อยากกินไหมล่ะ 856 เจ้าคนขี้กลัวร่างกำยำ

Now you are reading อยากกินไหมล่ะ Chapter 856 เจ้าคนขี้กลัวร่างกำยำ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

อยากกินไหมล่ะ 美食供应商

บทที่ 856 เจ้าคนขี้กลัวร่างกำยำ

โชคดีที่เจ้าปลาน้อยไม่ต้องนานเกินไปกว่าปลาย่างของหยวนโจวจะพร้อมรับประทาน ไม่นับว่าเป็นการกล่าวเกินจริงเลยสักนิดที่จะบอกว่าเธอจับจ้องอยู่นานเสียจนดวงตาเมื่อยล้าไปหมดแล้ว

“ปลาย่างของคุณได้แล้วครับ” หยวนโจวยกจานมาวางลงบนโต๊ะยาวแบบโค้ง

เมื่อตอนที่บาร์บีคิวถูกยกมาเสิร์ฟนั้นไม่มีบริกรหญิง แต่หยวนโจวก็สามารถยกเคบับมาเสิร์ฟให้ลูกค้าได้อย่างสบายๆหลังจากพวกมันพร้อมรับประทานแล้ว ถึงอย่างไรเขาก็อยู่ใกล้ๆและไม่ได้ลำบากลำบนอะไรนัก

แต่ “สภาพแวดล้อมแย่ๆ” เช่นนี้กลับถูกบุรุษร่างกำยำผู้เป็นลูกค้าที่ไม่ทราบชื่อเสียงเรียงนามแก้ไขเสียใหม่ สิ่งที่พวกเขารู้เกี่ยวกับตัวเขาก็คือเขาแข็งแรงราวกับหมีแต่มักจะหวาดกลัวเรื่องผีสางของชายชราขับรถสามล้ออยู่เสมอ บรรดาลูกค้าขาประจำจ่างเรียกเขาว่าเจ้าคนขี้กลัวร่างกำยำ เนื่องจากเป็นบัณฑิตเกียรตินิยมของมหาวิทยาลัยบริหารธุรกิจ เจ้าคนขี้กลัวร่างกำยำใช้เวลากว่าครึ่งชั่วโมงเพื่อบอกหยวนโจวว่าการยกอาหารมาเสิร์ฟให้ลูกค้าด้วยตัวเองช่างเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมากขนาดไหน

เดิมทีช่วงเวลาของบาร์บีคิวก็ค่อนข้างจำกัดอยู่แล้ว โดยจะใช้เวลาอย่างน้อยสิบวินาทีต่อการเสิร์ฟให้พวกเขาแต่ละคน และตลอดช่วงเวลาของบาร์บีคิวอันจำกัดนั้นก็อาจจะเกิดความล่าช้าเพิ่มขึ้นอย่างน้อยก็อีกหลายนาที แล้วก็อย่างที่รู้ๆกันอยู่นั่นแหละ เคบับเพียงแค่ที่เดียวต้องใช้เวลาสักครู่ในการย่าง พูดง่ายๆก็คือลูกค้าคนหนึ่งย่อมไม่สามารถกินเคบับได้ทั้งคืนก็เพราะแบบนั้นเอง

ในเมืองเฉิงตู ปริมาณความชื้นเฉลี่ยต่อปีจะอยู่ที่ร้อยละ 79-84 ขณะที่อัตราการระเหยจะอยู่ที่ 841.1-1066.1มม. กล่าวคือปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยต่อปีจะอยู่ที่ 750-1000มม. นั่นเอง ในทางกลับกันจึงสามารถทราบได้เลยว่าจะมีวันที่ฝนตกตลอดทั้งปีเพียง 60 วันเท่านั้น ถ้าจะให้พูดก็คือมีลูกค้ามากกว่า 60 คนที่จะได้กินเคบับช้าลงก็เพราะ “สภาพแวดล้อมแย่ๆ” ในปีหนึ่งๆนั่นเอง เจ้าคนขี้กลัวร่างกำยำถามหยวนโจวออกมาตรงๆราวกับรู้สึกผิดเสียเต็มประดา

หยวนโจวไม่ใคร่เข้าใจเรื่องที่เขารู้สึกผิดสักเท่าไหร่นัก สิ่งที่เขารู้แน่ๆก็คือเขารู้สึกปวดเศียรเวียนเกล้าหลังจากเจ้าคนขี้กลัวร่างกำยำมอบข้อมูลข้างต้นให้เขา ดังนั้นตั้งแต่นั้นมาหยวนโจวจึงวางเคบับเอาไว้บนโต๊ะยาวแบบโค้ง

หลังจากนั้น หยวนโจวก็ได้รู้ว่าเจ้าคนขี้กลัวร่างกำยำผู้นี้ทำงานอยู่ในสำนักอุตุนิยมวิทยาเมืองเฉิงตู โดยที่ตัวเขาเป็นนักสังเกตการณ์ทางอุตุนิยมวิทยา

หยวนโจวคิดอยู่ในใจว่า ไอ้เวรเอ้ย! เรียนจบจากมหาวิทยาลัยธุรกิจแต่กลับเข้าสำนักอุตุนิยมวิทยาไปเป็นนักสังเกตการณ์ เขาแย่งโอกาสที่จะได้งานจากพวกที่เรียนจบด้านบรรยากาศศาสตร์และการหยั่งอากาศ

กลับมาเข้าเรื่องกันต่อเถอะ ปลาย่างที่นำมาเสิร์ฟนี้เป็นของเจ้าปลาน้อย เมื่อได้ยินเช่นนั้นเธอก็เผยรอยยิ้มออกมา จากนั้นก็ก้มหน้าลงแล้วยกปลาย่างไปที่โต๊ะของเธอเองอย่างรวดเร็ว

ปลาย่างตรงหน้าของเธอดูสมบูรณ์มากทีเดียวทั้งยังมีหนังปลาสีเหลืองทองอีกต่างหาก มันเกิดรอยย่นและระเบิดกลิ่นไหม้เกรียมออกมาด้วย

ปลาย่างไม่ได้ถูกเสิร์ฟอย่างงามวิจิตรแต่อย่างใด มันถูกวางลงในจานไม้รูปทรงตัวปลาซึ่งมีขนาดพอดีกับปลาไนแม่น้ำฮวงโห

ฉากดังกล่าวสามารถอธิบายด้วยบทกลอน “ปลาไนอยู่ในจานไม้รูปทรงตัวปลา เจ้าปลาน้อยนั่งอยู่ตรงหน้าปลาย่าง” ยอดไปเลย มันเป็นบทกลอนที่ยอดเยี่ยมเชียวล่ะ ทั้งๆที่ไม่มีสัมผัสหรือความคล้องจอง แต่กลับเยี่ยมมากเลย!

นอกเหนือไปจากนั้นยังมีกลิ่นอันน่าพึงพอใจอีกต่างหาก ถ้าสังเกตให้ดีก็จะมีผลึกสีขาวบางส่วนอยู่ใต้ลำตัวปลา พวกมันดูราวกับเกลือดิบที่นำมาปรุงรสอย่างไรอย่างนั้นเลย

ไม่มีวัตถุดิบอื่นใดอีกยกเว้นของเหล่านี้ มันจึงเป็นปลาที่ธรรมดามากทีเดียว

แต่เจ้าปลาน้อยกลับไม่ประหลาดใจแต่อย่างใด

“ฉันตั้งหน้าตั้งตารอคอยมันมากเลยนะ!” เจ้าปลาน้อยหยิบตะเกียบแล้วเอื้อมไปยังส่วนที่ลำตัวกับหัวปลาติดกันอย่างคาดหวัง

ตำแหน่งแรกที่เจ้าปลาน้อยจะเริ่มก็คือส่วนเนื้อปลาบริเวณด้านหลัง เธอมักจะเริ่มกินปลาจากตำแหน่งนี้อยู่เสมอ

แน่นอนว่าส่วนที่อร่อยที่สุดย่อมเป็นส่วนหางของปลาอยู่แล้ว เนื่องจากมันมักจะขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวอยู่เสมอจึงทำให้เนื้อมีรสชาติทั้งเหนียวและแน่น แต่กลับไม่ขาดเนื้อสัมผัสอันนุ่มเนียน แต่ถึงอย่างไรเจ้าปลาน้อยก็ยังชอบกินเนื้อบริเวณส่วนหลังอยู่ดี

ส่วนหยวนโจวก็เตรียมตะเกียบที่มีปลายแหลมเอาไว้ให้แล้ว เธอจึงเอื้อมตะเกียบของตนเองไปคีบเนื้อปลาชิ้นหนึ่งที่มีขนาดใหญ่เท่ากลีบกระเทียมขึ้นมา

เนื้อปลาสีขาวอ่อนนุ่มที่ห่อหุ้มด้วยหนังขนาดค่อนข้างใหญ่ส่งไปควันออกมานิดหน่อยระหว่างตะเกียบสีน้ำตาล ทั้งยังมีอนุภาคเกลือโปร่งแสงส่องประกายระยิบระยับอยู่บริเวณผิวหน้าอีกด้วย ปลาทั้งตัวดูเหมือนจะกระตุ้นความอยากอาหารได้มากทีเดียว

“อ๊าววว” เจ้าปลาน้อยไม่สามารถกลืนลงไปได้หากไม่คายก้างชิ้นเล็กๆออกมา เธอจึงเตรียมตัวที่จะเคี้ยวอย่างระมัดระวังแล้วค่อยคายออกมาทางลิ้น

ทันทีที่เนื้อปลาเข้าปาก อนุภาคเกลือบริเวณหนังปลาก็ละลายในทันที จากนั้นปลายลิ้นของเธอก็จะรู้สึกได้ถึงรสเค็มที่ผสมผสานเข้ากับกลิ่นเลมอน แต่ก็เพียงแค่ชั่วครู่เท่านั้นเพราะเมื่อรสเค็มพรั่งพรูออกมาแล้ว ความสดใหม่ของเนื้อปลาเองก็พรั่งพรูออกมาด้วยเช่นกัน

“สดมากเลย” เจ้าปลาน้อยอดไม่ได้ที่จะหรี่ตา

ใช่แล้วล่ะ พร้อมๆกับอนุภาคเกลือที่ผสมผสานเข้ากับกลิ่นเลมอน เนื้อปลาในปากของเธอแทบจะละลายทันทีเมื่อเข้าปากและเปลี่ยนเป็นเนื้อชิ้นเล็กๆ ในขณะเดียวกัน ความสดใหม่ก็พุ่งเข้าสู่ลำคอของเธอในทันที แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามหนังปลาก็มีเนื้อสัมผัสคล้ายวุ้น ด้วยการเคี้ยวเพียงไม่กี่คำก็ทำให้ได้รสชาติราวกับผิวซาลาเปาที่ย่างเกรียม นุ่มเหนียวและมีรสอร่อย

“อร่อยชะมัดเลย” เจ้าปลาน้อยคีบเนื้อปลาติดๆกันแล้วพึมพำในขณะเดียวกัน เธอค่อยๆกินไปทีละนิดอย่างรวดเร็วยิ่ง

เพียงแค่ไม่นานนัก เนื้อตรงบริเวณส่วนหลังก็ถูกกินไปแล้ว เหลือเอาไว้เพียงลำตัวปลาที่สมบูรณ์ก็เท่านั้น

“รสชาติของปลาเป็นยังไงบ้างล่ะ?” หลิงหงมองเจ้าปลาน้อยที่อยู่ข้างๆสักครู่ เมื่อเห็นว่าจู่ๆเธอก็ชะงักไป เขาก็อดไม่ได้ที่จะถามออกมา

หลิงหงไม่มีนิสัยชอบจ้องมองผู้อื่นขณะที่พวกเขากินอาหารในยามปกติ ถึงอย่างไรเขาหาใช่เจ้าอู๋ไห่เทาเที่ยจอมไร้ยางอายเสียเมื่อไหร่กันเล่า แต่วันนี้นับเป็นข้อยกเว้นจริงๆ หญิงสาวผู้นี้กำลังกินปลาย่างอย่างมีความสุขและสนุกสนาน เธอเคี้ยวตุ้ยๆราวกับกระรอกก็ไม่ปาน ไม่เพียงเธอจะดึงดูดความสนใจแต่เธอยังทำให้ผู้อื่นเกิดความอยากอาหารไปด้วย

“สดมากเลยแถมยังอร่อยอีกต่างหาก” เจ้าปลาน้อยกล่าวตามตรง

“อืม ฉันสามารถบอกได้จากหน้าเธอเลยล่ะ” หลิงหงพยักหน้าเห็นด้วย

“อร่อยจริงๆนะ” หลังจากกล่าวเช่นนั้น เจ้าปลาน้อยก็ก้มหน้าแล้วกินต่อ เธอยังคงกินท้องปลาและอีกซีกที่เหลืออยู่ซึ่งยังไม่ได้กิน

ทุกคนต่างมีอุปนิสัยการกินปลาเป็นของตนเอง ยกตัวอย่างเช่นเจ้าปลาน้อยชอบกินส่วนหลังของปลาในขณะที่ผู้อื่นชอบกินท้องปลาที่อ่อนนุ่มและอุดมไปด้วยไขมัน

เช่นเดียวกับการทำอาหารเมื่อสักครู่ในครัวที่หยวนโจวทำงานอยู่เมื่อก่อนหน้านี้ ตราบใดที่ลูกค้าบางคนยังสั่งปลาดิบสไลซ์อยู่ เขาก็คงต้องเก็บท้องปลาเอาไว้กินเองเสียแล้วล่ะ

อุปนิสัยเช่นนี้เป็นที่ทราบกันดีของทุกคนเมื่อตอนที่ทำงานอยู่ในครัว

โชคดีที่ท้องปลาที่หยวนโจวเตรียมเอาไว้ยังคงสมบูรณ์อยู่เลย

เจ้าปลาน้อยลอกเนื้อปลาออกมาตามก้างปลาขนาดใหญ่จนได้เป็นชิ้นใหญ่ แล้วเธอยัดเข้าปากทันที

“ฟู่” จู่ๆเจ้าปลาน้อยก็ตาเป็นประกายแล้วเคี้ยวอย่างเอาจริงเอาจัง

มีไขมันมากมายอยู่ในท้องปลา เมื่อก่อนเธอจะรู้สึกเลี่ยนอยู่นิดหน่อย แต่มาวันนี้ท้องปลากลับไม่เลี่ยนอีกแม้แต่น้อย มันให้รสชาติราวกับมีใบหญ้าสีเขียวอยู่ในท้องปลาซึ่งทำให้ท้องปลาเต็มไปด้วยกลิ่นหอมบางอย่าง

นอกเหนือไปจากนั้นท้องปลาในวันนี้ก็แทบจะละลายได้ในทันทีเมื่อเข้าปากของเธอและนำพากลิ่นนุ่มเนื้อทั้งหลายมาให้เจ้าปลาน้อยอีกด้วย ทั้งยังให้รสชาติอ่อนนุ่มตลอดจนรสหวานและกลิ่นหอมโดยไม่ทำให้รู้สึกเลี่ยนแต่อย่างใด

ประเด็นหลักก็คือมีความเหนียวอยู่นิดหน่อยและกระตุ้นรสเผ็ดที่อยู่ภายในอีกเล็กน้อยซึ่งทำให้ปลาย่างรสชาติอร่อยมากทีเดียว

“รสชาติอร่อยมากเลยล่ะ”

เจ้าปลาน้อยหรี่ตาและคราวนี้ไม่ได้หยุดชะงักอีก เธอกินเนื้อปลาหมดแล้วเปลี่ยนไปกินปลาอีกด้านหนึ่ง

หลังจากเธอกินเนื้อปลาหมดแล้วก็มีแค่ก้างปลาที่สมบูรณ์หลงเหลืออยู่ในจานรูปทรงตัวปลา แม้แต่เนื้อตรงแก้มก็ยังถูกกินจนเกลี้ยง ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงเนื้อที่มีคอลลอยด์บางเฉียบสีขาวทั้งสองทั้งสองด้านของเหงือกปลาในส่วนหัว

เจ้าปลาน้อยกินปลาได้เรียบยิ่งกว่าแมวเสียอีก

เธอไม่เพียงกินปลาเสียเรียบเท่านั้นแต่ยังกินได้อย่างรวดเร็วอีกต่างหาก ปลาตัวที่สองที่หยวนโจวยกไปเสิร์ฟก็แทบจะไม่เหลืออะไรเลยนอกจากก้างปลาบนจานตรงหน้าของเธอเพียงเท่านั้น

“จึ๊ จึ๊ จึ๊ เถ้าแก่หยวน ความเร็วในการทำอาหารของนายเกือบตามไม่ทันความเร็วในการกินของเธอแล้ว” หลิงหงกล่าวติดตลก

หยวนโจวมองไปที่จานว่างเปล่าตรงหน้าของเจ้าปลาน้อยแล้วมองไปทางหลิงหงตาเขม็ง เขาย่างปลาต่อไปโดยไม่พูดอะไรแต่ทว่ากลับรวดเร็วขึ้นมากทีเดียว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด