เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]บทที่ 146 ในที่สุดก็ผ่านไป

Now you are reading เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包] Chapter บทที่ 146 ในที่สุดก็ผ่านไป at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 146 ในที่สุดก็ผ่านไป
บทที่ 146 ในที่สุดก็ผ่านไป

สาวน้อยเซี่ยงหงเป็นที่รักของทุกคนในบ้าน แต่เรื่องนี้กลับไม่มีใครยืนหยัดเพื่อเด็กคนนั้นเลย

“จะเป็นไปได้อย่างไร? ตระกูลเซี่ยงของเรากลัวเฉินจื่ออันหรือ?” เซี่ยงฮุ่ยถามด้วยความไม่เชื่อ

“แล้วเธอคิดว่าไงล่ะ?” หลี่ฉางชิ่งร้องเหอะ

“เหนือจื่ออันยังมีคนอยู่หรือ?” นี่เป็นสิ่งเดียวที่หล่อนคิดได้

“มีหรือไม่มีก็ไม่รู้ แต่สิ่งที่ฉันรู้คือ เขาไม่ใช่คนที่ตระกูลเซี่ยงจะทำให้ขุ่นเคืองได้”

พี่ชายภรรยาพวกนั้นไม่ใช่คนโง่

ถ้าเฉินจื่ออันขุ่นเคืองจริง ๆ คงลงมือไปนานแล้ว ทำไมต้องรอถึงตอนนี้ด้วย?

“ไม่งั้นฉันไปหาพี่ชายดีกว่า ไปดูด้วยพวกเขาช่วยพูดอะไรได้หรือเปล่า” เซี่ยงฮุ่ยคิดหาวิธีทันที

หลี่ฉางชิ่งไม่เห็นด้วย วันนี้หัวหน้าเฉินบอกว่า หุ้นส่วนก็คือหุ้นส่วน เป็นไปได้สูงที่จะไม่ได้โกรธด้วยเรื่องนี้

เพราะอีกฝ่ายเป็นคนตรงไปตรงมามาก

แต่ด้วยนิสัยของเซี่ยงฮุ่ยที่ดื้อรั้นมาก และยืนกรานที่จะขอความช่วยเหลือจากพวกพี่ชาย

หลี่ฉางชิ่งรั้งไว้ไม่ได้ แน่นอนว่าปล่อยให้เธอไปดูความจริงตรงหน้าที่บ้านแม่ตัวเองเสียดีกว่า

เซี่ยงฮุ่ยคว้าถุงตาข่ายทั้งสองใบ “ฉันไม่ได้กลับบ้านแม่มาสักพักแล้ว ของพวกนี้เหมาะที่จะเป็นของขวัญพอดีเลย!”

หลี่ฉางชิ่งมองภรรยาแล้วก็ส่ายหัว ช่วยไม่ได้!

อย่างไรเสียก็มีลูกด้วยกันหกคนแล้ว หย่าไม่ได้ใช่ไหมล่ะ?

พอเซี่ยงฮุ่ยมาถึงตระกูลเซี่ยงก็พบว่าที่บ้านไร้ชีวิตชีวามาก

พี่สะใภ้รองอย่างสือสวิ่นฟาง และหลานสาวเซี่ยงหงนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นด้วยดวงตาแดงก่ำ

“พี่สะใภ้รอง เซี่ยงหง เป็นอะไรไป?” เซี่ยงฮุ่ยรีบวางของบนโต๊ะกาแฟแล้วถาม

“เซี่ยงหงจะถูกส่งไปชนบทพรุ่งนี้น่ะสิ!” สือสวิ่นฟางดูแก่กว่าอายุหลายปีเลย ตอนพูดร่างกายก็อ่อนแรงอย่างเห็นได้ชัด

“ทำไมล่ะ? ผู้หญิงตระกูลเซี่ยงของเรา ถ้าไม่อยากไปชนบทก็แค่นั้นนี่ ใครจะไปทำอะไรได้?”

“เด็กคนนี้ทำให้เฉินจื่ออันขุ่นเคือง ส่วนฝ่ายนู้นก็ให้มาตักเตือน”

“แล้วพี่รองล่ะ? ไม่มีวิธีแก้เลยหรือ?” เซี่ยงฮุ่ยรีบถาม “ถ้าไม่ได้ผลก็ยังมีพี่ใหญ่นะ!”

เมื่อได้ยินคำพูดของเซี่ยงฮุ่ย สือสวิ่นฟางก็หายใจไม่ออก

เซี่ยงเหล่าต้าบอกว่าไม่อยากจะยุ่งกับเซี่ยงหงอีกแล้ว เพราะเรื่องนี้เลยทำให้สองบ้านแยกกันอยู่

“พี่รองกำหนดมาให้แล้วไง” สือสวิ่นฟางไม่อยากยอมรับชะตากรรมแต่ก็ต้องทำ

เธอไม่สามารถนำภัยมาสู่เด็กคนอื่น ๆ เพียงเพราะลูกสาวคนเดียวได้

“แม่ หนูไม่อยากไป หนูโดนคนเลวกลั่นแกล้ง!” เซี่ยงหงน้ำตาไหล

“ฉันบอกแกไปตั้งนานแล้วว่าซูเสี่ยวฉินมันไม่ใช่คนดี แต่แกก็ไม่ฟัง!” สือสวิ่นฟางก่นด่าอย่างขมขื่น

“ก็หนูไม่รู้นี่แม่ ไม่คิดว่ามันจะเป็นคนเลวร้ายแบบนั้น”

“พูดตอนนี้จะไปมีประโยชน์อะไร? ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันไม่ไว้ชีวิตนังเด็กซูเสี่ยวฉินแน่”

ถ้าแตะต้องเฉินจื่ออันไม่ได้ แล้วจะแตะต้องสาวบริสุทธิ์ไม่มีภูมิหลังอย่างซูเสี่ยวฉินไม่ได้เลยหรือ?

สือสวิ่นฟางวางแผนจะระบายความโกรธทั้งหมดใส่เด็กคนนั้น

“พี่สะใภ้รอง แล้วพี่ใหญ่พี่รองฉันไปไหนล่ะ?”

“ยังไม่กลับมาเลย แล้ววันนี้ทำไมเธอถึงมีเวลากลับมาได้ล่ะ”

สือสวิ่นฟางมองเวลา ฟ้ามืดแล้ว แต่ทำไมเซี่ยงฮุ่ยถึงกลับมาเอาตอนนี้?

“ฉัน…” เซี่ยงฮุ่ยไม่รู้จะพูดอย่างไร

แค่เรื่องเซี่ยงหง พี่ใหญ่กับพี่รองยังไม่สนใจ แล้วเรื่องของเธอจะพูดได้ด้วยหรือ?

“เซี่ยงฮุ่ย เธอไม่ได้กลับบ้านมาโดยไม่มีเหตุผลใช่ไหม?”

สือสวิ่นฟางรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติกับน้องสามีคนนี้

เซี่ยงฮุ่ยพึมพำและไม่ยอมพูดอะไร ตอนนั้นเองที่พี่ชายทั้งสองกลับมาพอดี

สีหน้าของทั้งคู่ดูไม่ค่อยดีนัก และตอนนี้งานข้างนอกก็ไม่น่ายินดีด้วย

“เซี่ยงฮุ่ย มาได้อย่างไรเนี่ย?”

“ฉันก็แค่มาเยี่ยม!” สุดท้ายก็ไม่กล้าพูด

“เซี่ยงฮุ่ย เธอไม่มีอะไรจริง ๆ หรือ? ถ้าทำอะไรไว้ก็ปิดบังไม่ได้นะ!”

สือสวิ่นฟางรู้สึกว่าน้องสะใภ้โง่เง่าคนนี้ต้องทำอะไรไว้แน่ ๆ ไม่อย่างงั้นคงไม่เป็นแบบนี้หรอก

ต้องพูดเลยว่าสือสวิ่นฟางรู้จักน้องสามีคนนี้เป็นอย่างดี

พอเซี่ยงเหล้าต้าและเซี่ยงเหล่าเอ้อร์ได้ยินสิ่งที่น้องสาวสร้างเรื่องที่บ้านเฉินจื่ออันวันนี้ก็ตกใจมากจนลมแทบจับ

ไม่ช้าก็เร็ว ตระกูลเซี่ยงของพวกเราจะถูกผู้หญิงโง่ ๆ พวกนี้ทำลายลง จะหนึ่งหรือสองก็ไม่ต้องห่วงเลย!

“พวกเธอคิดว่าชีวิตตระกูลเซี่ยงเรามันสุขสบายเกินไปใช่ไหม? พวกเธอไม่รู้หรือไงว่ามีอีกหลายคนจ้องตระกูลพวกเราอยู่ แค่คนเดียวไม่ระวัง ตระกูลเราก็จะถึงวาระเดียวกับตระกูลอวี๋แล้ว!” เซี่ยงคนโตพูดอย่างเสียใจกับความผิดพลาดของตนเอง

ตอนนี้เซี่ยงฮุ่ยรู้สึกเสียใจแล้ว แต่เสียใจตอนนี้จะไปทันได้อย่างไรล่ะ?

เรื่องดี ๆ ถูกเธอทำให้ยุ่งเหยิงไปแล้ว

ไม่แปลกใจเลยที่สามีด่าเธอในวันนี้!

ส่วนเฉินจื่ออันและคนอื่น ๆ ไม่ได้เก็บเรื่องนี้มาใส่ใจ จะดูถูกก็ดูถูกไปสิ มนุษย์เราต้องพึ่งพาตัวเอง จะให้ใครอื่นมาดูถูกไม่ได้!

หลี่ฉางชิ่งส่งลูกไก่ให้แล้ว ทั้งยังได้รับไข่ไก่ด้วย ความสัมพันธ์ของการร่วมงานกันแบบนี้ก็พอแล้วละ!

เป็นผลประโยชน์ร่วมกัน!

แต่เฉินจื่ออันก็ยังปลอบใจซูเสี่ยวเถียนอีกสองสามประโยค กลัวว่าสาวน้อยจะรู้สึกไม่สบายใจ

ซูเสี่ยวเถียนยิ้ม “หนูไม่สนใจหรอกค่ะ ไม่แน่ว่าชีวิตเธออาจจะไม่ได้สุขสบายแบบหนูก็ได้!”

คุณย่าซูดีใจมาก “เด็กคนนี้บริสุทธิ์เหลือเกิน ใช้ชีวิตตัวเองให้ดีก็พอแล้ว บางคนก็ดูดีแค่ผิวเผินแต่ก็ไม่ได้จริงใจหรอก! ไม่แน่อาจจะไม่ดีเท่าพวกเราชาวชนบทก็ได้นะ!”

ซูหม่านซิ่วได้ยินมารดาพูดแบบนี้ก็อดคิดไม่ได้ว่าบ้านเราดูดีแค่ภายนอก แต่เนื้อในแข็งแกร่งใช่ไหม?

ณ ชุมชนการผลิตหงซิน

ฉืออี้หย่วนที่กินข้าวเสร็จไม่ได้ตั้งใจอ่านหนังสือ แต่กลับไปยืนอยู่บนยอดเขาแล้วมองไปยังทิศทางของอำเภอแทน

พอเห็นหลานชายเป็นแบบนี้ก็อดพูดกับตู้ถงเหอไม่ได้ “เด็กคนนี้กำลังคิดถึงเสี่ยวเถียนอยู่ เอาแต่ขึ้นยอดเขาไปเฝ้ามองทุกวัน”

ตู้ถงเหอหัวเราะเสียงดัง “ไม่แน่นะ พวกเราพี่น้องอาจได้เป็นญาติกันก็ได้!”

“แต่มันก็เรื่องในอีกหลายปีต่อมานั่นล่ะ ไม่แน่ไม่นอนหรอก แต่เสี่ยวเถียนคนนั้นฉันชอบจริง ๆ นะ กลัวก็แต่หลานจะไม่คู่ควรกับเธอ!”

“อย่าประเมินตัวเองต่ำไปสิ เสี่ยวหย่วนไม่ได้แย่นะ เป็นเด็กดีเลย” ตู้ถงเหอเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดต่อ “ฉันไม่รู้ว่าภัยพิบัตินี้จะจบลงเมื่อไร ถ้ายังช้าแบบนี้พวกเด็ก ๆ ก็จะช้าไปด้วย!”

“จะต้องมีวันนั้น วันที่พวกเด็กยุคนี้อย่างเสี่ยวเถียนและเสี่ยวหย่วนจะมีอนาคตอันยิ่งใหญ่!” ฉือเก๋อกล่าวอย่างหนักแน่น

ไม่รู้ว่าแค่พยายามปลอบใจตัวเอง หรือเชื่อจริง ๆ ว่าจะมีวันที่ทุกอย่างผ่านไป

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *