อยากกินไหมล่ะ 797 คุยกันด้วยฝีมือ

Now you are reading อยากกินไหมล่ะ Chapter 797 คุยกันด้วยฝีมือ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

อยากกินไหมล่ะ 美食供应商

บทที่ 797 คุยกันด้วยฝีมือ

ทีมงานถ่ายทำในคราวนี้ประกอบไปด้วยคนที่จี้อี้ได้คัดสรรเอาไว้หลังจากผ่านการพิจารณาหลายต่อหลายครั้งแล้ว พวกเขาทุกคนต่างเป็นผู้มีฝีมืออย่างแท้จริง

โดยมีผู้กำกับมากความสามารถต้าไห่ ผู้ช่วยผู้กำกับชิวชิว ช่างควบคุมไฟเซียวหลงเหริน วิศวกรเสียงอาเขิ่น ผู้กำกับบทเซียวเต้าและช่างแต่งหน้าไป๋ลี่ ยังมีสมาชิกคนอื่นๆในทีมอีกแต่พวกเขาหาได้มีความสลักสำคัญอะไรนัก

พวกเขาทั้งเจ็ดคนมีอุปกรณ์เยอะ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องเดินทางด้วยรถตู้ ขณะที่อยู่ในรถตู้ทุกคนก็เริ่มสนทนากันไม่นานนัก

“ฉันเคยเกลียดการถ่ายวิดีโอโปรโมตด้วยล่ะ แต่ถึงยังไงฉันก็เป็นคนทำหนังที่ดีแหละนะ” อาเขิ่นกล่าว “ทว่านับตั้งแต่ฉันได้ถ่ายทำอาจารย์วั่นเอ้า ฉันก็ตกหลุมรักกับการทำสิ่งนี้เข้าเต็มเปาเลยล่ะ”

“พวกเราต้องขอขอบคุณผู้กำกับต้าไห่ผู้เป็นที่รู้จักมากที่สุดของเรา ขอบคุณที่ให้โอกาสนี้กับผมนะครับ” อาเขิ่นกล่าว

“นายถนัดเรื่องเลียแข้งเลียขาอยู่แล้วไม่ใช่หรือไงหา? ทำเอาฉันขนลุกไปหมดแล้วเนี่ย” เซียวหลงเหรินกล่าว

อาเขิ่นโต้ตอบว่า “นายอย่ามาเสแสร้งว่าไม่ใช่คนที่อยากได้ใคร่มีอะไรไปหน่อยเลยทั้งๆที่เพิ่งจะฟาดเกี๊ยวหมดเกลี้ยงไปสามชามแท้ๆ”

เซียวหลงเหรินกับอาเขิ่นเป็นสมาชิกเดิมในทีมของต้าไห่ พวกเขาผ่านงานด้วยกันมามากมายแถมยังรู้จักกันเป็นอย่างดีอีกด้วย คำพูดกระเซ้าเย้าแหย่เช่นนั้นระหว่างพวกเขาเป็นเรื่องปกติมาก

“ในส่วนการกินของการถ่ายวิดีโอโปรโมตมักจะสมบูรณ์แบบอยู่แล้ว” ผู้กำกับต้าไห่กล่าวพลางพยักหน้า

“เถ้าแก่หยวนยังเด็กอยู่เลยงั้นเหรอ? ฉันรู้สึกราวกับว่ากำลังเผชิญกับความสูญเสียอย่างไรอย่างนั้นเลย” จู่ๆเซียวเต้าก็กล่าวขึ้นมา

“นายกำลังเผชิญกับความสูญเสียอะไรงั้นเหรอ? นายกำลังสงสัยในอาหารของเถ้าแก่หยวนงั้นเหรอ? ฉันขอบอกนายเลยนะว่าอาหารที่เถ้าแก่หยวนทำน่ะสามารถอธิบายได้ด้วยคำเพียงคำเดียวว่า ‘โคตรอร่อย’ เท่านั้นแหละ” ชิวชิวผู้ช่วยผู้กำกับตอบโต้ เขาเคยกินอาหารที่ร้านหยวนโจวมาก่อนแล้วครั้งหนึ่ง ในตอนนั้นร้านหยวนโจวยังมีแค่เมนูอาหารจินหลิงอยู่เลย

ถึงแม้ว่าเขาจะเคยกินอาหารที่นี่เพียงแค่ครั้งเดียว ทว่าครั้งเดียวก็เพียงพอที่จะเอาชนะใจเขาและเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นแฟนตัวยงของร้านหยวนโจวได้แล้ว

ส่วนไป๋ลี่ผู้เป็นช่างแต่งหน้าไม่ได้เข้าร่วมวงสนทนาแต่อย่างใด แต่กลับมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าราวกับว่าเธอกำลังนึกถึงเรื่องน่าสนุกอยู่

ตอนที่กำลังถ่ายวิดีโอโปรโมตอาหารที่ปรุงขึ้นมาจากข้าวสาลี ทีมงานก็จะได้รับความอนุเคราะห์เป็นอาหารมื้อหนึ่งหลังจากการถ่ายทำด้วย

ไม่ว่าจะเป็นอาจารย์เอ้าที่พวกเขาเอ่ยถึงก่อนหน้านี้หรืออาจารย์หลงซูเหมี่ยน คนเหล่านี้ก็คือผู้ที่เลิกทำอาหารมานานแล้ว

ดังนั้นทุกคนในทีมรวมทั้งชิวชิวจึงต้องหักห้ามใจมิให้เผลอกินอาหารมื้อก่อนหน้านี้เข้าไป พวกเขาเตรียมที่กินอาหารที่เถ้าแก่หยวนกำลังจัดเตรียมให้พวกเขาคืนนี้อยู่เลย

“ระหว่างเถ้าแก่หยวนกับอาจารย์เอ้า พวกนายคิดว่าใครเก่งกว่ากัน?”

“ฉันคิดว่าพวกเขาอาจจะอยู่ในระดับไล่เลี่ยกันแหละมั้ง?”

“ฉันก็คิดว่างั้นแหละ ถึงแม้ว่าเถ้าแก่หยวนยังจะเด็กอยู่มากแถมยังเสียเปรียบในแง่ของประสบการณ์ แต่ฉันเคยได้ยินมาว่าเถ้าแก่หยวนเป็นถึงเชฟยอดอัจฉริยะเชียวนะ ดังนั้นฉันจึงไม่คิดว่าเขาจะห่างชั้นจากเหล่าเชฟสักเท่าไหร่หรอกนะ”

พวกเขาคุยกันไประหว่างเดินทางและในที่สุดพวกเขาก็มาถึงถนนเถ่าซือ

ยามค่ำคืน ถนนเถ่าซือช่างแสนเงียบสงบทว่ากลับเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา

“เดี๋ยวก่อนนะครับคุณคนขับ ช่วยจอดแค่ตรงสี่แยกก็พอครับ” ผู้กำกับกล่าวขึ้นเนื่องจากจู่ๆเขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

อาเขิ่นกับคนอื่นๆต่างมองผู้กำกับด้วยความสับสน พวกเขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดถึงขับรถตู้ตรงไปที่ร้านเลยไม่ได้ ถึงอย่างไรพวกเขาก็มีอุปกรณ์ที่ใช้ในการถ่ายทำตั้งเยอะแยะที่ต้องหอบหิ้วไปด้วย

“อาจารย์จี้บอกผมว่าไม่มีรถคันไหนเข้าไปในถนนเถ่าซือได้หรอก อีกอย่างก็ใช่ว่าจะไกลอะไรนักหนา พวกเราสามารถหอบหิ้วอุปกรณ์ไปเองได้อยู่แล้วล่ะ” ต้าไห่กล่าวขึ้นมา

ต่อมาพวกเขาก็เริ่มหอบหิ้วอุปกรณ์ของตัวเองแล้วมุ่งหน้าไปที่ร้านของเถ้าแก่หยวน

“จะว่าไปแล้วสาธารณูปโภคของถนนสายนี้ก็นับว่าค่อนข้างดีเชียวล่ะ ถังขยะก็เป็นระเบียบเรียบร้อยแถมยังมีม้านั่งอีกด้วย” เซียวหลงเหรินใส่ใจในรายละเอียดมากขึ้น

ลักษณะท่าทางของทีมงานทั้งเจ็ดคนดึงดูดความสนใจของบรรดาลูกค้าที่กำลังดื่มเหล้า

“ดูสิ พวกเขาแบกกล้องมาด้วยล่ะ พวกเขาจะมาถ่ายวิดีโอโปรโมตกันที่นี่งั้นเหรอ?”

“ฉันก็คิดว่างั้นแหละนะ”

“มาเร็ว ไปดูกันเถอะ เถ้าแก่หยวนกำลังจะแสดงความเจ๋งออกมาในไม่ช้าแล้ว”

บรรดาลูกค้าทั้งหลายที่มาดื่มเหล้าต่างรีบพุ่งตัวลงไปเพื่อมองดูให้ชัดๆ

ภายในร้าน

หยวนโจวแต่งกายในชุดเครื่องแบบชาวฮั่นอันแสนสง่างามที่มีลวดลายอันสลับซับซ้อนอยู่บนนั้น เขานั่งรออยู่ตรงล็อบบี้ เนื่องจากประสาทสัมผัสอันเฉียบคมของเขาจึทำให้เขาทราบว่าทีมงานมาถึงแล้วก่อนที่พวกเขาจะมาถึงประตูเสียอีก

หลังจากเข้ามาแล้ว พวกเขาทั้งเจ็ดคนและอุปกรณ์เหล่านั้นก็ทำให้ร้านขนาด 20 ตารางเมตรถึงกับแน่นขนัดไปทันตา แม้แต่ลูกค้าห้าคนที่เพิ่งจะลงมาจากชั้นบนก็ยังถูกบังคับให้ยืนชิดกำแพงข้างประตู

“สวัสดีครับ เถ้าแก่หยวน” ผู้กำกับต้าไห่กล่าวทักทาย

“สวัสดีครับทุกคน” หยวนโจวลุกขึ้นทักทายอย่างสุภาพ

“นี่คือทีมงานหลักของวันนี้ครับเถ้าแก่หยวน นี่คือเพื่อนร่วมงานของผมเองครับ ผู้ช่วยผู้กำกับชิวชิว ช่างควบคุมไฟเซียวหลงเหริน… แล้วก็ช่างแต่งหน้าไป๋ลี่ ” ต้าไห่มีทักษะการสื่อสารที่ดี ทันทีที่พวกเขาพบกัน เขาก็แนะนำทุกคนให้รู้จัก

ผู้กำกับแนะนำทีมงานทีละคนๆและหยวนโจวก็ทักทายพวกเขาทีละคนๆเช่นกัน

“เอาล่ะ พวกเราจะเข้าเรื่องเลยก็แล้วกันนะครับ ผมจะให้ไป๋ลี่แต่งหน้าให้คุณก่อน แบบนี้ดีไหมครับ?” ผู้กำกับต้าไห่ถามขึ้นมา

“ได้ครับ แต่ผมไม่อยากให้มีกลิ่นนะครับ ช่วยตรวจสอบให้แน่ใจด้วยนะครับว่าเครื่องสำอางจะไม่ทำให้ผมเสียแฟนๆไปด้วย แล้วตอนที่กำลังถ่ายทำอยู่นั้น ผมจำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัยเอาไว้ด้วยนะครับ” หยวนโจวกล่าว เขามักจะให้ความสำคัญกับบางสิ่งบางอย่างที่อาจจะส่งผลต่อการทำอาหารของเขาได้

หลังจากหยวนโจวบอกข้อเรียกร้องของเขาไปแล้ว ต้าไห่ก็ลังเลใจขึ้นมา ถึงอย่างไรวิดีโอโปรโมตนี้ก็ต้องโพสต์ลงอินเตอร์เน็ตอยู่แล้ว ย่อมต้องมีผู้คนมากมายรอชมอยู่แน่ แม้ว่าต้าไห่จะไม่เคยใช้เครื่องสำอาง แต่เขาก็รู้ว่าเครื่องสำอางทุกชนิดจะมีกลิ่นบางอย่างติดมาด้วย ส่วนข้อเรียกร้องที่ต้องไม่ทำให้เขาเสียแฟนๆไป เรื่องนี้ทำให้ต้าไห่เกิดความลังเลมากขึ้นเรื่อยๆ เขามองไปที่ไป๋ลี่โดยหวังว่าเธอจะมีทางออก

ด้วยผมยาวเป็นลอนคลื่นทำให้ไป๋ลี่ดูสุภาพอ่อนโยน เธอประทินโฉมตนเองอย่างประณีตและไม่แปลกใจเลยเมื่อได้ยินข้อเรียกร้องของหยวนโจว

เมื่อสังเกตเห็นว่าผู้กำกับกำลังมองมา เธอก็พูดขึ้นว่า “ไม่ต้องห่วงนะคะ พวกเราไม่ได้จะแต่งหน้าหรอกค่ะ ฉันแค่ปรับแต่งคิ้วของคุณให้ดูดีขึ้นเท่านั้นเองไม่ได้ทำอย่างอื่นเลยค่ะ”

“ขอบคุณมากครับ” หยวนโจวพยักหน้าก่อนที่จะนั่งลงตรงเก้าอี้แต่งหน้าที่จัดเตรียมเอาไว้ให้

“ด้วยความยินดีค่ะ” ไป๋ลี่ยิ้มพลางพยักหน้า จากนั้นเธอก็เริ่มจัดการกับหยวนโจว

“ไป๋ลี่เตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลาจริงๆ” ต้าไห่พยักหน้าด้วยความพึงพอใจก่อนที่เขาจะไปตรวจตราสมาชิกในทีมคนอื่นๆ

บรรดาลูกค้าต่างเริ่มสนทนากันในเรื่องนี้

“เถ้าแก่หยวนเข้มงวดเหมือนเคย เขาไม่ยอมแต่งหน้าแม้แต่ตอนที่กำลังจะถ่ายวิดีโอโปรโมตเลย เพียงเพราะเขากลัวว่าจะเสียแฟนๆไปน่ะสิ” ฟางเหิงรำพึงออกมา

“อืม อาหารสำหรับวิดีโอโปรโมตไม่มีวางจำหน่ายแต่เขาก็ยังเข้มงวดอยู่ดี สมกับเป็นเถ้าแก่หยวนจริงๆ” อีกคนกล่าว

“เรื่องนั้นก็พอเข้าใจได้อยู่หรอกนะ เถ้าแก่หยวนก็เป็นแบบนั้นมาตลอดอยู่แล้วนี่นา” เฉินเว่ยดูเหมือนจะไม่สนใจนัก หยวนโจวก็เป็นแบบนี้มาตลอดอยู่แล้ว

เนื่องจากไม่ต้องแต่งหน้าให้ยุ่งยาก หลังจากตัดเล็มคิ้วและล้างหน้าด้วยน้ำสะอาดเสร็จเรียบร้อยหยวนโจวก็พร้อมแล้ว

“ขอบคุณครับ” หยวนโจวลุกขึ้นกล่าวขอบคุณแล้วกลับเข้าครัว

ไป๋ลี่รีบเก็บข้าวของแล้วถอยกลับไปหลังกล้องอย่างรวดเร็ว

“ผมจะเริ่มแล้วนะครับ” หยวนโจวบอกผู้กำกับ

“เถ้าแก่หยวน คุณจะไม่พูดอะไรกับกล้องสักหน่อยเหรอครับ?” ต้าไห่รู้สึกประหลาดใจ

ปกติแล้วเชฟคนอื่นๆจะแนะนำตัวก่อนการถ่ายทำ ยิ่งไปกว่านั้นหยวนโจวก็ดูหล่อเหลามากทีเดียวจึงไม่น่าจะมีปัญหาอะไรเวลาต้องโชว์ใบหน้าของตัวเอง แต่เขากลับสวมหน้ากากเอาไว้เสียอย่างนั้น

“ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นหรอกครับ ผมเชื่อในฝีมือการตัดต่อของคุณนะครับ” หยวนโจวกล่าวหน้าตาเฉย

หยวนโจวเคยมีประสบการณ์ยืนอยู่หน้ากล้องมาก่อนแล้ว เขาจึงไม่มีปัญหายามที่ต้องทำอาหารต่อหน้ากล้องเนื่องจากตอนที่กำลังทำอาหารเขามักจะหลงลืมสิ่งรอบตัวไปจนสิ้น แต่ถ้าหากเขาต้องพูดอะไรหน้ากล้อง เขาอาจจะทำผิดพลาดได้มากมายเชียวล่ะ

ดังนั้นหยวนโจวจึงตัดสินใจเลือกทางเลือกอันแสนชาญฉลาดด้วยการคุยด้วยฝีมือของตัวเอง นั่นเป็นสิ่งที่เขาถนัดนักล่ะ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด