อยากกินไหมล่ะ 852 เขาถึงกับตกตะลึงกับความยอดเยี่ยมของตนเองเสียแล้ว

Now you are reading อยากกินไหมล่ะ Chapter 852 เขาถึงกับตกตะลึงกับความยอดเยี่ยมของตนเองเสียแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

อยากกินไหมล่ะ 美食供应商

บทที่ 852 เขาถึงกับตกตะลึงกับความยอดเยี่ยมของตนเองเสียแล้ว

การมาบรรจบกัน ณ ที่นี้หาได้มีความหมายตามตัวอักษรแต่อย่างใด ถ้าจะพูดให้ถูกแล้วมันก็คือสภาวะสมดุลที่สอดประสานกันระหว่างโลกและสวรรค์นั่นเอง

ในผลงานแกะสลักมังกรนพเก้าของหยวนโจวนั้น มังกรเมฆาเป็นทั้งสวรรค์แล้วก็โลก ดังนั้นหลังจากก้อนเมฆกับมังกรมาบรรจบเข้าหากันก็เลยทำให้มังกรทั้งเก้าตัวพลอยบรรจบเข้าหากันไปด้วย

ผลงานแกะสลักมังกรนพเก้าของหยางซู่ซินมีมังกรขนดชัดเจนอยู่ตรงกึ่งกลาง ส่วนตระกูลมังกรนพเมฆาของหยวนโจวจะสามารถสังเกตได้จากรายละเอียดเล็กๆน้อยๆเท่านั้น

โชคดีที่ปัญหาของผลงานแกะสลักชิ้นนี้ถูกแก้ไขแล้วและมีเพียงสิ่งเดียวที่สามารถมองเห็นได้ก็คือเมฆหมอกอันหนาทึบเพียงเท่านั้น

ก้อนเมฆหนาทึบ และแค่เพียงมองปราดเดียวเท่านั้นก้อนเมฆก็แลดูราวกับม่านแห่งท้องนภา เมื่อสอดส่ายสายตาเข้าไปในก้อนเมฆก็จะเห็นมังกรสามตัวซ่อนตัวอยู่ข้างใน

มังกรตัวหนึ่งมีแววตากระจ่างสดใสทั้งยังดูเหมือนจะเคลื่อนไหวได้ว่องไวราวกับอสนีบาตผ่าฟาดด้วยความเบิกบานใจ

มังกรอีกตัวหนึ่งมีเกล็ดที่เรียงกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยให้ความรู้สึกร่าเริงราวกับจิตวิญญาณกำลังอาบอยู่ในสายรุ้งก็มิปาน

ส่วนมังกรอีกตัวหนึ่งแสดงฟันของมันออกมาราวกับกำลังครุ่นคิดว่าจะสามารถทำให้แผ่นดินไหวและเขย่าขุนเขาได้อย่างไรกัน

นั่นช่างเป็นภาพที่น่าตกตะลึงมาก แม้ว่าสิ่งนี้จะเป็นผลงานแกะสลักน้ำแข็งแต่ก็ยังสามารถรู้สึกได้ถึงความน่าเกรงขามของมังกร นอกเหนือไปจากนั้น ต้นท้อในฤดูหนาวยังทำหน้าที่เป็นเส้นแบ่งอันชัดเจนในผลงานแกะสลักชิ้นนี้ราวกับเป็นต้นไม้ที่เทพเซียนเป็นผู้รังสรรค์ขึ้นอันเป็นต้นไม้ที่มีโดดเด่นอย่างหาที่เปรียบมิได้

จากด้านซ้ายของผลงานแกะสลัก จะสามารถมองเห็นกิ่งก้านว่างเปล่าของต้นท้ออันบ่งบอกว่าผลงานแกะสลักจะไม่ให้ความรู้สึกน่าเกรงขามดังกล่าวจากมุมมองมางด้านซ้าย

จากมุมมองทางด้านซ้ายอาจจะเห็นได้ว่าก้อนเมฆดูเบาบางและนุ่มนวล มังกรกำลังคำรามอยู่ท่ามกลางก้อนเมฆดูเหมือนก้อนเมฆทว่าก็หาใช่ก้อนเมฆ ทั้งยังดูเหมือนมังกรทว่าก็หาใช่มังกรอีกด้วย

ง่ายๆก็คือผลงานแกะสลักน้ำแข็งชิ้นนี้ถึงระดับที่ไม่ว่าใครที่กำลังวิเคราะห์มันอยู่หรือเพียงแค่มองผ่านๆก็ไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าก้อนเมฆจะเปลี่ยนเป็นมังกร หรือจะเป็นมังกรที่หลอมรวมเข้ากับก้อนเมฆ ไม่ว่าใครก็สามารถมองเห็นสายลมที่กำลังก่อตัวขึ้นกับก้อนเมฆที่กำลังล่องลอย เมฆที่กำลังก่อตัวขึ้นและมังกรคำราม

จากแต่ละมุมไม่ว่าใครก็คงสามารถมองเห็นสิ่งที่แตกต่างได้ และตรงกึ่งกลางทางด้านซ้ายของผลงานแกะสลักก็คือต้นท้อในฤดูหนาวทั้งยังให้ความรู้สึกที่แตกต่างไปจากมุมต่างๆอีกด้วย จากด้านหน้าจะมีกิ่งก้านเป็นจำนวนมาก และจากทางด้านหลังมีแค่กิ่งก้านโดดเดี่ยวอยู่เท่านั้น

เมื่อมองดูผลงานแกะสลักชิ้นนี้จากด้านหลัง สิ่งแรกที่เห็นก็คือมังกรหาใช่ก้อนเมฆแต่อย่างใด

หนวดมังกรห้อยตกส่วนดวงตาปิดสนิทโดยมีก้อนเมฆวนรอบกายขณะที่มันกำลังเอกเขนกอยู่นั้นก็มีบางส่วนซุกซ่อนอยู่ท่ามกลางก้อนเมฆ

ถ้าหากใช้การจัดจำแนกประเภทมังกรแบบดั้งเดิมของหยางซู่ซิน มังกรตัวนี้อาจจะถูกจัดจำแนกให้เป็นมังกรหมอบ แต่ในผลงานแกะสลักของหยวนโจว มังกรตัวนี้เป็นมังกรจอมวิตก ระหว่างหนวดห้อยตก ดวงตาปิดสนิทและเขาที่ดูเหมือนจะถูกทำลายลงไปตามกาลเวลาที่ผันผ่าน มังกรดูแก่ชราส่วนเมฆที่พัดม้วนไปรอบตัวราวกับเป็นโลหิตของมังกรเมฆา

และข้างๆมังกรตัวนี้ก็คือมังกรตัวเล็ก ดูเหมือนว่าจะมีน้ำตาคลอคลองอยู่ในดวงตาของมัน ก้อนเมฆทั้งสง่างามและแปรเปลี่ยนไม่แน่นอนทว่าลำตัวของมังกรกลับขดอยู่

ไม่จำเป็นต้องอธิบายในส่วนนี้เลย เมื่อมองดูผลงานแกะสลักจากด้านหลังก็สามารถเข้าใจเรื่องราวได้ มังกรเมฆาเฒ่ากำลังจะตายอยู่แล้วแต่กลับเป็นกังวลเรื่องอนาคตของมังกรเยาว์วัย

มังกรเมฆาตัวเล็กรู้สึกทุกข์ใจและหวาดกลัวจึงคอยเฝ้าปกป้องมังกรเมฆาเฒ่าอยู่ข้างๆตลอดเวลา

ถ้าหากจะบอกว่าผลงานแกะสลักมังกรนพเก้าของหยางซู่ซินได้ทิ้งระเบิดลูกใหญ่เอาไว้แล้วล่ะก็ผลงานแกะสลักมังกรนพเก้าของหยวนโจวก็คงเป็นหัวรบนิวเคลียร์ที่สร้างความแตกตื่นให้แก่ผู้คนในทันที

คงไม่ใช่เรื่องกล่าวเกินจริงที่จะบอกว่าเมื่อปราศจากคณะกรรมการควบคุมระเบียบแถวคอยจัดระเบียบก็จะมีผู้คนรีบยื่นหน้าไปมองผลงานแกะสลัก

“ผลงานแกะสลักน้ำแข็งที่ทั้งสองคนนี้แกะสลักออกมาเป็นแบบเดียวกับผลงานแกะสลักที่ฉันเห็นตามปกติหรือเปล่านะ?”

“มังกรทั้งเก้าตัวราวกับมีชีวิตจริงโดยแต่ละตัวให้ความรู้สึกที่ต่างออกไป นี่ช่างเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์นัก”

“เวรเอ้ย เวรเอ้ย เวร เวรเอ้ย”

“วันนี้นับเป็นวันที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมาเลยก็ว่าได้ ฉันถึงกับได้เห็นผลงานแกะสลักน้ำแข็งของยอดฝีมือทั้งสองเปล่าๆปลี้ๆเลย”

“ผลงานแกะสลักเหล่านี้ช่างน่าคารวะอย่างถึงที่สุด พวกเขาน่ามหัศจรรย์เกินไปแล้ว”

ผลงานของยอดฝีมือด้านการแกะสลักน้ำแข็งไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ที่มีความเข้าใจในระดับหนึ่งจึงจะสามารถชื่นชมได้ แม้ว่าจะไม่มีความเข้าใจอะไรเลยเกี่ยวกับการแกะสลักก็ยังสามารถเข้าใจถึงความยิ่งใหญ่ของผลงานชิ้นเอกได้

เป็นธรรมชาติของมนุษย์เราที่แสวงหาความงาม

บางคนยุ่งง่วนอยู่กับการถ่ายภาพ ในขณะที่บางคนอยากจะมีดวงตาเพิ่มขึ้นเพื่อจะได้มองผลงานแกะสลักเหล่านี้ได้มากขึ้น

“ฉันรู้สึกว่าผลงานแกะสลักของเถ้าแก่หยวนดีกว่านะ ดูสิ แม้แต่สีหน้าของมังกรก็ยังแจ่มชัดเลย นี่มันบ้าไปแล้วชัดๆ”

“เถ้าแก่หยวนน่าทึ่งเกินไปแล้ว ถ้าหากฉันมีฝีมือการใช้มีดได้ดีสักครึ่งหนึ่งของเขาล่ะก็ฉันคงจะสามารถหาเงินได้มากพอไปกินอาหารในร้านของเขาทุกวันเลยเชียวล่ะ”

“ฉันหมายความว่าผลงานแกะสลักของอาจารย์หยางก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน ดูสิ มีขุนเขาและสายน้ำแถมยังมีมังกรทุกรูปแบบเลย ช่างให้ความรู้สึกครบถ้วนสมบูรณ์เสียจริงๆ”

หลายๆคนชื่นชอบผลงานแกะสลักของหยางซู่ซินเช่นเดียวกัน ถึงอย่างไรก็นับว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้คนจะมีความชอบที่แตกต่างกันไป

แต่ส่วนมากแล้วพวกเขาจะชื่นชอบผลงานแกะสลักของหยวนโจวมากกว่า ถึงอย่างไรตระกูลมังกรนพเมฆาก็เป็นงานศิลป์อันวิจิตรบรรจงอย่างแท้จริง

ลูกค้าบางคนถึงกับพูดเสียงดังออกมาด้วยความประหลาดใจ

“ก่อนหน้านี้ฉันลองค้นหาในอินเตอร์เน็ตดูแล้วพบว่าคนผู้นี้มีนามว่าหยางซู่ซิน เขาเป็นหนึ่งในสุดยอดช่างแกะสลักน้ำแข็งในประเทศของเราเชียวล่ะ ในตอนนั้นฉันรู้สึกว่าถึงแม้เถ้าแก่หยวนจะเก่ง แต่อย่างมากเขาก็แค่เสมอกับหยางซู่ซินผู้นี้ ถึงอย่างไรเถ้าแก่หยวนก็มีความเชี่ยวชาญในการทำอาหาร ทว่ากลับคาดไม่ถึงเลยว่าจากผลงานที่เสร็จสมบูรณ์แล้ว ผลงานแกะสลักมังกรนพเก้าของเถ้าแก่หยวนดูเหมือนจะดีกว่าเสียอีก”

ทั่วทั้งสถานที่เต็มเปี่ยมไปด้วยการสนทนาอันคึกคักกับทุกผู้ทุกคนที่กำลังพูดคุยกันขึ้นมาในทันที เมื่อคราวที่แล้วสถานที่แห่งนี้คึกคักเป็นอันมากก็เมื่อตอนที่หยวนโจวมอบส่วนลดให้นั่นแหละ

ที่มาของผู้คนอันแสนมีชีวิตชีวาพวกนี้ทำให้ตอนนี้หยวนโจวกับหยางซู่ซินต่างอ่อนล้าทั้งกายและใจโดยสิ้นเชิง หยวนโจวจึงกลับเข้าไปนั่งพักในร้าน ขณะที่หยางซู่ซินนั่งลงบนเก้าอี้ที่ผู้ช่วยของเขานำมาให้

“อาจารย์หยวนผู้นี้เก่งเกินไปแล้ว…” เฟิ่งน้อยผู้เป็นผู้ช่วยพึมพำออกมาพลางมองไปที่ผลงานของหยวนโจว “แต่ไม่เป็นไรหรอกยังไงอาจารย์ก็ยอดเยี่ยมที่สุดอยู่แล้ว ถึงอย่างไรเขาก็ฝึกฝนมานานหลายปีและเปี่ยมประสบการณ์นัก แต่อาจารย์น้อยหยวนผู้นี้จะสามารถแกะสลักมังกรนพเก้าได้งั้นรึ?”

ทั้งหยวนโจวกับหยางซู่ซินต่างยุติการพักผ่อนพร้อมกันแล้วกลับไปทำผลงานแกะสลักของพวกเขาต่อ พวกเขายืนอยู่ตรงหน้าผลงานแกะสลักของตนเองแล้วจ้องมองผลงานของตนเอง

หยางซู่ซินพยักหน้าพลางมองไปที่ผลงานของตนเอง เขารู้สึกพอใจกับผลงานชิ้นนี้มากทีเดียว ดูเหมือนว่าเขาจะเข้าใจบางสิ่งบางอย่างแล้วเช่นกัน

อันที่จริงแล้วคราวนี้ไม่ได้ดูเหมือนว่าเกินกว่าขีดความสามารถของเขาที่จะทำผลงานแกะสลักมังกรนพเก้าชิ้นนี้ เขาเพียงแค่พยายามให้มากขึ้นก็เท่านั้น พูดอีกอย่างก็คือเมื่อก่อนตอนที่เขากำลังแกะสลักมังกรนพเก้า เขาจะรู้สึกเหนื่อยล้าตอนที่เขามาถึงมังกรตัวที่เจ็ด และตอนที่เขามาถึงตัวที่แปดก็จะยอมแพ้ไปแล้ว

หาใช่เพราะว่าเขาขี้เกียจแต่เป็นเพราะเขาล่ามโซ่ใส่ตรวนตนเองเอาไว้ต่างหากเล่า

แต่เมื่อเขากำลังแข่งขันกับหยวนโจว เขาก็ฝืนตัวเองเพื่อยืนหยัดให้ถึงที่สุดทำให้เขาทำลายโซ่ตรวนที่พันธนาการตนเองเอาไว้ได้และบรรลุผลงานที่เขาพึงพอใจออกมาได้

หยางซู่ซินมองไปทางหยวนโจวด้วยสีหน้าไร้อารมณ์แล้วก็สรุปได้ว่าบางทีหยวนโจวผู้นี้อาจจะรู้เรื่องนั้นอยู่นานแล้วก็เป็นได้

ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อหยางซู่ซินนึกขึ้นได้ว่าดูเหมือนหยวนโจวจะไม่กังวลใจเลยสักนิด เขาก็สรุปได้เลยว่าหยวนโจวช่างมีพรสวรรค์อันยากจะพบได้ด้วยวัยเพียงเท่านี้ นอกจากนี้เขายังมีอุปนิสัยและลักษณะของสุดยอดผู้เชี่ยวชาญอีกต่างหาก

ถึงแม้ว่าหยางซู่ซินจะไม่มีเวลาที่จะมาวิเคราะห์ผลงานของหยวนโจว แต่จากท่าทีตอบสนองของผู้คนแล้วก็เห็นได้ชัดเลยว่าหยวนโจวเองก็มีผลงานที่เสร็จสมบูรณ์แล้วเช่นเดียวกัน

อีกด้านถึงแม้ว่าหยวนโจวจะมีสีหน้าไร้อารมณ์ แต่เมื่อเขาจ้องมองไปที่ผลงานแกะสลักมังกรนพเก้าของตนเอง เขาก็นึกในใจว่า “ให้ตายเถอะ ผลงานแกะสลักน้ำแข็งสวยงามออกขนาดนั้น นี่เป็นสิ่งที่ฉันแกะสลักออกมาจริงๆหรือ?”

เขารู้สึกตกตะลึงกับตนเองเป็นอันมาก

หลังจากพวกเขามองดูผลงานของตนเองแล้วก็ได้เวลาที่จะดูผลงานของฝ่ายตรงข้ามบ้างแล้ว ทั้งหยางซู่ซินและหยวนโจวต่างก็เดินไปยังผลงานแกะสลักน้ำแข็งของอีกฝ่าย

ไม่มีกรรมการตัดสินผู้ชนะในการแข่งขันครั้งนี้ แม้แต่เฒ่าเหยียนและเฒ่ากู่ก็เพียงแค่ได้รับเชิญให้ไปชมดูเท่านั้น

หยวนโจวกับหยางซู่ซินเข้าใจโดยปริยายว่าพวกเขาจะต้องตัดสินว่าใครจะเป็นผู้ชนะกันเอาเอง

“สิบคะแนนครับ” นี่คือคะแนนที่หยวนโจวมอบให้แก่หยางซู่ซิน มีสายน้ำและมังกรที่แตกต่างกันทั้งเก้าตัวที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังชีวิตราวกับมีชีวิตจริง ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนก็ไม่มีข้อบกพร่องเลยสักนิด นี่คือผลงานชิ้นเอกโดยแท้จึงคู่ควรแก่ 10 คะแนนที่หยวนโจวมอบให้แล้ว

และเมื่อหยางซู่ซินมองไปที่ผลงานแกะสลักมังกรนพเก้าของหยวนโจว…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด