อยากกินไหมล่ะ 747

Now you are reading อยากกินไหมล่ะ Chapter 747 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นัดบอด

“เธอถูกลอตเตอรี่งั้นเหรอ?” คนที่เหลือต่างมองเมิ่งเมิ่งด้วยความประหลาดใจ

“เธอถูกลอตเตอรี่จริงๆใช่ไหม?” ผู้คนทางด้านหลังต่างอยากเบียดตัวไปข้างหน้า แต่ในขณะนั้นก็ยังมีผู้คนอีกมากมายรายล้อมอยู่รอบตัวเมิ่งเมิ่ง

ทุกคนถามเมิ่งเมิ่งขึ้นพร้อมกันขณะที่ผู้คนทางด้านหลังต่างพากันชะเง้อมองเธอด้วยความสงสัย

ทุกคนอยากเห็นหญิงสาวที่ถูกลอตเตอรี่และอยากได้โชคดีจากเธอบ้าง พวกเขาไม่มีเจตนาอื่นใดเป็นพิเศษทั้งนั้น อีกทั้งยังไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการชมดูเหตุการณ์อันแสนคึกคักอีกด้วย

หลังจากนั้นเถ้าแก่ก็เอ่ยปากให้ผู้คนแยกย้ายกันไป “เอาล่ะ พรรคพวก ขอฉันดูรางวัลหน่อยเถอะ โทษทีนะ”

“นี่ค่ะเถ้าแก่ นี่เป็นลอตเตอรีของฉันเอง” เมิ่งเมิ่งยื่นลอตเตอรี่ให้เขาไป

“ว้าว แม่สาวน้อย เธอโชคดีจริงๆเลยนะ” เถ้าแก่มองเมิ่งเมิ่งด้วยความประหลาดใจ ถึงแม้เขาจะเห็นเธอซื้อลอตเตอรี่ด้วยตนเอง แต่เถ้าแก่ก็ยังตรวจสอบความถูกต้องด้วยวิธีการง่ายๆอยู่ดี จากนั้นเขาก็เอ่ยชื่นชมเธอพลางอมยิ้ม

“ใช่ค่ะ เพราะวันนี้ฉันมีดาวนำโชคและตัวนำโชคของตัวเองมาด้วยค่ะ” เมิ่งเมิ่งพยักหน้าแล้วกล่าว

“โอเค ลอตเตอรี่ไม่มีปัญหา ฉันจะไปขึ้นเงินมาให้นะ” เถ้าแก่ขึ้นเงินรางวัลให้ผู้ถูกรางวัลก่อนในจำนวนที่เท่ากัน หลังจากนั้นเขาค่อยไปเบิกเงินคืนจากกองสลากพร้อมลอตเตอรี่พวกนั้น

“ขอบคุณค่ะเถ้าแก่” เมิ่งเมิ่งพยักหน้าแล้วยิ้มอย่างมีความสุข

ผู้ชมในสตรีมสดระเบิดอารมณ์ขึ้นมาทันทีที่พวกเขาเห็นว่าเมิ่งเมิ่งถูกลอตเตอรี่จริงๆ

[อะไรกันเนี่ย น่าเหลือเชื่อจริงๆ เธอถูกลอตเตอรี่จริงๆด้วย แถมยังเป็นรางวัลใหญ่อีกต่างหากแน่ะ ออกไปซื้อลอตเตอรี่ตอนนี้ยังทันอยู่ไหม?] จากจี้เย่เจีย

[น่าแปลกชะมัด! ตอนนี้ฉันชักจะอยากซื้อลอตเตอรี่เสียแล้วสิ ถ้าหากถูกรางวัลสัก 1 หยวนก็ไม่เลวเลยจริงๆ] จากจิ้งจอกเงินหลิวหลี

[เมิ่งเมิ่งโชคดีจริงๆเลย เธอถูกลอตเตอรี่จริงๆเสียด้วยสิ ฉันกำลังรอดูรางวัลอยู่เลย] จากเต้าฟาซูเซียง

เมื่อเห็นความยินดีและความอยากรู้อยากเห็นเต็มหน้าจอ เมิ่งเมิ่งก็ถึงกับอ้าปากเช่นกัน

“ขอบคุณนะทุกคน ไม่ต้องเป็นห่วง ฉันจะรักษาสัญญา แล้วฉันก็จะบริจาคเงินและจัดให้มีการจับฉลากอย่างแน่นอน คอยดูแล้วกัน” เมิ่งเมิ่งตอบทีเดียว

ทันทีที่เมิ่งเมิ่งกล่าวเช่นนั้นแล้ว ก็มีข้อความแวบผ่านบนหน้าจออีกครั้ง แต่คราวนี้พวกเขาเปลี่ยนหัวข้อแล้วและเริ่มคุยกันเรื่องอาหารในร้านหยวนโจวตลอดจนการนัดทานอาหาร

ถึงอย่างไรพวกเขาก็เคยได้ยินมาจากโทรทัศน์ว่ายากยิ่งกว่าถูกลอตเตอรี่เสียอีก แต่ส่วนใหญ่พวกเขาก็ไม่เคยพบเคยเห็นเรื่องแบบนั้นมาก่อนเลยในชีวิต ดังนั้นพวกเขาจึงค่อนข้างสนใจเรื่องนี้กันมาก

[ยินดีด้วยนะ เมิ่งเมิ่ง ฉันรอส่วนแบ่งจากเธออยู่นะ ใครสามารถบอกได้บ้างว่ารางวัลเป็นอะไรงั้นเหรอ?] จากข้าเมามายจันทรา

[ดูเหมือนว่าจะได้เวลาไปกินเมนูข้าวร้อยอย่างที่ร้านหยวนโจวเสียแล้วสิ] ลูกไฟปีศาจในคืนฝนโปรย

[มานัดกันไปกินเมนูข้าวร้อยอย่างของเถ้าแก่หยวนกันเถอะ เข้ามาเลย พรรคพวก] จากผงผสม

[ทำไมเธอไม่พาเราไปเลี้ยงเมนูข้าวร้อยอย่างของเถ้าแก่หยวนคนละที่เสียเลยล่ะ? หลังจากพวกเรากินเข้าไปแล้ว ฉันเดาว่าโชคของเราต้องพุ่งถึงขีดสุดเชียวแหละ วิธีแบบนี้ไว้ใจได้มากเลยนะ] จากบุตรชายคนรองของขนห่านป่า

“ฮ่าฮ่า ถ้าหากเถ้าแก่หยวนจัดให้มีแบบห่อกลับบ้านได้ พวกคุณคงเสนอรางวัลแบบนี้แหงๆเลย แต่พวกคุณไม่รู้เหรอว่าเถ้าแก่หยวนเป็นถึงเจ้าเข็มทิศเชียวนะ? แน่นอนว่ารางวัลย่อมเป็นไปไม่ได้เลย” เมิ่งเมิ่งเองก็มีส่วนร่วมในการปรึกษาหารือเรืองรางวัลอย่างมีความสุขเช่นกัน

เมิ่งเมิ่งพูดถูก แต่ทว่ากลับไม่อาจหยุดยั้งสติปัญญาของผู้ชมทั้งหลายได้ พวกเขาพบวิดีโอสตรีมสดช่วงก่อนหน้านี้ของเมิ่งเมิ่งที่จับภาพตัวอย่างของข้าวนึ่งจากเมนูข้าวร้อยอย่างมาได้กล่าวคือทันทีที่โจวเจียยกข้าวสวยกับน้ำข้าวมาให้เธอนั่นเอง

จากนั้นพวกเขาก็เผยแพร่ภาพตัวอย่างลงบนโมเมนต์เผื่อจะโชคดีกว่านี้

พวกเขาไตร่ตรองอย่างรอบคอบแล้ว ถ้าหากเมิ่งเมิ่งสามารถทานอาหารที่นำเสนอในร้านหยวนโจวได้ฟรีๆก็ย่อมไม่มีสิ่งใดในโลกที่พวกเขาจะไม่สามารถทำได้อีกแล้ว

ผลก็คือเกิดเทรนด์ใหม่บนอินเตอร์เน็ต ผู้คนที่ไม่รู้เรื่องราวอย่างแน่ชัดเริ่มรู้สึกสับสน น้ำข้าวสามารถนำโชคดีมาให้พวกเขาได้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? เพราะความสับสนดังกล่าวจึงทำให้เกิดเรื่องตลกมากมายตามมา

ระหว่างมื้อค่ำ พี่วั่นที่ไม่ได้มาที่นี่สองสามวันแล้วมาที่ร้านหยวนโจวอีกครั้ง

“สายัณห์สวัสดิ์จ้า” พี่วั่นทักทายหยวนโจวทันทีที่เธอเข้าประตูมา

“สายัณห์สวัสดิ์ครับ” หยวนโจวพยักหน้า

“ขอก๋วยเตี๋ยวน้ำใสที่นึงนะ” พี่วั่นสั่งอาหารทันที

“ได้เลย รอสักครู่นะครับ” หยวนโจวพยักหน้า

“ขอบใจ” พี่วั่นนั่งลงและเอ่ยขอบคุณเขา

แต่หยวนโจวกลับส่ายหน้าแล้วบอกว่า “ด้วยความยินดี” หลังจากนั้นเขาก็เข้าครัวไป

ในขณะนั้นก็มีอีกคนมานั่งลงข้างๆพี่วั่น เป็นม่านม่านที่ยุ่งง่วนอยู่กับร้านใหม่ของเธอนั่นเอง

“พี่วั่นมาแล้ว” ม่านม่านทักทายพี่วั่นก่อนที่จะเรียกโจวเจียเพื่อสั่งอาหาร

“ฉันรู้สึกเหมือนสามารถกินวัวได้ทั้งตัวแล้ว เพียงแค่มีเงินไม่พอแค่นั้นเองแหละ” ม่านม่านมองดูเมนูแล้วทอดถอนใจ

“ฉันคิดว่าหุ่นของเธอไม่เอื้ออำนวยให้ทานอะไรแบบนั้นเสียอีก” โจวเจียกับพี่วั่นกล่าวขึ้นพร้อมกัน

“พวกเราต่างก็เป็นผู้หญิง ผู้หญิงไม่ควรจะทำร้ายผู้หญิงด้วยกันนะ” ม่านม่านเหลือบมองทั้งสองคนแล้วกล่าวอย่างช่วยไม่ได้

“เอาล่ะ สั่งอาหารของเธอไปเถอะ” พี่วั่นส่งสัญญาณให้ม่านม่านสั่งอาหารต่ออย่างสุภาพ

และโจวเจียเองก็ยื่นมือออกมาแล้วทำท่าทางให้เธอสั่งอาหารต่อ

“เอาล่ะ ฉันขอก๋วยเตี๋ยวน้ำใสเหมือนพี่วั่นก็แล้วกันนะ” ม่านม่านเลือกบะหมี่ที่ทั้งง่ายและอร่อยแถมยังมีไขมันน้อยอีกด้วย

“ได้ค่ะ เดี๋ยวจะยกมาเสิร์ฟให้นะคะ” เมื่อโจวเจียยืนยันการได้รับเงินแล้วก็ออกไปรับออเดอร์คนอื่นๆต่อ

“ฉันได้ยินมาว่าพี่ฝืนไปนัดบอดอีกแล้วงั้นเหรอ?” จู่ๆม่านม่านก็กล่าวขึ้นมาทันที

“อืม” พี่วั่นเพียงแค่พยักหน้าโดยไม่ได้พูดอะไรสักคำ

ทัศนคติของพี่วั่นค่อนข้างแตกต่างไปจากก่อนหน้านี้แล้ว ทุกครั้งที่เธอนัดบอดเสร็จก็ไม่พ้นต้องมาบ่นเรื่องนั้นเรื่องนี้กับคนอื่นๆ แน่นอนว่าเธอไม่ได้บ่นเรื่องฝ่ายชาย แต่กลับบ่นเรื่องที่ถูกจัดให้ไปนัดบอดแทน

นอกจากนี้เธอยังบ่นเรื่องความแปลกประหลาดของนักจัดหาคู่ที่แนะนำเธอให้ฝ่ายชายรู้จัก จากที่เธอเล่าให้ฟัง จู่ๆฝ่ายชายก็ถามขึ้นมาทันทีว่า “ทำไมคุณดูไม่เหมือนจางม่านอวี้เลยล่ะครับ?” ทันทีที่เขาเห็นเธอในการนัดบอดเมื่อคราวที่แล้ว

นั่นเป็นเรื่องที่ทำให้พี่วั่นรู้สึกกดดันจริงๆ จริงอยู่ที่เธอเป็นคนหน้าตาดีและค่อนข้างสุภาพอ่อนโยนแถมยังเรียบร้อยอีกต่างหาก แต่ก็ยังมีระยะห่างระหว่างตัวเธอกับจางม่านอวี้อยู่ดี

แต่นักจัดหาคู่กลับแนะนำไปว่าเธอสวยจนยากจะหาผู้ใดเปรียบได้ซึ่งส่งผลทำให้ฝ่ายชายรู้สึกผิดหวังเอามากๆ

ส่วนการนัดบอดย่อมล้มเหลวอยู่แล้ว

แต่คราวนี้พี่วั่นกลับไม่พูดอะไรสักคำซึ่งตรงกันข้ามกับอุปนิสัยยามปกติของเธอ ม่านม่านใคร่ครวญดูสักครู่พลางจ้องมองพี่วั่นด้วยความสงสัยแล้วถามขึ้นมาว่า “พี่วั่น คราวนี้ปิ๊งเขาเข้าแล้วใช่ไหม?”

“เปล่าสักหน่อย” พี่วั่นปฏิเสธอย่างใจเย็น

“แล้วทำไมคราวนี้ทัศนคติของพี่ถึงได้แตกต่างไปจากก่อนหน้านี้เล่า?” ม่านม่านถามด้วยความสงสัย

“ใช่ ดูเหมือนเธอแปลกๆไปนะ” อู๋ไห่ลูบหนวดเครากระจุ๋มกระจิ๋มของตัวเองแล้วกล่าวด้วยความสงสัย

“เพราะนัดบอดคราวนี้พิเศษอยู่นิดหน่อย” พี่วั่นนึกอยู่สักครู่และในที่สุดก็เจอคำที่เหมาะสม

“พิเศษงั้นเหรอ? ฉันอยากรู้รายละเอียดเพิ่มเติม” ม่านม่านถามด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็น

“ฉันบอกไม่ได้หรอก มีคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย” พี่วั่นดูค่อนข้างจนปัญญา

“มีใครที่เข้ามาเกี่ยวข้องงั้นเหรอ?” ม่านม่านดึงแขนพี่วั่นแล้วถาม

“ฉันไง ฉันนี่แหละที่เกี่ยวข้อง” เฉินเว่ยเข้าประตูและดูเคร่งขรึมจริงจังตามปกติ เมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาก็พูดขัดจังหวะขึ้นทันที

“นายเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ได้ไงอ่ะ? ทำไมต้องเข้ามาขัดจังหวะการสนทนาของสาวๆเขาด้วย?” อู๋ไห่จ้องมองเฉินเว่ยด้วยความสงสัยและไม่เข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด

แน่นอนว่าอู๋ไห่ย่อมหาใช่คนเดียวที่ไม่เข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้น แม้แต่หยวนโจวที่ภายนอกดูสงบนิ่งทว่ากลับรู้สึกสับสนในใจ

ในทางกลับกัน ม่านม่านกลับมีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างรวดเร็วยิ่ง เธอจ้องมองพี่วั่นแล้วค่อยจ้องมองเฉินเว่ยที่มีสีหน้าเดี๋ยวดำเดี๋ยวแดงและจู่ๆเธอก็ชี้ไปทางเฉินเว่ยอย่างไม่อยากจะเชื่อ “งั้นนายก็เป็นฝ่ายนัดบอดงั้นเหรอ?”

เมื่อม่านม่านพูดออกมา บรรดาลูกค้าในร้านต่างก็จับจ้องมาที่เขาทันที

“อืม เป็นฉันเองแหละ” เฉินเว่ยนั่งลงแล้วพยักหน้า

“อะแฮ่ม อะแฮ่ม อะแฮ่ม เอาล่ะ…” จู่ๆม่านม่านก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดีเมื่อเธอได้ยินเฉินเว่ยยอมรับเรื่องนั้น

จากนั้นร้านก็ตกอยู่ในความเงียบงันทันที

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด