เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ 1157 ตามเข้ามาติดๆ / 1158 ขุนนางที่ไม่สนทั้งกฎหมายและศีลธรรม

Now you are reading เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ Chapter 1157 ตามเข้ามาติดๆ / 1158 ขุนนางที่ไม่สนทั้งกฎหมายและศีลธรรม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1157 ตามเข้ามาติดๆ

 

 

ในยามปกติแล้วไม่ว่าฉินมู่ปิงจะจริงใจหรือเสแสร้ง ล้วนปฏิบัติต่อเขาอย่างนอบน้อมมาโดยตลอด

 

 

ฉินมู่ปิงเป็นราชนิกุล ที่จริงไม่จำเป็นต้องคุกเข่าทุกครั้ง ทว่าไม่รู้ว่าเพราะเหตุผล ยามอยู่ในต่อหน้าขุนนางในราชสำนัก ฉินมู่ปิงมักแสดงท่าทางเคารพนอบน้อมเกินจะเปรียบ

 

 

ทุกครั้งที่เขาพบกับฉินเย่หานก็เป็นฝ่ายคุกเข่าลงเอง

 

 

การกระทำของเขาในวันนี้ กอปรกับก่อนที่จะเข้ามา ภาพที่ฉินเย่หานได้ยินและเห็น ฉินมู่ปิงในเวลานี้ก็เหมือนกับกำลังพยายามแสดงอะไรบางอย่างออกมา

 

 

ทว่ากลับมองสีหน้าของเขาไม่มอง เพียงรู้สึกว่าเขาแผ่รังสีข่มขู่ออกมา ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา

 

 

“ไทเฮาเหนียงเหนียงเสด็จแล้ว…” ภายในลานกว้างตกอยู่ในความเงียบงัน ฉินเย่หานไม่เปิดปากพูดอะไรออกมา พวกเขาไม่ว่าใครก็มิกล้ายืนขึ้นก่อน อารมณ์ของซูหลีที่คุกเข่าอยู่ด้านข้างสับสนเกินจะเปรียบ

 

 

แน่นอนว่านางรู้ว่า ถูกฉินเย่หานเห็นภาพแบบนั้นเข้า แค่คิดก็ทราบดีว่า อารมณ์ของฉินเย่หานจะต้องไม่ดีเป็นอย่างมาก

 

 

จริงๆอารมณ์ของนางก็สับสนเป็นอย่างยิ่ง ก่อนหน้านี้นางยังไม่เข้าใจว่า การกระทำของฉินมู่ปิงเมื่อครู่หมายความอย่างไร ทว่าบัดนี้นางเข้าใจแล้ว

 

 

เกรงว่าฉินมู่ปิงจะเจตนาใช้นางเป็นหมากในการต่อสู้ของระหว่างพวกเขาจวนจิ้งหนานอ๋องกับฮ่องเต้เสียแล้ว!

 

 

การค้นพบนี้ ทำให้ซูหลีอารมณ์ไม่ดีไปชั่วขณะหนึ่ง

 

 

แม้นางกับฉินมู่ปิงจะไม่อาจพูดว่าเป็นสหายกันได้ ทว่าอย่างน้อยก็ไม่มีความแค้นอะไรต่อกัน ทว่านางกลับถูกคนอื่นหลอกใช้เช่นนี้ เรื่องแบบนี้ เกรงว่าไม่ว่าจะเป็นใครก็คงรู้สึกไม่ดีนัก!

 

 

ที่ซูหลีไม่รู้ก็คือ วันนี้นางนั้นเสียเปรียบให้กันฉินมู่ปิงผู้นั้นแล้วจริงๆ

 

 

ฉินมู่ปิงนั้นเก็บความรู้สึกของตนเองได้อย่างดีมาโดยตลอด แม้เพียงแค่เล็กน้อย เขาก็ไม่อยากที่จะให้คนสังเกตเห็นความรู้สึกของตนที่มีต่อซูหลี

 

 

ทว่าเมื่อครู่เขาอดกลั้นความรู้สึกไม่ได้จริงๆ นางที่อยู่ภายใต้แสงไฟนั้นงดงามถึงเพียงนี้

 

 

อย่างไรก็ตามเพราะมีเรื่องมากมาย ทำให้นางไม่สามารถเป็นคนของเขาได้

 

 

อาจเป็นเพราะความคิดเช่นนี้ ถึงทำให้ในชั่วพริบตานั้นเขาพลันสูญเสียสติปัญญาที่ตนเองแสนภาคภูมิใจไป

 

 

บัดนี้ถูกลมพัดทะลุกลางลานกว้างพัดผ่านเช่นนี้ สมองก็ได้สติกลับมาบ้าง เพียงแต่การกระทำเมื่อครู่นี้ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าใกล้ชิดซูหลี หรือแย่งชิงจอกสุราของนางขึ้นดื่ม เขานั้นไม่รู้สึกเสียใจที่ได้กระทำเลยแม้แต่น้อย

 

 

เขาเก็บไว้ในใจมานานเกินไปแล้ว เพราะว่านางถึงทำให้ความอดกลั้นนี้เปลี่ยนเป็นเรื่องนี้ยากจะแบกรับไว้เป็นอย่างยิ่ง

 

 

คนที่อยู่ในลานกว้างแต่ละคนล้วนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ใครก็ไม่ได้สนใจประโยคที่เอ่ยว่า ไทเฮาเสด็จแล้ว

 

 

รอจนไทเฮาเยื้องกรายเข้ามา พร้อมกับนำคนกลุ่มหนึ่งถลาเข้ามาภายในลานกว้าง ก็ทอดพระเนตรเป็นภาพตรงหน้า

 

 

ไทเฮาชะงักฝีพระบาทไปก้าวหนึ่ง จากนั้นทรงชำเลืองมองไปทางฉินเย่หาน ตรัสด้วยเสียงเย็นว่า

 

 

“ข้ายังคิดว่าที่ฝ่าบาททรงรีบร้อนขนาดนี้ คงจะมีเรื่องใหญ่อะไรต้องจัดการ! ไม่คิดว่าฝ่าบาทจะทรงเป็นห่วงใต้เท้าซูขนาดนี้!”

 

 

น้ำเสียงนี้ช่างบาดหูนัก ขัดจังหวะความคิดของทุกคนในลานนี้ได้ในชั่วพริบตา

 

 

ทันทีที่ซูหลีเงยหน้าก็พบกับท่าทางที่เกรี้ยวกราดของไทเฮา ข้างพระวรกายของพระองค์ยังมีอู๋โยวหรานที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวลใจ ทั้งยังหันมาทางฉินเย่หานอย่างต่อเนื่อง

 

 

ซูหลีเก็บสีหน้าของตนทันใด จากนั้นก้มศีรษะลง

 

 

“เสด็จแม่มาที่นี่ได้อย่างไร” ฉินเย่หานหมุนกายหันกลับไป สีหน้าไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ มองจากสีหน้าของเขาแล้ว กลับมองความรู้สึกในใจของเขาไม่ออกจริงๆ

 

 

“ข้าจะมามิได้หรือ หากข้าไม่มา เกรงว่าจะถูกใช้อำนาจบาตรใหญ่ข้ามหัวข้าแล้ว!” สีหน้าของไทเฮาไม่น่าดูยิ่งนัก พูดจาก็ไม่ไว้หน้าเลยแม้แต่น้อย

 

 

คำพูดนี้พุ่งตรงไปที่ซูหลี

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 1158 ขุนนางที่ไม่สนทั้งกฎหมายและศีลธรรม

 

 

ซูหลีชะงักไปเล็กน้อย ทว่ามิมีท่าทีที่จะถอยหลังและหวั่นเกรงเลยสักนิด

 

 

“เสด็จพี่เพคะ!” อู๋โยวหรานเห็นท่าทีที่มีโทสะพลุ่งพล่านของไทเฮา คล้ายกับมีความตื่นตระหนกอยู่บ้าง นางไม่สนแม้กระทั่งมารยาทของสตรีชั้นสูง เอ่ยแทรกประโยคหนึ่ง

 

 

“หมู่นี้สุขภาพเสด็จป้าไม่ดีนัก หมอหลวงกล่าวว่าต้องพักฟื้นอย่างสงบ เสด็จพี่คงไม่อยากให้เสด็จป้าทรงกริ้วกระมัง” อู๋โยวหรานชำเลืองมองฉินเย่หาน ดวงตาที่น่าดึงดูดคู่นั้นของนางบรรจุเพียงฉินเย่หานเอาไว้ผู้เดียว

 

 

ความรักใคร่ชื่นชมที่ไม่เห็นผู้อื่นเช่นนี้แสดงออกมาอย่างชัดแจ้ง

 

 

ทุกคนโดยรอบที่มีดวงตาล้วนมองออก

 

 

เป็นธรรมดาที่หนึ่งในนั้นรวมถึงซูหลีด้วย

 

 

ซูหลีหรี่ตาลงเล็กน้อย ครั้งแรกที่เจออู๋โยวหรานผู้นี้จูงมือนางด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความไร้เดียงสา ทั้งเอ่ยว่าเลื่อมใสนาง นางก็เชื่อไปชั่วคราว

 

 

ครั้งที่สองที่เจอหน้ากัน อู๋โยวหรานกลับเอ่ยว่า ‘เสด็จพี่’ ได้เต็มปากเต็มคำ และไม่รู้ว่านี่เป็นความไร้เดียงสาอย่างแท้จริง หรือเสแสร้งเเกล้งกันแน่

 

 

“ไยเสด็จแม่ยังไม่กลับไปพักผ่อน” ทว่าแม้คนตรงหน้าจะเปลี่ยนไปอย่างไร ฉินเย่หานก็ยังเป็นฉินเย่หานวันยังค่ำ เขาเพียงตวัดสายตามองอู๋โยวหรานปราดหนึ่ง จากนั้นมองไปทางไทเฮา

 

 

อากัปกิริยายังคงเย็นชาดุจน้ำแข็ง พูดจาไม่มีความอบอุ่นเลยแม้แต่น้อย

 

 

คำพูดประโยคนี้ออกจากปากของเขา กลับมิคล้ายความเป็นห่วงเลยสักนิด ทว่าคล้ายเป็นซักถามมิปาน

 

 

สีหน้าของไทเฮาพลันเคร่งขรึม พระองค์ทรงตรัสด้วยเสียงเยียบเย็น “ให้ข้าพักผ่อน ข้ากลับอยากจะถามฝ่าบาท นี่ทรงต้องการจะยั่วให้ข้าโมโหจนตายไปใช่หรือไม่ ฝ่าบาทถึงจะเบิกบานพระทัย”

 

 

คำพูดนี้เต็มไปความตำหนิ

 

 

ครอบครัวคนโดยทั่วไปก็ยังไม่กล้ากระทำเรื่องเช่นนี้ออกมา นับประสาอะไรกับฮ่องเต้ ซึ่งเป็นนายท่านของใต้หล้า มีสายตาหลายคู่ที่คอยจ้องมองพระองค์ พระองค์ทรงสามารถรับโทษเรื่องอกตัญญูได้เยี่ยงไร

 

 

คำพูดนี้พูดเกินไปมาก ทว่าสายตาที่ฉินเย่หานมองไทเฮา กลับไม่มีความวูบไหวเลยแม้แต่น้อย ไม่มีแม้กระทั่งความรู้สึกใดๆ กลับเป็นความเยียบเย็นไร้ความรู้สึก

 

 

ซูหลีที่มองอยู่ด้านล่าง ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด จู่ๆนางถึงได้รู้สึกเห็นใจฉินเย่หานขึ้นมาทันที

 

 

แม้สุดท้ายแล้วนางจะมีจุดจบเช่นนั้น ทว่าก็เคยถูกหลี่รุ่ยอิงกับมารดาของนางประคองอย่างทะนุถนอมและรักใคร่มาตลอดหลายปี

 

 

ทว่าแม้ฉินเย่หานจะสูงส่งเป็นถึงโอรสสวรรค์ ทว่ากลับต้องทนถูกมารดาของตนมองเป็นคนนอก แม้กระทั่งมารดาของตนใช้อำนาจที่ได้จากตน มาบีบบังคับฉินเย่หานอย่างไม่หยุดหย่อน

 

 

มิน่าฉินเย่หานถึงมีท่าทางที่เย็นชาดุจน้ำแข็งและไม่แยแสจิตใจของผู้อื่นเช่นนี้

 

 

ซูหลีทอดถอนใจอยู่ในใจ

 

 

“เสด็จแม่เอาคำพูดนี้มาจากที่ใด” ใบหน้าของฉินเย่หายนิ่งเฉย คล้ายกับกำลังปฏิบัติงานราชการอยู่มิปาน เอ่ยถามขึ้นประโยคหนึ่ง

 

 

“ฝ่าบาทไม่ควรจะถามขุนนางที่ดีของพระองค์หรือ!? ข้าตามฝ่าบาทมาที่นี่ก็เพื่อมาพักผ่อนฟื้นฟูร่างกาย ข้าอายุมากแล้ว ต้องให้หาใครสักคนมาคัดพุทธคัมภีร์สักสองสามเล่มแทนข้า”

 

 

“ฝ่าบาท! นี่หากข้าร้องขอเช่นนี้คงไม่เกินไปกระมัง นี่ก็มิใช่การลงโทษ ทว่าขุนนางผู้นี้ของฝ่าบาทช่างเก่งกาจโดยแท้! กลับไม่เห็นข้าในสายตาเลยสักนิด!”

 

 

“ข้าเพิ่งจะเดินออกมา นางก็อาศัยความเจ็บป่วยออกไป บัดนี้กลับกำลังกินดื่มอย่างสำราญอยู่ที่นี่ ทั้งยังพูดกับคนของข้าว่า แม้แต่จะเดินบนถนนก็ยังเดินไม่ไหว นี่เป็นท่าทางของคนที่เดินบนถนนไม่ไหวหรือ!?”

 

 

ไทเฮาพูดจนจบ ทั้งใบหน้าก็แดงก่ำด้วยความโกรธ

 

 

นางไม่เคยเห็นคนอย่างซูหลีมาก่อน! ที่ไม่ยอมรับการอบรบสั่งสอนเลยจริงๆ

 

 

“เสด็จป้าทรงอย่ากริ้วไปเลยเพคะ! ท่านพี่ซูจักต้องไม่เจตนาอย่างแน่นอน เกรงว่าก่อนหน้านี้จะรู้สึกไม่ค่อยสบายจริงๆ ใช่หรือไม่ ท่านพี่ซู?” อู๋โยวหรานรีบยืนขึ้น อยากที่จะให้ทุกอย่างจบลงด้วยดี

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ 1157 ตามเข้ามาติดๆ / 1158 ขุนนางที่ไม่สนทั้งกฎหมายและศีลธรรม

Now you are reading เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ Chapter 1157 ตามเข้ามาติดๆ / 1158 ขุนนางที่ไม่สนทั้งกฎหมายและศีลธรรม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1157 ตามเข้ามาติดๆ

 

 

ในยามปกติแล้วไม่ว่าฉินมู่ปิงจะจริงใจหรือเสแสร้ง ล้วนปฏิบัติต่อเขาอย่างนอบน้อมมาโดยตลอด

 

 

ฉินมู่ปิงเป็นราชนิกุล ที่จริงไม่จำเป็นต้องคุกเข่าทุกครั้ง ทว่าไม่รู้ว่าเพราะเหตุผล ยามอยู่ในต่อหน้าขุนนางในราชสำนัก ฉินมู่ปิงมักแสดงท่าทางเคารพนอบน้อมเกินจะเปรียบ

 

 

ทุกครั้งที่เขาพบกับฉินเย่หานก็เป็นฝ่ายคุกเข่าลงเอง

 

 

การกระทำของเขาในวันนี้ กอปรกับก่อนที่จะเข้ามา ภาพที่ฉินเย่หานได้ยินและเห็น ฉินมู่ปิงในเวลานี้ก็เหมือนกับกำลังพยายามแสดงอะไรบางอย่างออกมา

 

 

ทว่ากลับมองสีหน้าของเขาไม่มอง เพียงรู้สึกว่าเขาแผ่รังสีข่มขู่ออกมา ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา

 

 

“ไทเฮาเหนียงเหนียงเสด็จแล้ว…” ภายในลานกว้างตกอยู่ในความเงียบงัน ฉินเย่หานไม่เปิดปากพูดอะไรออกมา พวกเขาไม่ว่าใครก็มิกล้ายืนขึ้นก่อน อารมณ์ของซูหลีที่คุกเข่าอยู่ด้านข้างสับสนเกินจะเปรียบ

 

 

แน่นอนว่านางรู้ว่า ถูกฉินเย่หานเห็นภาพแบบนั้นเข้า แค่คิดก็ทราบดีว่า อารมณ์ของฉินเย่หานจะต้องไม่ดีเป็นอย่างมาก

 

 

จริงๆอารมณ์ของนางก็สับสนเป็นอย่างยิ่ง ก่อนหน้านี้นางยังไม่เข้าใจว่า การกระทำของฉินมู่ปิงเมื่อครู่หมายความอย่างไร ทว่าบัดนี้นางเข้าใจแล้ว

 

 

เกรงว่าฉินมู่ปิงจะเจตนาใช้นางเป็นหมากในการต่อสู้ของระหว่างพวกเขาจวนจิ้งหนานอ๋องกับฮ่องเต้เสียแล้ว!

 

 

การค้นพบนี้ ทำให้ซูหลีอารมณ์ไม่ดีไปชั่วขณะหนึ่ง

 

 

แม้นางกับฉินมู่ปิงจะไม่อาจพูดว่าเป็นสหายกันได้ ทว่าอย่างน้อยก็ไม่มีความแค้นอะไรต่อกัน ทว่านางกลับถูกคนอื่นหลอกใช้เช่นนี้ เรื่องแบบนี้ เกรงว่าไม่ว่าจะเป็นใครก็คงรู้สึกไม่ดีนัก!

 

 

ที่ซูหลีไม่รู้ก็คือ วันนี้นางนั้นเสียเปรียบให้กันฉินมู่ปิงผู้นั้นแล้วจริงๆ

 

 

ฉินมู่ปิงนั้นเก็บความรู้สึกของตนเองได้อย่างดีมาโดยตลอด แม้เพียงแค่เล็กน้อย เขาก็ไม่อยากที่จะให้คนสังเกตเห็นความรู้สึกของตนที่มีต่อซูหลี

 

 

ทว่าเมื่อครู่เขาอดกลั้นความรู้สึกไม่ได้จริงๆ นางที่อยู่ภายใต้แสงไฟนั้นงดงามถึงเพียงนี้

 

 

อย่างไรก็ตามเพราะมีเรื่องมากมาย ทำให้นางไม่สามารถเป็นคนของเขาได้

 

 

อาจเป็นเพราะความคิดเช่นนี้ ถึงทำให้ในชั่วพริบตานั้นเขาพลันสูญเสียสติปัญญาที่ตนเองแสนภาคภูมิใจไป

 

 

บัดนี้ถูกลมพัดทะลุกลางลานกว้างพัดผ่านเช่นนี้ สมองก็ได้สติกลับมาบ้าง เพียงแต่การกระทำเมื่อครู่นี้ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าใกล้ชิดซูหลี หรือแย่งชิงจอกสุราของนางขึ้นดื่ม เขานั้นไม่รู้สึกเสียใจที่ได้กระทำเลยแม้แต่น้อย

 

 

เขาเก็บไว้ในใจมานานเกินไปแล้ว เพราะว่านางถึงทำให้ความอดกลั้นนี้เปลี่ยนเป็นเรื่องนี้ยากจะแบกรับไว้เป็นอย่างยิ่ง

 

 

คนที่อยู่ในลานกว้างแต่ละคนล้วนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ใครก็ไม่ได้สนใจประโยคที่เอ่ยว่า ไทเฮาเสด็จแล้ว

 

 

รอจนไทเฮาเยื้องกรายเข้ามา พร้อมกับนำคนกลุ่มหนึ่งถลาเข้ามาภายในลานกว้าง ก็ทอดพระเนตรเป็นภาพตรงหน้า

 

 

ไทเฮาชะงักฝีพระบาทไปก้าวหนึ่ง จากนั้นทรงชำเลืองมองไปทางฉินเย่หาน ตรัสด้วยเสียงเย็นว่า

 

 

“ข้ายังคิดว่าที่ฝ่าบาททรงรีบร้อนขนาดนี้ คงจะมีเรื่องใหญ่อะไรต้องจัดการ! ไม่คิดว่าฝ่าบาทจะทรงเป็นห่วงใต้เท้าซูขนาดนี้!”

 

 

น้ำเสียงนี้ช่างบาดหูนัก ขัดจังหวะความคิดของทุกคนในลานนี้ได้ในชั่วพริบตา

 

 

ทันทีที่ซูหลีเงยหน้าก็พบกับท่าทางที่เกรี้ยวกราดของไทเฮา ข้างพระวรกายของพระองค์ยังมีอู๋โยวหรานที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวลใจ ทั้งยังหันมาทางฉินเย่หานอย่างต่อเนื่อง

 

 

ซูหลีเก็บสีหน้าของตนทันใด จากนั้นก้มศีรษะลง

 

 

“เสด็จแม่มาที่นี่ได้อย่างไร” ฉินเย่หานหมุนกายหันกลับไป สีหน้าไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ มองจากสีหน้าของเขาแล้ว กลับมองความรู้สึกในใจของเขาไม่ออกจริงๆ

 

 

“ข้าจะมามิได้หรือ หากข้าไม่มา เกรงว่าจะถูกใช้อำนาจบาตรใหญ่ข้ามหัวข้าแล้ว!” สีหน้าของไทเฮาไม่น่าดูยิ่งนัก พูดจาก็ไม่ไว้หน้าเลยแม้แต่น้อย

 

 

คำพูดนี้พุ่งตรงไปที่ซูหลี

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 1158 ขุนนางที่ไม่สนทั้งกฎหมายและศีลธรรม

 

 

ซูหลีชะงักไปเล็กน้อย ทว่ามิมีท่าทีที่จะถอยหลังและหวั่นเกรงเลยสักนิด

 

 

“เสด็จพี่เพคะ!” อู๋โยวหรานเห็นท่าทีที่มีโทสะพลุ่งพล่านของไทเฮา คล้ายกับมีความตื่นตระหนกอยู่บ้าง นางไม่สนแม้กระทั่งมารยาทของสตรีชั้นสูง เอ่ยแทรกประโยคหนึ่ง

 

 

“หมู่นี้สุขภาพเสด็จป้าไม่ดีนัก หมอหลวงกล่าวว่าต้องพักฟื้นอย่างสงบ เสด็จพี่คงไม่อยากให้เสด็จป้าทรงกริ้วกระมัง” อู๋โยวหรานชำเลืองมองฉินเย่หาน ดวงตาที่น่าดึงดูดคู่นั้นของนางบรรจุเพียงฉินเย่หานเอาไว้ผู้เดียว

 

 

ความรักใคร่ชื่นชมที่ไม่เห็นผู้อื่นเช่นนี้แสดงออกมาอย่างชัดแจ้ง

 

 

ทุกคนโดยรอบที่มีดวงตาล้วนมองออก

 

 

เป็นธรรมดาที่หนึ่งในนั้นรวมถึงซูหลีด้วย

 

 

ซูหลีหรี่ตาลงเล็กน้อย ครั้งแรกที่เจออู๋โยวหรานผู้นี้จูงมือนางด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความไร้เดียงสา ทั้งเอ่ยว่าเลื่อมใสนาง นางก็เชื่อไปชั่วคราว

 

 

ครั้งที่สองที่เจอหน้ากัน อู๋โยวหรานกลับเอ่ยว่า ‘เสด็จพี่’ ได้เต็มปากเต็มคำ และไม่รู้ว่านี่เป็นความไร้เดียงสาอย่างแท้จริง หรือเสแสร้งเเกล้งกันแน่

 

 

“ไยเสด็จแม่ยังไม่กลับไปพักผ่อน” ทว่าแม้คนตรงหน้าจะเปลี่ยนไปอย่างไร ฉินเย่หานก็ยังเป็นฉินเย่หานวันยังค่ำ เขาเพียงตวัดสายตามองอู๋โยวหรานปราดหนึ่ง จากนั้นมองไปทางไทเฮา

 

 

อากัปกิริยายังคงเย็นชาดุจน้ำแข็ง พูดจาไม่มีความอบอุ่นเลยแม้แต่น้อย

 

 

คำพูดประโยคนี้ออกจากปากของเขา กลับมิคล้ายความเป็นห่วงเลยสักนิด ทว่าคล้ายเป็นซักถามมิปาน

 

 

สีหน้าของไทเฮาพลันเคร่งขรึม พระองค์ทรงตรัสด้วยเสียงเยียบเย็น “ให้ข้าพักผ่อน ข้ากลับอยากจะถามฝ่าบาท นี่ทรงต้องการจะยั่วให้ข้าโมโหจนตายไปใช่หรือไม่ ฝ่าบาทถึงจะเบิกบานพระทัย”

 

 

คำพูดนี้เต็มไปความตำหนิ

 

 

ครอบครัวคนโดยทั่วไปก็ยังไม่กล้ากระทำเรื่องเช่นนี้ออกมา นับประสาอะไรกับฮ่องเต้ ซึ่งเป็นนายท่านของใต้หล้า มีสายตาหลายคู่ที่คอยจ้องมองพระองค์ พระองค์ทรงสามารถรับโทษเรื่องอกตัญญูได้เยี่ยงไร

 

 

คำพูดนี้พูดเกินไปมาก ทว่าสายตาที่ฉินเย่หานมองไทเฮา กลับไม่มีความวูบไหวเลยแม้แต่น้อย ไม่มีแม้กระทั่งความรู้สึกใดๆ กลับเป็นความเยียบเย็นไร้ความรู้สึก

 

 

ซูหลีที่มองอยู่ด้านล่าง ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด จู่ๆนางถึงได้รู้สึกเห็นใจฉินเย่หานขึ้นมาทันที

 

 

แม้สุดท้ายแล้วนางจะมีจุดจบเช่นนั้น ทว่าก็เคยถูกหลี่รุ่ยอิงกับมารดาของนางประคองอย่างทะนุถนอมและรักใคร่มาตลอดหลายปี

 

 

ทว่าแม้ฉินเย่หานจะสูงส่งเป็นถึงโอรสสวรรค์ ทว่ากลับต้องทนถูกมารดาของตนมองเป็นคนนอก แม้กระทั่งมารดาของตนใช้อำนาจที่ได้จากตน มาบีบบังคับฉินเย่หานอย่างไม่หยุดหย่อน

 

 

มิน่าฉินเย่หานถึงมีท่าทางที่เย็นชาดุจน้ำแข็งและไม่แยแสจิตใจของผู้อื่นเช่นนี้

 

 

ซูหลีทอดถอนใจอยู่ในใจ

 

 

“เสด็จแม่เอาคำพูดนี้มาจากที่ใด” ใบหน้าของฉินเย่หายนิ่งเฉย คล้ายกับกำลังปฏิบัติงานราชการอยู่มิปาน เอ่ยถามขึ้นประโยคหนึ่ง

 

 

“ฝ่าบาทไม่ควรจะถามขุนนางที่ดีของพระองค์หรือ!? ข้าตามฝ่าบาทมาที่นี่ก็เพื่อมาพักผ่อนฟื้นฟูร่างกาย ข้าอายุมากแล้ว ต้องให้หาใครสักคนมาคัดพุทธคัมภีร์สักสองสามเล่มแทนข้า”

 

 

“ฝ่าบาท! นี่หากข้าร้องขอเช่นนี้คงไม่เกินไปกระมัง นี่ก็มิใช่การลงโทษ ทว่าขุนนางผู้นี้ของฝ่าบาทช่างเก่งกาจโดยแท้! กลับไม่เห็นข้าในสายตาเลยสักนิด!”

 

 

“ข้าเพิ่งจะเดินออกมา นางก็อาศัยความเจ็บป่วยออกไป บัดนี้กลับกำลังกินดื่มอย่างสำราญอยู่ที่นี่ ทั้งยังพูดกับคนของข้าว่า แม้แต่จะเดินบนถนนก็ยังเดินไม่ไหว นี่เป็นท่าทางของคนที่เดินบนถนนไม่ไหวหรือ!?”

 

 

ไทเฮาพูดจนจบ ทั้งใบหน้าก็แดงก่ำด้วยความโกรธ

 

 

นางไม่เคยเห็นคนอย่างซูหลีมาก่อน! ที่ไม่ยอมรับการอบรบสั่งสอนเลยจริงๆ

 

 

“เสด็จป้าทรงอย่ากริ้วไปเลยเพคะ! ท่านพี่ซูจักต้องไม่เจตนาอย่างแน่นอน เกรงว่าก่อนหน้านี้จะรู้สึกไม่ค่อยสบายจริงๆ ใช่หรือไม่ ท่านพี่ซู?” อู๋โยวหรานรีบยืนขึ้น อยากที่จะให้ทุกอย่างจบลงด้วยดี

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+