เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]บทที่ 598 เตือนซูฉางจิ่ว

Now you are reading เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包] Chapter บทที่ 598 เตือนซูฉางจิ่ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 598 เตือนซูฉางจิ่ว

บทที่ 598 เตือนซูฉางจิ่ว

ช่วงกินข้าวเย็น เสี่ยวเถียนหยิบไข่ที่ต้มเสร็จเรียบร้อยแล้วออกมา

เหล่าต้ามองไข่ที่มีสภาพสีเข้มดูไม่ค่อยน่ากิน แล้วเอ่ยถาม “ทำไมไข่ดี ๆ ถึงกลายเป็นสีแบบนี้ไปแล้วล่ะ?”

“ลุงใหญ่ลองกินดูสิคะ ไข่ที่ทำด้วยกรรมวิธีแบบนี้อร่อยนะคะ!” เสี่ยวเถียนยิ้ม แล้ววางไข่ลงไปในถ้วยให้

เหล้าต้ารักเสี่ยวเถียนนะ แม้จะไม่ชอบไข่ใบนี้แต่ก็ยังกินโดยไม่ลังเล

ทุกคนมองด้วยความสงสัย รสชาติมันจะดีหรือไม่? ตอนนั้นเองที่ต่อมรับรสที่ไม่เหมือนใครของเหล่าต้าถูกกระตุ้นการทำงาน

หลังจากกลืนคำนั้นลงไป ก็แทบรอกินคำต่อไปไม่ไหว

อยู่มาครึ่งค่อนชีวิตโดยที่รู้ว่าไข่อร่อยนะ แต่ไม่เคยเจอที่อร่อยแบบนี้มาก่อนเลย!

เสี่ยวเถียนมั่นใจในฝีมือตัวเองมาก ตั้งแต่ที่วางไข่ไว้ในถ้วยข้าวก็รู้ได้ทันทีว่าลุงใหญ่จะต้องชอบแน่

หลังจากกินไปสองสามคำจนหมดลูก เหล่าต้ายกตะเกียบคีบไข่ใบที่สองมาใส่ในถ้วยต่อ

ตอนนั้นคนอื่น ๆ ไม่รู้ว่าไข่พะโล้ที่เสี่ยวเถียนทำอร่อยแค่ไหน แต่เพื่อไม่ให้พลาดโอกาส เหล่าเอ้อร์คว้าจานไข่มากินบ้าง

เหล่าต้ามัวแต่กิน ไม่สนใจจะพูดใด ๆ กับใครทั้งสิ้น

ส่วนเหล่าเอ้อร์ที่รู้ว่าพี่กินไปมากกว่าตนแล้วฟองหนึ่งจึงรู้สึกเสียเปรียบ และไม่คิดรีรอเช่นกัน

ทางสะใภ้ทั้งสองมองสามีตนด้วยท่าทางไม่อยากเชื่อ

ถึงไข่จะเป็นของดี แต่หลายปีที่เราทำฟาร์มกันมา กองชุมชนเราไม่ได้ขาดแคลนไข่เสียหน่อย ทำไมทำท่าอย่างกับคนไม่เคยกินมาหลายชาติเลย?

ใบหน้าเสี่ยวเถียนเต็มไปด้วยความมั่นใจมาก แบบนี้ค่อยวางใจได้หน่อย

“แม่ใหญ่ แม่รอง ลองชิมดูค่ะ ไข่อร่อยจริง ๆ นะคะ!”

ฉีเหลียงอิงช่วยหลานทำไข่พะโล้วันนี้ เธอได้กลิ่นหอมตอนต้มในน้ำแล้วล่ะ แต่เสี่ยวเถียนบอกว่าถ้ายังไม่ถึงเวลามันจะไม่อร่อย จึงไม่ได้ลองชิมก่อน

ความจริงเธออยากกินมาสักพักแล้ว

หวังเซียงฮวาเป็นคนว่องไว พอได้ลงมือก็ฉับไวมาก ยิ่งตอนกินข้าวยิ่งได้แสดงออกมาอย่างเต็มที่เลย เป็นขอได้เปรียบที่เธอมี

ก่อนฉีเหลียงอิงจะได้ลงมือ พี่สะใภ้ดันฉกฟองนั้นแล้วกัดเข้าปากไปเสียแล้ว

“พี่สะใภ้ คีบไปตั้งแต่เมื่อไหร่คะเนี่ย?” เธอตกใจมาก

แต่อีกฝ่ายไม่คิดจะตอบ เอาแต่กินไข่อย่างเดียว

ไข่มีขนาดเล็ก กินสามสี่คำก็หมดแล้ว

ตอนนั้นเองที่เหล่าต้าเริ่มกินใบที่สี่แล้ว

คนอื่นๆ ไม่อยากถูกทิ้งไว้เลย ส่วนเสี่ยวเถียนรีบห้ามตอนที่เขากำลังจะกินฟองที่ห้า

“ลุงใหญ่ ไข่อร่อยก็จริงแต่กินเยอะไม่ได้นะคะ เขาบอกกันว่าวันหนึ่งคนเรากินไข่ได้ไม่เกินสามใบค่ะ แต่ตอนนี้ลุงกำลังจะกินฟองที่ห้าแล้วนะคะ”

เหล่าต้ามองอีกสองใบที่เหลือด้วยความไม่เต็มใจ

ก็มันเป็นของดีนี่ กินเยอะสักหน่อยจะเป็นอะไรไป?

“เสี่ยวเถียน ไข่เป็นของดีเลยนะ ต่อให้กินทุกวันก็ไม่เบื่อหรอก ทำไมจะกินมากกว่านี้ไม่ได้ล่ะ?

“ของดีก็ควรกินในปริมาณที่พอเหมาะค่ะลุงใหญ่ หลังจากนี้เราจะต้องทำมันอยู่แล้ว ถ้าอยากกินอีกค่อยทำใหม่นะคะ!” ไม่คิดเลยว่าพ่อแกจะมีด้านที่น่ารักแบบนี้ด้วย

เหล่าต้าไม่ยินดีเท่าไร แต่ทำได้แค่เชื่อฟัง

“ไม่คิดเลยว่ามันจะอร่อยขนาดนี้” เหล่าต้ามองไข่สองฟองที่เหลือด้วยดวงตาละห้อย สะใภ้ทั้งสองคีบไปไว้ในถ้วยของตัวเองแล้ว

เขาทำได้แค่ก้มหน้า แล้วคีบข้าวเข้าปาก

เพิ่งจะกินไข่อร่อย ๆ กลิ่นหอม ๆ มาเอง ทำไมรู้สึกไม่อยากอาหารเลยนะ?

“ไข่ที่เสี่ยวเถียนทำรสชาติดีมากเลย ทีแรกแม่คิดว่าไข่ผัดจะอร่อยที่สุดเสียอีก ไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลยจ้ะ!” หวังเซียงฮวาว่าขณะกิน

มันเป็นใบสุดท้ายแล้ว เธอกินอย่างระมัดระวังที่สุด

เสี่ยวเถียนยิ้ม “ดูที่แม่ใหญ่พูดสิคะ ไข่พะโล้แค่นี้ไม่ใช่อะไรมากมายเลยค่ะ ยังไงอนาคตก็ต้องหาวิธีทำของอร่อยออกมาให้ได้เยอะ ๆ อีก”

เราต้องขายให้หมด แน่นอนว่าต้องแปรรูปด้วย

เธอคิดว่าการการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรเป็นทางออกที่ดีในภายภาคหน้า หากเราพึ่งพาแค่ขายแต่ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรขั้นพื้นฐาน มันไม่สามารถทำให้คนทั่วไปมีชีวิตที่ดีหรอกนะ

หลังอาหารเย็น เสี่ยวเถียนใส่ไข่ที่เหลือลงไปในตะกร้า ก่อนไปบ้านซูฉางจิ่วพร้อมพี่ใหญ่

ขากลับมาเราซื้อของขวัญอย่างเค้ก เมล็ดแตงโมมาให้ด้วย หวังเซียงหวาห่อให้อย่างดีเพื่อเอาไปมอบให้

“ลุงฉางจิ่วเป็นคนดี หลายปีมานี้เขาเป็นห่วงกองชุมชนมาก นี่ก็เพื่อให้พวกเราได้มีชีวิตที่ดีขึ้น”

เธอรับผิดชอบฟาร์มไก่มาสองปีแล้ว และรู้ด้วยว่าอีกฝ่ายก็ทุ่มเทให้มากเพียงใด

เรียกได้ว่าถ้าไม่มีเขา ก็คงไม่มีฟาร์มไก่ในวันนี้

และช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เราขายไข่ไก่ไม่ได้เลย อีกฝ่ายก็ช่วยคิดหาวิธีให้ แต่ผลลัพธ์มันค่อนข้างคลุมเครือ

“แม่ไม่ต้องห่วงนะคะ หนูเข้าใจค่ะ”

เนื้อแท้ชายคนนี้เป็นคนดีอยู่แล้ว เขาเป็นเจ้าหน้าที่ของหมู่บ้านมาตลอดชีวิต อุทิศตนเพื่อกิจการของหมู่บ้าน แม้ว่าใครหลาย ๆ คนจะไม่พอใจเท่าไร แต่ก็ยังยกย่องให้กับเขาอยู่ดี

ในไม่ช้า สองพี่น้องเดินทางมาถึงบ้านหัวหน้า

ตอนนั้นซูฉางจิ่วกำลังคุยกับภรรยาอยู่

ยามได้ยินเสียงเคาะประตู เป็นเขาเองที่เดินมาเปิด

พอเห็นว่าเป็นใครก็ได้แต่หัวเราะลั่น

“วันนี้ฉันได้ยินคนพูดว่าพวกเธอสองคนกลับมาแล้ว ยังคิดอยู่เลยว่าทำไมยังไม่มาหากันบ้างนะ แล้วก็มาพอดี!”

โส่วเวินยิ้ม “กลับมาแล้วครับลุงฉางจิ่ว พวกเราต้องหามาลุงอยู่แล้วสิ”

“ให้นักศึกษามาหากันแบบนี้ ไว้ออกไปข้างนอกเมื่อไหร่จะโอ้อวดให้หมดเลย”

“โส่วเวิน เธอคงไม่รู้หรอกว่าคนจากกองชุมชนอื่นอิจฉาเราแค่ไหนว่าสามารถผลิตนักศึกษาได้เยอะขนาดนี้น่ะ”

“ตอนนี้เรามีแต่นักศึกษาสอบเข้ามหาลัยทั้งนั้น กว่าจะไล่ตามทันก็คงสิบปียี่สิบปีนู่น!”

ซูฉางจิ่วมีสีหน้าที่ภาคภูมิใจมาก ปกปิดไว้ไม่ได้เลย

และสายตาที่มองโส่วเวินยังมีความอ่อนโยนขึ้นอีกด้วย

เด็กคนนี้เคยทำงานเป็นนักบัญชีในกองชุมชนมาก่อน และตอนนี้เขาก็ได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัย ลูกสาวเขาก็เช่นกัน กองชุมชนหงซินสามารถผลิตนักศึกษามาออกได้รวดเดียวเลย

พูดไปใคร ๆ ก็อิจฉา

“ลุงฉางจิ่ว ถึงตอนนี้เราจะได้เปรียบ แต่ถ้าพวกเขาคิดจะไล่ตามเราจริง ๆ ก็ไม่ใช่เรื่องยากนะ”

ถึงนักศึกษาจะหายาก แต่อีกไม่กี่ปีข้างหน้า มันจะนักศึกษาเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อีกแน่

ตอนนี้เป็นงานที่ต้องการนักศึกษา แต่อนาคตข้างหน้าจะกลายเป็นนักศึกษาที่หางานยากต่างหาก

แต่เสี่ยวเถียนไม่บอกหรอกนะ แค่พูดคลุมเครือและหวังว่าเขาจะเข้าใจ

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *