เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ 1093 ยอดดอกเหมยหงหลัว / 1094 เลียนแบบไม่ได้

Now you are reading เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ Chapter 1093 ยอดดอกเหมยหงหลัว / 1094 เลียนแบบไม่ได้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1093 ยอดดอกเหมยหงหลัว

 

 

“หวังหมัวมัว เอาคำพูดนี้มาจากไหนกัน อีกครู่หนึ่งหากท่านลงมาจากเวทีแล้ว มาดื่มสุราเป็นเพื่อนข้าสักสองสามจอก!”

 

 

“ใช่แล้วๆ!”

 

 

“หมัวมัวคอแข็งมาก คนทั้งเมืองหลวงล้วนทราบเรื่องนี้ดี!”

 

 

ด้านล่างมีเสียงหัวเราะหยอกล้อ ภายในหอหร่วนเซียงแห่งนี้มีบรรยายครึกครื้นเป็นพิเศษ ซูหลีนั่งฟุบตัวลงท่าทางดูสบายใจเกินจะเปรียบ ไม่รู้สึกกระอักกระอ่วนหรือย่ำแย่เลยสักนิด

 

 

กลับเป็นพวกฉินมู่ปิงที่อยู่ด้านข้างที่มีสีหน้าแปลกๆ

 

 

“อุ้ย คุณชายแต่ละท่านจะพูดชมบ่าวเกินไปแล้ว พอแล้วเจ้าคะ บ่าวไม่พูดพร่ำทำเพลงแล้ว เหล่าคุณชายต้องการให้บ่าวดื่มเป็นเพื่อน บ่าวก็จะลงไปเดี๋ยวนี้ ทว่าก่อนที่จะลงไป…”

 

 

คำพูดของหวังหมัวมัวเปลี่ยนเรื่องไป เจตนาพูดให้อยู่ในจุดที่ตื่นเต้นที่สุด จากนั้นเอ่ยว่า

 

 

“จักต้องเชิญตัวละครที่สำคัญในวันนี้อย่างแม่นางหงหลัวออกมาก่อน!”

 

 

“หงหลัว! หงหลัว!”

 

 

“หมัวมัวเร็วเข้า! อย่าให้ท่านพี่อย่างพวกเราต้องรอนาน!”

 

 

“ว้าวๆ!” ทันทีหวังหมัวมัวเอ่ยจบ คนที่เอะอะโวยวายจากด้านล่างก็เปลี่ยนเป็นเยอะขึ้นในชั่วพริบตาเดียว

 

 

ทันทีที่ซูหลีเหลือบตาขึ้นมองก็พบว่ากลุ่มของเจียงหยางก็ตะโกนไปกับพวกเขาด้วย นางอดผุดความสงสัยขึ้นมิได้ แม่นางยอดดอกเหมยคนใหม่ในหอหร่วนเซียงนามว่า แม่นางหงหลัว มีอะไรน่าอัศจรรย์กัน

 

 

ดูจากการตกแต่งเวทีแล้ว หากเปรียบกับกาลที่สุ่ยเหยียนมาในปีนั้นไม่ ดูหรูหราฟุ่มเฟือยกว่าการตกแต่งทุกๆปี ซึ่งแตกต่างปีนี้นั้นเป็นอย่างมาก

 

 

“เอาเถอะๆ ๆ! เหล่าคุณชายอย่ารีบร้อน แม่นางหงหลัวก็ออกมาแล้วมิใช่รึเจ้าคะ!” ขณะที่หวังหมัวมัวเอ่ย นางพลางชี้นิ้วไปด้านหน้า ซูหลีมองตามที่ยังตำแหน่งที่นางชี้นิ้ว

 

 

“พรึ่บ….” ที่คิดไม่ถึงก็คือ ในขณะที่ทุกคนยังมองไม่เห็นสิ่งใด ทั้งหอหร่วนเซียงก็ตกอยู่ในความมืด

 

 

“หยา!”

 

 

“นี่เกิดอะไรขึ้นกัน!?” มีเสียงร้องอย่างตกใจดังขึ้นในความมืดอยู่หลายเสียง

 

 

ซูหลีก็ถูกความมืดนี้ทำให้ชะงักค้างไปเช่นกัน ทว่าเพียงชั่วพริบตานางก็สามารถกลับมาเป็นปกติ นางเหลือบตามองไปก็พบว่ามีสาวงามอยู่บนเวที ในมือนั้นถือโคมตะเกียงไว้ปรากฏต่อหน้าผู้คนเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร

 

 

หลังจากเห็นนางคนนั้น ดวงตาของซูหลีหรี่ลงเล็กน้อย

 

 

สตรีที่อยู่ตรงหน้าคงจะเป็นแม่นางยอดดอกเหมยคนใหม่ของหอหร่วนเซียง หงหลัว

 

 

ทว่าสิ่งที่ทำให้ซูหลีมีท่าทีโต้ตอบกลับมิใช่อย่างอื่น เพียงแต่นางคนนั้น…มีความคุ้นเคยบางอย่างที่นางมิอาจบรรยายเป็นคำพูดได้

 

 

สตรีคนนี้สวมอาภรณ์ชุดบางสีแดงสดงดงาม ในวันที่หนาวเย็นเช่นนี้แขนเสื้อของนางปลิวพลิ้วไหว เอวบางอ้อนแอ้น มีรูปโฉมที่มีเสน่ห์เย้ายวนเหลือเกิน

 

 

นี่ก็ช่างเถอะ ซ้ำนางยังมีดวงตารูปดอกท้อ มิผิด มีดวงตาที่มีเสน่ห์ดูเป็นธรรมชาติเฉกเช่นเดียวกันซูหลี

 

 

ผมยาวดำขลับดุจน้ำตกปล่อยสยายลงมาเพียงถักเป็นเปียหนึ่งเส้น ข้างขมับประดับไว้ด้วยดอกโบตั๋นที่มีสีสันสวยงาม

 

 

คนงามเสียยิ่งกว่าบุปผา งามเพริศพริ้งเหลือเกิน

 

 

“ปัง!” ในขณะที่ตกอยู่ในความมืด ไม่รู้ว่าใครทำของหล่นลงจนเกิดเป็นเสียงดังตึงตัง

 

 

จากนั้นทั้งหอหร่วนเซียงพลันสว่างขึ้นทันใด

 

 

ในขณะที่ทุกคนยังไม่มีท่าทีโต้ตอบ ทันทีสตรีที่อยู่บนเวทีเริ่มขับร้อง และเริ่มใช้โคมตะเกียงที่อยู่ในมือเต้นระบำ

 

 

นางงดงามประหนึ่งภาพวาด น้ำเสียงกลับมีความทุ้มต่ำ บทเพลงที่นางขับร้องเป็นเพลงที่ซูหลีเคยขับร้องยามที่มึนเมาในหอหร่วนเซียงในยามก่อน  จันทร์กระจ่าง

 

 

บทเพลงนี้เป็นเพลงที่ซูหลีคุ้นเคยเป็นที่สุด เพราะเป็นเพลงในยุคศตวรรษที่ 21 ที่นี่ไม่มีใครที่จะสามารถขับร้องได้

 

 

คิดไม่ถึง…

 

 

รอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้าของนางเบาบางลงไปหลายส่วน ดวงตาที่มีความเยียบเย็นมองไปที่ด้านบนเวที ไม่รู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่

 

 

รูปโฉมของหงหลัวคนนี้มีความคล้ายคลึงกับซูหลีถึงสามส่วน สามส่วนนี้ปรากฏขึ้นที่ดวงตาของนาง

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 1094 เลียนแบบไม่ได้

 

 

บัดนี้ทันทีที่นางเปิดปากขับร้องบทเพลงนี้ ยิ่งทำให้ผู้คนรู้สึกเสมือนอยู่อีกโลกหนึ่ง

 

 

คนจำนวนมากในที่นี้ โดยเฉพาะคนที่อยู่ในสำนักเต๋อซั่น หลังจากที่ได้ยินนางขับร้องเพลงนี้และสะบัดแกว่งแขนเสื้อเต้นระบำ สีหน้าพลันเปลี่ยนเป็นสับสน

 

 

ชั่วขณะนี้การปรากฏตัวของแม่นางยอดดอกเหมยคนใหม่ เสียงดังฮือฮาจากผู้คนที่ควรจะมีกลับไม่มี ทั้งหอหร่วนเซียงกลับตกอยู่ในบรรยากาศแปลกประหลาด

 

 

ซูหลีปรายตามองสตรีในชุดแดงนางนั้น นางเลิกคิ้วเหลือบตาขึ้นมองตัวเองเล็กน้อย วันนี้นางก็สวมชุดกระโปรงสีแดงเช่นกัน ยังดีที่เสื้ออ๋าวท่อนบนเป็นสีขาวที่ค่อยๆ ไล่เป็นสีแดง สีแดงบนเสื้อนั้นมิได้ดูฉูดฉาดจนแสบตา

 

 

ชุดที่มีสีแดงแต่งแต้มเพียงเล็กน้อยมิอาจเทียบกับชุดสีแดงทั้งชุด แม้แต่ตัวอักษรหง[1]ในชื่อของหงหลัวก็ยังไม่ตกหล่นไปแม้แต่น้อย

 

 

นางยกยิ้มขึ้นครู่หนึ่ง หอหร่วนเซียงไปหาสาวงามเช่นนี้มาจากที่ไหนกัน ช่างเก่งกาจโดยแท้

 

 

อย่าคิดว่ารูปลักษณ์ของหงหลัวจะคล้ายคลึงกับซูหลีเพียงสามส่วน อีกทั้งส่วนที่คล้ายคลึงกับซูหลีอยู่มีดวงตา ทว่าความเย้ายวนที่มีโดยธรรมชาติของหงหลัว ก็ยังมีความคล้ายคลึงกับกลิ่นอายความเจ้าเล่ห์เพทุบายที่แผ่ออกมาจากร่างของซูหลี

 

 

กอปรกับซูหลีนั้นรักการสวมอาภรณ์สีแดงเป็นที่สุด รูปลักษณ์ที่คล้ายคลึงถึงสามส่วน ครั้นรวมกับภาพรวมแล้วทำให้คล้ายคลึงกันถึงห้าส่วน

 

 

อีกไม่ต้องพูดถึงบทเพลงที่นางขับร้อง ยังเป็นบทเพลงที่ซูหลีเคยขับร้องมาก่อน ระบำที่นางแสดงก็เป็นระบำที่ซูหลีเคยเต้นมาก่อน!

 

 

“บ่าวหงหลัว คารวะท่านอ๋องทุกท่าน” หลังจากบทเพลงนี้จบลง หงหลัวจึงเก็บสีหน้าของตนยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย จากนั้นถลาเข้าไปถอนสายบัวให้กับทุกคนที่อยู่ด้านล่าง

 

 

ยามที่นางแย้มยิ้ม ยิ่งเพิ่มเสน่ห์ของนางมากขึ้นกว่าเดิม

 

 

ความมีเสน่ห์นี้แตกต่างกับซูหลีอยู่บ้าง เมื่อขับร้องบทเพลงนี้จบจึงยืนอยู่ตรงนั้น แทบจะไม่มีส่วนคล้ายกับซูหลีเลย

 

 

กลิ่นอายเย้ายวนบนร่างนั้นสามารถทำให้ผู้คนต้องหันไปมองอยู่หลายครา

 

 

“แปะๆ ๆ!” ขณะที่ทั้งหอหร่วนเซียงตกอยู่ในความเงียบ พลันคนนำปรบมือขึ้น

 

 

ฉินมู่ปิงขมวดคิ้วเล็กน้อย หันศีรษะมองไปยังซูหลีที่ปรบมือขึ้นด้วยใบหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม แสดงท่าทีใจกว้าง

 

 

ในเวลานี้เขาคาดเดาไม่ได้ว่า อากัปกิริยาเช่นนี้ของซูหลีหมายความว่าอย่างไร

 

 

แม้ใต้หล้าจะกว้างใหญ่ คนที่รูปโฉมเหมือนกันจะถือเป็นเรื่องธรรมดา ทว่าเรื่องธรรมดาเช่นนี้ ตกอยู่ที่สตรีคนไหนก็คงไม่มีใครที่จะดีใจ

 

 

โดยเฉพาะหงหลัวคนนี้เป็นสตรีหอโคมเขียว อีกทั้งยังมีชื่อเสียมากกว่า ทว่ากลับมีดวงตาที่คล้ายคลึงกับซูหลี…

 

 

ซูหลีก็ยังมีความสามารถปรบมือชื่นชมอย่างสุขุมเยือกเย็นได้

 

 

ฉินมู่ปิงไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าซูหลีต้องการจะสื่ออะไรกันแน่

 

 

หรือจะพูดได้ว่า เขายังไม่เข้าใจซูหลีที่อยู่ตรงหน้าอย่างถ่องแท้ดี!

 

 

“ดี!” ซูหลีหยุดปรบมือ หงหลัวที่อยู่บนเวทีฉวยโอกาสมองมายังนาง หลังจากเห็นรูปโฉมของซูหลีแล้ว ใบหน้าของหงหลัวถึงกับซีดเผือดไปโดยฉับพลัน

 

 

ซูหลีแสดงท่าทีคล้ายกับยังไม่เคยพบมิปาน นางยืนขึ้นเดินไปทางเวที

 

 

การเคลื่อนไหวของนางเช่นนี้เป็นสิ่งที่ทุกคนคาดไม่ถึง

 

 

รวมกับหวังหมัวมัวที่กำลังดื่มสุราเป็นเพื่อนเหล่าคุณชายที่ด้านล่างเวทีด้วย

 

 

กว่าพวกเขาจะรู้สึกตัว ซูหลีก็ยืนอยู่บนเวทีเสียแล้ว

 

 

ทันทีที่นางเดินขึ้นมาด้านบน ก็ดูแตกต่างกับหงหลัวที่อยู่ด้านบนอย่างชัดเจน

 

 

รัศมีของซูหลีไม่มีใครที่สามารถเลียนแบบได้ กอปรกับรูปโฉมสะคราญของนาง ทั้งยังมีรอยยิ้มที่เกียจคร้าน ล้วนเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของนาง

 

 

หงหลัวคนนี้เพียงแค่หยิบรูปโฉมของนางมาสามส่วนเท่านั้น แม้จะสามารถเรียกได้ว่างามเพริศ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงซูหลี

 

 

แม้นางจะไม่ได้สวมชุดสีแดงสดเหมือนกับหงหลัว ทว่ารัศมีที่อยู่รอบกายนาง ทำให้หงหลัวเปลี่ยนเป็นฉากพื้นหลังที่เสริมให้ซูหลีดูโดดเด่นขึ้น!

 

 

“ตะ ใต้เท้าซู!” ครั้นเห็นนางเดินขึ้นมา หงหลัวรู้สึกลนลาน

 

 

 

 

 

 

——

 

 

[1] หง  (红) หมายถึง สีแดง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด