อยากกินไหมล่ะ 800 ฉันควรจะกินสักกี่ชามดีนะ?

Now you are reading อยากกินไหมล่ะ Chapter 800 ฉันควรจะกินสักกี่ชามดีนะ? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

อยากกินไหมล่ะ 美食供应商

บทที่ 800 ฉันควรจะกินสักกี่ชามดีนะ?

หยวนโจวพลิกน้ำนมข้าวนึ่งชิ้นอื่นๆต่อไป ส่วนคนไม่สามารถช่วยอะไรได้จึงทำได้เพียงมองไปที่ต้าไห่

“จริงๆแล้วยังมีอีกหลายชิ้นที่ยังไม่ได้พลิกหรือเปล่านะ?” ทุกคนต่างเกิดความสงสัย

ลูกค้าที่มาดื่มเหล้าทางด้านข้างต่างมองดูทีมงานถ่ายทำพลางยิ้มเยาะราวกับว่าสิ่งนี้หาใช่เรื่องน่าแปลกใจแต่อย่างใด

แม้แต่ฟางเหิงที่เคลือบแคลงความสามารถในการทำบะหมี่เย็นนึ่งสูตรต้นตำหรับของหยวนโจวก็ดูจะมีสีหน้าแบบเดียวกัน เท่าที่ฟางเหิงเข้าใจ ถึงแม้ว่าหยวนโจวจะไม่สามารถทำบะหมี่เย็นนึ่งสูตรต้นตำหรับได้ แต่ฝีมือการทำอาหารของเขาก็ยังจัดอยู่ในระดับสุดยอด สาเหตุเดียวที่น่าจะทำให้หยวนโจวทำไม่สำเร็จอาจสืบเนื่องมาจากตำแหน่งทางภูมิศาสตร์มากกว่า

ถึงอย่างไรพวกเขาต่างก็เคยเห็นหยวนโจวทำสิ่งที่น่าประทับใจกว่านี้มาแล้ว

“พวกมันล้วนถูกพลิกไปแล้วจริงๆเสียด้วย” ต้าไห่วิเคราะห์หน้าจออย่างละเอียดถี่ถ้วนก่อนที่จะพยักหน้า

อันที่จริงต้าไห่เองก็ประหลาดใจเช่นกัน เขาถึงกับเล่นเทปซ้ำอยู่หลายต่อหลายครั้งและสังเกตได้แค่ว่าหยวนโจวพลิกหลายๆชิ้นจริงๆหลังจากดูภาพเคลื่อนไหวช้า

ไม่เพียงเขาจะดูภาพเคลื่อนไหวช้าเท่านั้นแต่ยังขยายหน้าจอเพื่อสังเกตว่ามีความแตกต่างเล็กๆน้อยๆจริงๆหรือไม่หลังจากพลิกหลายๆชิ้น

หลายๆชิ้นที่พลิกแล้วมีลักษณะที่แบนลงส่วนหลายๆชิ้นที่ยังไม่ถูกพลิกก็มีลักษณะค่อนข้างโค้ง

หยวนโจวไม่มีซึ้งไม้ไผ่รูปสี่เหลี่ยมอยู่มากสักเท่าไหร่นัก ดังนั้นหยวนโจวจึงใช้เวลาเพียงไม่นานนักก็พลิกได้หมด ตอนนี้เขาพักมันเอาไว้ข้างๆเพื่อรอให้เย็นตัวลง ต่อมาเขาก็เริ่มอุ่นหม้อให้ร้อนเพื่อให้สามารถเริ่มทำน้ำมันพริกได้

ก่อนที่จะทำเช่นนั้น หยวนโจวก็หยิบเมล็ดงาขึ้นมาจากชามใบเล็กจ้อย

เขาพยายามเลือกเมล็ดงาที่มีขนาดเล็กกว่าเพื่อให้แน่ใจได้ว่าอาหารที่ทำเสร็จจะให้ความรู้สึกที่ดีเมื่อยามเคี้ยว

ต่อมาเขาก็ใช้หม้ออีกใบแล้วเริ่มคั่วเมล็ดงา ส่วนเมล็ดงาสำหรับน้ำมันพริกต้องผ่านการปรุงมาแล้ว แบบนั้นน้ำมันพริกก็จะมีรสชาติดีขึ้นไปอีก

เมื่อเมล็ดงาเปลี่ยนเป็นสีออกเหลือง หยวนโจวก็เทมันออกจากหม้อแล้วพักไว้ข้างๆ

ในตอนนี้พริกที่เขาคั่วเอาไว้ก่อนหน้านี้ต่างก็เย็นลงแล้ว เขาจึงรีบบดให้เป็นชิ้นๆทันทีก่อนที่จะนำมาพักเอาไว้

อันที่จริงแล้วยังมีวิธีการเตรียมน้ำมันพริกอีกหลายแบบ หยวนโจวเลือกใช้วิธีการที่ง่ายและรวดเร็วที่สุด แน่นอนว่าเขาย่อมต้องการหม้อไฟและน้ำมันเย็นเพื่อทำสิ่งนี้

หลังจากอุ่นหม้อให้ร้อนแล้ว หยวนโจวก็เทน้ำมันลงไปเพื่อให้น้ำมันร้อนขึ้นมา คราวนี้เขาใช้น้ำมันข้าวโพดที่รสอ่อนและไม่มีรสชาติอื่นมาปะปน สิ่งนี้จะช่วยทำให้รสชาติของพริกมีความโดดเด่นมากยิ่งขึ้น

“เขากำลังทำน้ำมันพริกนี่เอง เจ้าสิ่งนี้จะต้องรสชาติอร่อยแน่ๆเลย กลิ่นหอมออกเสียขนาดนี้” เฉินเว่ยพยักหน้า

“จริงสินะ สำหรับอาหารจานอื่นๆแล้ว น้ำมันพริกน่าจะเป็นจิตวิญญาณของอาหารเลยล่ะ ไม่ว่าอาหารจะรสชาติดีหรือแย่ก็ขึ้นอยู่กับน้ำมันทั้งนั้นแหละ” ฟางเหิงพยักหน้า

“แหงอยู่แล้ว นายลืมเนื้อสไลซ์บางเฉียบไปแล้วหรือไง?” เจียงฉางซี่ทอดสายตาไปทางฟางเหิงที่อยู่ด้านข้าง

“จริงสิ แต่นี่ยังเป็นครั้งแรกที่ฉันได้มาเห็นเถ้าแก่หยวนทำน้ำมันพริก งั้นก็คงมีอะไรอีกเยอะเลยเชียวล่ะ” ฟางเหิงไม่โกรธแถมยังมองหยวนโจวด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“ไม่ใช่ว่านายเตรียมน้ำมันพริกจากการผสมน้ำมันร้อนกับพริกป่นหรอกนะ?” นั่นคือวิธีเตรียมพริกป่นที่เจียงฉางซี่นึกขึ้นได้

“นั่นก็คือสาเหตุที่ทำให้เธอทำอาหารไม่ได้เรื่องยังไงเล่า” เฉินเว่ยสรุป

“หุบปากไปซะ” เจียงฉางซี่กล่าวโดยไม่ลังเล

ในขณะที่พวกเขาทุ่มเถียงกันอยู่นั้น หยวนโจวก็จัดการกับพริกเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาโรยเมล็ดงาเอาไว้บนพริก ตอนนี้เขาแค่เติมน้ำมันลงไปก็พอแล้ว

“เขาใส่หอมกับวัตถุดิบอื่นๆลงในน้ำมันจริงๆหรือนี่?” เจียงฉางซี่กล่าวเมื่อเห็นหยวนโจวตักส่วนผสมต่างๆออกจากน้ำมัน ท่ามกลางวัตถุดิบมากมายหลายหลาก หอมเป็นวัตถุดิบเพียงอย่างเดียวที่เธอรู้จัก

ใช่แล้วล่ะ ในน้ำมันที่หยวนโจวเหลือเอาไว้มีการเติมวัตถุดิบอื่นลงไปด้วย

แปะ! หยวนโจวปิดเตาแล้วล้างมือก่อนที่จะเริ่มหั่นน้ำนมข้าวนึ่งเป็นชิ้นๆ

หยวนโจวใช้มีดกระเบื้องในการหั่นน้ำนมข้าวนึ่งเป็นชิ้นๆเนื่องจากโลหะอาจจะสร้างความเสียหายแก่น้ำนมข้าวนึ่งอันอ่อนนุ่มได้ทั้งยังส่งผลต่อรสชาติอีกด้วย

มีดกระเบื้องทั้งคมกริบและปราศจากกลิ่นอื่นใด

เฟี้ยว! เฟี้ยว! เฟี้ยว! หยวนโจวยกซึ้งไม้ไผ่รูปสี่เหลี่ยมขึ้นแล้วหยิบน้ำนมข้าวนึ่งห้าชิ้นมาวางบนเขียง

เขาขยับอย่างรวดเร็วและแม่นยำ ทันใดนั้นน้ำนมข้าวนึ่งทั้งห้าชิ้นก็เรียงตัวอย่างเป็นระเบียบอยู่บนเขียง ระหว่างขั้นตอนทั้งหมด มือของหยวนโจวหาได้สัมผัสพวกมันแต่อย่างใด

“เล็งกล้องให้ดีๆล่ะ” ต้าไห่ย้ำเตือนชิวชิว

ใช่แล้วล่ะ ตอนที่หยวนโจวกำลังใช้มีดอยู่นั้น ผู้กำกับกำลังเคร่งเครียดมากเลยทีเดียว เขารู้มานานแล้วว่าหยวนโจวมีความเชี่ยวชาญในการใช้มีด

ต้าไห่พูดถูก หยวนโจวเพียงแค่หยิบมีดอย่างเรื่อยเฉื่อยแล้วสะบัดไปมาไม่กี่ครั้ง เส้นบะหมี่เย็นอันแสนเรียวบางที่มีความยาวเท่าๆกันก็ลงไปกองอยู่บนเขียงแล้ว

เนื่องจากบะหมี่ทำขึ้นมาจากน้ำนมข้าว พวกมันจึงมีลักษณะคล้ายบะหมี่เย็นที่ทั้งขาวและโปร่งแสงอยู่หน่อยๆ ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวก็คือบะหมี่เหล่านี้ทั้งเรียวและบางต่างไปจากบะหมี่เย็นที่น่าจะมีขนาดกว้างกว่า ยิ่งไปกว่านั้นหน้าตาของบะหมี่เหล่านี้ก็ช่างห่างไกลจากความโปร่งแสงและเป็นประกายอยู่มากเมื่อเทียบกับสีขาวน้ำนมของข้าวที่มีอยู่ในขณะเดียวกัน

“ดูเหมือนเถ้าแก่หยวนกำลังวางแผนที่จะกินแบบเย็นแทนแบบร้อนนะ” ฟางเหิงรู้ได้ในทันทีว่าเถ้าแก่หยวนเตรียมที่จะทำแบบเย็นเอาตอนที่เห็นรูปร่างของบะหมี่แล้ว

“จ้า จ้า นายมันรู้ไปหมดเสียทุกเรื่องแหละ” เจียงฉางซี่กล่าว

“ดูยังไงก็ไม่เหมือนว่าเถ้าแก่หยวนจะยกบะหมี่ให้นายเลยนะ นายจะรู้ว่าบะหมี่ของเถ้าแก่หยวนเป็นสูตรต้นตำหรับหรือเปล่าได้ยังไงล่ะ? ในความคิดเห็นของฉัน ยังไงบะหมี่ก็เป็นสูตรต้นตำหรับแน่ๆล่ะ” เฉินเว่ยถาม

“ฉันมีวิธีก็แล้วกันน่า” ฟางเหิงยิ้มโดยไม่แสดงท่าทีอะไรออกมาทั้งนั้น

“นายมีแผนอะไรงั้นเหรอ? อูย… กลิ่นหอมชะมัดเลย!” เฉินเว่ยกำลังถามอยู่เมื่อตอนที่ถูกกลิ่นเผ็ดร้อนเข้มข้นเบี่ยงเบนความสนใจไปจนสิ้น

นี่คือกลิ่นที่เผ็ดร้อนและมีร่องรอยความเปรี้ยวนิดหน่อยอยู่ภายใน เพียงแค่ได้กลิ่นก็ช่วยกระตุ้นความอยากอาหารขึ้นมาอย่างมากมายแล้ว

“ใช่ กลิ่นหอมจังเลย ตอนนี้ฉันชักจะรู้สึกหิวขึ้นมาเสียแล้วสิ” เจียงฉางซี่พยักหน้า

“ลืมเรื่องอื่นไปก่อนเถอะ กลิ่นพริกนี่ช่างยอดเยี่ยมไปเลย ฉันสงสัยจังว่าพอผสมทุกอย่างเข้าด้วยกันแล้วรสชาติจะออกมาเป็นยังไงกันนะ” ฟางเหิงถึงกับกลืนน้ำลาย

ขณะที่พวกเขากำลังสงสัยอยู่นั้น หยวนโจวก็เทน้ำมันลงบนพริกไปแล้ว เขาคนไปด้วยเทไปด้วยจึงทำให้กลิ่นหอมกระจายไปทั่วร้าน

เนื่องจากนี่ไม่อยู่ในเวลาเปิดร้าน กลิ่นหอมจึงตลบอบอวลอยู่ในร้านพาให้ทุกคนต่างรู้สึกหิวขึ้นมา

หลังจากหยวนโจวคนน้ำมันเสร็จแล้ว เขาก็เติมน้ำส้มสายชูลงไป กลิ่นที่ได้ส่งผลทำให้ทุกผู้คนรู้สึกหิวยิ่งขึ้นไปอีก

กลิ่นเผ็ดร้อนที่ผสมเข้ากับความเปรี้ยวนิดๆหน่อยๆช่างเป็นการผสมผสานอันลงตัวที่กระตุ้นให้ทุกคนเกิดความอยากอาหารจนต้องกลืนน้ำลายกันเลยทีเดียว

“กลิ่นหอมจังเลย” เฉินเว่ยกล่าว

ลูกค้าที่มาดื่มเหล้าต่างรู้ดีว่าพวกเขาคงไม่มีโอกาสได้กินหรอก นอกจากฟางเหิงที่เตรียมใจเอาไว้แล้ว คนที่เหลือต่างรู้สึกได้ถึงความปรารถนาอันแรงกล้าที่มีต่ออาหารขณะที่พวกเขามองหยวนโจวทำอาหาร

แม้แต่สมาชิกในทีมงานถ่ายทำก็ยังแทบเป็นบ้าไปเพราะกลิ่นอยู่แล้วเชียว แน่นอนว่าลึกๆแล้วพวกเขาต่างก็มีความสุขมากๆ

“อา ถ้านี่เป็นอาหารมื้อต่อไปของเรา ฉันคงมีความสุขมากเลยล่ะ เพียงแค่กลิ่นอย่างเดียวก็สุดยอดมากแล้วนะ” อาเขิ่นพึมพำพลางกลืนน้ำลาย

“ฝีมือการทำอาหารของเถ้าแก่หยวนยอดเยี่ยมเสียจริง ผมควบคุมน้ำลายตัวเองไม่ได้อีกต่อไปแล้วล่ะ” ต้าไห่รำพึงออกมา

“จากที่ดูๆแล้วนะ อาหารใกล้จะเสร็จแล้วล่ะ ฉันควรจะกินสักกี่ชามดีนะ?” เซียวหลงเหรินให้ความสนใจกับบะหมี่อยู่ตลอดเวลา

“อืม ฉันคิดว่าจะกินสักห้าชามล่ะ ยังไงเสียก็เป็นสัดส่วนที่น้อยกว่าเกี๊ยวตั้งเยอะ” เซียวหลงเหรินตัดสินใจ

“ผสมเสร็จแล้วล่ะ ฉันคิดว่าอีกไม่นานอาหารก็คงจะพร้อมแล้วแหละ ฉันหิวมากเลย” แม้แต่ชิวชิวก็ควบคุมตัวเองไม่ได้เสียแล้ว

ควรรู้ว่าทุกคนที่อยู่ตรงนั้น ชิวชิวเป็นผู้ที่อยู้ใกล้กับหยวนโจวมากที่สุด ถึงอย่างไรเขาก็เข้าไปใกล้ๆหยวนโจวเพื่อแสดงความโดดเด่นของเขาในวิดีโอ และด้วยเหตุนั้นเขาจึงได้กลิ่นมากกว่าคนอื่นๆ

เหตุผลเดียวที่ชิวชิวยังสามารถควบคุมตัวเองได้ต้องขอบคุณความเป็นมืออาชีพของเขา มิฉะนั้นเขาคงได้เริ่มหยิบฉวยอาหารไปนานแล้ว

ดูเหมือนว่าบะหมี่จะกระตุ้นความอยากอาหารได้มากจริงๆ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด