เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]บทที่ 734 สีเขียวแต่งแต้มท่ามกลางดอกไม้นับหมื่น

Now you are reading เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包] Chapter บทที่ 734 สีเขียวแต่งแต้มท่ามกลางดอกไม้นับหมื่น at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 734 สีเขียวแต่งแต้มท่ามกลางดอกไม้นับหมื่น

บทที่ 734 สีเขียวแต่งแต้มท่ามกลางดอกไม้นับหมื่น

ถ้าจะบอกว่ามีคนเสียใจ งั้นคงต้องบอกถังหมิ่นหมิ่นที่ไม่ได้เป็นหัวหน้านั่นแหละ เพราะมีคนสนับสนุนเธอน้อยมาก หลังจากนี้จะทำอะไรก็ไม่สะดวกแล้ว

ผู้ได้รับเลือกเป็นรองหัวหน้าคือนักศึกษาชายคนหนึ่ง เขาเป็นคนเดียวในทีมชื่อฉางจงหยวน

ทุกคนหัวเราะลั่นราวกับเห็นเขาเป็นสีเขียวแต่งแต้มท่ามกลางดอกไม้นับหมื่น*[1]

และเพื่อนคนนี้ก็ซื่อตรงด้วย เขาเอ่ยออกมาว่าตนจะเป็นผู้พิทักษ์เหล่าดอกไม้เอง!

ตำแหน่งกรรมการการศึกษาเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่ได้โดดเด่นอะไรแต่จริงจัง ชื่อหลี่หลินอวี้ มองแวบแรกดูเหมือนเธอจะเป็นคนขยันเล่าเรียน

ฮั่วซือเหนียนพึงพอใจกับการผสมผสานสมาชิกดังกล่าวมาก

ถึงในทีมจะมีผู้หญิงมากกว่า แต่ในยุคนี้นักศึกษาหญิงก็แบกรับฟ้าไว้ครึ่งหนึ่งเหมือนกัน*[2]นะ

อันที่จริงเสี่ยวเถียนสงสัยนัก ไม่รู้เราเลือกสมาชิกออกมาแปลกขนาดไหน อาจารย์ถึงพอใจขนาดนี้

ตอนนี้การเลือกเป็นอันเสร็จสิ้นแล้ว อาจารย์ผู้ไม่มีหน้าที่อีกต่อไปยกเวทีให้กับหัวหน้าและสมาชิกคนอื่น ๆ เพื่อจัดการแทน

เสี่ยวเถียนบ่นไม่ได้เลย!

คลาสเลิกตอนเที่ยง ฉืออี้หย่วนกำลังยืนรอเสี่ยวเถียนอยู่ชั้นล่าง

พวกฉู่เยว่เห็นก็ขยิบตาให้เพื่อนสนิท

รุ่นพี่ปีสองสุดหล่อไม่ค่อยทำตัวชัดเจนเท่าไรเลยนะ!

ไม่รู้เสี่ยวเถียนที่ยังเด็กอยู่จะเข้าใจหรือเปล่า

“เสี่ยวเถียน เปิดเทอมวันแรกเป็นยังไงบ้าง?”

เขาเป็นห่วงน้องมากเพราะเธอเพิ่งอายุ 13 ปี และต้องเรียนกับคนที่แก่กว่าหลายปีด้วย กลัวว่าจะเข้ากันได้หรือเปล่า

“หนูเสียเวลาตลอดทั้งเช้าเลย มันทำให้หนูไม่ได้อ่านหนังสือ!” เสี่ยวเถียนพึมพำ

เสียเวลาอ่านหนังสือไปโดยเปล่าประโยชน์หรือ?

ดูเหมือนเช้าวันนี้จะไม่ใช่เล่น ๆ เลยนะ เห็นท่าทางของเธอเขาก็หัวเราะออกมา

“แล้วเลือกหัวหน้ารุ่นหรือยังล่ะ?”

ในฐานะรุ่นพี่ เขารู้อยู่แล้วว่าวันแรกยังไม่ค่อยมีอะไรให้ทำ

“เลือกแล้วค่ะพี่อี้หย่วน มันวุ่นวายมากเลย โดนคนกดดันอีก โมโหมาก แล้วหนูก็ได้เป็นเนี่ย”

“…” ฉืออี้หย่วน

หัวหน้ารุ่นเด็กขนาดนี้เลยนะ!

เอาเถอะ เลือกไปแล้วนี่นา อย่างน้อยมันก็พิสูจน์ความเป็นเลิศของสาวน้อยได้แล้วด้วย

แค่ว่ามันยุ่งก็เท่านั้นล่ะ

“พี่อี้หย่วน หนูมีธุระต้องไปทำด้วยค่ะ คงไปกินข้าวด้วยไม่ได้แล้วแหละ!” ซูเสี่ยวเถียนกล่าวอย่างขอโทษ

ฉืออี้หย่วนที่โดนสาวน้อยปฏิเสธไปกินข้าวด้วยคงจะเสียใจมากเลยใช่ไหมล่ะ?

แต่เขายังคงยิ้ม “ไม่เป็นไร มีเวลาให้กินด้วยกันอีกเยอะ ไปจัดการธุระก่อนเถอะ”

ตอนนั้นมีรูมเมทที่ตามมาชวนอี้หย่วนไปกินข้าวด้วย เขาจึงลาน้องแล้วจากไป

หลังจากเสี่ยวเถียนมอบหน้าที่ให้จ้าวหงเหมยช่วยซื้อข้าว เธอก็ไปที่สำนักงานขนส่งเพื่อรับยูนิฟอร์ม

ผู้เป็นหัวหน้าพารองหัวหน้าไปทำงานด้วยกันไม่ใช่เรื่องแปลกอันใด

แต่ต้องขอบอกว่าพลังแห่งข่าวสารนี่น่าทึ่งจริง ๆ แค่ช่วงเวลาสั้น ๆ ทุกคนในมหาวิทยาลัยก็รู้แล้วว่าการเลือกหัวหน้ารุ่นของปีหนึ่งเป็นเด็กอายุ 13 ปี

ว่ากันว่าเป็นหัวหน้าที่อายุน้อยที่สุดในมหาวิทยาลัยเลยด้วย!

ท่ามกลางความโกลาหลของเหล่านักศึกษา หัวหน้ารุ่นผู้เป็นจุดสนใจของสาธารณะกำลังทำหน้าที่ให้กับเพื่อน ๆ ในเอก

เอกภาษาจีนปีหนึ่งมีหัวหน้าและรองหัวหน้ามารับยูนิฟอร์ม พวกรุ่นพี่เห็นก็ตกใจกันมาก

เหตุผลไม่มีอะไรมากมาย เสี่ยวเถียนยังเด็กอยู่นั่นเอง

“เอกพวกเธอทำอะไรกันเนี่ย? ทำไมให้สาวน้อยมา?” รุ่นพี่ผู้หญิงเอ่ยกับฉางจงหยวนด้วยความไม่พอใจ

ให้เด็กมาทำหน้าที่ ผู้ชายเอกนี้มันไร้ประโยชน์เสียจริง ไม่สิ ผู้หญิงคนอื่นก็ด้วย!

ทุกคนเป็นผู้ใหญ่กันทั้งนั้นเลย ทำไมถึงให้เด็กตัวแค่นี้มาคอยรับใช้กันเล่า?

เธอดูอ่อนแอมากเลยนะ จะขนยูนิฟอร์มหนัก ๆ พวกนี้ได้ยังไง?

ฉางจงหยวนที่โดนว่าโดยไม่มีเหตุผลเสียใจมาก

เขาเป็นผู้บริสุทธิ์ เข้าใจ๊?

แต่เพราะไม่คิดมากนี่แหละ เลยไม่ได้นึกว่าจุดนี้มันจะเอามาเป็นประเด็นได้

ฝั่งผู้ชายโชคดีมีแค่ 15 ชุด แต่ผู้หญิงค่อนข้างลำบาก

เอกนี้มีผู้หญิง 35 คน แถมยังแข็งแรงกว่าเสี่ยวเถียนด้วย

“เป็นความผิดพวกเราเองครับ ขอโทษจริง ๆ ครับ”

ฉางจงหยวนเอ่ยต่อพวกรุ่นพี่ที่จ้องมองอยู่

“หัวหน้า เดี๋ยวฉันขนเสื้อผ้าผู้หญิงให้เองนะ!”

เขาเป็นผู้ชายและเป็นผู้ใหญ่ จะปล่อยให้เด็กหญิงแบกเสื้อผ้ากองโตแทนได้ยังไง?

ทุกคนในบริเวรตกใจมากเมื่อได้ยินฉางจงหยวนเรียกเสี่ยวเถียนว่าหัวหน้า

“เห็นมีคนบอกว่ามีเอกหนึ่งได้หัวหน้ารุ่นเป็นเด็กน้อยด้วย แสดงว่าเป็นเอกพวกเธอสินะ?” รุ่นพี่ถามด้วยความตกใจ

“สวัสดีค่ะพี่สาว หนูชื่อซูเสี่ยวเถียนเป็นหัวหน้ารุ่นเอกภาษาจีน อายุ 13 ปีค่ะ!” เสี่ยวเถียนแนะนำตัวเองอย่างเป็นมิตร “หนูเสนอตัวมาขนชุดเองค่ะ”

เพราะรู้ว่าตัวเองแข็งแกร่งขนาดไหนจึงไม่คิดขอความช่วยเหลือจากใคร และไม่สนใจความคิดคนอื่นด้วย

พวกรุ่นพี่ที่คอยแจกเสื้อผ้าได้ยินเสี่ยวเถียนรายงานตัวเองไม่รู้จะพูดอะไรอยู่ครู่หนึ่ง

การที่คณะกรรมการจะมารับเสื้อผ้าไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

แต่หัวหน้ารุ่นคนนี้ต่างจากคนอื่น ๆ น่ะสิ เธอเป็นแค่เด็กน้อยเอง

“แล้วเพื่อนคนอื่นไปไหนหมด? ไม่มีผู้ชายแล้วหรือ?” ผู้ชายผมทรงทหารเอ่ยอย่างดูแคลน

ฉางจงหยวนลูบหัว “ในกลุ่มมีผมเป็นผู้ชายคนเดียวครับ!”

อีกฝ่าย “…”

น่าอายจริง ๆ!

ในเอกมีนักศึกษาตั้งหลายคน ทำไมมีผู้ชายแค่คนเดียวเอง?

“นายเป็นสีเขียวแต่งแต้มท่ามกลางดอกไม้นับหมื่นสินะ ไอ้น้อง ทำได้ดีนะ!”

ฉางจงหยวนไม่รู้จะพูดอะไรดี สถานการณ์ในห้องมันเป็นแบบนี้ไปแล้วจะให้ทำยังไงล่ะ?

ถ้าเป็นช่วงเวลาอีกหลายสิบปีต่อมา การที่ในเอกมีผู้หญิงมากกว่าผู้ชายเป็นเรื่องปกติมาก ยิ่งกับเอกศิลปศาสตร์แบบนี้ด้วยแล้ว การที่หยินมากหยางพร่อง*[3] เป็นเรื่องธรรมดาเลย

แต่กับยุคนี้ลูกสาวเรียนหนังสือน้อยมาก ส่วนครอบครัวไหนที่มีเงินก็ส่งแต่ลูกชายเรียนทั้งนั้น

ฉางจงหยวนรองหัวหน้ารุ่นรู้สึกอึดอัด

เขาคิดแค่ว่าจะขนเสื้อผ้าเลยไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ลืมไปว่าเสี่ยวเถียนเป็นนักศึกษาหญิง หรือต้องบอกว่าเด็กผู้หญิงด้วยซ้ำ

แล้วต้องให้เด็กแบบเธอมาขนยูนิฟอร์มกองเบ้อเริ่มกลับไปเนี่ย เธอคงเดินไปไม่ถึงห้องด้วยซ้ำ

“หัวหน้า เดี๋ยวฉันขนเอง ส่วนกองน้อย ๆ เธอขนไปนะ!” ฉางจงหยวนรีบบอก

เสี่ยวเถียนมองกองเสื้อผ้า และเพื่อนที่ไม่ได้แข็งแรงอะไร

ได้แต่นึกสงสัยว่าจะทำได้จริงหรือ? คงไม่โดนเสื้อผ้าทับก่อนใช่ไหม?

เธอขนเองได้จริง ๆ นะ!

ไม่กี่สิบชุดเอง ไม่เท่าไรเลย

และในตอนที่เสี่ยวเถียนกำลังจะบอกว่าเธอแข็งแรงพอจะแบกไปโดยไม่ไม่มีปัญหา นักศึกษาชายรวมถึงคนผมทรงทหารก็เสนอตัวตัดหน้า

คนทั้งสองเป็นเด็กปี 2 และ 3 เห็นเสี่ยวเถียนที่อายุน้อยกว่า จึงปรึกษากันว่าจะช่วยสาวน้อยน่ารักคนนี้

ถึงมหาวิทยาลัยเราจะมีคนเก่ง ๆ แต่คนเก่ง ๆ วัยนี้มีไม่เยอะหรอกนะ

หายากแบบนี้จะไม่ช่วยได้ยังไง?

“สาวน้อย เดี๋ยวพวกพี่ช่วยเองนะ!”

เสี่ยวเถียนหมายจะปฏิเสธแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว

[1] เปรียบว่าคนที่เป็นจุดสนใจ โดดเด่นในกลุ่มคนหมู่มาก

[2] ชาย-หญิงเท่าเทียมกันผ่านสายตาแบบคอมมิวนิสต์

[3] สตรีแข็งแกร่งกว่าบุรุษ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด