เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ 1145 ซูหลีผู้มีชื่อเสียงและอำนาจยิ่งใหญ่ในใต้หล้า / 1146 พูดว่าป่วยก็คือป่วย

Now you are reading เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ Chapter 1145 ซูหลีผู้มีชื่อเสียงและอำนาจยิ่งใหญ่ในใต้หล้า / 1146 พูดว่าป่วยก็คือป่วย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1145 ซูหลีผู้มีชื่อเสียงและอำนาจยิ่งใหญ่ในใต้หล้า

 

 

“ท่านผู้นี้คือใต้เท้าซูผู้มีชื่อเลื่องลือทั่วเมืองหลวง ท่านพี่ซูหลีกระมัง?” หลังอู๋โยวหรานมองนางอยู่หลายปราด ดวงตาเปล่งเป็นประกายอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก้าวเข้ามาไปหยุดอยู่ตรงหน้านาง ยกมือขึ้นจับมือซูหลีอย่างเป็นไมตรี

 

 

“ท่านพี่ซู! โยวหรานสวัสดีท่านพี่ซู” ชั่วขณะนี้นางพลันเดินเข้าไปใกล้ เหมือนกับเป็นปฏิกิริยาตอบสนองของจิตใต้สำนึกในขณะที่กำลังประหม่า เมื่อนางดึงสติกลับมา ใบหน้าของนางจึงฉายแววเขินอาย ค่อยๆคลายมือออกจากมือของซูหลี

 

 

แม้นางจะมีรูปโฉมที่งามเพริ้ง ทว่าอากัปกิริยาของนางยังมีมารยาท มิอาจพบข้อผิดพลาดเลย

 

 

“ท่านพี่ซูเจอโยวหรานเป็นครั้งแรกกระมัง แต่โยวหรานกลับได้ยินชื่อเสียงของพี่สาวมาตั้งนานแล้ว ทั้งยังเลื่อมใสในตัวของพี่สาวมาตั้งนานแล้ว!” ในดวงตาที่อู๋โยวหรานใช้มองซูหลีนั้นล้วนเต็มไปด้วยประกายแวววาว

 

 

ซูหลีเลิกคิ้วเล็กน้อย กวาดตามองที่นางปราดหนึ่ง ทว่ากลับยิ้มแต่ไม่พูดอะไรออกมา

 

 

“โยวหราน เจ้าจะพูดกับนางมากมายขนาดนี้ไปทำไม” ไทเฮาที่อยู่ด้านข้าง ชำเลืองเห็นอู๋โยวหรานปฏิบัติต่อซูหลีอย่างเป็นกันเอง ทว่าซูหลีกลับมีท่าทางที่ไม่อยากสนใจ ทำให้นางมีสีหน้าเยียบเย็นขึ้นทันใด

 

 

“เสด็จป้าเพคะ! ท่านพี่ซูเป็นถึงต้นแบบที่ดีของสตรีใต้เท้า หากไม่ใช่เพราะไม่มีโอกาสมาโดยตลอด โหวหรานนั้นอยากเจอพี่สาวตั้งนานแล้วเพคะ!” ครั้นพบว่าไทเฮาทรงมิค่อยโปรดท่าทีของซูหลีเท่าไรนัก อู๋โยวหรานจึงจูงพระหัตถ์ของไทเฮา พูดขึ้นอย่างแง่งอน

 

 

หลังจากไทเฮาทรงสดับฟังคำพูดนี้ ทรงสรวลด้วยความเย้ยหยันแล้วทรงตรัส “พอเถอะ ไปเถอะ! ฝ่าบาททรงรอเสวยอาหารกับพวกเราอยู่! จะพูดกับนางมากมายไปทำไมกัน”

 

 

ใบหน้าที่เดิมเต็มไปด้วยความตื่นเต้น หลังจากที่ได้ยินคำพูดของไทเฮาแล้ว อารมณ์ที่แสดงออกทางสีหน้าพลันเปลี่ยนไป ในชั่วขณะเดียวเปลี่ยนเป็นกระดากอาย

 

 

ดวงตาที่เย้ายวนชวนให้ผู้คนหลงใหลวูบไหวเล็กน้อย จากนั้นพลันผงกศีรษะเล็กน้อยและเอ่ยด้วยเสียงเบา “โยวหรานเชื่อฟังคำพูดของเสด็จป้าเพคะ”

 

 

คำพูดที่อ่อนหวานอย่างยิ่งยวด ปลายน้ำเสียงที่ลากยาวนั้นล่องลอยอยู่ในอากาศหลายรอบ

 

 

ซูหลีที่มองดูอยู่ สีหน้ากลับไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่น้อย

 

 

“ไปเถอะ” ไทเฮาทอดพระเนตรเห็นอู๋โยวหรานที่ก้มหน้าลงในทันที ถึงได้ตบที่มือของนางอย่างพอพระทัย จากนั้นทรงจูงมือนางเตรียมจะเสด็จออกไป

 

 

ก่อนที่จะเสด็จออกไป ไทเฮาทรงทำเหมือนเพิ่งจะทอดพระเนตรเห็นซูหลีมิปาน ไทเฮาจึงทรงมองตาขวาง ตรัสด้วยน้ำเสียงเย็นชา

 

 

“ใต้เท้าซู หมู่นี้ข้าไม่ค่อยสบายนัก อาจเป็นเพราะถึงอายุขัยแล้ว ได้ยินมาว่าใต้เท้าซูมีฝีมือในการเขียนตัวอักษรมาก ข้าจึงให้คนไปค้นพุทธคัมภีร์จำนวนหนึ่งมาโดยเฉพาะ กระนั้นใต้เท้าซูช่วยคัดพุทธคัมภีร์ให้ข้าหน่อยเถิด!”

 

 

ซูหลียังไม่ทันได้ตอบกลับ นางก็เอ่ยขึ้นมาต่ออีกประโยค “การคัดพุทธคัมภีร์จักต้องมีความตั้งใจ อาภรณ์สีฉูดฉาดที่อยู่บนร่างเจ้านั้น ก็ถอดออกมาซะ สวมอาภรณ์สีเรียบๆ เสียหน่อย ก่อนที่จะคัดพุทธคัมภีร์จบก็มาอยู่ที่ตำหนักชิงหนิงของข้าไปพลางๆ ก่อนก็แล้วกัน!”

 

 

พูดจบก็ไม่เปิดโอกาสให้ซูหลีเอ่ยตอบ หมุนกายนำตัวอู๋โยวหรานออกไปด้วยกัน

 

 

ในตำหนักชิงหนิงมีเพียงแค่ราชบริพารไม่กี่คนและซูหลีกับชุยตานอีกสองคนเท่านั้น

 

 

“คุณหนู…” สีหน้าของชุยตานไม่น่าดูสักเท่าไร เขาชำเลืองมองซูหลีครู่หนึ่ง ในดวงตาฉายแววกังวลใจ

 

 

“ฟู่!” คิดไม่ถึงว่าใบหน้าของซูหลีไม่แสดงหดหู่ใจออกมาแม้แต่น้อย สีหน้าของนางยังคงเรียบเฉยเช่นเดิมทุกประการ ไม่ได้ถูกคำพูดไม่กี่ประโยคของไทเฮาทำให้ตกใจเลยแม้แต่น้อย

 

 

“คุณหนู ไทเฮาทรงตรัส…” หากเปรียบเทียบกับนางแล้ว สีหน้าของชุยตานนั้นไม่ดีเท่าไรนัก โดยเฉพาะหลังจากได้ยินคำพูดของไทเฮาแล้ว

 

 

ทว่าในตำหนักแห่งนี้ ไทเฮาเป็นผู้ที่มีอำนาจสูงสุด แม้แต่ฮ่องเต้ยังต้องถอยให้กับพระชนนีของพระองค์ถึงสามส่วน

 

 

ชุยตานมองดูแล้วรู้สึกว่า ครานี้ไทเฮาทรงมิได้ทำเกินเหตุนัก ซูหลีจึงมิอาจปฏิเสธได้ง่ายๆ

 

 

ไฉนจะคิดว่า ทันทีที่เขาเอ่ยขึ้น ยังไม่ทันจะพูดจบ ซูหลีจะเอ่ยต่อด้วยสีหน้าคงเดิมว่า

 

 

“อุ๊ย!”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 1146 พูดว่าป่วยก็คือป่วย

 

 

ในเวลานี้อย่าว่าแต่ชุยตานเลย แม้แต่จูกงกงก็ยังตะลึงงัน

 

 

จูกงกงเป็นขันทีที่ผู้มีฝีมือที่สุดที่อยู่ข้างพระวรกายของไทเฮา เมื่อครู่หลังจากไทเฮาเสด็จออกไป ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เขายังอยู่ที่นี่อีก

 

 

คนอื่นนั้นไม่เข้าใจว่านี่เป็นเพราะเหตุใด แต่ในใจของซูหลีนั้นทราบดีว่า ไทเฮาคงรับสั่งให้จูกงกงผู้นี้คอยจับตาดูนางคัดลอกพุทธคัมภีร์

 

 

จะพูดแล้ว แค่การคัดลอกพุทธคัมภีร์ เรื่องแบบนี้อย่างไรก็ไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นการลงโทษ

 

 

เพียงแต่…

 

 

ซูหลีไม่สมัครใจจะทำ

 

 

ดังนั้นขณะที่ทุกคนยังไม่มีท่าทีตอบสนอง ซูหลีจึงกุมหน้าผากของตนเอง จากนั้นถอยหลังไปหลายต่อหลายก้าว

 

 

“คุณหนู เป็นอะไรขอรับ” ท่าทางของซูหลีกลับทำให้ชุยตานตกใจ ทั้งยังกังวลว่าตนเองเป็นเพียงข้ารับใช้เท่านั้น เขาจะยื่นมือเข้าไปประคองซูหลีไม่ได้ง่ายๆ จึงทำได้เพียงมองนางด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลใจ สีหน้าไม่น่าดูนัก

 

 

“ชุยตาน ไปเถอะ พวกเรากลับกันก่อนเถอะ!” คิดไม่ถึงว่าหลังจากซูหลีถอยไปด้านหลังหลายก้าว แต่กลับหยุดร่างของตนอย่างมั่นคง นางยกมือขึ้นโบกไปมาและเอ่ยออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ

 

 

ชุยตานกลับสมัครใจทำตาม เมื่อได้ยินดังนั้นจึงรีบผงกศีรษะ ขณะที่ต้องการจะออกไปพร้อมกับซูหลี ทันทีที่เหลือบตาขึ้นก็สบเข้ากลับดวงตาแปลกประหลาดของจูกงกง

 

 

ชุยตานชะงักไปทันที

 

 

ซูหลีรออยู่นาน ก็ไม่เห็นชุยตานเอ่ยปากพูดอะไรออกมาอีก นางถึงได้แหงนศีรษะขึ้นและพบกับใบหน้าที่ไม่น่าดูของจูกงกงคนนั้น

 

 

ซูหลีมองเขาด้วยสีหน้าที่เลื่อนลอยและเอ่ยว่า “จูกงกง ท่านยังอยู่อีกหรือ!”

 

 

จูกงกง…

 

 

คนร่างใหญ่ขนาดเขาปักหลักอยู่ที่นี่ กอปรกับก่อนหน้านี้ซูหลีจะไม่เห็นตนสักนิดเลยจริงหรือ

 

 

“จูกงกง ข้าจำต้องรบกวนท่านไปขอให้ไทเฮาลงโทษข้าเสียแล้ว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุ ทันทีที่ข้าถึงตำหนักชิงหนิงกลับรู้สึกว่ามึนหัว ไม่สบายตัวเป็นอย่างมาก อย่าว่าแต่คัดพุทธคัมภีร์ แม้แต่เดินเหินก็ยังยากลำบากแล้ว!

 

 

จูกงกง…

 

 

เขาชำเลืองมองซูหลีครู่หนึ่ง เพียงแต่คนที่มึนหัว ไม่สบายตัวเป็นอย่างมาก ในเวลานี้สีหน้าแดงระเรื่อ ดวงตาคู่นั้นกลับใสแจ๋วเปล่งประกายมากกว่าใครๆ

 

 

นี่กำลังล้อเล่นกับใครกัน!?

 

 

“สภาพร่างกายในเวลานี้ หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา ข้าเกรงในพระทัยของไทเฮาเหนียงเหนียงคงเป็นกังวล ขอรบกวนจูกงกงไปแจ้งไทเฮาด้วยเถิด ชุยตาน พวกเรากลับกันเถอะ!”

 

 

ซูหลีพูดจบก็ไม่แม้แต่จะมองจูกงกงสักปราดหนึ่ง กลับเรียกชุยตานและหมุนกายเดินออกไป

 

 

นางเดินออกไปอย่างมีชีวิตชีวา ไม่หันกลับมามองเลยแม้แต่น้อย ที่ไหนจะมีท่าทางอ่อนแอเหมือนกับนางบรรยายไว้!

 

 

จูกงกงเป็นเพียงทาสรับใช้คนหนึ่ง ถูกอากัปกิริยาของนางทำให้โมโหจนทนไม่ไหว ผ่านไปพักใหญ่ก็ยังดึงสติกลับมามิได้ รอจนตนมีท่าทีตอบสนองแล้ว ซูหลีก็เดินออกไปจนไร้เงาร่างตั้งนานแล้ว!

 

 

นี่ไม่เพียงไม่เห็นเขาในสายตา มิหนำซ้ำยังไม่เห็นไทเฮาในสายตา!

 

 

“กงกง เช่นนี้ควรทำอย่างไรดีขอรับ” ขันทีผู้น้อยที่ติดตามจูกงกงเห็นดังนั้นจึงรู้สึกลนลาน ไทเฮาทรงรับสั่งให้พวกเขาเฝ้าซูหลีอยู่ที่นี่อีกครู่หนึ่งกลับมาแล้วมิเห็นคน พวกเขาจักต้องได้รับการลงโทษอย่างแน่นอน

 

 

“หึ! จะถึงเงื้อมมือพวกเราเสียที่ไหน นางมิเห็นแม้แต่ไทเฮาในสายตา!” ใบหน้าของจูกงกงเต็มไปด้วยความไม่เบิกบานใจ เมื่อได้ยินดังนั้นจึงสะบัดแขนเสื้อ หมุนกายเดินออกไป”

 

 

“กงกง นี่พวกเราจะไปที่ใดกันขอรับ!” ขันทีผู้น้อยที่เดินตามเขาไปเอ่ยถาม

 

 

“ไปหาเหนียงเหนียง!” น้ำเสียงของจูกงกงเผยความเย็นชาอย่างบอกไม่ถูก

 

 

ทว่าทางด้านนั้น ชุยตานที่เดินตามซูหลีออกมาจากตำหนักชิงหนิง กลับมีความรู้สึกกังวลใจแทนซูหลี.

 

 

“คุณหนู พวกเราออกมาเช่นนี้ หากไทเฮาทรงทราบ เกรงว่าคุณหนูจักต้อง…” ชุยตานพูดออกมาอย่างเป็นกังวล

 

 

“วางใจเถิด” สีหน้าของซูหลีผงะไปเล็กน้อย นางแสยะยิ้มและโบกมือไปมา เหมือนกับนางไม่ใส่ใจ

 

 

อยากจะจัดการกับนางหรือ?!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด