหรง “น้องชายสมกับเป็นยอดฝีมือ ดูจากท่าทางของอวี้เจียนี้ เกรงว่าใจคงยอมสยบแล้ว ด้วยสถานะอันสูงส่งน่าเทิดทูนของเจ้า หากไปสยบสาวน้อยทูเจวี๋ยผู้นี้ นั่นจะไม่ใช่เรื่องมหามงคลของนางแล้วหรือ” 

 

 

ที่แท้ก็เรื่องมงคลเช่นนี้นี่เอง หลินหว่านหรงส่ายหน้าเล็กน้อย “พี่เกา ท่านรู้สึกว่าอวี้เจียผู้นี้สูงส่งหรือไม่?” 

 

 

“สูงส่ง!” 

 

 

“ฉลาดหรือไม่?!” 

 

 

“ฉลาด!” 

 

 

“เช่นนั้นก็ถูกแล้ว” หลินหว่านหรงกล่าวด้วยท่าทางสบายๆ “สถานะของอวี้เจียไม่ธรรมดา ท่านก็รู้ตั้งแต่แรก สตรีซึ่งทั้งสูงส่งหยิ่งผยอง ทั้งยังงดงามฉลาดหลักแหลม โดยเฉพาะสตรีผู้โดดเด่นเช่นอวี้เจียคนนี้ จะยอมสยบง่ายดายขนาดนั้นเลยหรือ?!” 

 

 

ไอ้เรื่องนี้กลับไม่เคยคิดมาก่อน เกาฉิวพูดพึมพำ “ผู้อื่นอาจจะไม่ได้ แต่ด้วยเสน่ห์ของน้องหลิน นั่นคงเป็นอีกเรื่องแล้วล่ะ” 

 

 

หลินหว่านหรงตบบ่าเขา กล่าวอย่างเคร่งขรึมออกมาว่า “พี่เกา เกิดเป็นคนจะต้องถ่อมตน ข้านอกจากจะหล่อสักหน่อย ความรู้มากสักหน่อย คุณสมบัติดีสักหน่อยแล้ว เรื่องอื่นก็ไม่มีเสน่ห์อันใด ไม่อาจรับคำชมเช่นนี้จากท่านได้จริงๆ ท่านเองก็ห้ามป่าวประกาศไปทั่ว ให้พี่น้องนับพันนี้ค่อยๆ เข้าใจทีละน้อยก็แล้วกัน การไม่ทำตัวโดดเด่นถือเป็นพื้นฐานในการเป็นคนของข้ามาตลอด” 

 

 

น้องหลินช่างถ่อมตัว ไม่ทำตัวโดดเด่นมากจริงๆ เกาฉิวผงกศีรษะเหงื่อแตกท่วมตัว “เช่นนั้น คุณหนูอวี้เจียผู้นี้มันเรื่องอันใดกันแน่” 

 

 

“ข้าก็อยากรู้ไอ้เจ้าปัญหานี้เหมือนกัน” หลินหว่านหรงแบมือทั้งสองข้างออก ถอนหายใจอย่างเงียบงันคราหนึ่ง “แต่เมื่อดูจากสถานการณ์ในปัจจุบัน ไม่ใช่แค่ข้าไม่เข้าใจ แม้แต่ตัวนางเองก็ไม่ค่อยแน่ใจด้วยเช่นกัน ท่านว่ายังมีเรื่องที่จัดการยากกว่านี้อีกหรือไม่” 

 

 

ยากมากจริงด้วย เกาฉิวมองเขาด้วยความเห็นใจอย่างยิ่ง ประกับสตรีเช่นอวี้เจียนี้ ก็มีแค่น้องหลินเท่านั้นถึงจะสู้สูสีกับนางได้ หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น คงวางอาวุธยอมจำนนไปตั้งแต่แรกแล้ว 

 

 

เดินทางผ่านสระสวรรค์พร้อมกับแบกความในใจมุ่งตรงไปยังยอดเขา น้ำแข็งและหิมะมีมากขึ้นเรื่อยๆ รวมตัวกันทั่วทุกสารทิศ อยู่ห่างจากยอดเขาอีกแค่ไม่กี่ร้อยจั้ง หลินหว่านหรงแหงนหน้าทอดสายตามองออกไปไกล เห็นเงาของขุนเขาสีเขียวอยู่รำไรใต้ผืนนภาอันห่างไกล ล่องลอยราวกับไม่มีอยู่จริง ทอดสายตามองไปไม่เห็นจุดสิ้นสุด 

 

 

หูปู้กุยยืนอยู่ข้างกายเขา กล่าวด้วยความตื่นเต้นออกมาว่า “ท่านแม่ทัพ ที่นั่นคือสถานที่ที่พวกเราต้องไปถึงใช่หรือไม่ขอรับ?” 

 

 

“ไม่ผิด” หลินหว่านหรงออกแรงโบกมือ “นั่นก็คือภูเขาอาเอ่อร์ไท่ จากตรงนี้เป็นต้นไปทหารม้าต้าหัวก็จะเหยียบย้ำทำลายราชธานีทูเจวี๋ยแล้ว!” 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด