เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]บทที่ 565 เป็นหุ้นส่วนในธุรกิจ

Now you are reading เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包] Chapter บทที่ 565 เป็นหุ้นส่วนในธุรกิจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 565 เป็นหุ้นส่วนในธุรกิจ

บทที่ 565 เป็นหุ้นส่วนในธุรกิจ

วันนี้เสี่ยวซื่อนอนดึกเพราะมัวคิดแผนการใหญ่ ส่วนเสี่ยวลิ่วนอนไม่หลับเพราะแสงแยงตา

“พี่สี่ยังไม่นอนอีกหรือ ทำอะไรเนี่ย?”

“พี่คิดแผนเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาในอนาคตอยู่น่ะ”

แต่น้องชายไม่เข้าใจ สุดท้ายก็คลุมโปงแล้วนอนต่อ อีกฝั่งนึง สองปู่หลานบ้านฉือกำลังสนทนาหัวข้อนี้เช่นกัน

“เสี่ยวหย่วน ตัดสินใจดีแล้วหรือว่าจะทำธุรกิจกับเด็ก ๆ บ้านซูน่ะ?”

ฉือเก๋อเป็นห่วงจริง ๆ เพราะคนเยอะปัญหาก็จะเกิดขึ้นได้ง่าย

พี่น้องแท้ ๆ ยังขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์ได้เลย นับประสาอะไรกับคนที่ไม่ใช่ญาติพี่น้องล่ะ?

“ผมคิดแล้วครับปู่ ถึงร้านนี้จะทำเงินได้ แต่ก็ไม่คุ้มที่จะขัดแย้งหรอกครับ”

ฉืออี้หย่วนเอ่ยอย่างใจเย็น เขามีแผนของตัวเองแล้ว ที่เข้าร่วมด้วยก็เพียงอยากสนิทกับทุกคนมากขึ้น แล้วก็ไม่ใช่เพื่อบาดหมางต่อกันด้วย

“โอ้?”

“ปู่ครับ เราถือหุ่นแค่สิบเปอร์เซ็นต์ก็พอแล้ว และผมก็ไม่ได้คิดจะดูแลด้วย ปู่ว่าดีไหม?”

ถือหุ้นแค่สิบเปอร์เซ็นต์และไม่มีแผนดูแลร้านด้วย ว่าง่าย ๆ คือบ้านเราแค่มีส่วนในด้านการปันผลเท่านั้น

ถ้าเป็นแบบนี้ เราจะสามารถหลีกเลี่ยงความขัดแย้งได้

“เอาที่หลานต้องการเถอะ” ฉือเก๋อพยักหน้า

“เงินที่ผมมีสามารถเอาไปทำธุรกิจอื่นได้ และผมเชื่อว่าด้วยวิสัยทัศน์และความสามารถของตัวเอง ผมจะสามารถหาเงินได้มากอย่างแน่นอนครับ” เด็กหนุ่มยังคงเชื่อมั่นในตัวเอง

ฉือเก๋อโล่งใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น

ความคิดของหลานเขาไม่คิดจะแทรกแซงอยู่แล้ว

“ถ้าเงินไม่พอบอกปู่นะ ในมือปู่ยังมีเงินพอใช้อยู่”

หลังจากสนทนาเสร็จ ทั้งสองฝ่ายต่างก็โล่งใจจนสามารถหลับสนิทได้

ทางเสี่ยวเหมยกำลังขบคิดอยู่เช่นกัน

เธอหารายได้กับคนบ้านซูก็ถือว่าเป็นอาศัยโอกาสเช่นกัน แต่ตอนนี้เราคิดจะเปิดร้าน แล้วตนเองคิดจะทำอะไรต่อ?

เราควรร่วมมือกันเหมือนเดิม หรือหาทางอื่นสำหรับอนาคต?

เพราะไม่สามารถตัดสินใจได้จึงอยากหาคนคุยด้วยสักคน ไม่รู้เพราะอะไร ฮั่วซือเหนียนเป็นคนแรกที่นึกถึง

ใบหน้าของหญิงสาวขึ้นสีแดงระเรื่อฉับพลัน

เสี่ยวเถียนที่กำลังจะนอนถามด้วยความสงสัย “พี่เสี่ยวเหมย ทำไมหน้าแดงจังคะ?”

“วันนี้ข้างนอกคงหนาวไปน่ะ” อีกฝ่ายรีบหาข้อแก้ตัว “รีบเข้านอนกันเถอะ พรุ่งนี้มีงานต้องทำนะ”

“พี่เสี่ยวเหมยวางแผนจะลงทุนกับร้านเท่าไรคะ?”

หญิงสาวไม่คิดว่าจะโดนถามเรื่องนี้ขึ้นมา จึงคิดอยู่ครู่หนึ่ง “พี่กับเสี่ยวกังมีเงินไม่เยอะ กำลังคิดอยู่ว่าอาจจะแบ่งกันคนละครึ่งก็พอน่ะ”

นั่นคือความคิดแรกเริ่มของเธอ เพราะยังไม่ได้หารือกับน้องชาย แต่ตอนนี้เธอรู้สึกว่าเสี่ยวกังรู้ความแล้ว ไม่ใช่เด็กบ้าบิ่นเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป เขาน่าจะเข้าใจความคิดของเธอ

“แล้วเสี่ยวเถียนล่ะ?”

“หนูหรือคะ?” เสี่ยวเถียนนิ่งค้าง

เธอคิดง่ายมาก ถ้าพี่ ๆ หาเงินได้มากพอแล้ว ตนจะไม่เข้าร่วมธุรกิจนี้แต่ถ้าพวกเขามีเงินไม่พอ ตนจะช่วยลงทุนเพิ่มเอง

“เสี่ยวเถียนจะไม่ลงทุนด้วยหรือ?” เสี่ยวเหมยประหลาดใจ

“ไม่แน่ใจค่ะ ไว้ดูสถานการณ์ก่อนดีกว่า” เสี่ยวเถียนเอ่ยอย่างไม่ปิดบัง

เพราะยังไม่เคยเห็นตัวอาคารว่ามีสภาพเป็นยังไง ใหญ่แค่ไหน และไม่แน่ใจว่าจะใช้เงินลงทุนเริ่มต้นเท่าไร เลยไม่มีประโยชน์ที่จะพูดตอนนี้

วันต่อมา ทุกคนไปดูอาคารสองชั้นที่ปู่ฉือเอ่ยถึง แต่แล้วก็ต้องประหลาดใจมาก

“ปู่คะ ปู่แน่ใจนะว่านี่คือตึกที่พูดถึงน่ะ?”

เสี่ยวเถียนอดใจไม่ไหวจนต้องถามออกไป

ภาพตรงหน้าคืออาคารขนาดเล็กสองชั้นที่ชายชราพูดถึง ทีแรกก็ประเมินไปว่าพื้นที่ทั้งหมดรวมชั้นบนชั้นล่างคงไม่เกิน 1000 ตารางเมตร

แค่ว่าตัวอาคารหนึ่งหลัง หากจะแบ่งสัดส่วน คงได้ร้านขนาดกลาง ๆ ประมาณ 7-8 ร้าน ส่วนชั้นบนผังน่าจะคล้าย ๆ ชั้นล่าง

“อาคารนี้แหละ อยู่ไกลหน่อย ตอนซื้อมาราคาไม่สูงเท่าไรนัก” คุณปู่ฉือตอบด้วยเสียงเรียบ ๆ

เสี่ยวเถียนรู้สึกว่า นี่ไม่ใช่การอวดตนด้วยซ้ำ

พวกเรามองชั้นบนล่างอยู่หลายรอบ และสุดท้ายก็แน่ใจแล้วว่ามันเหมาะแก่ร้านค้าขนาดใหญ่เสี่ยวเถียนได้บอกเอาไว้

ชั้นบนเป็นพื้นที่เสื้อผ้า สิ่งทอต่าง ๆ และเครื่องประดับ

ส่วนชั้นล่างแบ่งเป็นพื้นที่เล็ก ๆ เช่น พื้นที่สำหรับของใช้ในชีวิตประจำวัน เครื่องใช้ภายในบ้าน และโซนอาหารปรุงสุก

เสี่ยวเถียนวาดภาพคร่าว ๆ และคุยเรื่องการจัดวาง

หลังจากกำหนดรูปแบบเสร็จเรียบร้อย ต่อมาคือการตกแต่ง

เนื่องจากมันจะเป็นร้านขนาดใหญ่มากเรา จึงไม่สามารถทำเหมือนร้านทั่วไปได้ เราต้องจัดการเรื่องชั้นวางให้เสร็จ และต้องมีการจัดเตรียมอย่างระมัดระวังด้วย

เมื่อวางแผนเสร็จสิ้น ทุกคนคอยประเมินคร่าว ๆ ในส่วนของเงินทุนที่จำเป็นต้องใช้ในระยะแรกโดยอิงราคาในปัจจุบัน

“ฉันว่าเท่านี้ก็พออยู่นะ ส่วนเรื่องหาทีมวิศวกร ถ้าทำงานเสร็จสิ้นค่าใช้จ่ายจะประมาณ 6,000 หยวน รวมค่าแรงและวัสดุ”เสี่ยวซื่อที่นั่งถัดจากเสี่ยวเถียนขีด ๆ เขียน ๆ อย่างตั้งใจและทำผลสรุป

ตอนนั้นเองที่เขาหยิบแผนการที่เตรียมไว้ออกมา

“นี่คือแผนที่ฉันทำไว้เมื่อคืนนี้ นอกจากเงินที่จำเป็นสำหรับการตกแต่งเบื้องต้นแล้ว ค่าเช่าที่ก็เป็นค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่เหมือนกันนะ เราต้องซื้อของเข้ามาด้วยและสำหรับร้านค้าขนาดใหญ่แบบนี้ ถ้าสินค้ามีน้อยมันจะดูไม่มีชีวิตชีวา และส่งผลกระทบกับธุรกิจของเราได้”

เสี่ยวเถียนพยักหน้า “พี่สี่พูดถูกค่ะ เราต้องซื้อของมีมูลค่าด้วยนะ จำเป็นต้องการเงินลงทุนเยอะกว่านี้”

“แผนเบื้องต้นของฉันคือเงินสำหรับซื้อของใช้ประมาณ 30,000 หยวน ส่วนค่าเช่าที่โดยทั่วไปแล้วจะอยู่ที่ 3,500 หยวน ทุกคนคิดว่ายังไงบ้าง?”

เสี่ยวเถียนไม่คิดว่าพี่สี่จะคิดเรื่องพวกนี้ไว้ด้วย เธอประหลาดใจมากจนต้องเอาแผนการที่พี่เขาคิดไว้มาดู แม้ว่ามันจะยังไม่เข้าที่เข้าทางเท่าไร แต่การแบ่งงานมีความชัดเจนมาก

น่าเหลือเชื่อจริง ๆ เสี่ยวซื่อยังประหลาดใจกับตัวเองเหมือนกัน ที่สามารถทำรายละเอียดพวกนี้ได้ด้วยระยะเวลาเพียงครึ่งคืน

รายละเอียดในนั้นไม่ได้มีแต่คำถามที่ว่าแหล่งเงินทุนมาจากไหน แต่ยังมีช่องทางการจัดซื้อสินค้าด้วย

เสี่ยวซื่อยังจำแนกประเภทของสินค้าที่จะขายในอนาคตออกมาโดยละเอียดด้วย อย่างสินค้าที่เลือกซื้อจากที่ใกล้ ๆ อย่างสินค้าของเมืองหลวง สินค้าแบบไหนที่จะไปหรงเฉิง สินค้าแบบไหนจะไปเมืองอื่น โดยทั่วไปเรียกได้ว่าชัดเจนมาก

“พี่สี่ พี่คิดมาก่อนแล้วหรือเพิ่งทำเมื่อคืนเนี่ย?” เสี่ยวเถียนถาม

“พี่เพิ่งคิดเมื่อคืน ทำไมหรือเสี่ยวเถียน?” จู่ ๆ เขาก็ถามอย่างประหม่า

เขาวิตกจริตเล็กน้อย เพราะคิดว่าสิ่งที่ตนเสนอไปน่าจะมีประโยชน์ แต่คงไม่สมบูรณ์แบบนัก

“ดีมากเลยค่ะ พี่คืออัจฉริยะชัด ๆ คิดได้ครอบคลุมมาก”

“ส่วนผมคุยกับปู่เมื่อคืนแล้วครับ ร้านนี้ผมจะถือหุ้นแค่สิบเปอร์เซ็นต์พี่คิดว่ายังไงบ้าง?”

ฉืออี้หย่วนบอกสิ่งที่คุยกับฉือเก๋อเมื่อวานให้ฟัง

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *