เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ 1237 ข้อสงสัยขององครักษ์ลับ / 1238 ความสงบที่หากได้ยาก

Now you are reading เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ Chapter 1237 ข้อสงสัยขององครักษ์ลับ / 1238 ความสงบที่หากได้ยาก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1237 ข้อสงสัยขององครักษ์ลับ

 

 

ซูหลีมิอาจคาดเดาความคิดของฉินเย่หานได้ ทว่าพอจะทราบคลื่นใต้น้ำที่ซ่อนเร้นอยู่ภายใน

 

 

ดวงตาของนางเข้มขึ้นมาครู่หนึ่ง

 

 

ราชวงศ์ต้าโจวในปัจจุบันนี้ ภายใต้การปกครองของฉินเย่หาน เต็มไปด้วยทัศนียภาพอันเฟื่องฟู ซึ่งเป็นสัญญาณของยุคที่เจริญรุ่งเรืองที่สุด

 

 

ในเวลานี้หากตำแหน่งฮ่องเต้ โดยเฉพาะผู้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์มีการเปลี่ยนแปลง เกรงว่าจะถือเป็นหายนะสำหรับราชสำนักและราษฎร

 

 

อีกทั้งเมื่อเปรียบเทียบกับในอดีต มีแต่จะร้ายแรงกว่าเดิม

 

 

แม้ซูหลีจะอาศัยอยู่ในราชวงศ์ต้าโจวมานานหลายปี ทว่าถึงอย่างไรนางก็เป็นคนที่มาจากโลกอนาคต นางพอจะทราบและเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นมากมายในอดีตเป็นอย่างดี หากพบกับจักรพรรดิที่ไม่ดี เกรงว่าราชวงศ์ต้าโจวในปัจจุบันคงจะต้องล่มสลายไปแล้ว

 

 

ทว่าวิธีการของฉินเย่หานนั้นมิธรรมดา บ้านเมืองไม่เพียงแต่จะสงบสุข อีกทั้งยังไม่ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาของราชวงศ์นี้

 

 

หากคนเช่นนี้มิใช่ฮ่องเต้ผู้ปรีชาญาณ จะเป็นอะไรไปได้อีกกัน

 

 

เมื่อนางใคร่ครวญถึงจุดนี้ก็ช้อนตามองฉินเย่หานอย่างห้ามมิได้ ทว่ากลับเห็นใบหน้าด้านข้างที่สมบูรณ์แบบของเขา และมีความหยิ่งยโสที่ซ่อนแฝงอยู่ภายใต้แสงไฟอย่างบอกไม่ถูก

 

 

เป็นจักรพรรดิโดยกำเนิดโดยแท้

 

 

ในสมองของซูหลีปรากฏเงาร่างของอีกคนขึ้นมา

 

 

เมื่อวิจารณ์ด้วยจิตใจที่สงบ ฉินมู่ปิงคนนี้ไม่ว่าจะเป็นกลอุบาย เลศนัย สติปัญญาและความสามารถ ล้วนเป็นชั้นหนึ่ง

 

 

อย่างน้อยก็ในบรรดาคนที่ซูหลีพบเห็น เขาก็ถือว่าเป็นบุคคลผู้โดดเด่น

 

 

ทว่าหากนำเขาไปเทียบกับฉินเย่หานแล้วละก็…

 

 

“เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่กัน” น้ำเสียงเยียบเย็นดังขึ้นจากด้านหลังของซูหลี ซูหลีถึงกับตกตะลึง จากนั้นจึงรีบสลัดออกจากภวังค์ของตนเอง นางกระพริบตาปริบๆ เตรียมที่จะหันกลับไปมา ทว่ากลับรู้สึกถึงความรัดแน่นที่ช่วงเอว

 

 

จากนั้นร่างของตนก็ล้มลงในอ้อมกอดอันร้อนระอุของฉินเย่หาน

 

 

นางตกตะลึงเล็กน้อย เมื่อช้อนสายตาขึ้นมองก็พบว่าอั้นอีหายตัวไปแล้ว

 

 

“ฝ่าบาท!” ซูหลีละออกจากร่างของเขา ทว่ามือใหญ่ที่อยู่ที่ช่วงเอวกลับโอบนางเอาไว้ในอ้อมอก ทำให้นางมิอาจขยับเขยื้อนได้

 

 

และไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดซูหลีพลันฉุกคิดถึงคำถามก่อนหน้านี้ มุมปากก็นางกระตุกขึ้นพลันหันกลับไปถามเขาว่า

 

 

“ฝ่าบาท โดยปกติแล้วอั้นอีผู้นี้ซ่อนตัวอยู่ที่ใดกัน คงจะไม่ซ่อนตัวอยู่ที่ใดสักแห่งเพื่อจับตาเฝ้าฝ่าบาทอยู่ตลอดเวลากระมัง…” ทันทีที่คิดถึงความเป็นไปได้เช่นนี้ ซูหลีรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันใด

 

 

หากเป็นเช่นนั้นละก็ ก็มิใช่ว่าการใช้ชีวิตของนางให้แต่ละวันถูกคนอื่นจับตามองอยู่ตลอดเวลาหรอกหรือ

 

 

อีกทั้งยามนี่นางคลุกคลีอยู่กับฉินเย่หานสองต่อสอง กระทำเรื่องเหล่านั้นและเอ่ยคำพูดเหล่านั้นออกมา…

 

 

เมื่อซูหลีคิดถึงตรงนี้ ใบหน้านางก็เริ่มซีดเผือดในชั่วพริบตา

 

 

นี่หากถูกผู้อื่นเห็นการกระทำทั้งหมดที่ผ่านมา นางก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว

 

 

“เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่กัน” เสียงหัวเราะทุ้มต่ำของบุรุษดังขึ้นข้างใบหู น้ำเสียงของฉินเย่หานคล้ายกับการดื่มสุรารสเลิศที่มีเวทมนตร์ทำให้คนลุ่มหลง ซูหลีถูกเสียงหัวเราะอย่างกะทันหันของเขาทำให้มึนงงไปหมดแล้ว

 

 

“องครักษ์ลับมิใช่เงาตามตัวที่จะสามารถตามไปทุกที่” หลังจากหัวเราะจบ เขาก็พลิกร่างของซูหลีให้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของตน

 

 

ซูหลียื่นมือไปโอบเอวของเขาไว้ นางได้ยินเสียงหัวใจเต้นแรงดังข้างใบหูของตน ใบหน้านั้นมีไม่แน่ใจอยู่บ้าง

 

 

“พวกเขารู้ดีว่าอะไรสามารถมองได้ อะไรไม่สามารถมองได้ รู้ดีกว่าเจ้ามากนัก” น้ำเสียงของเขาเยียบเย็น ทว่ายามที่เอ่ยออกมานั้นกลับให้ความรู้สึกสงบนิ่งอย่างบอกไม่ถูก

 

 

ซูหลีถอนหายใจออกมาเบาๆ พวกเขาไม่ได้คอยจับตามองอยู่ตลอดเวลาก็ดีแล้ว

 

 

มิเช่นนั้นเมื่อคิดดูแล้วก็น่ากลัวเกินไปจริงๆ ในขณะที่พวกเขากำลังกอดกัน จูบกัน หรือทำเรื่องเช่นนั้น…กลับมีคนอยู่บนชายคาคอยลอบมองอยู่..

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 1238 ความสงบที่หากได้ยาก

 

 

ซูหลีสั่นไปวูบหนึ่ง นางส่ายศีรษะไปมา และพยายามเก็บความรู้สึกนึกคิดของตนเอาไว้

 

 

เมื่อคิดถึงตรงนี้ก็รู้สึกว่าช่างน่ากลัวนัก ดังนั้นก็ยังไม่ต้องครุ่นคิดถึงอะไรมากนัก

 

 

“เราโหดเหี้ยมหรือไม่” ฉินเย่หานโอบกอดนางอยู่เงียบๆ ในขณะที่ซูหลีไม่เอ่ยอะไรออกมา พลันได้ยินเสียงของเขาดังขึ้น

 

 

นางอ้ำอึ้งไป จากนั้นจึงเข้าใจความหมายของเขาในทันที

 

 

ฉินมู่ปิงผู้นั้น ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็เป็นหลานชายของเขา แม้ว่าเขากับฉินเฮ่าจะมิใช่พี่น้องที่มีมารดาร่วมอุทรเดียว ทว่าอย่างไรพวกเขาก็มิอาจตัดขาดสายเลือดที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายของพวกเขาได้

 

 

ซูหลีเงียบไปครู่หนึ่ง ที่จริงจิตใจนางในเวลานี้สับสนเป็นอย่างมาก เป็นเพราะว่าวันนี้นางรับฟังเรื่องราวต่างๆของเขามากเกินไปแล้ว

 

 

ฉินเย่หานพูดง่ายๆเพียงไม่กี่ประโยค กลับเผยให้เห็นเรื่องสกปรกที่น่าอายที่สุดภายในวังหลวงแห่งนี้

 

 

ที่จริงแล้วซูหลีเข้าใจความคิดของเขาดี นับประสาอะไรกับเรื่องเหล่านี้ พวกฉินมู่ปิงเป็นคนเริ่มก่อนมิใช่หรือ

 

 

เมื่อคิดได้ดังนี้ นางจึงส่ายศีรษะไปมา

 

 

“เมื่อนำฝ่าบาทเทียบกับพวกเขาแล้ว ถือว่ายังแตกต่างกันมาก สิ่งที่พวกเขาต้องการ คือชีวิตของฝ่าบาท”

 

 

ซูหลีหวนคิดยามที่อยู่ภายในบ่ออวี้ทัง แต่ละกระบวนท่าที่มือสังหารเหล่านั้นใช้ล้วนเป็นท่าไม้ตาย ใจคอช่างโหดเหี้ยมนัก

 

 

ฉินเย่หานเห็นอากัปกิริยาทั้งหมดของซูหลี ยามเขากระทำเรื่องอันใด เขามิเคยมีความลังเลใจเลยแม้แต่น้อย แต่ก่อนเป็นอย่างไรบัดนี้ก็ยังเป็นเช่นนั้น

 

 

เพียงแต่แต่ก่อนเขามิได้ใส่ใจใครเลยแม้แต่น้อย ทว่าบัดนี้กลับกังวลใจว่าหัวใจของนางจะมองว่าเขาเป็นคนอย่างไร

 

 

เมื่อนางตอบอย่างซื่อสัตย์ ดวงตาของเขากลับลึกซึ้งกว่าเดิม

 

 

เรื่องน่าสะอิดสะเอียนที่ถูกซ่อนไว้ที่เบื้องหลังเหล่านั้น เขาเพียงหวังว่านางจะไม่รับรู้ตลอดกาล

 

 

“พักผ่อนเถิด” ผ่านไปครู่หนึ่งฉินเย่หานพลันเอ่ยคำพูดประโยคนี้ออกมา

 

 

ซูหลี…

 

 

ดังนั้นความอบอุ่นที่ปรากฏเพียงชั่วพริบตาเมื่อครู่ ล้วนเป็นภาพลวงตาหรือ

 

 

เห็นได้ชัดว่าฉินเย่หานเป็นบุรุษที่ยากที่จะอิ่มท้อง นางยากจะจินตนาการได้ว่า ก่อนหน้าที่นางจะปรากฏตัวขึ้น ฉินเย่หานกลับมิมีสตรีข้างกายสักคน

 

 

เรื่องนี้เมื่อใคร่ครวญอย่างถี่ถ้วนแล้ว ทำให้นางรู้สึกตื่นเต้นอยู่บ้าง

 

 

ทว่าฉินเย่หานกลับไม่เปิดโอกาสให้นางมีท่าทีตอบสนอง เพียงครู่เดียวเขาก็ใช้พละกำลังให้นางเข้าใจว่าอะไรคือความรู้สึกตื่นเต้นที่แท้จริง

 

 

 

 

หลังจากวันนั้นนอกจากตำหนักของฉินมู่ปิงถูกคนล้อมเอาไว้ ดูเหมือนว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆเกิดขึ้น ห้องออกว่าราชการก็ยังว่าราชการเป็นปกติ เหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่ที่ติดตามมาด้วยนั้น คล้ายกับหูหนวกตาบอดไปในชั่วพริบตา ต่างก็ไม่สนใจเรื่องของฉินมู่ปิงทั้งสิ้น

 

 

ในทางกลับกันเรื่องเล็กๆจุกจิกกลับถกเถียงกันอย่างไม่หยุดหย่อน

 

 

ซูหลีเริ่มเห็นความสามารถอีกขั้นของฉินเย่หาน

 

 

นอกจากนี้นางก็ทราบดีว่า ตนคงมีท่าทางต่อเรื่องเหล่านี้อย่างไร

 

 

ดังนั้นแม้จู๋ซย่าจะมาหานางที่ตำหนักถึงสามครั้งสามครา

 

 

ซูหลีก็มิได้ออกไปพบเขาสักครั้ง

 

 

ทุกครั้ง จะเป็นช่วงที่นางบังเอิญมีเรื่องต้องไปจัดการอยู่เสมอ

 

 

‘ ความบังเอิญ ’ นี้เป็นประจวบที่เหมาะเจาะมาก

 

 

นี่ไม่ใช่เพราะนางตัดความสัมพันธ์ ทว่านางไม่เข้าใจจริงๆว่า นางมีอะไรต้องพูดกับคนที่คิดจะหลอกใช้ประโยชน์จากนางอีกกัน

 

 

ถ้าจะบอกว่าทัศนคติของนางที่มีต่อฉินมู่ปิงยังเป็นธรรมชาติ เว้นเสียแต่ช่วงที่นางเริ่มเข้าร่วมสำนักเต๋อซั่น นางได้รับความพยายามจากเขา ที่เหลือนางก็มิเคยทำเรื่องเลวร้ายอะไรต่อเขา

 

 

ทว่าสิ่งที่เขาตอบแทนนาง กลับทำให้นางรู้สึกย่ำแย่เป็นอย่างมาก

 

 

ซูหลีมิใช่คนเขลา ที่จะเข้าใจให้คนใช้ประโยชน์จากนาง

 

 

ในทางกลับกันนางเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นมาก!

 

 

ดังนั้นในเวลานี้ภายในพระราชวังจะเงียบสงบกว่าเดิม

 

 

นอกจากไทเฮาทรงทราบเรื่องนี้และทรงกริ้วอยู่หลายวัน สถานที่อื่นๆก็เงียบสงบเป็นอย่างมาก

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ 1237 ข้อสงสัยขององครักษ์ลับ / 1238 ความสงบที่หากได้ยาก

Now you are reading เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ Chapter 1237 ข้อสงสัยขององครักษ์ลับ / 1238 ความสงบที่หากได้ยาก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1237 ข้อสงสัยขององครักษ์ลับ

 

 

ซูหลีมิอาจคาดเดาความคิดของฉินเย่หานได้ ทว่าพอจะทราบคลื่นใต้น้ำที่ซ่อนเร้นอยู่ภายใน

 

 

ดวงตาของนางเข้มขึ้นมาครู่หนึ่ง

 

 

ราชวงศ์ต้าโจวในปัจจุบันนี้ ภายใต้การปกครองของฉินเย่หาน เต็มไปด้วยทัศนียภาพอันเฟื่องฟู ซึ่งเป็นสัญญาณของยุคที่เจริญรุ่งเรืองที่สุด

 

 

ในเวลานี้หากตำแหน่งฮ่องเต้ โดยเฉพาะผู้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์มีการเปลี่ยนแปลง เกรงว่าจะถือเป็นหายนะสำหรับราชสำนักและราษฎร

 

 

อีกทั้งเมื่อเปรียบเทียบกับในอดีต มีแต่จะร้ายแรงกว่าเดิม

 

 

แม้ซูหลีจะอาศัยอยู่ในราชวงศ์ต้าโจวมานานหลายปี ทว่าถึงอย่างไรนางก็เป็นคนที่มาจากโลกอนาคต นางพอจะทราบและเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นมากมายในอดีตเป็นอย่างดี หากพบกับจักรพรรดิที่ไม่ดี เกรงว่าราชวงศ์ต้าโจวในปัจจุบันคงจะต้องล่มสลายไปแล้ว

 

 

ทว่าวิธีการของฉินเย่หานนั้นมิธรรมดา บ้านเมืองไม่เพียงแต่จะสงบสุข อีกทั้งยังไม่ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาของราชวงศ์นี้

 

 

หากคนเช่นนี้มิใช่ฮ่องเต้ผู้ปรีชาญาณ จะเป็นอะไรไปได้อีกกัน

 

 

เมื่อนางใคร่ครวญถึงจุดนี้ก็ช้อนตามองฉินเย่หานอย่างห้ามมิได้ ทว่ากลับเห็นใบหน้าด้านข้างที่สมบูรณ์แบบของเขา และมีความหยิ่งยโสที่ซ่อนแฝงอยู่ภายใต้แสงไฟอย่างบอกไม่ถูก

 

 

เป็นจักรพรรดิโดยกำเนิดโดยแท้

 

 

ในสมองของซูหลีปรากฏเงาร่างของอีกคนขึ้นมา

 

 

เมื่อวิจารณ์ด้วยจิตใจที่สงบ ฉินมู่ปิงคนนี้ไม่ว่าจะเป็นกลอุบาย เลศนัย สติปัญญาและความสามารถ ล้วนเป็นชั้นหนึ่ง

 

 

อย่างน้อยก็ในบรรดาคนที่ซูหลีพบเห็น เขาก็ถือว่าเป็นบุคคลผู้โดดเด่น

 

 

ทว่าหากนำเขาไปเทียบกับฉินเย่หานแล้วละก็…

 

 

“เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่กัน” น้ำเสียงเยียบเย็นดังขึ้นจากด้านหลังของซูหลี ซูหลีถึงกับตกตะลึง จากนั้นจึงรีบสลัดออกจากภวังค์ของตนเอง นางกระพริบตาปริบๆ เตรียมที่จะหันกลับไปมา ทว่ากลับรู้สึกถึงความรัดแน่นที่ช่วงเอว

 

 

จากนั้นร่างของตนก็ล้มลงในอ้อมกอดอันร้อนระอุของฉินเย่หาน

 

 

นางตกตะลึงเล็กน้อย เมื่อช้อนสายตาขึ้นมองก็พบว่าอั้นอีหายตัวไปแล้ว

 

 

“ฝ่าบาท!” ซูหลีละออกจากร่างของเขา ทว่ามือใหญ่ที่อยู่ที่ช่วงเอวกลับโอบนางเอาไว้ในอ้อมอก ทำให้นางมิอาจขยับเขยื้อนได้

 

 

และไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดซูหลีพลันฉุกคิดถึงคำถามก่อนหน้านี้ มุมปากก็นางกระตุกขึ้นพลันหันกลับไปถามเขาว่า

 

 

“ฝ่าบาท โดยปกติแล้วอั้นอีผู้นี้ซ่อนตัวอยู่ที่ใดกัน คงจะไม่ซ่อนตัวอยู่ที่ใดสักแห่งเพื่อจับตาเฝ้าฝ่าบาทอยู่ตลอดเวลากระมัง…” ทันทีที่คิดถึงความเป็นไปได้เช่นนี้ ซูหลีรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันใด

 

 

หากเป็นเช่นนั้นละก็ ก็มิใช่ว่าการใช้ชีวิตของนางให้แต่ละวันถูกคนอื่นจับตามองอยู่ตลอดเวลาหรอกหรือ

 

 

อีกทั้งยามนี่นางคลุกคลีอยู่กับฉินเย่หานสองต่อสอง กระทำเรื่องเหล่านั้นและเอ่ยคำพูดเหล่านั้นออกมา…

 

 

เมื่อซูหลีคิดถึงตรงนี้ ใบหน้านางก็เริ่มซีดเผือดในชั่วพริบตา

 

 

นี่หากถูกผู้อื่นเห็นการกระทำทั้งหมดที่ผ่านมา นางก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว

 

 

“เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่กัน” เสียงหัวเราะทุ้มต่ำของบุรุษดังขึ้นข้างใบหู น้ำเสียงของฉินเย่หานคล้ายกับการดื่มสุรารสเลิศที่มีเวทมนตร์ทำให้คนลุ่มหลง ซูหลีถูกเสียงหัวเราะอย่างกะทันหันของเขาทำให้มึนงงไปหมดแล้ว

 

 

“องครักษ์ลับมิใช่เงาตามตัวที่จะสามารถตามไปทุกที่” หลังจากหัวเราะจบ เขาก็พลิกร่างของซูหลีให้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของตน

 

 

ซูหลียื่นมือไปโอบเอวของเขาไว้ นางได้ยินเสียงหัวใจเต้นแรงดังข้างใบหูของตน ใบหน้านั้นมีไม่แน่ใจอยู่บ้าง

 

 

“พวกเขารู้ดีว่าอะไรสามารถมองได้ อะไรไม่สามารถมองได้ รู้ดีกว่าเจ้ามากนัก” น้ำเสียงของเขาเยียบเย็น ทว่ายามที่เอ่ยออกมานั้นกลับให้ความรู้สึกสงบนิ่งอย่างบอกไม่ถูก

 

 

ซูหลีถอนหายใจออกมาเบาๆ พวกเขาไม่ได้คอยจับตามองอยู่ตลอดเวลาก็ดีแล้ว

 

 

มิเช่นนั้นเมื่อคิดดูแล้วก็น่ากลัวเกินไปจริงๆ ในขณะที่พวกเขากำลังกอดกัน จูบกัน หรือทำเรื่องเช่นนั้น…กลับมีคนอยู่บนชายคาคอยลอบมองอยู่..

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 1238 ความสงบที่หากได้ยาก

 

 

ซูหลีสั่นไปวูบหนึ่ง นางส่ายศีรษะไปมา และพยายามเก็บความรู้สึกนึกคิดของตนเอาไว้

 

 

เมื่อคิดถึงตรงนี้ก็รู้สึกว่าช่างน่ากลัวนัก ดังนั้นก็ยังไม่ต้องครุ่นคิดถึงอะไรมากนัก

 

 

“เราโหดเหี้ยมหรือไม่” ฉินเย่หานโอบกอดนางอยู่เงียบๆ ในขณะที่ซูหลีไม่เอ่ยอะไรออกมา พลันได้ยินเสียงของเขาดังขึ้น

 

 

นางอ้ำอึ้งไป จากนั้นจึงเข้าใจความหมายของเขาในทันที

 

 

ฉินมู่ปิงผู้นั้น ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็เป็นหลานชายของเขา แม้ว่าเขากับฉินเฮ่าจะมิใช่พี่น้องที่มีมารดาร่วมอุทรเดียว ทว่าอย่างไรพวกเขาก็มิอาจตัดขาดสายเลือดที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายของพวกเขาได้

 

 

ซูหลีเงียบไปครู่หนึ่ง ที่จริงจิตใจนางในเวลานี้สับสนเป็นอย่างมาก เป็นเพราะว่าวันนี้นางรับฟังเรื่องราวต่างๆของเขามากเกินไปแล้ว

 

 

ฉินเย่หานพูดง่ายๆเพียงไม่กี่ประโยค กลับเผยให้เห็นเรื่องสกปรกที่น่าอายที่สุดภายในวังหลวงแห่งนี้

 

 

ที่จริงแล้วซูหลีเข้าใจความคิดของเขาดี นับประสาอะไรกับเรื่องเหล่านี้ พวกฉินมู่ปิงเป็นคนเริ่มก่อนมิใช่หรือ

 

 

เมื่อคิดได้ดังนี้ นางจึงส่ายศีรษะไปมา

 

 

“เมื่อนำฝ่าบาทเทียบกับพวกเขาแล้ว ถือว่ายังแตกต่างกันมาก สิ่งที่พวกเขาต้องการ คือชีวิตของฝ่าบาท”

 

 

ซูหลีหวนคิดยามที่อยู่ภายในบ่ออวี้ทัง แต่ละกระบวนท่าที่มือสังหารเหล่านั้นใช้ล้วนเป็นท่าไม้ตาย ใจคอช่างโหดเหี้ยมนัก

 

 

ฉินเย่หานเห็นอากัปกิริยาทั้งหมดของซูหลี ยามเขากระทำเรื่องอันใด เขามิเคยมีความลังเลใจเลยแม้แต่น้อย แต่ก่อนเป็นอย่างไรบัดนี้ก็ยังเป็นเช่นนั้น

 

 

เพียงแต่แต่ก่อนเขามิได้ใส่ใจใครเลยแม้แต่น้อย ทว่าบัดนี้กลับกังวลใจว่าหัวใจของนางจะมองว่าเขาเป็นคนอย่างไร

 

 

เมื่อนางตอบอย่างซื่อสัตย์ ดวงตาของเขากลับลึกซึ้งกว่าเดิม

 

 

เรื่องน่าสะอิดสะเอียนที่ถูกซ่อนไว้ที่เบื้องหลังเหล่านั้น เขาเพียงหวังว่านางจะไม่รับรู้ตลอดกาล

 

 

“พักผ่อนเถิด” ผ่านไปครู่หนึ่งฉินเย่หานพลันเอ่ยคำพูดประโยคนี้ออกมา

 

 

ซูหลี…

 

 

ดังนั้นความอบอุ่นที่ปรากฏเพียงชั่วพริบตาเมื่อครู่ ล้วนเป็นภาพลวงตาหรือ

 

 

เห็นได้ชัดว่าฉินเย่หานเป็นบุรุษที่ยากที่จะอิ่มท้อง นางยากจะจินตนาการได้ว่า ก่อนหน้าที่นางจะปรากฏตัวขึ้น ฉินเย่หานกลับมิมีสตรีข้างกายสักคน

 

 

เรื่องนี้เมื่อใคร่ครวญอย่างถี่ถ้วนแล้ว ทำให้นางรู้สึกตื่นเต้นอยู่บ้าง

 

 

ทว่าฉินเย่หานกลับไม่เปิดโอกาสให้นางมีท่าทีตอบสนอง เพียงครู่เดียวเขาก็ใช้พละกำลังให้นางเข้าใจว่าอะไรคือความรู้สึกตื่นเต้นที่แท้จริง

 

 

 

 

หลังจากวันนั้นนอกจากตำหนักของฉินมู่ปิงถูกคนล้อมเอาไว้ ดูเหมือนว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆเกิดขึ้น ห้องออกว่าราชการก็ยังว่าราชการเป็นปกติ เหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่ที่ติดตามมาด้วยนั้น คล้ายกับหูหนวกตาบอดไปในชั่วพริบตา ต่างก็ไม่สนใจเรื่องของฉินมู่ปิงทั้งสิ้น

 

 

ในทางกลับกันเรื่องเล็กๆจุกจิกกลับถกเถียงกันอย่างไม่หยุดหย่อน

 

 

ซูหลีเริ่มเห็นความสามารถอีกขั้นของฉินเย่หาน

 

 

นอกจากนี้นางก็ทราบดีว่า ตนคงมีท่าทางต่อเรื่องเหล่านี้อย่างไร

 

 

ดังนั้นแม้จู๋ซย่าจะมาหานางที่ตำหนักถึงสามครั้งสามครา

 

 

ซูหลีก็มิได้ออกไปพบเขาสักครั้ง

 

 

ทุกครั้ง จะเป็นช่วงที่นางบังเอิญมีเรื่องต้องไปจัดการอยู่เสมอ

 

 

‘ ความบังเอิญ ’ นี้เป็นประจวบที่เหมาะเจาะมาก

 

 

นี่ไม่ใช่เพราะนางตัดความสัมพันธ์ ทว่านางไม่เข้าใจจริงๆว่า นางมีอะไรต้องพูดกับคนที่คิดจะหลอกใช้ประโยชน์จากนางอีกกัน

 

 

ถ้าจะบอกว่าทัศนคติของนางที่มีต่อฉินมู่ปิงยังเป็นธรรมชาติ เว้นเสียแต่ช่วงที่นางเริ่มเข้าร่วมสำนักเต๋อซั่น นางได้รับความพยายามจากเขา ที่เหลือนางก็มิเคยทำเรื่องเลวร้ายอะไรต่อเขา

 

 

ทว่าสิ่งที่เขาตอบแทนนาง กลับทำให้นางรู้สึกย่ำแย่เป็นอย่างมาก

 

 

ซูหลีมิใช่คนเขลา ที่จะเข้าใจให้คนใช้ประโยชน์จากนาง

 

 

ในทางกลับกันนางเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นมาก!

 

 

ดังนั้นในเวลานี้ภายในพระราชวังจะเงียบสงบกว่าเดิม

 

 

นอกจากไทเฮาทรงทราบเรื่องนี้และทรงกริ้วอยู่หลายวัน สถานที่อื่นๆก็เงียบสงบเป็นอย่างมาก

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+