เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ 777 สกุลซูเป็นอย่างไรบ้าง / 778 เตรียมย้ายบ้าน

Now you are reading เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ Chapter 777 สกุลซูเป็นอย่างไรบ้าง / 778 เตรียมย้ายบ้าน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 777 สกุลซูเป็นอย่างไรบ้าง

 

 

“นาย…คุณหนู นี่เป็นเรื่องจริงใช่หรือไม่” ในมือของไป๋ฉินถือชุดขุนนางอันประณีต นางรู้สึกตกใจจนร้อยเรียงคำพูดไม่ถูก

 

 

คนที่นางเรียกว่านายน้อยมาสิบกว่าปี พลันถูกเปิดเผยตัวตนต่อหน้าคนทั้งใต้หล้า และสามารถเรียกว่าคุณหนูได้อย่างเปิดเผยแล้ว ไป๋ฉินจึงรู้สึกไม่คุ้นชินอยู่บ้าง

 

 

หลังจากล่ำลากับชาวบ้านเหล่านั้น ซูหลีกับเย่ว์ลั่วไป๋ฉินก็กลับขึ้นรถม้าของตน ตั้งแต่แต่รับพระราชโองการมาก็เป็นเวลาช่วงหนึ่งแล้ว ทว่าไป๋ฉินยังไม่อาจดึงสติออกมาจากความตะลึงพรึงเพริดนี้ได้

 

 

สวรรค์ สตรีกลับเป็นขุนนางได้!

 

 

อีกทั้งยังเป็นขุนนางขั้นสอง ซึ่งเป็นตำแหน่งสูงกว่านายท่านของพวกนางอีก!

 

 

บัดนี้ไป๋ฉินรู้สึกวิงเวียนศีรษะ นางรู้สึกคล้ายกับกำลังอยู่ในห้วงแห่งฝัน นางใจลอยหวนคิดถึงหลายปีก่อนหน้านี้ ที่มารดาผู้ล่วงลับของนางยังกุมมือนาง ลูบมือนางพลันเอ่ยว่า ลูกเอ๋ย เกิดเป็นหญิง ถือเป็นความยากลำบากที่สุดในโลกใบนี้

 

 

แต่บัดนี้สตรีสามารถเป็นขุนนางได้แล้ว!?

 

 

ไป๋ฉินรู้สึกว่าโลกใบนี้เปลี่ยนแปลงเร็วเกินไป นางรู้สึกว่านางตามไม่ทัน!

 

 

“ใช่แล้ว หลายวันก่อนหน้านี้ในเมืองหลวงยังมีข่าวแพร่สะพัดไปทั่ว กล่าวว่าคุณหนูของนางจะถูกสังหารเมื่อไหร่ บัดนี้กลายเป็นใต้เท้าสตรีอันดับหนึ่งไปเสียแล้ว คุณหนูช่างเป็นผู้เก่งกาจโดยแท้!” เย่ว์ลั่วที่อยู่ด้านข้างก็ตื่นตกใจ

 

 

ความตื่นตกใจของนางนั้นอาจจะมีมากกว่าไป๋ฉินเสียอีก

 

 

ก่อนที่จะพบกับซูหลี คนที่นางรู้จักและใกล้ชิดล้วนกล่าวว่า สตรีนั้นเปรียบเสมือนดอกถูซือ[1] ที่จะต้องคอยพึ่งพาอาศัยบุรุษ เห็นบุรุษเป็นดั่งผืนฟ้า และเป็นที่พักพิงตลอดชีวิตของสตรี

 

 

ทว่ากำลังของซูหลีบอกนางว่า สตรี ก็เป็นคนเช่นกัน

 

 

และยังสามารถเป็นคนที่ยืนหยัดด้วยตนเองด้วยจิตใจที่เด็ดเดี่ยว

 

 

เย่ว์ลั่วจะสัมผัสไม่ได้ได้อย่างไรกัน

 

 

“ป๊อก!”

 

 

“ป๊อก!”

 

 

ซูหลีเห็นนางทั้งสองจ้องตนตาไม่กะพริบ จึงยิ้มและรวบพัดในมือของตนโขกศีรษะของพวกทั้งสองคน

 

 

“โอ๊ย คุณหนูเหตุใดถึงต้องตีข้ากัน” ไป๋ฉินลูบหัวตนเอง ทำปากขมุบขมิบพูดขึ้น

 

 

“ก็ให้พวกเขาพูดยกยอต่อไปไง คุณหนูของพวกเจ้าจะกลายเป็นเซียนบนสวรรค์ที่ยิ้มเบิกบานใจแล้ว เพลาๆ ลงหน่อยเถิด!” ซูหลีจับพัดสีทองในมือถือเล่นด้วยใบหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม

 

 

สาวใช้ทั้งสองมองหน้ากัน ความรู้สึกในใจเปลี่ยนเป็นประหลาดใจเล็กน้อย

 

 

จะว่าเปลี่ยนไป ที่จริงก็ถือว่าไม่เปลี่ยน มองดูแล้วคนตรงหน้าก็ยังมีรูปลักษณ์ที่คุ้นเคยดังเดิม รอยยิ้มที่เหิมเกริมนั้น แม้กระทั่งหางตาและหางคิ้วที่ตวัดเฉียงขึ้นก็ยังไม่เปลี่ยนไปแม้แต่ส่วนเดียว

 

 

คนผู้นี้ยังเป็นซูหลีเจ้าสำราญมั่งคั่งดังเดิม

 

 

ทว่ามีบางอย่างที่เปลี่ยนไป

 

 

น้ำเสียง ทรงผม แม้กระทั่งทรวดทรงก็ยัง…

 

 

“จะมองอะไร ไม่ต้องมองแล้ว!” ซูหลีทนกับสายตาของสาวใช้ทั้งสองไม่ได้ สายตาของพวกนางคล้ายกับเห็นเป็นนางเป็นเนื้อชิ้นใหญ่ และพวกนางทั้งสองเป็นสุนัขจิ้งจอกผู้หิวโซมิปาน

 

 

ทำให้รู้สึกขบขันนัก

 

 

“ไป๋ฉิน เจ้าพูดสิว่า ข้าไม่อยู่บ้านอยู่หลายวัน ในบ้านเป็นอย่างไรบ้าง” ซูหลีเอนหลังไปด้านหลังลงบนหมอนเอนหลังใบนุ่มอย่างเกียจคร้าน

 

 

นางเคาะพัดในมืออย่างไม่ใส่ใจด้วยใบหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม แม้กระทั่งไป๋ฉินยังรู้สึกถึงความเยียบเย็นที่แผ่ออกมาจากร่างของนางได้

 

 

เมื่อคิดถึงเรื่องที่คนจวนซูเหล่านั้นกระทำ ก็ไม่แปลกว่าทำไมซูหลีจะเป็นเช่นนี้

 

 

ความรู้สึกที่ถูกคนที่ใกล้ชิดที่สุดหักหลัง เป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยาก

 

 

“นาย…คุณหนู ช่วงที่ท่านอยู่ในคุกหลวง ในบ้านเกิดเรื่องชุลมุนขึ้นแล้ว!” ไป๋ฉินปรับสีหน้าของตน แล้วเอ่ยอย่างจริงจัง

 

 

“หลังจากที่คุณหนูถูกนำตัวไปขัง นายท่านก็พาฮู…ก็พาหลี่ซื่อกลับบ้านแล้วเจ้าคะ!” ไป๋ฉินขมวดคิ้วด้วยความรังเกียจ

 

 

 

 

 

 

——

 

 

[1] ดอกถูซือ  หมายถึง ดอกฝอยทอง

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 778 เตรียมย้ายบ้าน

 

 

นางไม่คิดจะเรียกหลี่ซื่อผู้นั้นว่าฮูหยิน

 

 

คนที่วางแผนคิดทำลายซูหลีเช่นนี้ จะเหมาะสมเป็นฮูหยินของจวนซูได้อย่างไร

 

 

“เพียงแต่ไม่ว่านายท่านเป็นอะไร หลังจากกลับจวนแล้วก็ไปยังจวนส่วนหน้าเป็นอันดับแรก ผ่านไปไม่นานเขาก็มุ่งไปยังห้องที่หลี่ซื่อพำนักอยู่ บ่าวได้ยินคนในจวนเอกกล่าวว่า นายท่านให้ทุบของในห้องของหลี่ซื่อทิ้งเจ้าคะ!”

 

 

“ทั้งยังชี้นิ้วด่าประณามหลี่ซื่อ กล่าวว่าหลี่ซื่อเป็น…” พูดถึงตรงนี้ไป๋ฉินก็มองหน้าซูหลีครู่หนึ่ง เมื่อเห็นซูหลีไม่ได้แสดงอาการใดๆ ออกมา หลังจากได้ยินที่นางพูดมา ซูหลีไม่แม้แต่จะลืมตาขึ้น

 

 

“กล่าวว่านางเป็นสตรีชั่ว! อีกทั้งยังให้หลี่ซื่อนำตัวชายชู้ออกมา แน่นอนว่าหลี่ซื่อไม่ยอมรับ นางคุกเข่าต่อหน้านายท่านแล้วกล่าวว่า คุณหนูมีใจเคียดแค้นนาง คิดที่จะใส่ร้ายป้ายสีนาง!”

 

 

“นายท่านเหมือนจะไม่เชื่อนางนัก และยังสั่งให้คนอุ้มคุณชายน้อยออกมา นายท่านบอกว่าหากหลี่ซื่อไม่ยอมพูดออกมา นายท่านจะโยนคุณชายน้อยลงพื้นให้ตายซะ!” ที่จริงแล้วไป๋ฉินก็ไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง

 

 

ทว่าภายในเรื่องเหล่านี้ อย่างไรนางก็ทราบว่าคุณหนูของพวกเขาพูดอะไรออกมา ถึงได้ทำให้ซูไท่ระเบิดอารมณ์ออกมาเช่นนี้

 

 

“ใบหน้าของหลี่ซื่อซีดเผือด ผ่านไปนานก็ยังไม่ปริปากพูดอะไรออกมา เดิมบ่าวยังคิดว่านายท่านจะลงโทษหลี่ซื่อแล้ว คิดไม่ถึงว่าเมื่อคุณหนูรองมาถึง นายท่านก็ไล่ข้ารับใช้ออกไปจากห้องจนหมด และไม่รู้ว่าคุณหนูรองพูดอะไรกับนายท่านบ้าง”

 

 

“รู้เพียงว่าคุณหนูรองอยู่ภายในนั้นถึงครึ่งชั่วยาม จากนั้นนายท่านจึงออกมาและคล้ายกับไม่ได้กริ้วโกรธถึงขนาดนั้นแล้ว ทว่าใบหน้าก็ยังมีความโกรธหลงเหลืออยู่”

 

 

“หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา นายท่านก็ไปพักอยู่กับเหล่าอนุ ไม่สนใจหลี่ซื่ออีก หลี่ซื่อก็ไม่ส่งคนไปตามนายท่านมา ในทางกลับกันนางกลับร่ำไห้อยู่ข้างกายคุณชายน้อยทุกวี่วัน ร่ำไห้ว่านายท่านไม่เชื่อใจนาง!”

 

 

“ยามที่บ่าวออกมาจากจวนซูในวันนี้ ยังได้ยินเสียงวุ่นวายจากจวนเอก กล่าวว่าเป็นนายท่านไม่เชื่อใจหลี่ซื่อ นางถึงพาคุณชายน้อยกลับไปยังสกุลหลี่เจ้าคะ!”

 

 

ไป๋ฉินพูดเรื่องสกุลซูอย่างสั้นและกระชับ หลังจากซูหลีได้ยินแล้ว นางเพียงหรี่ตาลงเล็กน้อย ในดวงตามีประกายเย็นยะเยียบพาดผ่าน

 

 

“คุณหนู เรื่องนี้พวกเราต้องจัดการหรือไม่เจ้าคะ” ไป๋ฉินเอ่ยซูหลีแล้วเอ่ยถาม

 

 

“ไม่จำเป็น” ซูหลีแค่นยิ้มเย็นออกมา เรื่องครานี้แม้ซูไท่จะไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ทว่าหากไม่ใช่เพราะเขาปล่อยหลี่ซื่อตามอำเภอใจ เรื่องก็คงไม่ดำเนินมาถึงจุดนี้

 

 

สำหรับบิดาที่ไม่ได้เรื่องนี้ นางนั้นให้ความเมตตาจนถึงขีดสุดแล้ว ถึงขั้นยังให้ซูไท่ปีนไต่มาถึงจุดนี้ ทว่ากลับแปรเปลี่ยนว่าเป็นปฏิปักษ์เช่นนี้

 

 

แม้จะเป็นสตรี แต่ถึงอย่างไรก็โตมากับตนตั้งแต่ยังเล็ก

 

 

แต่เขากลับยอมปล่อยให้ซูหลีตาย

 

 

ความสัมพันธ์ระหว่างบิดากับบุตรีได้สิ้นสุดลงแล้ว

 

 

“หลังจากกลับถึงจวนซู สั่งให้ชุยตานถามทุกคนว่ามีใครบ้างสมัครใจไปพร้อมพวกเราหรือไม่” หลังจากซูหลีเงียบไปครู่หนึ่ง นางพลันเอ่ยคำพูดเช่นนี้ออกมา

 

 

ไป๋ฉินกับเย่ว์ลั่วต่างมองหน้ากัน ในเวลานี้นางไม่เข้าใจว่าซูหลีหมายความว่าอย่างไร

 

 

“คราก่อน มิใช่ฝ่าบาททรงสร้างพระราชทานบ้านพักแห่งหนึ่งให้ข้าหรือ” ซูหลีเคยไปดูคราหนึ่งแล้ว บ้านพักแห่งนี้ไม่เลวเลย แม้จะเล็กกว่าจวนซูไม่น้อย ทว่าแม้จะหลังเล็กแต่ก็สมบูรณ์แบบ

 

 

บ้านพักแห่งนี้เล็กแต่ตกแต่งอย่างประณีต ซูหลีนั้นชอบมาก

 

 

“คุณหนูพูดว่า เราจะย้ายออกมาหรือเจ้าคะ” สาวใช้ทั้งสองมึนงงไปหมด พวกเขาไม่เคยเห็นสาวโสดและยังไม่มีครอบครัวฝ่ายชายคนไหน ที่จะย้ายออกมาจากจวนของสกุลตนเอง!

 

 

การกระทำของซูหลีนี้ เป็นสิ่งที่ทำให้คนตะลึงพรึงเพริดโดยแท้!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด