อยากกินไหมล่ะ 847 ขายหมี่หวานกับหมี่เผ็ด

Now you are reading อยากกินไหมล่ะ Chapter 847 ขายหมี่หวานกับหมี่เผ็ด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

อยากกินไหมล่ะ 美食供应商

บทที่ 847 ขายหมี่หวานกับหมี่เผ็ด

เพื่อกันมิให้อู๋ไห่เดินผ่านเลยไป หยวนโจวจึงเรียกอู๋ไห่เอาไว้เสียก่อน

“อู๋ไห่ รอเดี๋ยว” หยวนโจวกล่าวขึ้นมา

“โอเค” อู๋ไห่พยักหน้าพลางลูบหนวดเครา

หยวนโจวกลับเข้าไปในร้านแล้วเก็บอุปกรณ์เข้าที่และล้างมือให้สะอาดก่อนที่จะออกไปข้างนอกอีกครั้ง

“นายรู้ว่าฉันกำลังแกะสลักก้อนเมฆได้ยังไงกัน?” หยวนโจวถามหลังจากที่เขาเดินออกมา

“ก็มันเห็นกันโต้งๆอยู่แล้วนี่” อู๋ไห่กล่าวพลางยิ้มเยาะขณะที่กำลังลูบหนวดเครา “ไม่มีอะไรสามารถหลุดรอดสายตาอันเฉียบคมของฉันไปได้หรอกน่า”

หยวนโจวเอาแต่จ้องมองอู๋ไห่เงียบๆโดยไม่พูดอะไร เขาไม่เชื่อคำพูดที่อู๋ไห่เพิ่งจะเอ่ยออกมาเรื่องสายตาอันเฉียบคมเลยสักนิดเดียว เพียงแค่มองด้วยสายตาห่อเหี่ยวที่เขามีอยู่

“ก็ได้!” จู่ๆอู๋ไห่ก็กล่าวขึ้นมาพลางชี้ไปที่หยวนโจว

“อะไรเหรอ?” หยวนโจวถึงกับพูดไม่ออกกับการกระทำอันปุบปับฉับพลันเช่นนี้

“นายคงมีเรื่องที่อยากจะถามฉันแน่ๆเลย ถ้างั้นนายก็ต้องเลี้ยงอาหารฉันด้วย ไม่งั้นไม่ว่าจะเป็นคำถามอะไรฉันก็ไม่ตอบหรอกนะ” อู๋ไห่กล่าวด้วยสีหน้าราวกับจะบอกว่า ‘แผนการของนายถูกฉันมองออกแล้วล่ะ’

“นายนี่มันสนใจแต่เรื่องกินจริงๆเลยนะ” หยวนโจวตะลึงงันไปวูบหนึ่งกับเหตุผลของอู๋ไห่ก่อนที่เขาจะทันได้ตอบ

“แหงล่ะ ไม่มีอะไรในชีวิตที่สำคัญไปกว่าเรื่องกินอีกแล้ว” อู๋ไห่พยักหน้า

“ก็ได้ๆ ฉันจะเลี้ยงอาหารนายเอง เพื่อตอบแทนเรื่องที่นายจะบอกเรื่องก้อนเมฆกับฉันก็แล้วกัน” หยวนโจวมองไปรอบๆแล้วตอบตกลง

“โอเค ฉันอยากจะกิน…” อู๋ไห่ลูบหนวดเคราด้วยความตื่นเต้นขณะที่เตรียมจะสั่งอาหารของตนเอง

“งั้นก็เอาเป็นหมี่หวานกับหมี่เผ็ดที่แผงลอยตรงนั้นขายก็แล้วกัน ดูท่าทางน่ากินเชียวล่ะ” หยวนโจวชี้ไปทางแผงลอยที่อยู่ข้างผับ

แผงลอยประกอบขึ้นมาจากรถเข็นธรรมดาๆกับถังน้ำร้อนสองใบที่ผลิตขึ้นมาจากเหล็กกล้าไร้สนิมบนรถเข็น ระหว่างถังทั้งสองใบนั้นสามารถมองเห็นขวดเครื่องปรุงรสเป็นจำนวนมากได้เลย

และสิ่งที่ห้อยแขวนอยู่บรรถเข็นก็คือผ้าไนล่อนสีแดงที่เขียนว่าหมี่หวานกับหมี่เผ็ด

“เถ้าแก่หยวน คุณมีรสนิยมดีนี่นา บะหมี่เผ็ดและหวานเป็นที่เลื่องลือเรื่องรสชาติอร่อย คุณอยากได้สักสองชามหน่อยไหมล่ะ?” พ่อค้าเร่ตอบก่อนที่อู๋ไห่จะทันได้ตอบอะไรขึ้นมา

“ครับ” หยวนโจวพยักหน้า

“เจ้าเข็มทิศ!” อู๋ไห่รู้สึกโมโหและหงุดหงิดมากเสียจนเลิกลูบหนวดเคราเสียแล้ว

“ฉันจะเลี้ยงบะหมี่นายเอง กลิ่นหอมชะมัดเลย” หยวนโจวกล่าวขณะที่เขาหันไปมองอู๋ไห่เพียงแวบเดียว

ดูเหมือนว่าเขาจะปราศจากความหวาดกลัวโดยสิ้นเชิงถึงแม้ว่าอู๋ไห่ดูเหมือนชักอยากจะกัดเขาขึ้นมาแล้ว

ถึงอย่างไรหยวนโจวก็เป็นคนที่เลี้ยงเจ้าซุปมา แน่นอนว่าเขาย่อมไม่กลัวอู๋ไห่ที่ย่อมมิใช่คู่ประมือของเจ้าซุปในด้านการกัดแน่ๆ

“เอาล่ะ เอาล่ะ ลืมมันไปเสียเถอะ ฉันจะรับไว้ก็แล้วกัน ฉันก็แค่แกล้งทำเป็นกินขนมด้วยเงินของเจ้าเข็มทิศเสียก็สิ้นเรื่อง” อู๋ไห่ปลอบใจตัวเองเมื่อพบว่าเหลือเวลาอีกตั้งสองชั่วโมงกว่าจะถึงมื้อกลางวัน

“ผมไม่ได้โม้นะ แต่หมี่หวานกับหมี่เผ็ดมีรสชาติที่พวกคุณต้องไม่เคยลิ้มลองมาก่อนอย่างแน่นอน พวกมันอร่อยมากเชียวล่ะ ไม่มีใครพูดเป็นอื่นได้เลยหลังจากได้ลองชิมดูแล้ว” เถ้าแก่กล่าวขึ้นระหว่างที่เติมเครื่องปรุงลงในบะหมี่ เขาพูดขณะที่สวมหน้ากากอนามัยอยู่ แต่หน้ากากกลับไม่สามารถปิดกั้นเสียงอันชัดเจนของเขาได้

“ผมเคยขายอยู่ที่อ่าวแล้วค่อยย้ายมาที่นี่เมื่อไม่นานมานี้เอง คนส่วนใหญ่ที่ตามฉันมาที่นี่ก็คือบรรดาลูกค้าขาประจำของผมเองแหละ หลังจากได้ลองชิมดูแล้วไม่มีใครบอกเลยว่าบะหมี่ของผมรสชาติแย่ คุณอยากลองชิมแบบเผ็ดหรือหวานดีล่ะ?” เถ้าแก่ถามขึ้นมา

“หวานแล้วก็เผ็ดกลางๆ”

“หวานแล้วก็เผ็ดจัด”

หยวนโจวเป็นคนที่ต้องการรสชาติกลางๆส่วนอู๋ไห่เป็นคนที่ต้องการรสชาติจัดจ้านนั่นเอง

“ได้เลย ไม่มีปัญหา แต่ผมไม่มีโต๊ะเก้าอี้นะ คุณต้องห่ออาหารกลับไป” เถ้าแก่จัดการอย่างคล่องแคล่วว่องไวจนเสร็จไปชามหนึ่งแล้ว

“ได้ครับ คุณไม่ต้องให้ตะเกียบเราก็ได้” หยวนโจวกล่าวขึ้นมา

“ใช่ครับ ผมด้วย” อู๋ไห่กล่าวขึ้นบ้าง

“โอเค งั้นผมก็จะได้ประหยัดต้นทุน ถึงยังไงนี่ก็เป็นแค่กิจการเล็กๆ ต้องขอบคุณทั้งสองท่านด้วยนะครับ” เถ้าแก่กล่าวด้วยความเบิกบานใจขณะที่เขายื่นบะหมี่ให้อู๋ไห่

“ด้วยความยินดีครับ” หยวนโจวกล่าว

“ว่าแต่ทำไมคุณถึงมาที่นี่เอาป่านนี้ล่ะครับ?” อู๋ไห่ถามขึ้นมา เขายังรู้สึกไม่พอใจกับความจริงที่ว่าเขาเพียงแค่สามารถขโมยชามบะหมี่จากหยวนโจวได้

“เอ่อ ผมมาตั้งแผงแค่คนเดียวก็เลยทำได้ไม่เร็วนัก ผมจะมาวันละสองครั้งตอนสิบโมงเช้าและห้าโมงเย็น” เถ้าแก่กล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ถึงตอนนี้คนก็จะหายไปหมดแล้วนะครับ” อู๋ไห่ต่อว่าเข้าให้

นั่นเป็นเรื่องจริง แผงลอยอื่นๆที่นี่จะเฝ้าติดตามช่วงเวลาอาหารสามมื้อที่ร้านหยวนโจว พวกเขาเพิ่งจะมาถึงก่อนหน้านี้และไม่มีใครจะออกมาระหว่างทั้งสองช่วงเวลาอย่างที่เถ้าแก่ผู้นี้มาที่นี่

“เอ่อ ผมได้พวกคุณเป็นลูกค้าแล้วใช่ไหม? ไม่เลวเลยทีเดียว” เถ้าแก่กล่าวด้วยรอยยิ้ม

สิ่งนี้ทำให้อู๋ไห่ถึงกับพูดไม่ออกไปแล้ว เขายืนถือชามบะหมี่อยู่ตรงนั้นโดยไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี

“กลิ่นหอมชะมัดเลย” หยวนโจวกล่าวพลางสูดกลิ่นบะหมี่

“แน่นอนว่าฉันย่อมเป็นคนเตรียมเครื่องปรุงรสขึ้นมาเอง” เถ้าแก่กล่าวด้วยความภาคภูมิใจ

“อืม แม้แต่บะหมี่และพริกคุณก็เป็นคนเตรียมขึ้นมาเองด้วยสินะครับ” หยวนโจวพยักหน้าแล้วกล่าวขึ้นมา

“ถูกต้องแล้วครับ สมกับที่เป็นเถ้าแก่หยวนจริงๆ สามารถมองออกเพียงการมองแค่ปราดเดียวเท่านั้น” เถ้าแก่กล่าวโดยที่รอยยิ้มหาได้เลือนหายไปจากใบหน้าเลย ดูเหมือนว่าเถ้าแก่จะเบิกบานใจมากทีเดียวที่หยวนโจวมาซื้อบะหมี่ของเขา ถึงอย่างไรท่ามกลางบรรดาพ่อค้าเร่ที่นี่ หยวนโจวก็มีตำแหน่งค่อนข้างสูง

ด้วยเหตุนี้เขาจึงสามารถพิจารณาบะหมี่ที่ได้รับการยอมรับของหยวนโจวได้

หยวนโจวพยักหน้าแล้วไม่ได้พูดอะไร

บางทีอาจเป็นผลมาจากชื่อเสียงของหยวนโจว แต่ผู้คนกลับเริ่มทยอยกันมาตั้งแผงลอยเช่นนี้ เนื่องจากตั้งร้านเพียงคนเดียว เขาจึงเริ่มยุ่งง่วนมาก

“ฉันจ่ายด้วยวีแชทเพย์ได้ไหม?”, “มีรสอะไรบ้างล่ะเถ้าแก่?”, “ในเมื่อแม้แต่เถ้าแก่หยวนก็ยังมาซื้อจากที่นี่เลย รสชาติต้องอร่อยแหงๆ”, “หายากนะเนี่ยที่เถ้าแก่หยวนจะออกมากินอาหารข้างนอกน่ะ” …

ไม่นานบะหมี่ของหยวนโจวก็เสร็จเช่นกัน หลังจากได้รับบะหมี่ของตนเองแล้ว หยวนโจวก็ถามราคาขึ้นมา

“ทั้งหมดสิบแปดหยวน ขอบคุณครับ” เถ้าแก่กล่าวขึ้นมา เห็นได้ชัดเลยว่าเถ้าแก่ยังด้อยประสบการณ์อยู่ ทันทีที่ผู้คนมากขึ้น เขาก็เริ่มสับสน เขารีบหยิบป้ายที่มีบาร์โค้ดสำหรับทางเลือกในการชำระเงินแบบออนไลน์ขึ้นมาสองแบบ

“โอเคครับ” หยวนโจวหยิบธนบัตร 20 หยวนออกมาแล้วยื่นส่งให้

“ทอนสองหยวน ขอบคุณครับ” เถ้าแก่กล่าวขณะที่เขากลับมาทอนเงินให้อย่างรวดเร็ว

“อืม” หยวนโจวพยักหน้าแล้วรับเงินทอนขณะที่เขาเตรียมตัวจะพาอู๋ไห่กลับร้าน

“แล้วก็คราวหน้าถ้ารู้สึกอยากกินบะหมี่ คุณก็สามารถเอาชามมาเองได้เลยนะเถ้าแก่หยวน ด้วยชามที่มีขนาดพอเหมาะพอดี บะหมี่จะให้รสชาติดีขึ้นเนื่องจากสามารถผสมเครื่องปรุงรสให้ดีกว่าเดิมได้” จู่ๆเถ้าแก่ก็กล่าวขึ้นมา

“ครับ คราวหน้าผมจะเอาชามมาเองนะครับ” หยวนโจวกล่าวขึ้นมา

“ไว้เจอกันครับ” เถ้าแก่กล่าวขึ้นมา จากนั้นเขาก็ไปให้บริการบรรดาลูกค้าของเขาต่อไป หลังจากนั้นก็เสิร์ฟอาหารให้ลูกค้าทั้งหมดแล้วเขาก็สังเกตพบว่าคนที่ขอวีแชทเพย์เมื่อก่อนหน้านี้ยังไม่ได้ชำระเงินเลย แถมเขายังยุ่งเกินกว่าจะทันสังเกตเห็นอีกต่างหาก

เถ้าแก่เลยสงสัยว่าเป็นเพราะปัญหาทางเทคนิคบางอย่างหรือไม่ เขาพบว่าเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะมีคนกำลังขโมยแปดหยวนไปจากเขา จากนั้นเขาก็กลับไปทำงานต่อ

“คราวหน้านายคงไม่เลี้ยงบะหมี่ฉันอีกใช่ไหม?” อู๋ไห่ถามขึ้นมา เขาแน่ใจว่าได้ยินบทสนทนาเกี่ยวกับการเอาชามมาเองคราวหน้าอย่างชัดเจน เรื่องมันชักจะอันตรายไปกันใหญ่แล้วทำให้อู๋ไห่ถึงกับต้องจ้องมองหยวนโจวด้วยความระแวดระวัง

“เจ้าหมอนี่ขี้เหนียวเกินไปหน่อยแล้ว” อู๋ไห่บ่นพึมพำอยู่ในใจ

“ฉันก็ไม่แน่ใจนะ” หยวนโจวตอบตามตรง

“ฉันขอปฏิเสธ ฉันขอปฏิเสธบะหมี่” อู๋ไห่กล่าวด้วยความฉุนเฉียว

“พวกเรามากินกันก่อนเถอะ” หยวนโจวกล่าวพลางยื่นตะเกียบให้อู๋ไห่

แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้ย่อมไม่ใช่ตะเกียบที่เจ้าระบบจัดเตรียมเอาไว้ให้แต่อย่างใด แต่เป็นตะเกียบสำรองที่หยวนโจวเตรียมเอาไว้ให้ตัวเอง ถึงอย่างไรตอนนี้ก็ไม่ใช่เวลาเปิดร้านนี่นา

อู๋ไห่กำลังโมโหใหญ่แล้ว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด