อยากกินไหมล่ะ 819 กินยาวันละหลายๆครั้ง

Now you are reading อยากกินไหมล่ะ Chapter 819 กินยาวันละหลายๆครั้ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

อยากกินไหมล่ะ 美食供应商

บทที่ 819 กินยาวันละหลายๆครั้ง

“ฮะ? วันนี้ทำไมเจ้าบรอธไม่อยู่ตรงนี้กันล่ะเนี่ย?” อู๋ไห่เดินวนไปวนมาพร้อมกระเป๋าใบใหญ่ของเขา ทว่ากลับหาเจ้าบรอธไม่เจอ

“วันนี้อากาศค่อนข้างหนาว เจ้าบรอธน่าจะอยู่ในรังนอน ไปตรวจดูสักหน่อยดีกว่า” อู๋ไห่บ่นพึมพำขณะที่เดินลึกเข้าไปในตรอก

ผู้คนไม่ค่อยเข้ามาในตรอกนี้กันนักหรอกและนี่เป็นเพียงครั้งที่สามเท่านั้นที่อู๋ไห่มาที่นี่ ดังนั้นเขาจึงค่อยๆเดินเนื่องจากพื้นทั้งเปียกและลื่น

ถ้าเกิดเขาลื่นไถลให้หยวนโจวเห็นเข้าคงได้ถูกหยวนโจวขำตายเลย

ร้านหยวนโจวอยู่ตรงกลางตึก ดังนั้นอู๋ไห่จึงมาถึงประตูหลังได้ในเวลาเพียงไม่นาน แค่มองแบเดียวก็เห็นเจ้าบรอธอยู่ที่นั่นแล้ว

“ทำไมแกมานอนตรงนี้แทนที่จะไปนอนในรังนอนของแกเล่า?” สิ่งแรกที่อู๋ไห่เห็นเมื่อมาถึงก็คือเจ้าบรอธที่กำลังนอนแผ่อยู่บนกระเบื้องสีเขียวตรงด้านหน้าของประตูหลัง

“แกไม่หนาวหรือไงนะ?” อู๋ไห่ลูบหนวดเคราตัวเองะลางวิเคราะห์ขนของเจ้าบรอธไปด้วย

เมื่อเจ้าบรอธได้ยินเสียงฝีเท้า มันก็ชะโงกหน้าขึ้นมามองอู๋ไห่ พออู๋ไห่เข้ามาใกล้ๆ มันก็พักส่วนหัวกลับไปอยู่บนอุ้งเท้าอีกครั้ง มันชำเลืองมองไปทางประตูหลังร้านหยวนโจวด้วยลูกตาดำขลับแล้วไม่สนใจอู๋ไห่โดยสิ้นเชิง

“เอาล่ะ ฉันรู้ว่าแกคุยไม่เก่งสักเท่าไหร่” อู๋ไห่บ่นพึมพำขณะที่วางกระเป๋าลงกับพื้น

เจ้าบรอธแหงนหน้าขึ้นมามอง ทีแรกมันมองอู๋ไห่แล้วค่อยมองไปที่กระเป๋า แต่มันก็เอาแต่เงียบและไม่ส่งเสียงแต่อย่างใด

“เห็นนี่มั้ย? ของพวกนี้เป็นของฝากของแก เป็นเนื้ออบแห้งแล้วก็มีอย่างอื่นด้วยนะ อร่อยๆทั้งนั้นเลย แกชอบไหมล่ะ?” อู๋ไห่หยิบของออกจากกระเป๋าแล้ววางเอาไว้ตรงหน้าเจ้าบรอธ

“ฉันเอาของพวกนี้มาไกลจากกุ้ยโจวเชียวนะ” อู๋ไห่เริ่มบอกให้เจ้าบรอธรู้ว่าลำบากลำบนกับการลากของทั้งหมดกลับมาขนาดไหน

เนื้ออบแห้งพวกนี้เอามาจากกุ้ยโจวจริงๆ แต่ที่จริงแล้วของพวกนี้ล้วนเป็นของเหลือที่เจิ้งเจียเว่ยซื้อมาให้เขาต่างหากเล่า

ทีแรกเจิ้งเจียเว่ยบอกว่าถ้าเขาอยากกินเนื้ออบแห้งอีกก็สามารถซื้อหาได้ในเฉิงตูเพราะยังไงก็ไม่ใช่สินค้าท้องถิ่นพิเศษของกุ้ยโจว แต่อู๋ไห่กลับรู้สึกว่าการเอาพวกมันกลับมาจากกุ้ยโจวจะแสดงให้เห็นความจริงใจของเขาได้ดีกว่า ดังนั้นเขาจึงพกมาบนเครื่องด้วยแม้จะเป็นสาเหตุที่ทำให้กระเป๋าเดินทางของเขาน้ำหนักเกินก็ตามที

“ไม่เป็นไร แกไม่ต้องขอบคุณฉันหรอก พวกเราเป็นพี่น้องกันนี่นา ฉันจะวางเอาไว้ข้างรังนอนของแกก็แล้วกันนะ แกจะได้กินเมื่อไหร่ก็ได้ที่อยากกินยังไงเล่า” อู๋ไห่พูดอย่างอ่อนโยน

เมื่อเจ้าบรอธเห็นเนื้ออบแห้งที่วางเอาไว้ข้างรังนอนของมันแล้ว มันก็ชะโงกหน้าขึ้นมาแล้วเห่าเบาๆ

น้ำเสียงของเจ้าบรอธแผ่วเบาราวกับมันกำลังขอบคุณอู๋ไห่อยู่เลย

“แกเคยได้รับของพวกนี้บ้างไหมล่ะ? ดีล่ะ เฮ้ เป็นยังไงบ้างล่ะ” อู๋ไห่พูดขึ้นมาอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงเห่าของเจ้าบรอธ

“คราวหน้าถ้าหากเถ้าแก่หยวนทำเนื้ออบแห้งหรือคุกกี้ก็จำไว้ด้วยว่าต้องเหลือให้พี่อู๋บ้างนะ ถึงยังไงแกก็เป็นน้องหมาส่วนฉันก็เป็นพี่อู๋ พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะ” อู๋ไห่เกลี่ยกล่อมอย่างจริงจังแล้ววางตัวพวกเขาในระดับเดียวกัน

แต่เขากลับหาได้รับการตอบสนองจากเจ้าบรอธเนื่องจากเจ้าบรอธกำลังจ้องมองไปที่ประตูหลังอีกครั้ง

แน่นอนว่าอู๋ไห่ไม่ได้ต้องการคำตอบแต่อย่างใด เขาชะงักไปเล็กน้อยก่อนที่จะพูดขึ้นมาอีกครั้งว่า “ฉันจะถือว่าความเงียบของแกคือคำตอบตกลงนะ”

จากนั้นอู๋ไห่ก็หันหลังจากไป เขาคิดจะเล่าเรื่องนี้ให้หยวนโจวฟัง เท่าที่เขาเข้าใจเจ้าบรอธเองก็เห็นด้วยแล้ว

ในเมื่อเจ้าบรอธเห็นด้วยแล้ว เขาก็ต้องบอกให้หยวนโจวรู้

เมื่อเจ้าบรอธได้ยินเสียงฝีเท้าห่างไกลออกไปแล้ว มันก็หันไปมองอู๋ไห่ แววตาของมันดูเหมือนจะเปี่ยมไปด้วยความดูถูกดูแคลน

อนิจจา อู๋ไห่กลับไม่อยู่ตรงนี้เพื่อจะได้เห็นท่าทางดูถูกดูแคลน

“ดูเหมือนเจ้าบรอธจะพอใจมากทีเดียว การนำเนื้ออบแห้งพวกนั้นมาตั้งไกลนับว่าคุ้มค่าแล้วล่ะ” อู๋ไห่เดินไปที่ประตูหน้าพลางลูบหนวดเคราด้วยความพึงพอใจ

ไม่นานเขาก็มาถึงตรงหน้าทางเข้า นอกเหนือไปจากโจวเจียกับของขวัญเป็นกองพะเนินบนพื้นก็มีเพียงแค่ไม่กี่คนอยู่แถวนี้

เมื่ออู๋ไห่กวาดตามองไปรอบๆ เขาก็พบว่าคนพวกนั้นล้วนแล้วแต่เป็นลูกค้าของร้านหยวนโจวกันทั้งนั้น

“พวกนายมาต่อคิวกันไวขนาดนี้เชียวรึนี่?” อู๋ไห่ถามขึ้นอย่างจริงจัง เท่าที่เขาเข้าใจพวกเขาพยายามที่จะแข่งกันเข้าร้านเป็นคนแรก ดังนั้นเขาจึงรีบวิ่งไปทันที

“พี่อู๋ กลับมาแล้วเหรอคะ?” โจวเจียถามด้วยความยินดีแกมประหลาดใจ

ลูกค้าคนอื่นๆออกไปหลังจากทิ้งของขวัญของพวกเขาเอาไว้ให้เมื่อตอนที่พวกเขาเห็นโจวเจียกำลังคุยกับอู๋ไห่

“อืม ฉันกลับมาแล้ว เริ่มคิวแล้วเหรอ?” อู๋ไห่ถามขึ้นมา

“เปล่าค่ะ เถ้าแก่หยวนป่วย วันนี้ร้านก็เลยปิดน่ะค่ะ” โจวเจียกล่าวด้วยสีหน้าเป็นกังวล

“ฉันนึกว่าหมอนั่นออกกำลังกายเป็นประจำทุกวันเสียอีก? แถมเขายังมีกล้ามเนื้อหน้าท้องอีก! เขาจะป่วยได้อย่างไรกันเล่า?” อู๋ไห่ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย หรือบางทีกล้ามเนื้อพวกนั้นจะเป็นของปลอม?

“ฉันก็ไม่รู้นะคะ แต่เมื่อตอนที่เถ้าแก่หยวนโทรมาเมื่อเช้านี้ เขาไอไม่หยุดแถมยังเสียงแหบแห้งด้วย ฉันคิดว่าอาการคงจะหนักน่าเลยค่ะ” โจวเจียกล่าว

“แย่ขนาดนั้นเชียว?” อู๋ไห่กล่าวพลางแหงนหน้ามองหน้าต่างชั้นบนที่ปิดสนิท

“ฉันก็คิดว่าอย่างนั้นแหละค่ะ แต่เถ้าแก่หยวนก็บอกว่าเขากินยาแล้วนะคะ” โจวเจียกล่าว

“งั้นก็ดีแล้วล่ะ” อู๋ไห่ตอบ

“อีกอย่างของพวกนี้ก็ล้วนแล้วแต่เป็นของขวัญของบรรดาลูกค้าที่มาเยี่ยมกันทั้งนั้นเลยค่ะ” โจวเจียกล่าวพลางชี้ไปทางของขวัญเป็นกองพะเนิน

“รู้งี้ฉันน่าจะเอาเนื้ออบแห้งมาให้หยวนโจวเป็นของขวัญแทนก็ดีหรอก” อู๋ไห่นึกถึงเนื้ออบแห้งที่เขาให้เจ้าบรอธไปขึ้นมาได้

“เนื้ออบแห้งเหรอคะ?” โจวเจียถามด้วยความสงสัย

“ไม่มีอะไรหรอก” อู๋ไห่ส่ายหน้า

“พี่อู๋กินอะไรมาหรือยังคะ? วันนี้อย่าไปรบกวนเถ้าแก่หยวนเลยนะคะ” โจวเจียกล่าว

โจวเจียรู้ว่าแต่ละครั้งที่อู๋ไห่กลับมาจากการเดินทาง เขาก็จะมากินอาหารมากมายที่ร้านหยวนโจว กล่าวได้ว่าเขาทำเช่นนั้นก็เพื่อชดเชยที่ไม่ได้กินอาหารของเถ้าแก่หยวนมาสักระยะหนึ่งแล้ว ถึงอย่างไรก็เป็นที่รู้กันว่าอู๋ไห่น่าจะกินได้น้อยลงเมื่อไปที่อื่น

โจวเจียเป็นห่วงว่าอู๋ไห่จะรบกวนหยวนโจวเนื่องจากหิวมากเกินไป

“ฉันดูชั่วร้ายขนาดนั้นเลยหรือไง?” อู๋ไห่ถามขึ้นมา

“โอ้ แน่นอนว่าย่อมไม่เป็นเช่นนั้นอยู่แล้วค่ะ” โจวเจียส่ายหน้าแม้จะอยากให้คำตอบยืนยันสักเพียงใดก็ตาม

“ในเมื่อเขาไม่สบาย งั้นฉันก็ขอตัวก่อนนะ” อู๋ไห่โบกมือแล้วมุ่งหน้าไปที่สตูดิโอ

“ไว้เจอกันนะคะพี่อู๋” โจวเจียกล่าวอย่างสุภาพ

“หายากที่เจ้าหมอนั่นจะล้มป่วยนะเนี่ย” อู๋ไห่บ่นพึมพำขณะเดินขึ้นบันได

“ใครไม่สบายงั้นเหรอ? นายรู้สึกไม่สบายเหรอ ไห่น้อย?” เจิ้งเจียเว่ยได้ยินคำว่าไม่สบายเมื่อตอนที่เดินลงบันไดแล้วเริ่มคาดเดาอาการของอู๋ไห่ด้วยความกังวลใจ

“ไม่ใช่ฉันหรอก เจ้าเข็มทิศต่างหากล่ะที่ไม่สบายน่ะ” อู๋ไห่กล่าว

“ทำไมเถ้าแก่หยวนถึงไม่สบายได้เล่า? ป่วยเป็นอะไรงั้นเหรอ? อาการหนักหรือเปล่า? ไม่สิ ฉันต้องเตรียมของขวัญไปเยี่ยมเขาเสียหน่อยแล้วล่ะ” เจิ้งเจียเว่ยรู้สึกเป็นกังวลเมื่อได้ยินว่าเถ้าแก่หยวนไม่สบาย

“ฉันคิดว่าเขาน่าจะจับไข้นะ” อู๋ไห่กล่าว

“นายคิดว่างั้นเหรอ? นายไปเยี่ยมเขามาแล้วรึ? เขาไปหาหมอหรือยัง? พักนี้อากาศยิ่งไม่ค่อยดีอยู่เสียด้วยสิ ทางที่ดีเขาน่าจะไปหาหมอบ้างนะ” เจิ้งเจียเว่ยเริ่มจู้จี้ขึ้นมาแล้ว

“ฉันยังไม่เจอเขาเลย เขาน่าจะพักผ่อนอยู่แหละ อีกอย่างพอกินยาแก้ไขหวัดเข้าไปจะออกฤทธิ์ได้นานขนาดไหนกันล่ะ?” อู๋ไห่ถามขึ้น

“โอ้ เขาพักผ่อนอยู่งั้นรึ? งั้นวันนี้ฉันคงไม่ไปรบกวนเขาหรอก พรุ่งนี้ค่อยไปเยี่ยมเขาก็แล้วกัน” เจิ้งเจียเว่ยบ่นพึมพำ

“นายถามว่าไงนะ ไห่น้อย?” เจิ้งเจียเว่ยเงยหน้าขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ว่าดูเหมือนอู๋ไห่จะถามอะไรสักอย่าง

“พอกินยาแก้ไขหวัดเข้าไปจะออกฤทธิ์ได้นานขนาดไหน?” อู๋ไห่พูดซ้ำด้วยความอดทน

“ปกติก็ทุกสี่ชั่วโมงครั้งแหละ” เจิ้งเจียเว่ยกล่าว

“โอ้ โอเค ฉันขึ้นไปล่ะ” อู๋ไห่พยักหน้าแล้วมุ่งหน้าขึ้นไปต่อ

“โอเค เดี๋ยวฉันจะเอาอาหารกลางวันมาให้นายนะ” เจิ้งเจียเว่ยกล่าว

“เอามาอีกสองชุดแล้วฉันก็อยากได้อาหารอ่อนๆด้วย” อู๋ไห่กล่าว

“ไห่น้อยโตแล้วจริงๆ เขารู้จักเป็นห่วงเรื่องอาหารการกินของฉันแล้ว” เจิ้งเจียเว่ยกล่าวด้วยความรู้สึกประทับใจอย่างเห็นได้ชัด

“เปล่าหรอก ชุดหนึ่งของฉัน ชุดหนึ่งของเจ้าเข็มทิศและอีกชุดก็ของโจวเจียน่ะ ส่วนนายไปหากินเอาเองสิ” อู๋ไห่กล่าว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด