เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ 1133 ไม่เคยรักเจ้า! / 1134 เจ้าเป็นคนโง่หรือ

Now you are reading เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ Chapter 1133 ไม่เคยรักเจ้า! / 1134 เจ้าเป็นคนโง่หรือ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1133 ไม่เคยรักเจ้า!

 

 

หลังจากเซียวหนิงเสวี่ยได้ยินคำพูดของนาง ใบหน้าก็ตึงเครียดขึ้นมาในทันที

 

 

มิผิด ซูหลีไม่มีค่าอะไร เช่นนั้นนางก็คงไม่มีค่ามากกว่า

 

 

บุรุษที่ตนเฝ้าคะนึงหา จนถึงบัดนี้ที่นางถูกขับไล่ออกไปจากวัง ก็ไม่เคยแตะต้องนางแม้แต่ปลายนิ้ว นางนั้นอาศัยความรักใคร่จอมปลอมในการใช้ชีวิตมาโดยตลอด

 

 

มิหนำซ้ำบัดนี้ยังได้รับจุดจบเช่นนี้…

 

 

เซียวหนิงเสวี่ยพลันปิดตาลง นางไม่สามารถคิดอะไรได้มาก ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร นางก็ต้องมีชีวิตต่อไป ไม่มีฉินเย่หาน นางก็ยังมีความรักของท่านปู่! ดังนั้นเพื่อท่านปู่แล้ว นางจักต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป!

 

 

“ซูหลี!” เซียวหนิงเสวี่ยพลันลืมตาขึ้น นางก้าวไปด้านหน้าก้าวหนึ่ง เข้าไปใกล้ซูหลีมาก

 

 

“คุณหนู!” ทันทีที่ชุยตานที่อยู่ด้านข้างเห็นเซียวหนิงเสวี่ยเข้ามาใกล้ เขาจึงรีบไปยืนที่ด้านหน้าของซูหลี เพื่อขวางเส้นสายตาของนาง

 

 

“ไม่เป็นไร ให้นางเข้ามา” สีหน้าของซูหลีเข้มขึ้น นางเห็นดังนั้นจึงโบกมาไปมาเบาๆ สื่อให้ชุยตานออกไป ไม่ต้องสนใจนาง

 

 

ชุยตานลังเลใจอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นถึงถอยออกมา

 

 

เซียวหนิงเสวี่ยจึงเดินไปถึงด้านหน้าของซูหลีโดยไม่มีใครกีดกันนาง

 

 

“ชนะเป็นเจ้า แพ้เป็นโจร บัดนี้ข้ามีจุดจบเช่นนี้ก็ไม่เสียใจ! แล้วเจ้าเล่า” เซียวหนิงเสวี่ยกวาดตามาอย่างวิเคราะห์อย่างละเอียดปราดหนึ่ง หัวเราะเย้ยหยันแล้วเอ่ย

 

 

“ความรักแบบนี้ เจ้าจะสามารถประคับประคองได้นานเท่าไหร่กัน”

 

 

ซูหลีได้ยินดังนั้น ดวงตาจึงลุ่มลึกขึ้นเล็กน้อย และไม่ได้ตอบคำถามของนางในทันที

 

 

“บุรุษคนนี้เป็นคนที่ไม่มีหัวใจ” เซียวหนิงเสวี่ยหายใจเข้าลึก จากนั้นจึงเอ่ยอย่างหนักแน่น “เจ้าคิดว่าบัดนี้เจ้าชนะแล้วหรือ เหอะ! ไม่แน่ผ่านไปไม่กี่วัน เจ้าก็กลายเป็นคนเช่นข้าอีกคน!”

 

 

“ที่เขาดีเลิศเช่นนี้ ในใจของเขาล้วนแสร้งทำออกมา เป็นแผนการที่เขาวางไว้ตั้งแต่แรก จะมีตำแหน่งให้สตรีเสียที่ไหน บัดนี้ข้านั้นเข้าใจแล้ว เสียดายที่เจ้ายังอยู่ในกระดานหมากนี้ เจ้าคิดว่าตนเองจะสามารถหนีออกไปได้หรือ หึ! สุดท้ายก็คงเป็นอย่างข้าก็เท่านั้น!”

 

 

“ไม่ว่าจะป๋ายถาน ข้า หรือว่าเจ้า พวกเรานั้นล้วนมิต่างกัน!” พูดถึงท้ายประโยค น้ำเสียงของเซียวหนิงเสวี่ยนั้นเต็มไปด้วยความโศกเศร้า

 

 

ใครก็ไม่ทราบว่าในช่วงเวลานี้นางมีชีวิตอย่างไร ที่จริงนางทุกข์ทรมานเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อทราบว่าบุรุษที่ตนรักเดียวใจเดียวปฏิบัติต่อตนเช่นนี้ นางอยากที่จะตายไปซะ

 

 

ทว่าหลังจากความเจ็บปวดทุกข์ทรมานเช่นนี้แล้ว กลับยังไม่เข้าใจอย่างกระจ่าง

 

 

เซียวหนิงเสวี่ยทราบดีว่าตนมิใช่คนดีนัก เพื่อชื่อเสียงเกียรติ นางเคยกระทำเรื่องเลวร้ายมากจำนวนมาก ทว่าเรื่องเหล่านั้น นางไม่เคยคิดจะเสียใจ

 

 

ทว่าจนถึงบัดนี้ นางพลันรู้สึกเสียใจ

 

 

เสียใจที่ทำไมตนถึงรักบุรุษแบบนี้ เสียใจที่ทำไมตนถึงถลำลึกเข้าไปกับความรู้สึกจอมปลอมเช่นนี้

 

 

ฉินเย่หานนั้นไม่มีใจให้นางมาตั้งแต่ต้น นับตั้งแต่วินาทีที่นางรักเขาก็เป็นการกำหนดโศกนาฏกรรมของนางแล้ว

 

 

ส่วนซูหลีที่อยู่ตรงหน้าจะเป็นคนที่เหนือความคาดหมายหรือ

 

 

“คนที่ไม่มีหัวใจ ก็ไม่มีหัวใจมาโดยตลอด เจ้าคิดว่าตนจะสามารถเปลี่ยนแปลงเขาได้หรือ เหอะ อย่างไรเจ้าก็รักเขาข้างเดียวเท่านั้น!” เซียวหนิงเสวี่ยดึงสติกลับคืนมา ใช้สายตาเห็นอกเห็นใจมองไปที่ซูหลี

 

 

บัดนี้นางรับได้ทุกอย่าง สถานการณ์ที่ย่ำแย่ที่สุดก็คงเป็นเฉกเช่นสถานการณ์ตรงหน้า

 

 

แล้วซูหลีเล่า?

 

 

เกรงว่าคงจะต้องแบกรับความรู้สึกที่ครั้งหนึ่งนางเคยได้รับ!

 

 

ทันทีที่คิดถึงตรงนี้ ในใจของเซียวหนิงเสวี่ยก็เต็มไปความสุข

 

 

สีหน้าของซูหลีนั้นย่ำแย่ นางเหลือบตามองที่เซียวหนิงเสวี่ยคนนั้น พลันเอ่ยขึ้นว่า “พวกเราไม่เหมือนกัน”

 

 

คำพูดประโยคนี้ นางเอ่ยอย่างมั่นใจ

 

 

เซียวหนิงเสวี่ยดึงสติกลับมา เมื่อถูกซูหลีพูดเสียดสี สีหน้าพลันซีดขาว

 

 

“ซูหลี!” ทันใดนั้นบรรยากาศพลันตึงเครียดขึ้นมาทันทีราวกับถูกแช่แข็ง

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 1134 เจ้าเป็นคนโง่หรือ

 

 

ซูหลีมองตามเสียงที่ดังขึ้น และพบว่าฉินเย่หานผู้หล่อเหล่าที่ทั้งร่างสวมใส่ชุดลำลอง

 

 

เขาแสดงสีหน้าเย็นชา ข้างกายยังมีหวงเผยซานที่ติดตามเขามาอีกคน

 

 

มีประกายความไม่แน่ใจพาดผ่านในดวงตาของซูหลี และในขณะที่นางกำลังใจลอยสีหน้าของเซียวหนิงเสวี่ยพลันเปลี่ยนไป ทันใดนั้นนางเดินเข้าไปใกล้และยื่นมือผลักซูหลีอย่างรุนแรง

 

 

“คุณหนู!”

 

 

“ระวัง!” ข้างกายมีเสียงตะโกนดังขึ้น ทันทีที่ซูหลีล้มไปด้านหลังอย่างรุนแรง ด้านล่างนั้นเป็นขั้นบันได

 

 

ใครก็คิดไม่ถึงว่า เซียวหนิงเสวี่ยจะเข้ามาอย่างฉับพลันเช่นนี้ สีหน้าของซูหลีเปลี่ยนไปถนัดตา ในเวลานี้ไม่ทันได้มีท่าทีตอบสนองอะไร นางทำได้เพียงหลับตาทั้งสองลงแน่น

 

 

“วูบ!” มีเสียงลมดังผ่านโสตประสาท ทันทีที่ซูหลีรู้สึกถึงความแน่นที่เอวของตน นางพลันลืมตาขึ้น ทันทีที่ลืมตาจึงสบเข้ากับดวงตาที่ลึกล้ำและลึกซึ้งคู่นั้น

 

 

นางชะงักค้างไป จากนั้นจึงรู้สึกว่าหัวใจดวงนี้ของตนกำลังเต้นกระหน่ำอย่างควบคุมไม่ได้

 

 

“ไม่เป็นไรใช่หรือไม่” เขานำนางลงมาจากขั้นบันไดที่อันตราย ฉินเย่หานไม่ปล่อยมือของตนออก ทว่ากลับขมวดคิ้วมองที่นางและเอ่ยถามเสียงเบา

 

 

ในน้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยอ่อนโยนและตึงเครียดอย่างไม่เคยมีมาก่อน

 

 

ซูหลีรู้สึกหวั่นไหวอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าเพราะเหตุผลใด จู่ๆ นางก็คิดถึงคำพูดของเซียวหนิงเสวี่ย

 

 

คนแบบเขานี้ จะเป็นคนไม่มีหัวใจจริงหรือ

 

 

“ไม่เป็นไร” นางมองเขาอยู่พักหนึ่ง จากนั้นถึงหลุบตาของตนลง ปิดบังความรู้สึกที่ซับซ้อนในใจของตน

 

 

ไม่ว่าอย่างไร นางไม่ใช่เซียวหนิงเสวี่ย นางไม่มีทางทำเรื่องเสียสติขนาดนั้น และไม่มีทางที่จะทำลายหลักการที่นางยึดถือและคุณธรรมของตน

 

 

นางทั้งสองคนนั้นไม่เหมือนกัน นางพูดถูกต้องแล้ว

 

 

“นี่เจ้ากินอะไรเข้าไป” ฉินเย่หานเห็นว่านางไม่ได้รับบาดเจ็บ เขาถึงได้ปล่อยมือออกจากเอวของนาง เดินไปทางนี้ด้วยใบหน้าเย็นชา

 

 

“ฝะ ฝ่าบาทเพคะ!” ใบหน้าของเซียวหนิงเสวี่ยซีดเผือด อยากจะอธิบายอะไรออกมา ใครจะรู้ว่าฉินเย่หานไม่แม้แต่จะมองนาง เขาเพียงหันศีรษะ ถ่ายทอดคำสั่งด้วยน้ำเสียงเยียบเย็นว่า

 

 

“ลากคนลงไปโบยสี่สิบครั้ง หากเรายังเห็นนางอีกครั้ง ก็ประหารได้ทันที!” คำพูดประโยคสุดท้ายที่เยียบเย็นพูด ไม่รู้ว่าพูดกับทหารเหล่านั้น หรือกับเซียวหนิงเสวี่ยคนนั้นกันแน่

 

 

หลังจากที่ฉินเย่หานเอ่ยประโยคนี้ออกมา สีหน้าของเซียวหนิงเสวี่ยก็เหมือนขี้เถ้ามอด

 

 

ซูหลีมองดูอยู่ด้านข้าง ดวงตาพลันเป็นประกายเล็กน้อย ทว่าไม่รอให้นางเอ่ยพูดอะไรออกมา กลับรู้สึกว่าข้อมือของตนถูกกำแน่น และถูกจูงออกไปเช่นนี้

 

 

นางชะงักค้างเล็กน้อย มองที่เงาของบุรุษร่างสูงใหญ่ ในชั่วขณะนี้ไม่รู้ว่าตนควรมีท่าทีตอบสนองอย่างไรถึงจะดี

 

 

นางจึงก้มศีรษะมองที่มือของตนที่ถูกเขาจูงอยู่ แววตาของนางเต็มไปด้วยความหวั่นไหว

 

 

ตลอดทางฉินเย่หานไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาสักประโยค เพียงพานางเข้าไปนั่งบนรถม้าของตน เขาถึงปล่อยมือของนาง

 

 

“ฝ่าบาท กระหม่อมมิเป็นไร” ซูหลีที่ถือว่าดึงสติกลับมาแล้ว นางลูบข้อมือที่เริ่มรู้สึกเจ็บของตน กวาดตามองฉินเย่หานปราดหนึ่ง

 

 

สีหน้าของฉินเย่หานยังไม่ดีขึ้นแต่อย่างใด เมื่อเห็นนางยิ้มเจื่อนๆมองมาที่ตน เขาจึงเอ่ยว่า

 

 

“เจ้าเป็นคนโง่หรือ”

 

 

ซูหลี…

 

 

นางไม่ใช่คนโง่ นางเป็นคนฉลาดมาก แน่นอนว่าคำพูดนี้ไม่อาจพูดออกไปได้ ทันทีที่เห็นว่าฉินเย่หานกำลังอารมณ์ไม่ค่อยดี หากนางพูดอะไรไม่เข้าหูในเวลานี้ นั่นมิใช่การรนหาที่ตายหรอกหรือ

 

 

ดังนั้นซูหลีที่ไม่อยากรนหาที่ตาย ไม่รู้ว่าจะตอบคำถามเขาอย่างไรดี จึงปิดปากเงียบไม่พูดอะไรทั้งสิ้น

 

 

ฉินเย่หานเห็นอากัปกิริยาเช่นนี้ของนางแล้ว ความโกรธที่อยู่ในใจถึงปะทุออกมา

 

 

“ยามปกตินั้นหลบหลีกอย่างรวดเร็ว วันนี้เป็นอะไรไปแล้ว” ซูหลีกะพริบตาปริบๆ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด