เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ 581-582

Now you are reading เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ Chapter 581-582 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 581 ส่งตัวกลับวัง!

 

 

ทุกคนล้วนทราบดีว่า ฉินเย่หานเป็นคนที่มีอุปนิสัยเฉยชา ไม่เคยเอ่ยอะไรต่อหน้าไทเฮามากขนาดนี้มาก่อน

 

 

เขาปฏิบัติต่อมารดาอย่างนาง ประหนึ่งปฏิบัติต่อคนแปลกหน้า คิดไม่ถึงว่าพอเกิดเรื่องขึ้นกับซูหลีแล้ว คำพูดของฉินเย่หานจะมีเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม!

 

 

ไทเฮาอดที่จะแค่นยิ้มเย็นไม่ได้

 

 

“ฮ่องเต้ทรงไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ ในเมื่อเขาล่วงเกินข้า ข้าก็จะเป็นคนจัดการเรื่องนี้ มิจำเป็นต้องสร้างความลำบากให้แก่ฮ่องเต้!” สีหน้าของไทเฮาเย็นชาอย่างยิ่งยวด ไทเฮาโบกพระหัตถ์ไปมาและเอ่ยว่า “จูเฉิงจับตัวเขาไว้!”

 

 

“พ่ะย่ะค่ะ!” จูเฉิงรีบขานรับ จากนั้นยื่นมือเตรียมจะไปคว้าร่างซูหลีเอาไว้

 

 

“เสด็จแม่!”

 

 

“เสด็จแม่” แทบจะเป็นในเวลาเดียวกันที่ป๋ายถานที่คุกเข่าอยู่บนพื้นและฉินเย่หานจะปริปากพูดพร้อมกัน

 

 

ซูหลีเห็นดังนั้นจึงอดที่จะเลิกคิ้วขึ้นไม่ได้ นี่ช่างเป็นเรื่องน่าสนใจ คู่สามีภรรยาทั้งสองคนนี้แสดงท่าทางใจตรงกันต่อนาง!

 

 

บนใบหน้าของนางปรากฏรอยยิ้มที่คล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม กริยาท่าทางเหล่านั้นเหมือนกันราวกับกำลังแสดงละครกันอยู่ แต่เรื่องนี้หาได้เกี่ยวข้องกับเรื่องของนางไม่ ยิ่งนางกระทำเช่นนี้ ไทเฮาก็ยิ่งโมโหมากยิ่งขึ้น และยิ่งทำให้ไทเฮาอยากจะสั่งสอนซูหลีสถานหนัก

 

 

ทำให้ซูหลีคิดได้ว่าเรื่องอะไรสามารถกระทำได้ และเรื่องอะไรที่ไม่สามารถกระทำได้!

 

 

“จับตัวเขาสิ มัวอ้ำอึ้งอะไรอยู่!? หรือคำพูดของข้าไร้ซึ่งประโยชน์แล้ว?” สุรเสียงของไทเฮาเปลี่ยนเป็นเสียงแหลมเล็กแสบแก้วหูจากนั้นมองไปที่จูเฉิงด้วยความโกรธ

 

 

“พ่ะย่ะค่ะ” จูเฉิงยื่นมือไปคว้ามือซูหลีอีกครั้งหนึ่ง

 

 

“จูกงกง ฝ่าบาทยังประทับอยู่ทีนี่ หรือเจ้าจะไม่ต้องการชีวิตวัยชราของเจ้าแล้ว” ทว่ามือของเขายังไม่ทันสัมผัสที่มือซูหลี หวงเผยซานที่อยู่ด้านข้างก็เอ่ยประโยคนี้ด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นเสียก่อน

 

 

พวกเขาทั้งสองคนล้วนเป็นขันทีชั้นผู้ใหญ่ คนหนึ่งเป็นผู้ติดตามข้างพระวรกายฮ่องเต้ อีกคนหนึ่งเป็นผู้ติดตามข้างพระวรกายไทเฮา ที่แตกต่างกันก็คือหวงเผยซานเป็นหัวหน้าที่ดูแลเรื่องทุกอย่าง ทว่าจูงกงกงแค่วางมาดต่อพระพักตร์ไทเฮาได้เท่านั้น

 

 

เมื่อถูกเขาพูดเช่นนี้ มือของจูเฉิงก็ชักกลับมา อีกทั้งเขาไม่กล้าที่จะแตะต้องซูหลีผู้นั้นอีกแล้ว

 

 

“เสด็จแม่ ลูกกับซูหลียังมีเรื่องสำคัญที่ต้องปรึกษากัน เรื่องในวันนี้ลูกจักต้องลงโทษเขาอย่างสาสมแน่นอน หวงเผยซาน”

 

 

“บ่าวอยู่ที่นี่พ่ะย่ะค่ะ” หลังจากฉินเย่หานเอ่ยถึงหวงเผยซานก็ขานรับในทันที

 

 

“นำตัวคุณชายซูไป” สีหน้าของฉินเย่หานไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ แม้กระทั่งคำพูดอธิบายประโยคหนึ่ง เขาก็ยังไม่พูดกับไทเฮา เพียงแสดงสีหน้าเย็นชาออกมา

 

 

ไทเฮาถูกอากัปกิริยาของเขา อีกทั้งยังถูกซูหลีทำให้โมโหอย่างเหลืออด

 

 

“ฮ่องเต้!” ไทเฮาตรัสด้วยโทสะ “ฝ่าบาทครองราชย์สมบัติเป็นเวลาสองปีแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นข้าอยู่ในสายตา เช่นนั้นข้าดำรงตำแหน่งไทเฮาแล้วจะมีประโยชน์อะไร ฝ่าบาทสู้ถ่ายทอดคำสั่งให้คนส่งข้าไปอยู่กับฮ่องเต้องค์ก่อนเสียดีกว่า เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ข้าสร้างความลำบากในเมืองหลวงและทำให้ฝ่าบาทรำคาญพระทัย”

 

 

คำพูดนี้ของไทเฮาเป็นคำพูดที่รุนแรงยิ่งนัก ถึงขั้นเอ่ยว่าให้ส่งนางไปอยู่กับฮ่องเต้องค์ก่อนอะไรนั่น

 

 

แม้แต่ซูหลีที่คอยรับฟังอยู่ด้านข้าง สีหน้าก็ยังเปลี่ยนไปเล็กน้อย

 

 

การเดินทางเข้าวังหลวงในวันนี้ถือว่าไม่เปล่าประโยชน์ อย่างน้อยครานี้ก็เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างไทเฮากับฉินเย่หานอย่างชัดเจน แม้กระทั่งรับรู้ถึงการใช้เล่ห์อุบายเช่นนี้ในการข่มขู่ฉินเย่หาน

 

 

ไม่รู้ว่าไทเฮาพระองค์นี้เห็นฉินเย่หานเป็นอะไรไปแล้ว!?

 

 

ฉินเย่หานได้ยินดังนั้น ใบหน้าก็เคร่งขรึมขึ้นมาในพริบตา ทว่าเขากลับไม่คิดโอนอ่อนเลยแม้แต่น้อย เขาตวัดสายตามองไปยังป๋ายถานที่คุกเข่าไม่พูดไม่จาอยู่ที่พื้น พลันเอ่ยขึ้นว่า “เล่อผิน”

 

 

ป๋ายถานคิดไม่ถึงว่าเขาจะเรียกนางอย่างกะทันหัน นางอ้ำอึ้งไปในทันทีจากนั้นจึงขานรับว่า “หม่อมฉันอยู่ที่นี่เพคะ”

 

 

“พระวรกายของเสด็จแม่ไม่แข็งแรงเท่าไรนัก ช่วยไปส่งเสด็จแม่กลับวังแทนเราด้วย เพื่อให้เสด็จแม่กลับไปพักผ่อน” ฉินเย่หานเอ่ยคำพูดเช่นนี้ออกมาด้วยใบหน้าซึ่งไร้อารมณ์ใดๆ

 

 

ทันทีที่พูดจบ ทั่วทุกสารทิศก็เงียบสงัด

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 582 ซูหลียอมรับผิด

 

 

แม้แต่ป๋ายถานยังใช้สายตาเหลือเชื่อมองไปทางฉินเย่หานปราดหนึ่ง

 

 

ก่อนจะเข้าวังหลวงนางก็พบทราบว่าความสัมพันธ์ระหว่างฮ่องเต้กับไทเฮาไม่ค่อยใกล้ชิดกันนัก ดังนั้นตอนที่บิดาของนางส่งนางเข้าวังผ่านไทเฮา นางจึงยังมีความกังวลอยู่บ้าง

 

 

เกรงว่าหากใช้วิธีเช่นนี้เข้าวัง คงจะไม่ได้รับความโปรดปรานจากฉินเย่หาน

 

 

ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ แม้นางจะเหมือนกับสมัครใจเข้ามาอยู่ในวัง อีกทั้งทันทีที่เข้ามาอยู่ในวังก็ถูกแต่งตั้งเป็นเล่อผินเหนียงเหนียง ทว่าในใจนางนั้นเข้าใจอย่างถ่องแท้ดีว่า ตำแหน่งเล่อผินเหนียงเหนียงของนางนี้ยังไม่อาจดำรงได้อย่างมั่นคงขนาดนั้น ระหว่างนางกับฉินเย่หานยังไม่ได้เป็นสามีภรรยากันอย่างแท้จริง

 

 

ก่อนหน้านี้นางไม่รู้ว่านี่เป็นเพราะเหตุใด ทว่าบัดนี้ดูเหมือนว่า…นางจะใช้วิธีการผิดไปแล้วจริงๆ

 

 

ความสัมพันธ์ของฉินเย่หานกับไทเฮาไม่ได้ย่ำแย่แบบปกติ!

 

 

ดังนั้นเขาถึงไม่มีสีหน้าที่ดีอะไรต่อนางนัก ยิ่งไม่ต้องพูดเรื่องที่จะมาโปรดปรานนางอะไรเทือกนั้นแล้ว

 

 

“เจ้า…!” ไทเฮาทรงคิดไม่ถึงฉินเย่หานจะกระทำเช่นนี้ ตั้งแต่สองปีที่แล้วที่ฉินเย่หานขึ้นครองราชย์ ความสัมพันธ์แม่ลูกของพวกเขาก็ไม่ดีมาโดยตลอด ทว่าก็อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขมากโดยตลอด ดังนั้นแต่ก่อนแม้ไทเฮาจะทรงยื่นมือไปจัดการเรื่องวังหลังของเขา

 

 

ฉินเย่หานก็ไม่เคยพูดอะไรออกมา ทว่าในเวลานี้ เพราะซูหลีผู้นี้ ฉินเย่หานกลับโมโหก็โมโหขึ้นมาอย่างฉับพลัน!

 

 

เป็นธรรมดาที่ภายในพระทัยของไทเฮาจะรู้สึกรับไม่ได้

 

 

“ฮ่องเต้ ไทเฮาเหนียงเหนียงพ่ะย่ะค่ะ” ในขณะที่บรรยากาศกำลังหยุดหยิ่ง อารมณ์ที่แสดงออกบนใบหน้าของทุกคนดูเหมือนจะย่ำแย่ไม่น่ามองจนถึงขีดสุด ซูหลีพลันเอ่ยขึ้นอย่างกะทันหัน

 

 

ทันทีที่เอ่ยปาก ทุกคนก็มองมาเป็นตาเดียว จะว่าไปแล้วเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ล้วนเป็นฝีมือของซูหลีที่ยุแหย่จนเกิดเรื่องขึ้น

 

 

ซูหลีชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นจึงเอ่ยว่า “วันนี้ข้าน้อยมิได้เจตนาจะปฏิบัติของไทเฮาอย่างไม่มีมารยาท ทว่าหลายวันก่อนหน้านี้ข้าน้อยและคนของสำนักเต๋อซั่นเดินทางที่หมู่บ้านดอกเหมยของสกุลจี้ที่ชานเมืองเพื่อชมดอกเหมย คิดไม่ถึงข้าน้อยจะบังเอิญเจอคนที่ไม่ควรจะเจอ ข้าน้อยจึงหกล้ม ทำให้ท่อนขาของข้าน้อยได้รับบาดเจ็บ”

 

 

“ข้าน้อยเข้าวังหลวงในครานี้ก็เป็นเพราะมีเรื่องสำคัญต้องถวายรายงานต่อฝ่าบาท ผู้ติดตามข้างกายก็มาเพียงไม่กี่คน มีเพียงแค่เย่ว์ลั่วเท่านั้น ไทเฮาเหนียงเหนียงทรงปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน ข้าน้อยกับเย่ว์ลั่วหวาดผวา กอปรกับท่อนขาของข้าน้อยไม่ค่อยจะสะดวกนัก นี่ถึงได้ทำให้ไม่สามารถลุกทำความเคารพไทเฮาในทันที”

 

 

นี่ซูหลีไม่ได้เปิดปากเอ่ยอะไรเรื่อยเปื่อย ทันทีที่เปิดปากพูด นางก็พูดออกมามากมาย

 

 

นางพูดถึงตอนที่บังเอิญคนที่ไม่สมควรเจอก่อน จากนั้นค่อยๆ พูดหาเหตุผลที่ไว้หน้าไทเฮากับฮ่องเต้ และท้ายที่สุดแล้วยังยอมรับผิดอีก

 

 

ซึ่งเปรียบกับตอนที่ฉินเย่หานยังไม่ปรากฏตัวแล้ว มีท่าทางสองแบบที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

 

 

แม้แต่ป๋ายถานก็ยังอดมองซูหลีปราดหนึ่งมิได้ ก่อนหน้านี้ซูหลีมิได้มีกิริยาท่าทางเช่นนี้!

 

 

คำพูดของนางแม้จะมีบางประโยคที่ไม่รื่นหู ยกตัวอย่างเช่นไทเฮาทรงปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน ท่อนขาได้รับบาดเจ็บไม่ได้เจตนากระทำเช่นนี้ เมื่อไทเฮาทรงสดับแล้วรู้สึกแสบหูเหลือเกิน

 

 

ทว่าเมื่อเปรียบกันแล้วยังดีกว่าที่นางถูกฮ่องเต้ฉีกหน้าต่อหน้าผู้คนมากมายเมื่อครู่นี้!

 

 

“หึ ข้ายังคิดว่า เจ้ามิเห็นข้ายังอยู่ในสายตาเสียแล้ว!” ซูหลีนั้นโอนอ่อนลงแล้ว ทว่าทางด้านไทเฮานั้นแทบจะไม่แยแสสิ่งที่ซูหลีอธิบาย ทั้งยังตรัสกับซูหลีด้วยน้ำเสียงเยียบเย็นหลายประโยค

 

 

ฉินเย่หานมองซูหลีปราดหนึ่ง หลังจากที่ฉินเย่หานเอ่ยคำพูดเหล่านั้นไปเมื่อครู่ ที่จริงซูหลีสามารถไม่ใส่ใจเรื่องนี้เกิดขึ้นในวันนี้และสามารถเดินไปพร้อมกับฮ่องเต้เลย ทว่าบัดนี้นางเอ่ยขึ้นอย่างกะทันหัน นี่นางต้องการกระทำสิ่งกัน

 

 

อย่างไรซูหลีก็ไม่ใช่คนดีอะไรนัก

 

 

“พ่ะย่ะค่ะ” ซูหลีเปลี่ยนท่าทางแตกต่างจากเมื่อครู่ นางกลับผงกศีรษะไปมา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด