เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]บทที่ 575 พวกเขาจะเชื่อใจหนูไหมคะ?

Now you are reading เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包] Chapter บทที่ 575 พวกเขาจะเชื่อใจหนูไหมคะ? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 575 พวกเขาจะเชื่อใจหนูไหมคะ?

บทที่ 575 พวกเขาจะเชื่อใจหนูไหมคะ?

“สวัสดีครับหัวหน้าต่ง!” อาจารย์ฮั่วเคยเห็นโลกกว้างมาก่อน พอรู้ว่าคนตรงหน้ามีระดับเป็นถึงข้าราชการยศใหญ่ เขาก้าวออกไปทักทายด้วยความเคารพทันที

ต่งหยวนจงเป็นชายชราที่ทำประโยชน์ให้กับประเทศ เคยร่วมเป็นร่วมตายในสนามรบมาก่อน เขาเป็นคนที่ควรค่าแก่การเคารพและชื่นชม

ฮั่วซือเหนียนตื่นเต้นมากที่ได้พบอีกฝ่ายวันนี้

“คุณเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยได้ตั้งแต่อายุยังน้อยเลยนะ ไม่เลว ๆ นั่งลงเถอะ กำลังรอพวกเธอมากินข้าวกันเลย!” ต่งหยวนจงเอ่ยอย่างใจดี

“เจ้าเด็กพวกนี้ ย่าได้ยินว่าอีกเดี๋ยวก็จะกลับ แต่ไม่รู้เลยว่าจะต้องรอนานขนาดนี้”

ฟ่านชูฟางเอ่ยต่อทันที น้ำเสียงกึ่งบ่นกึ่งเป็นกันเอง

ส่วนน้ำเสียงต่งหยวนจงฟังดูเป็นมิตรก็จริง แต่เนื่องด้วยสถานะ ไม่ว่าน้ำใจจะเป็นกันเองแค่ไหน มันยังคงสร้างแรงกดดันได้ในระดับหนึ่งอยู่ดี

ส่วนทางภรรยาจะแตกต่าง ท่าทางที่เป็นมิตรเข้าถึงง่ายทำให้ผู้คนรู้สึกดีได้ง่าย

เด็ก ๆ ไม่ใช่คนประเภทนั่งรออาหาร พวกเขารีบรับจานอาหารมาทันที

เหลียงซิ่วสงสารเด็ก ๆ มาก “พวกลูกนั่งเถอะ เดี๋ยวแม่ทำเอง!”

“ไม่เป็นไรค่ะแม่ เราหาเงินได้แล้ว ไม่เหนื่อยเลยค่ะ!” เสี่ยวเถียนยิ้ม

ต่งหยวนจงได้ยินเช่นนั้นก็เอ่ยถาม

“ปู่ได้ยินว่าพวกหลานหาเงินได้ด้วย มานี่มา บอกปู่รองหน่อยว่าวันนี้ได้เท่าไร!”

ชายชราเกิดอาการสนใจ แต่คนอื่นกลับประหลาดใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงรู้ได้ล่ะ?

“วันนี้ปู่ไปดูที่หรงฟามา”

แต่คำตอบกลับยิ่งทำให้ประหลาดใจเสียยิ่งกว่าเดิม

ปู่มาด้วยหรือ?

ทำไมไม่เห็นเลยล่ะ?

“ย่ากับปู่รองแอบเข้ามาดูกันเฉย ๆ แต่ไม่กล้าเข้าไปเลยถอยออกมาน่ะ!” ฟ่านชูฟางยิ้ม

“ทีแรกตั้งใจจะเข้าไปนั่นแหละแต่ข้างในคนเยอะ แถมบอดีการ์ดก็ไม่ยอมให้เข้าไปด้วย จึงไม่มีทางเลือกนอกจากมารอที่นี่แทนน่ะ”

หาได้ยากมากที่เราจะมีเวลาพักตั้งครึ่งวัน แต่กลับไม่สามารถไปดูร้านที่เปิดใหม่ได้ เป็นเรื่องที่น่าเสียใจจริง ๆ ที่อยู่ได้แต่ในหออีหมิง

แต่บอดีการ์ดเองก็พูดถูก เพื่อความปลอดภัยของสามี ไม่ใช่เรื่องผิดอะไรหรอก และเราสองคนไม่ใช่คนไม่รู้ความด้วย

รอยยิ้มบนใบหน้าต่งหยวนจงจึงสดใสขึ้นเรื่อย ๆ มันคงเป็นเพราะไม่มีใครพูดถึงผลงานในวันนี้ด้วยนั่นแหละ

ไม่ใช่ว่าอยากจะเฟ้นหาความลับเจ้าพวกเด็ก ๆ นะ แต่ประเทศนี้ยังต้องพัฒนา การพัฒนาทางเศรษฐกิจต้องไม่ล้าหลัง ถึงจะบอกได้ว่าร้านแห่งนี้จะไม่เกิดปัญหา แต่เราต้องทำให้เห็นตั้งแต่อายุยังน้อย ๆ!

หลังจากที่ไปดูหรงฟามา และกลับมาคุยกับพวกคุณย่าซูที่หออีหมิง เราก็ได้รู้ว่าพวกเด็ก ๆ มีความสามารถในการขายของ!

เหมือนว่าจะเป็นความสามารถจากรุ่นสู่รุ่นนะ คนหนุ่มสาวในยุคนี้เริ่มแสดงความสามารถออกมากันแล้ว

ตอนนี้เลยเวลาอาหารไปแล้ว พวกแขกในร้านก็ไม่มีแล้วด้วย เสี่ยวเถียนไม่คิดจะปิดบังทุกคนในครอบครัว

นอกจากคนที่บ้านแล้ว ยังมีสองสามีภรรยาต่งที่เป็นผู้เข้าร่วมฟังในวันนี้

และถึงคนทั้งสองจะไม่ใช่ก็ตาม แต่ก็ยังเป็นผู้สนับสนุนบ้านเราอยู่ดี ไม่มีอะไรต้องสงสัยมาก

“อัตรากำไรขั้นต้นของวันนี้คือ 5942.39 หยวนค่ะ”

ผลตอบแทนจากการลงทุนเป็นความลับทางการค้า แต่ไม่คิดเลยว่าเด็กสาวจะพูดออกมาตรง ๆ

“เสี่ยวเถียน! หลานพูดว่าเท่าไรนะ?”

ฟ่านชูฟางตกใจมาก เพราะเห็นว่าเสี่ยวเถียนยังเด็กอาจจะพูดผิดก็ได้

5942.39 หยวนเลยนะ คนงานส่วนใหญ่มีรายได้ 40 หยวนต่อเดือนโดยประมาณ แล้วหนึ่งวันจะได้เท่าไรกัน?

ถ้าผลประกอบการในวันเดียวสูงถึงขนาดนี้ งั้นหนึ่งเดือนล่ะ? หนึ่งปีล่ะ?

ไม่กล้าจินตนาการเลย!

“ตามนั้นเลยค่ะย่ารอง ตัวเลขนั้นเลย” เสี่ยวเถียนยิ้ม

อย่าว่าแต่ย่าเลย ตอนเธอคิดเธอยังสงสัยว่าตัวเองคิดผิดหรือเปล่าเลย?

“ดีมาก ๆ ลูกหลานฉันเอง เก่งจริง ๆ!” ต่งหยวนจงหัวเราะลั่นหลังจากตะลึงงันไปครู่หนึ่ง

“…” บอดีการ์ดข้าง ๆ

หัวหน้าครับ แน่นอนใจหรือครับว่านั่นลูกหลานท่านน่ะ

ชายชรามีความสุขกับแค่เรื่องของเด็ก ๆ ที่ไหนล่ะ?

เขายังมีความสุขที่กับการพัฒนาของประเทศด้วย อีกไม่กี่ปีจะก้าวหน้าถึงขนาดนี้แล้ว ผลประกอบการแบบนี้ ถ้าเป็นเมื่อหลายปีก่อน แทบไม่กล้าจินตนาการเลย

ตอนนั้นก็ยังไม่กล้าคิดอีกด้วยซ้ำว่า คนธรรมดา ๆ จะสามารถเปิดธุรกิจได้

ชายชรามีความสุขจนถึงขนาดกินหมูตุ๋นไปอีกหลายชิ้น ท่ามกลางเสียงพร่ำบ่นครั้งแล้วครั้งเล่าของภรรยา

“เนื้อกวางที่พี่ใหญ่ส่งมาให้อร่อยมากเลยนะ นอกจากไม่ยอมให้ฉันกินหมดตั้งแต่เนิ่น ๆ แล้วยังไม่อนุญาตให้กินหมูตุ๋นอีกหรือ?”

ท่าทางของต่งหยวนจงทำอย่างกับว่ามันเป็นเรื่องปกติหรือเปล่า ถ้าอยากกินหมู่ตุ๋นมันก็ต้องได้กินง่าย ๆ หน่อยไหม?

แถมยังคิดหาเหตุผลมาตั้งมากมายอีก

เฮ้อ ไม่มีอิสระออกไปไหนมาไหนก็ว่าพอแล้วนะ นี่ยังไม่มีอิสระในการกินเนื้ออีก!

“แต่พรุ่งนี้คุณจะกินเนื้ออีกไม่ได้แล้วนะ!” ฟ่านชูฟางว่า

ร่างกายอุตส่าห์ดีขึ้นแล้วทั้งที จะมากินซี้ซัวได้ยังไง?

“ย่ารองคะ ร่างกายปู่รองฟื้นตัวดีแล้วค่ะ นาน ๆ ครั้งให้เขากินหลายชิ้น ๆ หน่อยก็ได้”

ตอนนี้สุขภาพของต่งหยวนจงแข็งแรงได้จากการกินยาของเสี่ยวเถียน ขอแค่ไม่กินเนื้อปลาเนื้อหมูทุกวันก็ไม่มีปัญหา อายุยืนแน่นอน

แต่เนื่องด้วยสถานการณ์ของผู้คนในตอนนี้ย่ำแย่กันอยู่แล้ว แม้กระทั่งต่งหยวนจงที่มีสถานะ ยังไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะสามารถกินเนื้อได้ทุกวันเลย

ฟ่านชูฟางโล่งใจเมื่อได้ยินคำตอบ

ตอนนี้เธอเชื่อในทักษะทางการแพทย์ของหลานสาวมาก ขอแค่เสี่ยวเถียนพูดว่ากินได้ก็ไม่มีปัญหา

พอนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้ หญิงชราจึงเอ่ยออกมา “เสี่ยวเถียน ถ้ามีคนในคฤหาสน์อยากให้หลานช่วยตรวจ หลานไปไหม?”

เสี่ยวเถียนไม่ใช่หมออย่างเป็นทางการ เพราะงั้นคำร้องขอที่ว่าดูไม่ค่อยเหมาะเท่าไร แต่ความสามารถของเธอยอดเยี่ยมมาก

เด็กหญิงพูดไม่ออก

การทำให้หญิงชราเอ่ยแบบนี้ออกมาได้ แสดงว่าอีกฝ่ายต้องไม่ใช่คนธรรมดา แต่เสี่ยวเถียนกับคนพวกนั้นไม่ได้เกี่ยวอะไรกันเลยนะ ต่อให้คนบ้านต่งสั่งยาจากเธอ แต่ฝ่ายนั้นเขาจะกล้ารับหรือ?

ถ้าเกิดอะไรขึ้นมา เธอจะรับผิดชอบไหวไหม?

บรรยากาศเงียบสงัด

ไม่ใช่แค่ย่ารอง แต่ปู่รองยังมองด้วยสายตาคาดหวังด้วย

“ย่ารองคะ ไว้หนูคิดดูอีกทีดีกว่า” เสี่ยวเถียนไม่เห็นด้วยเพราะมันเป็นเรื่องใหญ่และเธอก็ต้องระวัง

หญิงชราดีใจมากที่หลานสาวไม่ได้ปฏิเสธ

ขอแค่ไม่ปฏิเสธเราก็ยังมีความหวัง

“เขาเป็นสหายร่วมรบของปู่รองเมื่อก่อนน่ะ เป็นเพื่อนมานานแล้ว แต่ช่วงสองปีมานี้เหมือนโรคเก่าจะกำเริบ แถมสุขภาพย่ำแย่ลงทุกวัน!”หญิงชราเศร้าใจ

คนผู้นั้นทำอะไรเพื่อประเทศตั้งเยอะ ยังไม่ต้องพูดถึงคนที่จากเราไปแล้วนะ มันจะมีสักกี่คนเชี่ยวที่สุขภาพยังแข็งแรงอยู่?

ประโยคนั้นกระตุกความรู้สึกในใจเสี่ยวเถียน

“แล้วพวกเขายินดีเชื่อใจเด็กแบบหนูไหมคะ?”

นี่คือสิ่งที่เสี่ยวเถียนกังวลมากที่สุด

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *