อยากกินไหมล่ะ 791 ความแตกต่างอันน้อยนิด

Now you are reading อยากกินไหมล่ะ Chapter 791 ความแตกต่างอันน้อยนิด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

อยากกินไหมล่ะ 美食供应商

บทที่ 791 ความแตกต่างอันน้อยนิด

“เถ้าแก่หยวน ผมมาอีกแล้ว” หลิวจางทักทายหยวนโจวทันทีที่นั่งลง

“คุณมาแล้วนี่เอง วันนี้อยากทานอะไรดีครับ?” หยวนโจวถามขึ้น

“วันนี้ผมพาคนมาด้วยน่ะครับ พวกเราว่าจะมาทานหมั่นโถวไหมพันเส้นกันครับ” หลิวจางชี้ไปทางจี้อี้ที่กำลังนั่งเงียบอยู่ข้างๆ

“สวัสดีครับ” หยวนโจวทักทายอย่างสุภาพ

“อืม” จี้อี้พยักหน้าโดยไม่พูดอะไรมาก

“เขาไม่ค่อยช่างพูดสักเท่าไหร่น่ะครับ งั้นเราขอหมั่นโถวไหมพันเส้นสองที่ ข้าวผัดไข่สองที่ กุ้งหางหงส์แล้วก็เต้าหู้น้ำมันขาวก็แล้วกัน” หลิวจางอธิบายก่อนสั่ง

“ได้ครับ โปรดรอสักครู่นะครับ” หยวนโจวพยักหน้าแล้วเดินเข้าครัวไป

“โอเค ผมกำลังหิวเชียวล่ะ” หลิวจางกล่าวอย่างมีความหวัง

หยวนโจวไม่ได้พูดอะไรอีก เขาเริ่มจดจ่ออยู่กับการทำอาหารขณะที่จี้อี้จ่ายค่าอาหาร ถึงอย่างไรอาหารมื้อนี้ก็ใช่ว่าจะถูกเสียเมื่อไหร่กัน

“นายกำลังหลอกเล่นกันอยู่ใช่ไหม? ถึงได้พาฉันมาของแพงเสียขนาดนี้” จี้อี้มองหลิวจางด้วยความสงสัย

“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า นายจะเข้าใจเองหลังจากได้ลองลิ้มรสอาหารนั่นแหละ แล้วอย่าคิดมาฉกชิงหมั่นโถวไหมพันเส้นของฉันเอาทีหลังเชียวล่ะ” หลิวจางเตือนล่วงหน้า

“นายคิดว่าฉันจะขี้ขโมยเหมือนนายหรือไง?” จี้อี้กล่าวอย่างดูหมิ่น

“ดีใจที่ได้ยินอย่างนั้นนะ” หลิวจางตอบโดยไม่โกรธสักนิด

ทั้งสองคนเถียงกันไปเถียงกันมาเพื่อยับยั้งมิให้จี้อี้ศึกษาวิธีการทำอาหารของหยวนโจวอย่างละเอียดถี่ถ้วน แต่เขาก็ยังสามารถเหลือบมองวิธีการทำอาหารของหยวนโจวได้พอประมาณอยู่ดีนั่นแหละ

“ไม่เลวเลยนี่ เขานวดแป้งด้วยมือจริงๆ” จี้อี้พยักหน้าเห็นด้วยพลางมองไปยังหมั่นโถวที่ถูกนึ่งเอาไว้

ขนมจะถูกเสิร์ฟหลังจากเสิร์ฟอาหารจานอื่นๆไปแล้ว หลิวจางที่อยู่ข้างจี้อี้สวาปามอาหารราวกับสุกรก็ไม่ปาน ส่วนจี้อี้กลับรอให้อาหารจานหลักมาเสิร์ฟ

แน่นอนว่าหลิวจางย่อมถามเขาอยู่แล้วล่ะว่าอยากให้เขาช่วยจัดการอาหารจานอื่นไหม แล้วก็แน่นอนว่าจี้อี้ย่อมไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากเขาอย่างแน่นอน

“หมั่นโถวไหมพันเส้นสองที่ค่ะ ทานให้อร่อยนะคะ” โจวเจียกล่าวพลางเสิร์ฟซาลาเปาไผ่อีกสองที่พร้อมหมั่นโถวให้พวกเขา

“ขอบคุณครับ” หลิวจางพยักหน้าแล้วหยิบหมั่นโถวไหมพันเส้นก่อนที่จะตักอาหารของตัวเองต่อไป

ในที่สุดจี้อี้ก็เริ่มกินเช่นเดียวกัน

ทันทีที่เปลือกซาลาเปาไผ่สีเขียวเข้มเลื่อนขึ้น กลิ่นหอมของข้าวสาลีก็จู่โจมเข้าใส่โพรงจมูกของเขาพร้อมไอควันที่ลอยวนขึ้นสู่อากาศ

“หอมดีจัง” จี้อี้พยักหน้าแล้วเริ่มศึกษาหมั่นโถว

หมั่นโถวมีขนาดเล็กจ้อยและดูเหมือนว่ากัดแค่สองคำก็คงจะหมดแล้ว แถมไม่ได้เป็นสีขาวราวหิมะเหมือนหมั่นโถวทั่วๆไปอีกด้วย แต่กลับเป็นสีออกเหลือง

“ดูน่ากินเหมือนกันนะนี่” จี้อี้ยอมรับรูปลักษณ์ของหมั่นโถว

ถึงแม้ว่าหมั่นโถวจะมีชื่อว่า “ไหมพันเส้น” ทว่ากลับไม่สามารถมองเห็นเส้นไหมสักเส้นจากมันได้เลย สิ่งนี้ดูทีแล้วน่าจะเป็นลักษณะของอาหารจานนี้เสียมากกว่า

จี้อี้ใช้ตะเกียบคีบหมั่นโถวขึ้นมา จากความรู้สึก เขาสามารถรู้สึกได้ว่าหมั่นโถวทั้งนุ่มและเด้งได้ หลังจากศึกษาดูอีกนิด เขาก็ส่งมันเข้าปาก

ลักษณะอันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของอาหารจานนี้ก็คือ “ไหมพันเส้น” และผลข้างเคียงของการแบ่งแป้งออกเป็นไหมพันเส้นก็คือการลดความยืดหยุ่นด้วยการเพิ่มความรู้สึกเป็นอิสระลงไป แต่สิ่งนี้หาใช่ในกรณีของหมั่นโถวที่หยวนโจวทำ มันยังนุ่มและเด้งมากอยู่เลย

งั่ม งั่ม จี้อี้เริ่มกินแล้ว

“น่าแปลก” จี้อี้ไม่ใช้ตะเกียบอีกต่อไป เขาฉีกหมั่นโถวส่วนที่เหลือออกแล้วมองดูเส้นไหมเรียวบางนับไม่ถ้วนที่ถักทอเข้าเข้าด้วยกันอยู่ข้างใน หลังจากที่ฉีกหมั่นโถวออกมาแล้ว กลิ่นของข้าวสาลียิ่งมาก็ยิ่งเข้มข้นขึ้น

จี้อี้ดึงเส้นไหมเส้นหนึ่งออกมา ในแวบแรก เส้นไหมมีสีออกเหลือง แต่ตอนที่เขากำลังศึกษารายละเอียดอยู่นั้นกลับปรากฏความมันวาว เป็นสีขาวสะอาดและสวยงามราวกับเกล็ดหิมะทั้งยังส่งกลิ่นหอมฟุ้งอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย

จี้อี้ยัดหมั่นโถวเข้าปาก ตามหลักแล้วยิ่งเส้นไหมเส้นนี้เรียวบางมากเท่าไหร่ก็น่าจะไร้รสชาติมากขึ้นเท่านั้น แต่ทว่ากลับหาได้เป็นเช่นนั้นไม่

เส้นไหมไม่ได้ละลายทันทีเมื่อเข้าสู่ปากเนื่องจากถูกชั้นของน้ำมันหมูห่อหุ้มเอาไว้ แต่กลิ่นหอมของน้ำมันหมูกลับเริ่มกระจายไปทั่วปากก่อนที่รสชาติอันนุ่มละมุนของข้าวสาลีจะเริ่มปรากฏออกมา

สิ่งนี้ทำให้เขานึกถึงช่วงวัยเด็กของตัวเอง เมื่อตอนนั้นเขาไม่ได้กินเนื้อมากสักเท่าไหร่นักและในที่สุดเมื่อเขามีโอกาสได้กินข้าวผสมน้ำมันหมูถ้วยหนึ่ง กลิ่นหอมฟุ้งของน้ำมันหมูกระจายไปทั่วปากของเขา นี่คือความรู้สึกที่แท้จริงที่เขารู้สึกในตอนนี้นั่นเอง

“วู ตอนที่เคี้ยวไปครั้งนึงรสหวานกับรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของน้ำมันหมูก็ติดไปด้วย แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นก็เถอะนะก็กลับไม่ได้กลิ่นหืนของเนื้อสัตว์เลย แต่กลับให้ความรู้สึกนุ่มละมุน อร่อย อร่อยจริงๆ”

“นี่คือขนมที่ดีเยี่ยมจริงๆ” จี้อี้รู้สึกพึงพอใจมาก

จี้อี้แสดงความชื่นชมอาหารจานนั้นระหว่างที่กินไปมากมาย รสชาติยอดเยี่ยมและในที่สุดก็เป็นการพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าหลิวจางไม่ได้หลอกให้เขามาที่นี่จริงๆ

เป็นเรื่องที่ค่อนข้างคาดไม่ถึงเลยว่าหยวนโจวผู้สร้างชื่อจากข้าวหน้าปลาหางไก่ญี่ปุ่นสามารถเตรียมปลาแบบนี้ขึ้นมาได้เช่นเดียวกัน

ความเข้าใจทั้งในเรื่องความหนาแน่นที่เกิดขึ้นระหว่างการนวดและช่วงเวลาในการหมักไม่มีข้อผิดพลาดเลยสักนิดเดียว

“นอกจากฉันแล้วจะมีใครสามารถทำหมั่นโถวไหมพันเส้นแบบนี้ได้อีกเล่า” จี้อี้จ้องมองคนหนุ่มอย่างหยวนโจวด้วยความรู้สึกว่าถึงเวลาที่จะถูกคนหนุ่มเข้ามาแทนที่เสียแล้ว จี้อี้ชักจะเริ่มคันไม้คันมือด้วยความท้าทายขึ้นมาแล้ว

ทว่า…

เขาวางตะเกียบลงแล้วชะงักไปเพียงครู่

“หมั่นโถวไหมพันเส้นจานนี้ยังไม่เหนือไปกว่าของฉันหรอกนะ ฉันสามารถตัดสินได้เลยว่าแค่เสมอกันเท่านั้นแหละ” จี้อี้ยังคงมั่นใจในหมั่นโถวของตัวเอง เขาจึงประเมินให้เสมอกัน

หมั่นโถวทั้งสองเสมอกัน

หลิวจางหาใช่คนที่พูดอะไรโดยไม่มีเหตุผล ในเมื่อเขาบอกว่าหมั่นโถวของที่นี่เหนือล้ำกว่าหมั่นโถวของเขาก็ย่อมต้องมีเหตุผลเป็นแน่

“ยังมีความแตกต่างกันอยู่นิดหน่อยนะ ลองกินดูอีกทีสิ” หลิวจางกล่าว

“โอ้?”

มีรสชาติอะไรที่เขาพลาดไปงั้นหรือ? จี้อี้ไม่เถียงแล้วเริ่มกินอีกที คราวนี้เขาค่อยๆเคี้ยวและลิ้มรสชาติของหมั่นโถวให้ละเอียดถี่ถ้วนราวกับว่าเขากำลังจะเปิดเผยทุกรสชาติที่ซ่อนอยู่ภายในนั้น

ถึงแม้ว่าจี้อี้จะแก่แล้ว ทว่าต่อมรับรสของเขายังคงอยู่ในสภาพเดิม เขาสามารถรับรู้รสชาติบางอย่างได้เพียงกัดแค่ไม่กี่คำเท่านั้น สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมมากขึ้นเรื่อยๆ

หลังจากเขากินหมั่นโถวจนเกลี้ยงแล้ว ก็สามารถมองเห็นเส้นประสาทบนใบหน้าของเขาได้เลย

“เถ้าแก่หยวน ขอรบกวนเวลาสักหน่อยสิ” จู่ๆจี้อี้ก็เงยหน้าแล้วบอกหยวนโจว

“อืม?” หยวนโจวเพียงแค่เหลือบมองแทนที่จะเดินเข้ามาหา ถึงอย่างไรก็ยังมีลูกค้าคนอื่นๆที่กำลังรออาหารอยู่

“ไม่มีน้ำตาลนี้ คุณไม่ได้เติมน้ำตาลลงในหมั่นโถวไหมพันเส้นงั้นเหรอ?” จี้อี้ถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

“ครับ” หยวนโจวพยักหน้า จริงๆแล้วไม่ว่าใครก็รู้เรื่องนี้กันทั้งนั้น

ไม่ว่าจะเติมน้ำตาลอะไรลงไปก็ยังได้รสหวานอยู่ดี สำหรับผู้คนส่วนใหญ่แล้ว รสหวานก็เป็นแค่รสหวานนั่นแหละ แต่รสชาติของหมั่นโถวไหมพันเส้นจานนี้กลับเป็นความหวานที่ต่างไปจากความหวานจากน้ำตาล แต่กลับเป็นความหวานตามธรรมชาติต่างหากเล่า

ถึงแม้ว่าจี้อี้จะรู้อยู่แล้ว แต่เมื่อที่สุดแล้วหยวนโจวยอมรับออกมา เขาก็ยังไม่อยากจะเชื่ออยู่ดี

“เป็นไปไม่ได้ เรื่องนั้นมันเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด”

“น้ำผึ้งงั้นรึ? หรือว่ามีอย่างอื่น?”

“ไม่ครับ ไม่มีอะไรที่สามารถให้ความหวานตามธรรมชาติแบบนั้นได้หรอกครับ”

“สิ่งนี้ให้ความรู้สึกราวกับความหวานตามธรรมชาติของตัวแป้งเองเลย”

“ไร้เหตุผลสิ้นดี นี่มันไร้เหตุผลเกินไปแล้ว”

จี้อี้ดูเหมือนจะคลั่งไปแล้วพลางเริ่มพูดกับตัวเอง ก่อนหน้านี้เขาก็ศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับหมั่นโถวไหมพันเส้นมานานแล้ว เขาไม่สามารถค้นพบวิธีการทำให้ดีขึ้นได้เลย วัตถุดิบนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นในหัวของเขา ทว่าเขาก็ไม่สามารถระบุวัตถุดิบที่ให้ความหวานตามธรรมชาติอย่างที่เขาชิมจากหมั่นโถวได้เลย

เกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ?

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด