เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ 1125 แอบอ้างคุณูปการของผู้อื่น / 1126 จะฟังเรื่องใดก่อน

Now you are reading เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ Chapter 1125 แอบอ้างคุณูปการของผู้อื่น / 1126 จะฟังเรื่องใดก่อน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1125 แอบอ้างคุณูปการของผู้อื่น

 

 

“คำพูดของใต้เท้าซูหมายความว่าอย่างไร” สีหน้าของเซียวเก๋อเหล่าดูย่ำแย่มาก ทว่าหลังจากที่ซูหลีเอ่ยถามประโยคนี้ออกมา ดวงตาของเขาจึงสั่นไหวอย่างรุนแรงและยังยืนหยัดต่อไปอยู่

 

 

ซูหลีเห็นดังนั้นจึงยกยิ้มขึ้นอยู่ครู่หนึ่ง ภายในรอยยิ้มนี้ให้ความรู้สึกที่ทำให้คนรู้สึกหวาดหวั่น เซียวเก๋อเหล่าเห็นแล้วในใจจึงตื่นตระหนกทันที

 

 

“ใต้เท้าเซียวนี่ ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งตาจริงๆ” ซูหลีก้มศีรษะมองปลายเท้าของตน จากนั้นย่างกรายไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง “เช่นนั้นคงมีแต่ข้าน้อยที่ต้องพูดแทนแล้ว!”

 

 

ม่านตาดำของเซียวเก๋อเหล่าหดตัวอย่างรวดเร็ว เขาอยากจะพูดอะไรบางอย่างเพื่อขัดขวางซูหลี ทว่าด้านของซูหลีกลับเอ่ยออกมาโดยตรง

 

 

“ความรุ่งโรจน์ของสกุลเซียว การพลีชีพของเซียวอวี่ ที่จริงแล้วทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเรื่องโกหก!”

 

 

ทั้งท้องพระโรงตกอยู่ในความเงียบ เพียงได้ยินเสียงของซูหลีคนเดียวเท่านั้น น้ำเสียงของนางเย็นยะเยียบไปถึงกระดูก หนาวเหน็บไปถึงดวงใจ

 

 

“สิบกว่าปีก่อน เกิดการโจรกรรมครั้งหนึ่งที่เจียงหนานจริง อีกทั้งโจรเหล่านั้นมีความผิดร้ายแรงมาก คิดที่จะสังหารคนทั้งเมืองและครอบครองทั้งเจียงหนาน!”

 

 

“เซียวอวี่ในเวลานั้นเป็นผู้ตรวจการทั้งสองเขตของเจียงหนานจริง เป็นขุนนางของเหล่าราษฎร น่าเสียดายที่…” นางพูดถึงตรงนี้พลันหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง สีหน้าที่แสดงออกมานั้นเผยความเย้ยหยันอย่างบอกไม่ถูก

 

 

“ขณะที่โจรเหล่านั้นก่อความวุ่นวาย ใต้เซียว เซียวอวี่ท่านนี้กลับไม่ได้นำคนข้างกายที่มีอยู่ไม่มากไปต่อต้านโจรร้ายอย่างที่รายงานกับเบื้องบน ยิ่งไปกว่านั้นไม่ได้ใช้กำลังทั้งหมดที่มีช่วยเหลืองราษฎรทั้งเมือง! เรื่องเหล่านี้ล้วนไม่จริง!”

 

 

นางพลันเหลือบตาสบเข้ากับดวงตาของเซียวเก๋อเหล่า เอ่ยด้วยเสียงเยียบเย็น “กุนซือท่านหนึ่งในจวนผู้ตรวจการเป็นคนกระทำเรื่องทั้งหมดนี้! ที่น่าขันที่สุดก็คือ กุนซือท่านนี้กระทำเรื่องที่น่าทึ่งเช่นนี้ขึ้น ทว่าหลังจากที่พลีชีพอย่างกล้าหาญ กลับถูกคนสวมรอยรับคุณงามความดีทั้งหมดนี้แทน”

 

 

“การสวมรอยนี้ เป็นเวลาสิบกว่าปี!”

 

 

ฮือฮา…

 

 

ทันใดนั้นทั้งท้องพระโรงก็เกิดเสียงฮือฮาขึ้น

 

 

นี่หมายความว่าอะไรกัน

 

 

นี่ก็หมายความว่า เซียวอวี่เป็นคนจำพวกที่ขี้ขลาดตาขาวเท่านั้น วีรกรรมอันยิ่งใหญ่นี้ เขาไม่ได้เป็นคนกระทำ แต่สกุลเซียวกลับแอบอ้างคุณูปการของคนอื่น และได้รับเกียรติยศมาสิบกว่าปี!?

 

 

“ซูหลี! เจ้ากำลังพูดจาส่งเดชอะไรออกมา บัดนี้พี่ใหญ่ของข้าเป็นวีรบุรุษ เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างเจ้าจะสามารถสาดโคลนมั่วซั่วใส่พี่ใหญ่ได้เยี่ยงไร!?” เซียวเก๋อเหล่าไม่ส่งเสียงพูดอะไรออกมา แต่กลับเป็นเซียวเสวียนที่ถูกคำพูดของซูหลีกระตุ้นจนโมโห!

 

 

และในเวลานี้เอง เขากลับไม่สนใจว่ากำลังอยู่ในท้องพระโรง โผล่ขึ้นมาชี้นิ้วไปที่จมูกของซูหลีและกล่าวคำผรุสวาทออกมาระลอกใหญ่

 

 

ซูหลีเห็นดังนั้น ใบหน้ากลับไม่มีความลุกลี้ลุกลนเลยแม้แต่น้อย แต่กลับแค่นยิ้มเย็นออกมาแล้วเอ่ย

 

 

“เรื่องดำเนินมาถึงจุดนี้แล้ว ใต้เท้าเซียวยังจะเสแสร้งอีกหรือ ภายในเรื่องนี้ใครที่เป็นวีรบุรุษ ใครที่เป็นหมีป่าละทิ้งราษฎรและหนีไปเป็นคนแรก นี่ตรวจสอบได้มิยาก!”

 

 

“ในปีนั้นเมื่อฝูงโจรเหล่านั้นปรากฏตัวขึ้น เพราะมีคนได้รับบาดเจ็บและตายจำนวนมาก จึงเหลือราษฎรที่มีชีวิตอยู่เพียงครึ่งเมืองเท่านั้น ราษฎรจำนวนมากนั้นอยู่ห่างเหินกับขุนนางตำแหน่งสูง จึงมิค่อยรู้จักขุนนางนัก ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้ว่าคนที่ช่วยเหลือตนเป็นใคร”

 

 

ทันทีที่ซูหลีเอ่ยขึ้น รอบข้างเงียบสงัดในชั่วพริบตา มีหลายคนที่จ้องมองไปที่นาง และไม่เอ่ยพูดอะไรออกมาพักใหญ่

 

 

“ทว่านี่ไม่ได้หมายความว่า ทั้งเรื่องนี้จะไม่มีคนอื่นที่รับรู้ หลายปีมานี้ คนในบ้านของกุนซือวีรบุรุษคนนั้นเข้ามาเมืองหลวง ต้องการที่จะร้องทุกข์เรื่องที่มีคนสวมรอยรับคุณงามความดีแทนกุนซือ!”

 

 

“คิดไม่ถึงว่าในเวลานั้นหลังจากที่ใต้เท้าเซียวได้รับข่าวนี้ในยามกลางวันแสกๆ เช่นวันนี้ในเมืองหลวง สิ่งแรกที่เขาทำในขณะที่ทุกคนยังไม่ทันรับรู้ นั่นคือการทำให้คนในครอบครัวของกุนซือต้องโทษเป็นขุนนางทรยศที่ก่อกบฏ”

 

 

“ทำให้คนทั้งสกุลที่บริสุทธิ์ต้องตายอย่างอนาถใต้คมดาบของขุนนาง!” ซูหลีพูดถึงตรงนี้จึงหลับตาลง

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 1126 จะฟังเรื่องใดก่อน

 

 

ตามความเป็นจริงแล้ว สกุลเซียว รวมถึงเซียวเก๋อเหล่าและเซียวเสวียนถือว่าทำตัวไม่เป็นจุดสนใจมาโดยตลอด จึงไม่มีจุดอ่อนอะไรมากและถือว่าเป็นขุนนางมือสะอาด

 

 

เมื่อซูหลีตรวจสอบอย่างละเอียดและค้นพบว่าเบื้องหลังของสุจริตของสกุลเซียวแฝงไปด้วยความสกปรกเช่นนี้ ความรังเกียจที่มีอยู่ในใจของซูหลีที่มีต่อสกุลเซียวนั้นมีมากกว่าสกุลป๋ายทันใด

 

 

สกุลป๋ายแม้จะไม่ใช่คนดีอะไร ทว่าอย่างน้อยก็มิได้วางมาดภูมิฐานเช่นนี้ออกมา!

 

 

สกุลเซียวภายนอกนั้นแสร้งทำเหมือนทำเพื่อแว่นแคว้นและราษฎร เบื้องหลังกลับมอบความตายให้กับครอบครัวที่ไม่มีความผิดเช่นนี้

 

 

ซูหลีไปค้นบันทึกรายงานของเซียวอวี่โดยเฉพาะ ในเนื้อความบันทึกไม่เอ่ยแม้ชื่อกุนซือ แต่กลับเป็นชื่อสกุลเซียว!

 

 

คาดไม่ถึงว่าจะยึดครองคุณูปการของคนอื่นที่แลกด้วยชีวิต มาเป็นเวลาสิบปีกว่าเต็มๆ !

 

 

ครั้นคิดได้เช่นนี้ ทันใดนั้นซูหลีจึงลืมตาขึ้น นัยน์ตาสีดำขลับมืดสนิทมองไม่มีแม้แต่ประกายแวววาว กลับทำให้คนเกิดความรู้สึกไม่กล้ามองนางโดยตรงอย่างไม่มีสาเหตุ!

 

 

“สกุลเซียวนี่ช่างเก่งกาจเสียจริง! เพื่อรักษาเกียรติยศทั้งสกุล ถึงกับกระทำเรื่องที่ไร้สิ้นมโนธรรมอย่างไม่หวั่นเกรงขนาดนี้! วันนี้ซูหลีอยากจะถามใต้เท้าเซียวจริงๆ…”

 

 

“ท่านอายุมากขนาดนี้แล้ว คงมีชีวิตต่อไปได้ไม่กี่ปี รอท่านตายไป ท่านยังจะมีหน้าไปพบครอบครัวของกุนซือหรือ!?”

 

 

“ซูหลี!” เซียวเสวียนแผดเสียงออกมาอย่างเกรี้ยวกราด พลันลุกขึ้นยืนและเดินไปขวางด้านหน้าของเซียวเก๋อเหล่า

 

 

ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวไปหมด หลังจากที่ซูหลีกระตุ้นความโกรธออกมา เขาแทบอยากจะกระโจนบีบซูหลีให้ตาย!

 

 

“ใต้เท้าเซียว!” จี้เหิงหรานที่อยู่ด้านข้างรู้สึกตัวไวมาก เวลาแรกที่เซียวเสวียนกระโจนเข้าไป เขาก็รีบเข้ามาขวางด้านหน้าของซูหลีและจับกุมเซียวเสวียนทันที

 

 

“ที่นี่อย่างไรก็คือท้องพระโรง! ใต้เท้าเซียวโปรดมีสติเสียบ้าง!” จี้เหิงหรานแผดเสียงเย็นออกมา เซียวเสวียนที่มีสีหน้าคล้ายกับจะบ้าคลั่งและดุร้ายพลันตะลึงข้างไป ผ่านไปพักใหญ่ถึงได้จึงสติกลับมา สีหน้าของเขาดูย่ำแย่อย่างยิ่ง

 

 

ทว่าครั้งนี้แม้เขาจะฟื้นคืนสติกลับมาแล้ว ทว่าก็ยังใช้สายตาที่แทบจะสังหารมองยังทางซูหลี

 

 

“ใต้เท้าเซียวคับแค้นใจจนเกิดโทสะแล้วหรือ พอถูกข้าเปิดโปงพฤติกรรมชั่วของสกุลเซียวแล้ว ถึงได้แสดงกิริยาออกมาเช่นนี้หรือ” ซูหลีไม่กลัวเขาเลยสักนิด ยิ่งเขาฮึกเหิมเช่นนี้ กลับทำให้ซูหลีทำเรื่องได้ง่ายมากขึ้น!

 

 

“เซียวเสวียน!” เซียวเก๋อเหล่ามีท่าทีตอบสนองอย่างรวดเร็ว ใบหน้าทั้งเขียวคล้ำทั้งซีดขาวไปพร้อมกัน จากนั้นจึงแผดเสียงใส่เซียวเสวียนด้วยความโกรธ

 

 

“คาดไม่ถึงว่าสกุลเซียวจะเก่งกาจขนาดนี้ พูดไปก็มิแปลกที่สกุลเซียวจะกระทำเช่นนี้ หากข้าเป็นคนในครอบครัวของที่ปรึกษาคนนั้นคงไม่มาร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมที่เมืองหลวง ในเมืองหลวงสกุลเซียวเพียงใช้มือเดียวก็ขวางฟ้าไว้ได้แล้ว เพื่อคุณูปการนี้แล้ว แม้แต่ศักดิ์ศรีก็ไม่ต้องการแล้ว”

 

 

“อย่างไรก็แค่ชีวิตคนไม่กี่ชีวิตเท่านั้น สกุลเซียวยังมีอะไรไม่กล้ากระทำอีกกัน” ซูหลีแค่นยิ้มเย้ยหยัน ใบหน้าเต็มไปด้วยความดูแคลน

 

 

เซียวเก๋อเหล่านั้นใบหน้าแดงก่ำ ใช้มือลูบที่หน้าผากและถอยหลังไปหลายก้าว แต่ละก้าวที่ถอยหลังนั้นโซซัดโซเซ ดูรวมๆแล้วดูจนตรอกยิ่งนัก

 

 

“อย่างไรเล่า เรื่องถึงบัดนี้แล้ว เซียวเก๋อเหล่ายังต้องการถามหาหลักฐานอีกหรือไม่ พยานบุคคลและวัตถุนั้นมีพร้อม ใต้เท้าเซียวต้องการจะฟังเรื่องใดก่อน?” ในครานี้ไม่มีใครกล้าเข้าไปประคองเซียวเก๋อเหล่าคนนั้นขึ้น

 

 

ใครล้วนทราบดีว่าแม้ซูหลีจะกำเริบเสิบสาน แต่กลับตระเตรียมทุกอย่างให้พร้อมก่อนลงมือมาโดยตลอด ก่อนหน้านี้ก็เป็นเช่นนี้ บัดนี้ก็เช่นกัน

 

 

เป็นดังที่คาดไว้ หลังจากที่เห็นสีหน้าของเซียวเก๋อเหล่า ซูหลีจึงเอ่ยประโยคนี้ออกมาด้วยใบหน้าเย็นยะเยียบ

 

 

ทั่วทุกสารทิศของตำหนักตกอยู่ในความเงียบงันจนน่าหวาดหวั่น

 

 

“ตุบ!” ร่างทั้งร่างของเซียวเก๋อเหล่าสั่นเทา เซียวเสวียนมีใจอยากจะเข้าไปประคอง แต่กลับถูกเขาปัดมือออกไป!

 

 

“กะ กระหม่อมมีความผิดพ่ะย่ะค่ะ!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด