เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ 566 ภาพวาดของซูหลี

Now you are reading เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ Chapter 566 ภาพวาดของซูหลี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

พวกเขาไม่ลากสตรีหอโคมเขียวร้องเพลงบรรเลงดนตรี นั่นก็ถือว่าสูงส่งแล้ว

 

 

หวงฮ่าวสามารถเอ่ยคำพูดเช่นนี้ออกมาได้ ซูหลีก็รู้สึกแปลกแล้ว

 

 

“เฮ้อ ทว่าภาพทิวทัศน์ที่งดงามเช่นนี้ พวกเรากลับไม่สามารถเก็บเอาไว้ได้ พวกเจ้าไม่รู้สึกเสียดายหรือ” ทันทีที่หวงฮ่าวได้ยินทุกคนพูดแย้งเขา เขาก็พยายามอธิบายอย่างสุดความสามารถ

 

 

“พอเถอะ อาศัยเพียงฝีมือการประพันธ์กลอนของเจ้า เจ้าไม่กลัวถูกหัวเราะเยาะหรือ!” เจียงไห่ที่อยู่ด้านข้างพูดเสียดสีเขาประโยคหนึ่ง จากนั้นจึงเอ่ยว่า “แต่ว่าข้ามีข้อเสนอแนะข้อหนึ่ง ไม่ควรทำให้ภาพทิวทัศน์และอารมณ์เช่นนี้ต้องเสียเปล่า ดังนั้นในเมื่อประพันธ์บทกลอนไม่ได้ พวกเรามิสู้วาดภาพทิวทัศน์ที่งดงามตรงหน้านี้ไว้เสียดีกว่า พวกเจ้าคิดว่าอย่างไร”

 

 

ข้อเสนอแนะนี้ดูเข้าท่าอยู่บ้าง ฝีมือในการวาดภาพของเด็กหนุ่มเหล่านี้ถือว่าไม่เลว แม้จะเรียนหนังสือไม่ได้เรื่อง ทว่าเรื่องเหล่านี้พวกเขากลับทำได้ดีมาก

 

 

บัณฑิตที่มาสอนที่สำนักเต๋อซั่นคราก่อน ยังชมว่าพวกเขามีความสามารถในการวาดภาพ อีกทั้งยังวาดได้ดีกว่าคนสำนักฉยงสือหลายขุม

 

 

ทันทีที่เจียงไห่เอ่ยประโยคนี้ออกมาก็ได้รับความสนับสนุนจากทุกคน

 

 

จี้ฉินเห็นพวกเขาสนุกสนานขนาดนี้จึงไม่ได้ขัดขวางอะไร เพียงสั่งให้ข้ารับใช้เตรียมอุปกรณ์ในการวาดภาพ และวางโต๊ะวาดภาพที่พื้นหิมะด้านนอกศาลานี้ เพื่อให้พวกเขาวาดภาพ

 

 

“เช่นนั้นข้าไม่ออกไปแล้ว ข้ารู้สึกหนาว” เมื่อซูหลีเห็นจี้ฉินสั่งให้คนนำโต๊ะวาง เขามองมาทางนางปราดหนึ่ง นางจึงรีบจับเสื้อคลุมหนังสุนัขจิ้งจอกตัวใหญ่ให้กระชับยิ่งขึ้น จากนั้นเอ่ยอย่างจริงจัง

 

 

จี้ฉินเห็นดังนั้นจึงไม่ได้บีบบังคับอะไร เขาเพียงสั่งให้คนนำผลไม้และอาหารว่างบนโต๊ะทรงกลมที่อยู่ตรงหน้าซูหลีออกไป และจัดเตรียมอุปกรณ์วาดภาพให้แก่นางในศาลาแห่งนี้

 

 

จะว่าไปแล้วก็ประหลาดนัก เด็กหนุ่มกลุ่มนี้หากเอ่ยตามข้อเท็จจริงแล้วคงไม่มีใครยอมใคร

 

 

ทว่าหลังจากที่ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขากับซูหลีก็สนิทสนมกันมากขึ้น ยามอยู่ในสำนักเต๋อซั่น ซูหลีเป็นคนมีอภิสิทธิ์เหนือผู้อื่นเสมอ ยกตัวอย่างเช่นเหมือนกับการออกมาเที่ยว ซูหลีจะนั่งรถม้าตลอด และเวลานี้ต้องออกไปวาดภาพกลางหิมะ ทว่าซูหลีกลับนั่งอยู่ภายในศาลา…

 

 

ความพิเศษนี้ย่อมเป็นสิ่งยากที่จะเกิด และที่สำคัญพวกเขาล้วนไม่มีความคิดเห็นใดๆ

 

 

เสมือนกับการปฏิบัติต่อซูหลีเช่นนี้เป็นเรื่องปกติก็มิปาน

 

 

เมื่ออุปกรณ์วาดภาพเหล่านั้นวางลงตรงหน้า ซูหลีกลับไม่มองภาพทิวทัศน์ด้านนอก ทว่ากลับชำเลืองมองที่ต้นขาของตน จากนั้นใช้ความคิดที่เฉียบแหลมเริ่มลงมือ โดยหยิบพู่กันวาดภาพขึ้นมาและวาดสิ่งหนึ่งลงไป

 

 

หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วยาม คนที่วาดภาพดอกเหมยที่ภายนอกที่มีหิมะปกคลุมเหล่านั้นรู้สึกทนต่อไปไม่ไหว ต่างพากันเข้ามาอยู่ภายในศาลาจนแน่นขนัดไปหมด

 

 

จี้ฉินสั่งให้คนเก็บม้วนภาพวาดของพวกเขาไปวางไว้ในศาลา เขาไล่ชื่นชมและประเมินคะแนน

 

 

ไม่ต้องพูดถึงว่าฝีมือการวาดภาพของพวกเขากลับยอดเยี่ยมกันทุกคน โดยเฉพาะภาพดอกเหมยที่เซี่ยเสียนเป็นคนวาดนั้น ยิ่งดูมีชีวิตจิตวิญญาณ ฝีมือการวาดประณีตเกินจะเปรียบ ทำให้ผู้ที่เห็นต้องตะลึง

 

 

ทว่าเมื่อไล่มาถึงฉินมู่ปิง เขากลับส่งกระดาษเปล่า ที่แท้ซื่อจื่อท่านนี้กลับไปคิดจะลงมือวาดนี่เอง

 

 

“พูดถึงการวาดภาพ ในพวกเราไม่ใช่ว่ามีคนที่เก่งกาจในเรื่องนี้อยู่หรือ” ในขณะที่ทุกคนกำลังชมภาพวาดอยู่ เจียงไห่พลันเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นอย่างทันควัน

 

 

ซูหลีที่กินผลไม้ดูพวกเขาอยู่ด้านข้าง ทันใดนั้นสายตาของทุกคนก็จับจ้องที่ร่างของซูหลี นางกระตุกมุมปาก นี่ยังสามารถคิดถึงนางได้อีกหรือ

 

 

“ซูหลี ภาพวาดของเจ้าเล่า นำออกมาให้พวกข้าดูเร็วเข้า!” คำพูดของเจียงไห่เป็นการเตือนสติพวกเขาเห็น ภาพวาดของซูหลีก่อนหน้านี้ ยามที่ทำการทดสอบให้คะแนน ภาพของนางได้คะแนนสูงที่สุด เมื่อครู่มีคนจำนวนไม่น้อยเห็นนางตั้งใจวาดภาพ จึงอดไม่ได้ที่จะเกิดความสงสัย จึงถามซูหลีและทวงภาพวาดของนาง

 

 

“ภาพวาดของข้า…ไม่จำเป็นต้องดูแล้วกระมัง” ซูหลีฉีกยิ้ม ใบหน้ายังเผยรอยยิ้มที่กระอักกระอ่วนออกมา

 

 

“อยู่ที่นี่!” คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะไม่ฟังความคิดเห็นจากซูหลีเลยแม้แต่น้อย!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด