อยากกินไหมล่ะ 807 ผลงานแกะสลักน้ำแข็งที่ยังไม่เสร็จ

Now you are reading อยากกินไหมล่ะ Chapter 807 ผลงานแกะสลักน้ำแข็งที่ยังไม่เสร็จ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

อยากกินไหมล่ะ 美食供应商

บทที่ 807 ผลงานแกะสลักน้ำแข็งที่ยังไม่เสร็จ

เมื่อเห็นหยวนโจวเริ่มทำงานแล้ว บรรดาผู้ชมในถนนก็ตกอยู่ในความเงียบไปทันที ถึงอย่างไรพวกเขาต่างก็ตั้งหน้าตั้งตารอคอยที่จะได้เห็นว่าหยวนโจวจะสลักน้ำแข็งก้อนใหญ่เสียขนาดนั้นด้วยมีดทำครัวได้อย่างไรกัน

บางคนถึงกับเปิดกล้องเพื่อถ่ายวิดีโอเลยด้วยซ้ำ ถึงอย่างไรพวกเขาก็9แทบจะไม่เคยเห็นใครแกะสลักน้ำแข็งก้อนใหญ่เสียขนาดนั้นมาก่อนเลย อย่างไรเสียนี่ก็ไม่ใช่เมืองน้ำแข็งฮาร์บิน

ผลงานแกะสลักน้ำแข็งยากที่จะพบได้ในเมืองเฉิงตูที่อากาศร้อนตลอดทั้งปี

ทันใดนั้นมีเพียงเสียงมีดทำครัวที่กำลังสัมผัสกับผิวน้ำแข็ง เศษน้ำแข็งเริงระบำอยู่กลางอากาศแล้วร่วงหล่นสู่พื้นจนกองรวมเป็นชั้นๆในเวลาเพียงไม่นานนัก

หยวนโจวควบคุมแรงของตัวเองได้อย่างแม่นยำ เรื่องยากที่สุดของการแกะสลักมังกรน้ำแข็งอยู่ที่เกล็ดและตามังกร การแกะสลักทั้งสองสิ่งบนน้ำแข็งราวกับการยิงปืนใหญ่ใส่ตัวยุงก็ไม่ปาน แม้ว่าเขาจะมีเรี่ยวแรงล้นเหลือ แต่ก็ใช่ว่าจะทำใช้มันได้เสียที่ไหนกัน

ดังนั้นถ้าสังเกตให้ดีก็จะพบว่าผลงานแกะสลักน้ำแข็งรูปมังกรมากมายมีหนวดที่หนามาก แล้วก็มีเกล็ดมังกรเรียงตัวอย่างง่ายๆซึ่งไม่รู้สึกว่าจะขยับไหวเลยแม้แต่นิดเดียว

ถ้าหากหนวดมังกรหนาเกินไปก็จะไม่ได้ส่วนกับหัวมังกร และความรู้สึกยามขยับเกล็ดมังกรก็สามารถอธิบายได้ด้วยตัวอย่างของงู ทิศทางของเกล็ดจะมีความแตกต่างกันไปเมื่องูเคลื่อนไหวต่างกัน จริงๆแล้วพวกมันหาได้เรียงตัวกันอย่างสมบูรณ์แต่อย่างใด นั่นเป็นสิ่งที่จำเป็นมากต่อความสามารถในการมองเห็นและความเร็วแล้วล่ะ

จะว่าไปแล้วเกล็ดมังกรที่แกะสลักด้วยเครื่องจักรตามโรงงานจะดีกว่าเกล็ดมังกรที่แกะสลักโดยช่างแกะสลักส่วนใหญ่เสียอีก แต่ในแง่มุมของความละเอียดอ่อน เครื่องจักรด้อยกว่างานที่ทำด้วยมือเสียอีก

ก็เครื่องจักรมันไม่มีอุณหภูมินี่นา

ถ้าหากหนวดมังกรบางเกินไปก็จะหักได้ง่ายมากในขั้นตอนการแกะสลัก ดังนั้นหนวดหนาๆจึงเป็นแค่ตัวเลือกที่เปล่าประโยชน์เท่านั้น แต่วันนี้หยวนโจวไม่มีเจตนาที่จะอะลุ้มอล่วยให้กับตัวเลือกที่เปล่าประโยชน์หรอก

หยวนโจวยกมีดทำครัวในมือขึ้นทำมุมกับคมมีด เขากลั้นหายใจแล้วโบกสะบัดมีดอย่างรวดเร็วยิ่ง เนื่องจากความเร็ว คมมีดจะให้แสงเย็นในอากาศ โดยที่มีดจะโบกสะบัดเป็นรูปหนวดมังกรอันประณีตอ่อนช้อย

หยวนโจวคงรูปแบบทั้งหมดเอาไว้ด้วยสายตาร้อนระอุดุจคบเพลิง เขาจะไม่ยอมให้เกิดการบิดเบือนตำแหน่งเฉพาะของผลงานแกะสลักน้ำแข็งเป็นอันขาด

หยวนโจวโบกสะบัดมัดอีกครั้งในเวลาอันสั้น แสงเย็นเป็นประกายดูราวกับผีเสื้อโบยบินผ่านพุ่มไม้ก็ไม่ปาน ตำแหน่งที่มันแวบผ่านค่อนข้างแยบยลราวกับกระบวยใหญ่ที่ร่อนลงตรงตำแหน่งที่ควรจะเป็นอย่างเหมาะเจาะ อย่างไรเสียในสายตาของบรรดาผู้ชมแล้ว พวกเขาแทบไม่อยากเชื่อว่าหยวนโจวจะโบกสะบัดมีดในมุมนั้นได้เลย

มันเป็นความเชี่ยวชาญของเขาที่นำมาซึ่งหนวดมังกรด้วยการโบกสะบัดมีดเพียงสองครั้งเท่านั้น

หลังจากหนวดมังกรอันแสนประณีตเสร็จแล้ว หยวนโจวก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกแต่ทันใดนั้นก็ก็นั่งลงตรงขอบที่นั่งอีกครั้ง เขายังต้องแกะสลักเกล็ดมังกรซึ่งต้องใช้เวลาและเรี่ยวแรงอยู่มากทีเดียว แน่นอนว่าถึงแม้เกล็ดมังกรจะยังไม่เสร็จทว่าผลงานแกะสลักน้ำแข็งก็เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาบ้างแล้ว มังกรคู่ไล่กวดไข่มุกในทิศทางตรงข้ามกัน

“ฟู่ ฟู่ ฟู่ ฟู่”

ยังไม่ทันจะลงมีดทำครัวบนก้อนน้ำแข็งโทรศัพท์ในกระเป๋าของเขาก็ดังขึ้นมา หยวนโจวเปิกระบบสั่นเอาไว้ระหว่างที่เขากำลังแกะสลักอยู่ ที่สำคัญก็คือไม่ค่อยมีใครโทรหาเขาสักเท่าไหร่นักหรอก

สายที่โทรเข้ามาครั้งแรกสุดถูกเมินเฉยไปในทันที แต่หลังจากนั้นเพียงไม่กี่วินาทีก็โทรเข้ามาอีกหลายสายติดๆ หยวนโจวมองดูมังกรแกะสลักที่เสร็จแล้วพร้อมมีดทำครัวที่อยู่ในมือจากนั้นก็ถอนหายใจออกมา

สำหรับการแกะสลักเกล็ดมังกรนั้น หยวนโจวไม่กล้าบอกว่าเขาจะทำได้สำเร็จเต็ม 100 ดังนั้นมันจึงสิ้นสุดลงในตอนนี้แล้ว เขาวางมีดทำครัวแล้วรับโทรศัพท์

การกระทำเช่นนี้สร้างความผิดหวังเป็นอย่างยิ่งให้แก่บรรดาผู้ชมที่กำลังเฝ้ารอดูสถานการณ์อันโกลาหลทางด้านข้าง ผลงานแกะสลักน้ำแข็งยังไม่เสร็จเลยเสียด้วยซ้ำไป

“ถึงแม้ว่าจะยังไม่มีเกล็ดมังกร แต่หัวมังกรก็ดูเหมือนจริงและทรงพลังมากทีเดียว”

“ฝีมือการใช้มีดของเถ้าแก่หยวนสุดยอดเสมอแหละ”

“แม้ว่าเทพเซียนจะให้มือฉันมาสองข้าง แต่ฉันก็ทำอย่างเขาไม่ได้หรอก”

“น่าเสียดายจัง! ฉันนึกว่าจะเป็นงานศิลป์หลังจากเสร็จแล้วเสียอีก เถ้าแก่หยวนจะขายผลงานแกะสลักน้ำแข็งของเขาหรือเปล่าน่ะ?”

บรรดาลูกค้าต่างสนทนากันด้วยความตื่นเต้นและบางคนถึงกับอยากซื้อมันด้วยซ้ำไป แต่ด้วยประสาทหูอันเฉียบคมยิ่ง หยวนโจวจึงแอบน้อมรับคำชมของผู้คนเหล่านี้เอาไว้โดยเฉพาะเจ้าพวกห้าคนก่อนหน้านี้ ในที่สุดพวกเขาก็ได้สัมผัสกับเทคนิคที่แท้จริงของหยวนโจว

แม้ว่าผลงานแกะสลักน้ำแข็งจะยังไม่เสร็จ แต่กลับกระตุ้นให้มีการสนทนามากขึ้นหลังจากผู้ชมบางคนได้ถ่ายวิดีโอและอัพโหลดขึ้นอินเตอร์เน็ต แน่นอนว่านั่นย่อมเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในภายหลัง

ปัญหาในตอนนี้ก็คือหยวนโจวรับโทรศัพท์แล้วปิดร้านไปอย่างเร่งรีบ

เขารีบพุ่งตรงไปยังสี่แยกถนนเพื่อขึ้นรถแท็กซี่และไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังจะมุ่งหน้าไปที่ไหนกัน

“มาแล้ว ฉันมาแล้ว อย่าเร่งนักสิ” หยวนโจววางสายแล้วรีบมุ่งหน้าไปยังจุดหมายปลายทางของเขา

ต้องขอบคุณการออกกำลังกายเป็นประจำทุกเช้า หยวนโจวถึงได้มีรูปร่างดีขนาดนี้ มิฉะนั้นแล้วเขาคงได้ล้มลงเพราะความเหนื่อยล้าไปแล้ว

แม้แต่หยวนโจวก็เกือบจะหมดแรงเมื่อเห็นป้ายร้านของโรงน้ำแข็งต้าถงที่ซุนหมิงบอกเอาไว้ บางครั้งเขาก็รู้สึกจริงๆว่าสาขาของร้านขนมซาเซียนได้ครอบคลุมไปทั่วทั้งย่านขายขนมไปแล้วในขณะที่สาขาของโรงน้ำแข็งต้าถงกลับครอบคลุมไปทั่วห้างสรรพสินค้า พวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นสองยี่ห้อที่แตกต่างกัน

หลังจากหยวนโจวมาถึงโรงน้ำแข็งต้าถง เขาก็ยืนอยู่ใต้ป้ายร้านแล้วกวาดตามองไปรอบๆก่อนที่จะเห็นซุนหมิงที่ดูจะเศร้าสลดไปเล็กน้อย หยวนโจวตบไหล่ของเขาแล้วถามขึ้นมาตรงๆว่า “มีอะไรงั้นเหรอ ซุนหมิง?”

“นายมาแล้ว มาไวดีนี่นา ขอฉันเรียบเรียงคำพูดก่อนนะ” พอซุนหมิงสูบบุหรี่หมดมวน เขาก็ดับก้นบุหรี่แล้วจุดมวนใหม่ขึ้นมาทันที

หยวนโจวได้แต่นั่งอยู่ข้างๆโดยไม่พูดอะไรเพื่อรอให้ซุนหมิงเรียงเรียงคำพูดของตัวเอง

หยวนโจวทำผลงานแกะสลักน้ำแข็งเกือบจะเสร็จแล้วแต่กลับต้องยกให้ผู้อื่นไปเมื่อตอนที่ซุนหมิงโทรหาเขายามบ่าย เขาบอกหยวนโจวว่ามีเรื่องอยากคุยด้วย

เนื่องจากซุนหมิงเป็นผู้มีอารมณ์ขัน เขาแทบไม่เคยพูดกับหยวนโจวด้วยน้ำเสียงเอาจริงเอาจังเช่นนั้นมาก่อนเลย ดังนั้นหยวนโจวจึงรีบปิดร้านทันที

เมื่อหยวนโจวมาถึงสถานที่นัดหมายด้วยรถแท็กซี่อย่างยากลำบากยิ่ง เขาก็ได้รับสายจากซุนหมิงแล้วบอกให้ไปอีกที่หนึ่ง และพอไปถึงสถานที่แห่งที่สองก็เปลี่ยนสถานที่อีกแล้ว

เกิดเรื่องเดียวกันถึงสามครั้ง เขามาถึงจุดมายปลายทางแล้วบอกให้เปลี่ยนสถานที่ไปเรื่อยๆโดยไม่มีข้อยกเว้น ในฐานที่เป็นเพื่อนกันมานานหลายปี หยวนโจวค่อนข้างแน่ใจว่าเมื่อซุนหมิงลังเลใจเรื่องอะไรสักอย่างเขาก็อดไม่ได้ที่จะเดินไปเดินมา ดังนั้นหยวนโจวจึงไม่ได้บ่นเรื่องประสบการณ์อันไม่น่าอภิรมย์สักเท่าไหร่นี้ออกไป

หลังจากซุนหมิงสูบบุหรี่หมดไปอีกมวน เขาก็เริ่มกล่าวขึ้นมาว่า “ฉันเตรียมจะปล่อยเช่าร้านเสื้อผ้าเพื่อไปฝึกปั่นจักรยานชิงแชมป์ทัวร์ออฟไห่หนาน”

นี่เป็นเรื่องใหญ่จริงๆ นอกจากนี้ครอบครัวของซุนหมิงยังเป็นครอบครัวชนชั้นกลางแถมยังเปิดร้านเสื้อผ้าด้วยเงินของบิดามารดาอีกต่างหาก

หยวนโจวพยายามสงบสติอารมณ์แล้วฟังซุนหมิงพูดต่อไป

“นายก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าฉันกำลังไล่ตามสาวงามคนหนึ่งอยู่น่ะ? ยังมีหนทางอีกยาวไกลกว่าฉันจะทำสำเร็จ ฉันเลยคิดว่าควรจะทำในสิ่งที่เธอชอบน่ะสิ” ซุนหมิงไม่ได้ใจเย็นอย่างที่เห็นจึงทำให้เขาพูดจาไม่รู้เรื่อง

“เธอเป็นผู้ที่หลงใหลในการปั่นจักรยาน แถมเธอยังชอบปั่นจักรยานแล้วก็สนใจทัวร์ออกไห่หนานเป็นพิเศษด้วยและนอกจากนั้น เธอก็ดูการถ่ายทอดสดทางทีวีอยู่ทุกปี ดังนั้นฉันก็เลยเชื่อว่าถ้าฉันได้เป็นแชมป์ก็น่าจะไม่มีปัญหาแล้วล่ะ” ส่วนความกลัวของหยวนโจวที่สวนทางกับความคิดของตัวเอง ซุนหมิงก็กล่าวเสริมขึ้นมาทันทีก่อนที่หยวนโจวจะทันได้ตอบเขาไป

“เดิมทีฉันก็มีพื้นฐานในการขี่จักรยานที่ดีอยู่แล้ว แถมนายก็เคยเห็นฝีมือการขี่จักรยานของฉันเมื่อตอนที่พวกเราแบ่งกันขี่จักรยานก่อนหน้านี้ ยอดไปเลยใช่ไหมเล่า? ดังนั้นฉันก็เลยคิดว่าหลังจากฝึกหนักมาครึ่งค่อนปีก็น่าจะได้แชมป์โดยไม่มีปัญหาเลยล่ะ”

“นายว่าความคิดฉันเป็นไงล่ะ?” ซุนหมิงมองหยวนโจวด้วยความกระสับกระส่าย

“ก็ดีนะ แล้วนายเจอคนที่จะมารับช่วงกิจการต่อจากนายแล้วหรือยังล่ะ?” เมื่อได้ยินคำถามของซุนหมิงแล้ว หยวนโจวก็ใคร่ครวญดูสักครู่แล้วตอบ

ซุนหมิงถอนหายใจด้วยความโล่งอกโดยไม่ต้องสงสัย เขาตบไหล่ของหยวนโจวด้วยความตื่นเต้นแล้วกล่าวว่า “ฉันรู้ว่านายต้องเข้าข้างฉันอย่างแน่นอน หยวนโจว นายรู้ไหมว่านายเป็นคนแรกเลยที่สนับสนุนความคิดของฉันน่ะ ตอนที่ฉันบอกเล่าสิ่งที่คิดให้คนอื่นฟัง พวกเขาต่างก็คิดว่าฉันไม่โง่ก็บ้ากันทั้งนั้นเลย”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด