อยากกินไหมล่ะ 862 งีบหลับกับหมอน

Now you are reading อยากกินไหมล่ะ Chapter 862 งีบหลับกับหมอน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

อยากกินไหมล่ะ 美食供应商

บทที่ 862 งีบหลับกับหมอน

หลังจากหยวนโจววิเคราะห์ภารกิจให้ดีเพียงไม่นาน เขาก็พูดในใจขึ้นมา

“เจ้าระบบ ฉันจะแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นชื่อโง่ๆที่แกเรียกฉันก็แล้วกัน เรามาให้ความสนใจกับภารกิจกันเถอะ ทำไมภารกิจนี้รู้สึกเหมือนจะมีสองภารกิจมากกว่าเลยล่ะ?” หยวนโจวถามขึ้นมาทันทีโดยทำตามข้อคิดเห็นของประกาศทั้งๆที่ยังคลางแคลงใจเพื่อเลี่ยงมิให้ถูกหลอกอีก

เจ้าระบบแสดงผลออกมาว่า “เมื่อเอาชนะกิจกรรมครั้งนี้ได้ก็ถือว่าบรรลุภารกิจ”

“โอ้ งั้นก็หมายความว่าถ้าเอาชนะได้ก็หมายความว่าบรรลุภารกิจครั้งนี้สินะ?” หยวนโจวถามขึ้น

เจ้าระบบแสดงผลออกมาว่า “ใช่แล้ว สหายน้อย”

“หยุดเรียกฉันแบบนั้นเสียทีเถอะน่า” หยวนโจวกล่าวอย่างอับจนหนทาง

เจ้าระบบไม่ตอบ หยวนโจวจึงสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วโยนชื่อประหลาดๆนั้นออกไปจากหัวแล้วอ่านภารกิจต่อไป

“รางวัลดูดีเชียวล่ะ แต่ตำหรับอาหารเสฉวนหมายถึงตำหรับอาหารเสฉวนทั้งหมดหรือเปล่านะ?” หยวนโจวพึมพำกับตนเอง เขาเอื้อมมือไปที่ลิ้นชักเคาน์เตอร์แล้วหยิบโทรศัพท์ออกมา

“เจ้าระบบ นี่เป็นตำหรับอาหารเสฉวนทั้งหมดที่รวมเอาอาหารชาววัง อาหารท้องถิ่นฉงชิ่งตำหรับเสฉวนและอื่นๆด้วยหรือเปล่า?” หยวนโจวถามขึ้น

เจ้าระบบแสดงผลออกมาว่า “ใช่ รวมพวกนั้นด้วย”

“แล้วอาหารจานรองล่ะ?” สิ่งนี้ไม่ทำให้หยวนโจวพูดติดลมแต่อย่างใด ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือเขาเริ่มฉลาดขึ้นบ้างแล้วหลังจากทำสงครามด้านสติปัญญาและความกล้าหาญกับเจ้าระบบมานับครั้งไม่ถ้วน

เจ้าระบบแสดงผลออกมาว่า “ใช่”

“งั้นคราวนี้ก็คงไม่มีเงื่อนไขพิเศษในการปลดล็อกอาหารจานรองแล้วใช่ไหม?” หยวนโจวถามขึ้นมาอีก

เจ้าระบบแสดงผลออกมาว่า “คุณจะไม่ทราบจนกว่าจะบรรลุภารกิจ”

“โฮ่โฮ่ ฉันมีความรู้สึกว่าแกพยายามที่จะโกงฉันอีกแล้วนะ” หยวนโจวกล่าวขึ้น

แม้จะเป็นเช่นนั้นแต่ด้วยรางวัลอันแสนยั่วใจจึงทำให้หยวนโจวต้องบรรลุภารกิจให้จงได้ ถึงอย่างไรการล่อด้วยตำหรับอาหารทั้งชุดก็มากเกินพอแล้ว

เขาสงบสติอารมณ์ตัวเองแล้วเตรียมที่จะค้นคว้าหาข้อมูลการแข่งขันในครั้งนี้เพิ่มเติม

ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทำให้สามารถค้นหาข้อมูลมากมายได้ในอินเตอร์เน็ต ดังนั้นที่แรกที่หยวนโจวจะค้นหาก็คืออินเตอร์เน็ตนั่นเอง

หวือ! หวือ! หวือ! หยวนโจวใช้โทรศัพท์นำทางอย่างรวดเร็วและไม่นานนักหลายๆเว็บเพจก็เปิดขึ้นมา แม้แต่สารานุกรมออนไลน์ก็ยังเปิดขึ้นมาด้วย

หลังจากอ่านจนละเอียดแล้ว หยวนโจวก็เข้าใจพื้นฐานของการแข่งขันครั้งนี้แล้ว

ปรากฏว่าเพื่อเผยแพร่วัฒนธรรมของตำหรับอาหารเสฉวน ในแต่ละปีจะจัดให้มีการคัดเลือกร้านอาหารตำหรับเสฉวน นี่คือกิจกรรมที่รัฐบาลกับบรรดาเชฟตำหรับอาหารเสฉวนร่วมกันจัดขึ้น อันเป็นมาตรฐานที่เคร่งครัดมากทีเดียว

เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการคัดเลือกจะต้องได้รับคำรับรองจากรัฐบาลเสียก่อน ถัดมาเป็นขั้นตอนการลงคะแนนเสียงที่บรรดาเชฟจัดขึ้นเองก่อนที่จะคัดเลือกร้านอาหาร

พูดง่ายๆก็คือการแข่งขันนี้เกี่ยวพันกับชื่อเสียงของเสฉวน ดังนั้นนี่จึงหาใช่การแข่งขันที่มีคะแนนโหวตมาจากผู้คนจำนวนมากในอินเตอร์เน็ตเพียงเท่านั้น ถึงอย่างไรก็มีตัวแปรมากเกินไปหากพวกเขาคิดจะทำเช่นนั้น

ถึงอย่างไรร้านอาหารที่ได้รับคัดเลือกก็จะได้รับคำรับรองจากรัฐบาลและวางจำหน่ายได้อย่างแพร่หลาย แน่นอนว่าตำหรับอาหารเสฉวนอันดับหนึ่งอันเป็นที่ยอมรับอย่างเป็นทางการย่อมเป็นสิ่งที่บรรดาเชฟตำหรับอาหารเสฉวนต่างปรารถนา ดังนั้นการแข่งขันจึงมักจะรุนแรงมากอยู่เสมอ

ตั้งแต่ปีแรกจนถึงตอนนี้ การแข่งขันนี้จัดขึ้นมาสามครั้งแล้ว และเมื่อหยวนโจวได้เห็นเหล่าแชมป์ทั้งสามครั้งที่ผ่านมาก็ทำให้ความมั่นใจของเขาเริ่มหดหายลงไปทันที

ร้านอาหารทั้งสามแห่งมีลักษณะร่วมกันอย่างหนึ่งคือ ประวัติอันยาวนาน แถมหนึ่งในนั้นยังพบว่าเป็นร้านของอู๋หยวี่เซิงสุดยอดเชฟตำหรับอาหารเสฉวน ไม่แปลกใจเลยที่ไก่ผัดถั่วลิสงที่เป็นอาหารจานเด็ดของร้านแห่งนั้นจะเป็นอาหารจานเด็ดของอู๋หยวี่เซิงเช่นเดียวกัน นั่นเป็นร้านที่มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 100 ปีเชียวนะ

ส่วนอู๋หยวี่เซิงนั้น เขายังเป็นผู้ก่อตั้งร้านเอ๋อเหมยอีกด้วย อาหารของเขาเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายแม้แต่เหมยหลานฟางกับจางโหย่วอี้ปรมาจารย์ด้านอุปรากรปักกิ่งและฉีไป๋สือจิตรกรเลื่องชื่อก็ยังชื่นชอบอาหารของเขาเลย

นี่คือประวัติความเป็นมาอันน่าประทับใจที่ร้านอาหารแห่งแรกมี แน่นอนว่าร้านอาหารแห่งที่สองก็มีความน่าประทับใจในทำนองเดียวกัน

เป็นร้านอาหารตำหรับเสฉวนของจางอันเป็นร้านที่จางกวังอู่เคยทำงานมาก่อน ร้านขึ้นชื่อเรื่องปลาต้มเผ็ดซึ่งเป็นอาหารจานเด็ดของจางกวังอู่ที่เป็นที่นิยมในประเทศมากทีเดียว

นอกจากนี้จางกวังอู่ยังเป็นเชฟส่วนตัวของจางฉุน แถมอาหารของเขายังเป็นที่ชื่นชอบของจางเสวี่ยเหลียงและคุณผู้หญิงจ้าวลำดับที่สี่

ส่วนร้านแห่งที่สามเป็นร้านอาหารชาววังที่เปิดมานาน กะหล่ำปลีต้มที่เป็นที่รู้จักกันดีก็เป็นอาหารจานเด็ดของร้านนี้

เมื่อเทียบกันทั้งสามร้านแล้ว ร้านหยวนโจวก็แค่ร้านเล็กๆเท่านั้น แถมยังมีประวัติความเป็นมาไม่ถึงสองปีอีกต่างหาก แต่ก็ค่อนข้างมีชื่อเสียงทีเดียว อย่างน้อยก็มีชื่อเสียงมากในเสฉวนทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ถึงอย่างไรเจ้าระบบก็ตัดสินแล้วว่าเป็นที่นิยมมากในเสฉวนแหละน่า

แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้นก็ไม่อาจเทียบได้กับร้านที่มีประวัติความเป็นมายาวนานพวกนั้นที่เป็นที่นิยมมานับตั้งแต่ก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน แล้วเขาจะไปแข่งความนิยมกับพวกเขาได้อย่างไรกันเล่า?

หยวนโจวรู้สึกปวดหัวเหลือเกิน ลืมเรื่องที่เขาจะเอาชนะไปก่อนเถอะ เขาจะได้รับคำรับรองจากรัฐบาลได้อย่างไรกัน? หลังจากค้นหาอยู่สักครู่ เขาก็พบแค่ข้อมูลที่เป็น “คำรับรองจากรัฐบาล”

“เจ้าระบบ ภารกิจไม่เกินความสามารถไปหน่อยหรือ?” หยวนโจวถึงกับถอนหายใจ

เจ้าระบบแสดงผลออกมาว่า “ในฐานที่เป็นสุดยอดเชฟในอนาคต นี่คือชื่อเสียงที่เจ้านายจะต้องไขว่คว้ามาให้ได้”

“อืม ฟังดูมีเหตุผลเหมือนกันนะ ในด้านพละกำลังนั้น ลำพังแค่อาหารท้องถิ่นเฉิงตูตำหรับเสฉวน ฉันไม่กลัวหรอกนะ แต่ปัญหาก็คือฉันไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะยืนอยู่บนเวทีเดียวกันอย่างคนอื่นนี่น่ะสิ” หยวนโจวทอดถอนใจ

ใช่แล้วล่ะ นี่อาจจะเป็นการแข่งขันแต่ก็ใช่ว่าจะเป็นการแข่งขันด้านฝีมือการทำอาหารที่เคร่งครัดอะไรนักหรือเป็นสิ่งที่เขาจะสามารถเข้าร่วมการแข่งกันกับผู้อื่นได้ แค่ “คำรับรองจากรัฐบาล” เพียงคำเดียวก็มากพอที่จะสกัดความก้าวหน้าของผู้คนทั้งหลายได้แล้ว ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คือหยวนโจวในตอนนี้นี่แหละ แม้ว่าเขาอยากจะเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งขนาดไหนก็ไม่มีทางเป็นไปได้เลย

แน่นอนว่าหยวนโจวยังมีความมั่นใจในฝีมือการทำอาหารของตนเอง เขารู้จักทั้งปลาต้มเผ็ดและไก่ผัดถั่วลิสงเช่นกัน แต่ในด้านประวัติความเป็นมาของร้าน หยวนโจวกลับยังห่างไกลจากร้านอื่นๆนัก

เจ้าระบบแสดงผลออกมาว่า “สหายน้อย ฉันเชื่อมั่นในตัวคุณนะ”

“ขอบใจที่เชื่อนะ” หยวนโจวลูบหน้าตัวเอง เมื่อต้องเผชิญหน้ากับอุปสรรคขวากหนาม เขาก็ไม่สนใจว่าเจ้าระบบจะเรียกเขาว่าอย่างไรอีกต่อไปแล้ว

ร้านหยวนโจวไม่เคยสั่งสมอะไรมาก่อนเลยแล้วลำพังหยวนโจวแค่คนเดียวจะบรรลุภารกิจนี้ได้อย่างไรกัน?

“โลกนี้ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆจริงๆ” หยวนโจวรำพึง ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมรางวัลจึงมากมายนัก

เจ้าระบบแสดงผลออกมาว่า “สหายน้อย คุณสามารถทำอาหารกลางวันให้ตัวเองได้นะ ฉันจะคิดแค่ราคาวัตถุดิบของคุณเท่านั้นแหละ”

“… ขอบใจนะ” หยวนโจวกล่าวอย่างอับจนหนทาง ใช่แล้วล่ะ เจ้าระบบพูดมีเหตุผล

เขาครุ่นคิดพลางขมวดคิ้วแล้วไม่สนใจเจ้าระบบอีกต่อไป

ปกติหยวนโจวจะไม่ยอมปล่อยโอกาสที่จะได้ทุ่มเถียงกับเจ้าระบบไปหรอกนะ

“อย่างแรกฉันต้องหาวิธีเข้าแข่งขันให้ได้เสียก่อน” หยวนโจวลูบศีรษะแล้วใคร่ครวญดู ในเมื่อเขาไม่สามารถหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตได้ เขาก็ต้องถามเอาจากผู้อื่นแล้ว เขาลองตรวจสอบและพบว่าการแข่งขันนี้เป็นสมาคมสืบทอดตำหรับอาหารเสฉวนกับสมาพันธ์เชฟแห่งประเทศจีนร่วมกันจัดขึ้นมา

เนื่องจากประตูร้านเปิดอ้าอยู่ หยวนโจวจึงนั่งลงบนเก้าอี้พลางถือโทรศัพท์ด้วยมือข้างหนึ่งส่วนอีกข้างหนึ่งลูบศีรษะ สีหน้าครุ่นคิดทำให้เขาดูเหมือนกำลังคิดเรื่องยุ่งยากอยู่อย่างไรอย่างนั้น เขาสรุปว่าท่านประธานโจวอย่างโจวซื่อเจี๋ยคงจะสามารถตอบคำถามของเขาได้

“กริ๊ง กริ๊ง” จู่ๆเสียงโทรศัพท์ของหยวนโจวก็ดังขึ้นมา

“อืม?” หยวนโจวก้มหน้าแล้วมองชื่อบนโทรศัพท์ เป็นโจวซื่อเจี๋ยนั่นเอง

ช่างบังเอิญอะไรขนาดนั้น?

“สวัสดี หยวนน้อยใช่ไหม? หมดเวลาอาหารกลางวันหรือยังล่ะ?” น้ำเสียงเป็นกันเองของโจวซื่อเจี๋ยดังขึ้นทันทีที่หยวนโจวรับสาย

“ครับ ท่านประธาน” หยวนโจวพยักหน้า

“พักนี้เป็นยังไงบ้างเล่า? คุณมีอาหารจานใหม่ๆบ้างไหม? ฉันตั้งหน้าตั้งตารอคอยที่จะได้ชิมอาหารจานใหม่ของคุณอยู่เลยนะ” โจวซื่อเจี๋ยกล่าวพลางยิ้ม

“จริงๆแล้วผมก็กำลังคิดจะทำอย่างนั้นอยู่เลยครับ” หยวนโจวตอบ

“ดีใจที่ได้ยินแบบนั้นนะ ในฐานที่เป็นเชฟ พวกเราควรจะมุ่งมั่นกับการทำอาหาร นั่นเป็นทางเดียวที่จะช่วยให้พัฒนาฝีมือขึ้นได้” โจวซื่อเจี๋ยกล่าว

เมื่อใดก็ตามที่โจวซื่อเจี๋ยโทรมา เขาก็จะถามความก้าวหน้าในการทำอาหารของหยวนโจวก่อน หยวนโจวชินกับเรื่องนี้เสียแล้วล่ะ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด