เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ 1229 ให้ทหารเฝ้ายามอย่างแน่นหนา / 1230 ความลับของราชสำนัก

Now you are reading เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ Chapter 1229 ให้ทหารเฝ้ายามอย่างแน่นหนา / 1230 ความลับของราชสำนัก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1229 ให้ทหารเฝ้ายามอย่างแน่นหนา

 

 

ฉินมู่ปิงโค้งตัวคำนับ และซ่อนสีหน้าของตนยามก้มตัวลง

 

 

เป็นประจวบที่โจวเว่ยเข้ามาภายในพอดี

 

 

“รบกวนใต้เท้าโจวด้วย” ฉินมู่ปิงลุกขึ้น ใบหน้ากลับผ่อนคลายดังเดิม ถึงขั้นยังยิ้มให้กลับโจวเว่ย

 

 

“ซื่อจื่อขอรับ” โจวเว่ยทำความเคารพเขาก่อน จากนั้นแสดงท่าทางเชิญเขาออกไป

 

 

“เสด็จอา หลานขอตัวลา” จนถึงบัดนี้ฉินมู่ปิงก็ยังจดจำได้ว่าต้องทำความเคารพฉินเย่หาน เหมือนกับว่าในใจเขาคิดว่าฉินเย่หานเป็นฮ่องเต้มาโดยตลอดมิปาน

 

 

อากัปกิริยาที่ฉินมู่ปิงแสดงออกมาตั้งแต่ต้นนั้น

 

 

ฉินเย่หานผงกศีรษะเล็กน้อย ทว่าไม่เอ่ยอะไรออกมา และมองดูฉินมู่ปิงเดินตามโจวเว่ยไป

 

 

ตลอดทางที่เดินไปนั้นโจวเว่ยไม่พูดอะไรกับเขาเลยสักนิด ทว่ากลับจ้องมองเขาตลอดเวลา ในดวงตาของเขามีความลุ่มลึกพาดผ่าน

 

 

ซื่อจื่อผู้นี้ถ้าไม่ได้เตรียมการจริงๆ ก็ถือเป็นคนไร้เดียงสา ไม่ก็เป็นคนฉลาดเฉียบแหลมมีแผนการที่แยบยล ถึงสามารถรักษาความนิ่งสุขุมเอาไว้ในสถานการณ์เช่นนี้ได้

 

 

“ซื่อจื่อ ถึงแล้วขอรับ ท่านพักผ่อนเสียเถิด ข้าน้อยอยู่ด้านนอก หากท่านต้องการสิ่งใดก็สามารถเรียกข้าน้อยได้ตลอดเวลาขอรับ” จนกระทั่งเดินถึงหน้าตำหนักของฉินมู่ปิง เขาก็ยังรักษาท่าทีสบายๆเอาไว้ได้เหมือนเดิม

 

 

โจวเว่ยมองเขาปราดหนึ่ง จากนั้นโค้งตัวคำนับแล้วเอ่ยประโยคนี้ออกมาด้วยเสียงแผ่วเบา

 

 

“ดี ถ้าเช่นนั้นก็รบกวนใต้เท้าโจวแล้ว” ฉินมู่ปิงมองโดยรอบปราดหนึ่ง กลับพบว่าตำหนักแห่งนี้ที่เดิมเป็นสถานที่ที่เงียบสงบ บัดนี้กลับถูกเหล่าทหารห้อมล้อมเอาไว้อย่างแน่นหนา

 

 

ประมาณทุกๆสามก้าวก็มีทหารเฝ้าอยู่คนหนึ่ง

 

 

ดวงตาของเขาเข้มขึ้นทันใด คนเหล่านี้ล้วนอยู่ในตำหนักที่พักอาศัยของตน

 

 

เพียงแต่สีหน้าของเขามิได้แสดงออกมาอย่างชัดเจนนัก เอายังคงวางมาดนิ่งเฉยดังเดิม จนกระทั่งใกล้ถึงห้องพักของตน หลังจากหลุดพ้นจากสายตาของเหล่าทหารด้านนอก

 

 

สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นย่ำแย่เป็นอย่างมากในทันที

 

 

“นายท่าน” จู๋ซย่าย่องเท้าเดินตามหลังฉินมู่ปิง สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความลังเลใจ เขากวาดตามองไปที่คนที่อยู่ด้านนอกเหล่านั้นปราดหนึ่ง แล้วเอ่ยขึ้นว่า “นายท่าน นี่มันเกิดอะไรขึ้นขอรับ”

 

 

“ในที่สุดเขาก็หมดความอดทนแล้ว” ฉินมู่ปิงหัวเราะเยาะออกมา สีหน้าดูย่ำแย่จนถึงขีดสุด

 

 

“อย่าเพิ่งเอ่ยถึงเรื่องเหล่านี้เลย อีกครู่หนึ่งให้สายของพวกเราไปส่งของให้กับเสด็จพ่อซะ” แม้จะกล่าวว่าภายในนี้มิมีใคร ทว่าฉินมู่ปิงกลับยังเป็นกังวลเรื่องของเหล่าทหารที่เฝ้าอยู่ด้านนอก

 

 

คนที่ฉินเย่หานคัดเลือกมานั้น ล้วนเป็นยอดฝีมือที่เฟ้นหาจากคนนับร้อยทั้งนั้น

 

 

มิแน่หากเขาพูดอะไรภายในห้องนี้ คนด้านนอกอาจจะได้ยินอย่างชัดเจนแล้วก็เป็นได้

 

 

สีหน้าของฉินมู่ปิงเคร่งขรึมขึ้น เขาทนรับความเสี่ยงเช่นนี้มิได้

 

 

“ขอรับ!” จู๋ซย่าทราบความสำคัญของเรื่องนี้ดี เขาจึงรีบขานตอบ

 

 

สีหน้าของฉินมู่ปิงดูย่ำแย่เกินกว่าปกติ ตลอดสองปีกว่าที่เขาอยู่ในเมืองหลวง นี่เป็นคราแรกที่ฉินเย่หานกระทำเรื่องเช่นนี้ออกมา

 

 

มิรู้ว่าทำไม เขากลับมีลางสังหรณ์ว่า ครานี้ฉินเย่หานจะมิปล่อยเขาไปง่ายๆอย่างแน่นอน

 

 

คนอย่างฉินเย่หานเพียงแต่มิลงมือเท่านั้น ทว่าทันทีที่เขาลงมือ เกรงว่าคงจะจัดการให้ถึงตาย…

 

 

เขาก็สะเพร่าเกินไปแล้ว คาดไม่ถึงว่าแม้แต่ผู้ติดตามข้างกายอู๋โยวหราน ก็ยังมีคนของฉินเย่หานปะปนอยู่

 

 

นั่นก็คือชิงหรงผู้นั้น

 

 

เรื่องได้ดำเนินจนถึงบัดนี้แล้ว ฉินมู่ปิงก็ไม่ได้ทันคิดอย่างคนไร้เดียงสาว่า ชิงหรงผู้นั้นจะเป็นเพียงสาวใช้ธรรมดาๆเท่านั้น

 

 

วิธีการของฉินเย่หานนั้นช่างเก่งกาจเกินไปแล้วจริงๆ!

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 1230 ความลับของราชสำนัก

 

 

หลังจากฉินมู่ปิงเดินออกไปแล้ว ภายในหอเก็บตำราจึงอยู่ในความเงียบอย่างแปลกประหลาด

 

 

ซูหลีเงยหน้ามองฉินเย่หานครู่หนึ่ง นางขยับปากเตรียมจะพูดอะไรออกมา ทว่ายังมิทันได้เปิดปากพูด

 

 

“ฝ่าบาท กระหม่อมทูลลาพ่ะย่ะค่ะ” จี้เหิงหรานเห็นอากัปกิริยาของซูหลีในสายตา เขากลับไม่เอ่ยอะไรออกมา เพียงแต่หลังจากที่ชะงักไปวูบหนึ่ง เขาเอ่ยคำพูดประโยคนี้ออกมา

 

 

มือสังหารที่จับได้นั้นก็ยังอยู่ภายในคุก ดังนั้นเขาจักต้องไปไต่สวนด้วยตัวเอง

 

 

เรื่องนี้จะมอบหมายให้ใครก็ไม่วางใจทั้งนั้น

 

 

ฉินเย่หานผงกศีรษะเล็กน้อย จี้เหิงหรานมองซูหลีที่อยู่ด้านข้างปราดหนึ่ง ทว่าไม่พูดอะไรออกมา จากนั้นหมุนกายเดินออกไปทันที

 

 

ทันทีที่เขาเดินออกไป ภายในหอเก็บตำราก็เหลือเพียงแค่ซูหลีกับฉินเย่หานสองคน

 

 

“มานี่” ฉินเย่หานมองนางปราดหนึ่ง พลันเอ่ยออกมาด้วยเสียงแผ่วเบา

 

 

ซูหลีได้ยินดังนั้นจึงผงะไปเล็กน้อย นางไม่ได้ปฏิเสธอะไร แล้วสาวเท้าเดินเข้าไปหยุดอยู่ข้างกายเขา

 

 

“เจ้าอยากจะขอความเมตตาให้กับฉินมู่ปิงหรือไม่” ทันทีที่นางเดินเข้าไป ฉินเย่หานจึงเอ่ยคำพูดเช่นนี้ออกมาด้วยเสียงเยียบเย็น

 

 

ซูหลีคิดไม่ถึงว่าเขาจะถามประโยคนี้ออกมา นางเงยหน้าขึ้นก็พบกับดวงตาที่ลุ่มลึกของเขาคู่นั้น ซึ่งกำลังมองหน้านางตาไม่กะพริบ ทั้งยังแฝงไปด้วยความกรุ่นโกรธ

 

 

ซูหลี…

 

 

ฮ่องเต้ผู้ที่ใจแคบผู้นี้ ดูแล้วเหมือนว่าเขาจะหึงหรือ

 

 

ทว่าปัญหานี้ แม้ว่าเขาจะไม่ถามขึ้น ทว่านางก็ต้องถามอยู่ดี

 

 

ซูหลีผงะเล็กน้อย แล้วส่ายศีรษะไปมาอย่างกะทันหันแล้วเอ่ยว่า “เขาอาจจะไม่บริสุทธิ์จริงๆก็ได้”

 

 

ฉินเย่หานได้ยินดังนั้นจึงผงะไป เขามองซูหลีปราดหนึ่งแล้ว เมื่อเห็นนางมีสีหน้าเรียบเฉย ยามที่นางเอ่ยคำพูดประโยคนี้ออกมา ท่วงท่าของนางก็ยังเป็นธรรมชาติ มิได้พูดปด

 

 

เขายิ้มขึ้นอย่างกะทันหัน พร้อมยกมือดึงให้ร่างนางเข้ามาและนั่งลงบนท่อนขาของตนเอง

 

 

“ฝ่าบาท?” ขณะที่ซูหลียังไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง ร่างของนางก็นั่งบนท่อนขาของเขาเสียแล้ว เมื่อแหงนศีรษะขึ้นก็สบเข้ากับดวงตาที่ลุ่มลึกของเขา

 

 

“อยู่ห่างจากเขาหน่อย” ใบหน้าของฉินเย่หานยังมีรอยยิ้มบางๆปรากฏบนใบหน้า ยามที่เขาฉีกยิ้มช่างดูหล่อเหลาเป็นอย่างมาก ซูหลีถูกความงดงามระยะกระชั้นชิดนี้ทำให้รู้สึกมึนงงยิ่งกว่าเดิม

 

 

ใครๆต่างก็พูดว่าจิตใจของสตรีลุ่มลึกดั่งงมเข็มในมหาสมุทร นางกลับรู้สึกต่างออกไป จิตใจของบุรุษผู้นี้ต่างหากที่ยากจะคาดเดา ฉินเย่หานเพียงครู่หนึ่งก็อารมณ์ดี อีกครู่ก็อารมณ์ไม่ดีแล้วอารมณ์แปรปรวนง่าย

 

 

นางไม่รู้จริงๆว่าในใจเขาคิดอะไรอยู่บ้าง

 

 

แต่ถึงอย่างไรหลังจากซูหลีได้ยินคำพูดประโยคนี้ นางยังผงกศีรษะ แม้ว่าฉินเย่หานจะไม่พูดเรื่องนี้ นางก็คิดจะทำเช่นนั้นเหมือนกัน

 

 

“ฝ่าบาท…” ซูหลีมีความสงสัยบางอย่าง เป็นสิ่งที่นางเก็บไว้ในใจมาโดยตลอด วันนี้เมื่อเห็นท่าทางของฉินเย่หานเช่นนี้แล้ว นางยิ่งรู้สึกฉงนสงสัยมากกว่าเดิมเสียอีก

 

 

เพียงแต่นางไม่รู้ว่า คำถามนี้จะถามออกไปได้หรือไม่

 

 

“อยากถามอะไรก็ถาม” ฉินเย่หานกวาดสายตามองนางปราดหนึ่ง สายตาของเขาไม่คิดจะห้ามปรามนาง

 

 

ทันทีที่ซูหลีก็เข้าใจความหมายที่เขาสื่อออกมา หัวใจของนางวูบไหว ความรู้สึกตื่นเต้นที่คุ้นเคยเกิดขึ้นอีกครั้ง นางพยายามสงบสติอารมณ์ของตนเอง ผ่านไปครู่หนึ่งถึงได้เอ่ยขึ้นว่า

 

 

“ดูเหมือนว่าฝ่าบาทกับจิ้งหนานอ๋องจะทรงมิได้สนิทกันนัก”

 

 

แม้จะพูดว่าถาม ทว่านางกลับพูดหยั่งเชิงด้วยคำพูดประโยคนี้

 

 

ฉินเย่หานได้ยินดังนั้น สีหน้าท่าทางของเขาจึงเยียบเย็นขึ้นในทันที ทว่าซูหลีทราบดีว่า ความเยียบเย็นนี้มิได้ปฏิบัติต่อนาง

 

 

“กับไทเฮา ก็ทรงดูเหมือนมิสนิทกันสักเท่าไร…” ซูหลีเห็นดังนั้นจึงเอ่ยประโยคนี้เสริมอีกประโยค

 

 

ฉินเย่หานอ้ำอึ้งเล็กน้อย จากนั้นจึงหันศีรษะมองไปที่นาง

 

 

ทว่ากลับเห็นประกายแวววาวในดวงตาและใบหน้าจิ้มลิ้มที่มองเขาอย่างระแวดระวัง

 

 

หัวใจของเขาพลันอ่อนยวบในทันที

 

 

เมื่อเห็นอากัปกิริยาของนางแล้ว มุมปากจึงค่อยๆยกขึ้น แล้วเอ่ยว่า “มิใช่ว่าไม่สนิท”

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ 1229 ให้ทหารเฝ้ายามอย่างแน่นหนา / 1230 ความลับของราชสำนัก

Now you are reading เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ Chapter 1229 ให้ทหารเฝ้ายามอย่างแน่นหนา / 1230 ความลับของราชสำนัก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1229 ให้ทหารเฝ้ายามอย่างแน่นหนา

 

 

ฉินมู่ปิงโค้งตัวคำนับ และซ่อนสีหน้าของตนยามก้มตัวลง

 

 

เป็นประจวบที่โจวเว่ยเข้ามาภายในพอดี

 

 

“รบกวนใต้เท้าโจวด้วย” ฉินมู่ปิงลุกขึ้น ใบหน้ากลับผ่อนคลายดังเดิม ถึงขั้นยังยิ้มให้กลับโจวเว่ย

 

 

“ซื่อจื่อขอรับ” โจวเว่ยทำความเคารพเขาก่อน จากนั้นแสดงท่าทางเชิญเขาออกไป

 

 

“เสด็จอา หลานขอตัวลา” จนถึงบัดนี้ฉินมู่ปิงก็ยังจดจำได้ว่าต้องทำความเคารพฉินเย่หาน เหมือนกับว่าในใจเขาคิดว่าฉินเย่หานเป็นฮ่องเต้มาโดยตลอดมิปาน

 

 

อากัปกิริยาที่ฉินมู่ปิงแสดงออกมาตั้งแต่ต้นนั้น

 

 

ฉินเย่หานผงกศีรษะเล็กน้อย ทว่าไม่เอ่ยอะไรออกมา และมองดูฉินมู่ปิงเดินตามโจวเว่ยไป

 

 

ตลอดทางที่เดินไปนั้นโจวเว่ยไม่พูดอะไรกับเขาเลยสักนิด ทว่ากลับจ้องมองเขาตลอดเวลา ในดวงตาของเขามีความลุ่มลึกพาดผ่าน

 

 

ซื่อจื่อผู้นี้ถ้าไม่ได้เตรียมการจริงๆ ก็ถือเป็นคนไร้เดียงสา ไม่ก็เป็นคนฉลาดเฉียบแหลมมีแผนการที่แยบยล ถึงสามารถรักษาความนิ่งสุขุมเอาไว้ในสถานการณ์เช่นนี้ได้

 

 

“ซื่อจื่อ ถึงแล้วขอรับ ท่านพักผ่อนเสียเถิด ข้าน้อยอยู่ด้านนอก หากท่านต้องการสิ่งใดก็สามารถเรียกข้าน้อยได้ตลอดเวลาขอรับ” จนกระทั่งเดินถึงหน้าตำหนักของฉินมู่ปิง เขาก็ยังรักษาท่าทีสบายๆเอาไว้ได้เหมือนเดิม

 

 

โจวเว่ยมองเขาปราดหนึ่ง จากนั้นโค้งตัวคำนับแล้วเอ่ยประโยคนี้ออกมาด้วยเสียงแผ่วเบา

 

 

“ดี ถ้าเช่นนั้นก็รบกวนใต้เท้าโจวแล้ว” ฉินมู่ปิงมองโดยรอบปราดหนึ่ง กลับพบว่าตำหนักแห่งนี้ที่เดิมเป็นสถานที่ที่เงียบสงบ บัดนี้กลับถูกเหล่าทหารห้อมล้อมเอาไว้อย่างแน่นหนา

 

 

ประมาณทุกๆสามก้าวก็มีทหารเฝ้าอยู่คนหนึ่ง

 

 

ดวงตาของเขาเข้มขึ้นทันใด คนเหล่านี้ล้วนอยู่ในตำหนักที่พักอาศัยของตน

 

 

เพียงแต่สีหน้าของเขามิได้แสดงออกมาอย่างชัดเจนนัก เอายังคงวางมาดนิ่งเฉยดังเดิม จนกระทั่งใกล้ถึงห้องพักของตน หลังจากหลุดพ้นจากสายตาของเหล่าทหารด้านนอก

 

 

สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นย่ำแย่เป็นอย่างมากในทันที

 

 

“นายท่าน” จู๋ซย่าย่องเท้าเดินตามหลังฉินมู่ปิง สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความลังเลใจ เขากวาดตามองไปที่คนที่อยู่ด้านนอกเหล่านั้นปราดหนึ่ง แล้วเอ่ยขึ้นว่า “นายท่าน นี่มันเกิดอะไรขึ้นขอรับ”

 

 

“ในที่สุดเขาก็หมดความอดทนแล้ว” ฉินมู่ปิงหัวเราะเยาะออกมา สีหน้าดูย่ำแย่จนถึงขีดสุด

 

 

“อย่าเพิ่งเอ่ยถึงเรื่องเหล่านี้เลย อีกครู่หนึ่งให้สายของพวกเราไปส่งของให้กับเสด็จพ่อซะ” แม้จะกล่าวว่าภายในนี้มิมีใคร ทว่าฉินมู่ปิงกลับยังเป็นกังวลเรื่องของเหล่าทหารที่เฝ้าอยู่ด้านนอก

 

 

คนที่ฉินเย่หานคัดเลือกมานั้น ล้วนเป็นยอดฝีมือที่เฟ้นหาจากคนนับร้อยทั้งนั้น

 

 

มิแน่หากเขาพูดอะไรภายในห้องนี้ คนด้านนอกอาจจะได้ยินอย่างชัดเจนแล้วก็เป็นได้

 

 

สีหน้าของฉินมู่ปิงเคร่งขรึมขึ้น เขาทนรับความเสี่ยงเช่นนี้มิได้

 

 

“ขอรับ!” จู๋ซย่าทราบความสำคัญของเรื่องนี้ดี เขาจึงรีบขานตอบ

 

 

สีหน้าของฉินมู่ปิงดูย่ำแย่เกินกว่าปกติ ตลอดสองปีกว่าที่เขาอยู่ในเมืองหลวง นี่เป็นคราแรกที่ฉินเย่หานกระทำเรื่องเช่นนี้ออกมา

 

 

มิรู้ว่าทำไม เขากลับมีลางสังหรณ์ว่า ครานี้ฉินเย่หานจะมิปล่อยเขาไปง่ายๆอย่างแน่นอน

 

 

คนอย่างฉินเย่หานเพียงแต่มิลงมือเท่านั้น ทว่าทันทีที่เขาลงมือ เกรงว่าคงจะจัดการให้ถึงตาย…

 

 

เขาก็สะเพร่าเกินไปแล้ว คาดไม่ถึงว่าแม้แต่ผู้ติดตามข้างกายอู๋โยวหราน ก็ยังมีคนของฉินเย่หานปะปนอยู่

 

 

นั่นก็คือชิงหรงผู้นั้น

 

 

เรื่องได้ดำเนินจนถึงบัดนี้แล้ว ฉินมู่ปิงก็ไม่ได้ทันคิดอย่างคนไร้เดียงสาว่า ชิงหรงผู้นั้นจะเป็นเพียงสาวใช้ธรรมดาๆเท่านั้น

 

 

วิธีการของฉินเย่หานนั้นช่างเก่งกาจเกินไปแล้วจริงๆ!

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 1230 ความลับของราชสำนัก

 

 

หลังจากฉินมู่ปิงเดินออกไปแล้ว ภายในหอเก็บตำราจึงอยู่ในความเงียบอย่างแปลกประหลาด

 

 

ซูหลีเงยหน้ามองฉินเย่หานครู่หนึ่ง นางขยับปากเตรียมจะพูดอะไรออกมา ทว่ายังมิทันได้เปิดปากพูด

 

 

“ฝ่าบาท กระหม่อมทูลลาพ่ะย่ะค่ะ” จี้เหิงหรานเห็นอากัปกิริยาของซูหลีในสายตา เขากลับไม่เอ่ยอะไรออกมา เพียงแต่หลังจากที่ชะงักไปวูบหนึ่ง เขาเอ่ยคำพูดประโยคนี้ออกมา

 

 

มือสังหารที่จับได้นั้นก็ยังอยู่ภายในคุก ดังนั้นเขาจักต้องไปไต่สวนด้วยตัวเอง

 

 

เรื่องนี้จะมอบหมายให้ใครก็ไม่วางใจทั้งนั้น

 

 

ฉินเย่หานผงกศีรษะเล็กน้อย จี้เหิงหรานมองซูหลีที่อยู่ด้านข้างปราดหนึ่ง ทว่าไม่พูดอะไรออกมา จากนั้นหมุนกายเดินออกไปทันที

 

 

ทันทีที่เขาเดินออกไป ภายในหอเก็บตำราก็เหลือเพียงแค่ซูหลีกับฉินเย่หานสองคน

 

 

“มานี่” ฉินเย่หานมองนางปราดหนึ่ง พลันเอ่ยออกมาด้วยเสียงแผ่วเบา

 

 

ซูหลีได้ยินดังนั้นจึงผงะไปเล็กน้อย นางไม่ได้ปฏิเสธอะไร แล้วสาวเท้าเดินเข้าไปหยุดอยู่ข้างกายเขา

 

 

“เจ้าอยากจะขอความเมตตาให้กับฉินมู่ปิงหรือไม่” ทันทีที่นางเดินเข้าไป ฉินเย่หานจึงเอ่ยคำพูดเช่นนี้ออกมาด้วยเสียงเยียบเย็น

 

 

ซูหลีคิดไม่ถึงว่าเขาจะถามประโยคนี้ออกมา นางเงยหน้าขึ้นก็พบกับดวงตาที่ลุ่มลึกของเขาคู่นั้น ซึ่งกำลังมองหน้านางตาไม่กะพริบ ทั้งยังแฝงไปด้วยความกรุ่นโกรธ

 

 

ซูหลี…

 

 

ฮ่องเต้ผู้ที่ใจแคบผู้นี้ ดูแล้วเหมือนว่าเขาจะหึงหรือ

 

 

ทว่าปัญหานี้ แม้ว่าเขาจะไม่ถามขึ้น ทว่านางก็ต้องถามอยู่ดี

 

 

ซูหลีผงะเล็กน้อย แล้วส่ายศีรษะไปมาอย่างกะทันหันแล้วเอ่ยว่า “เขาอาจจะไม่บริสุทธิ์จริงๆก็ได้”

 

 

ฉินเย่หานได้ยินดังนั้นจึงผงะไป เขามองซูหลีปราดหนึ่งแล้ว เมื่อเห็นนางมีสีหน้าเรียบเฉย ยามที่นางเอ่ยคำพูดประโยคนี้ออกมา ท่วงท่าของนางก็ยังเป็นธรรมชาติ มิได้พูดปด

 

 

เขายิ้มขึ้นอย่างกะทันหัน พร้อมยกมือดึงให้ร่างนางเข้ามาและนั่งลงบนท่อนขาของตนเอง

 

 

“ฝ่าบาท?” ขณะที่ซูหลียังไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง ร่างของนางก็นั่งบนท่อนขาของเขาเสียแล้ว เมื่อแหงนศีรษะขึ้นก็สบเข้ากับดวงตาที่ลุ่มลึกของเขา

 

 

“อยู่ห่างจากเขาหน่อย” ใบหน้าของฉินเย่หานยังมีรอยยิ้มบางๆปรากฏบนใบหน้า ยามที่เขาฉีกยิ้มช่างดูหล่อเหลาเป็นอย่างมาก ซูหลีถูกความงดงามระยะกระชั้นชิดนี้ทำให้รู้สึกมึนงงยิ่งกว่าเดิม

 

 

ใครๆต่างก็พูดว่าจิตใจของสตรีลุ่มลึกดั่งงมเข็มในมหาสมุทร นางกลับรู้สึกต่างออกไป จิตใจของบุรุษผู้นี้ต่างหากที่ยากจะคาดเดา ฉินเย่หานเพียงครู่หนึ่งก็อารมณ์ดี อีกครู่ก็อารมณ์ไม่ดีแล้วอารมณ์แปรปรวนง่าย

 

 

นางไม่รู้จริงๆว่าในใจเขาคิดอะไรอยู่บ้าง

 

 

แต่ถึงอย่างไรหลังจากซูหลีได้ยินคำพูดประโยคนี้ นางยังผงกศีรษะ แม้ว่าฉินเย่หานจะไม่พูดเรื่องนี้ นางก็คิดจะทำเช่นนั้นเหมือนกัน

 

 

“ฝ่าบาท…” ซูหลีมีความสงสัยบางอย่าง เป็นสิ่งที่นางเก็บไว้ในใจมาโดยตลอด วันนี้เมื่อเห็นท่าทางของฉินเย่หานเช่นนี้แล้ว นางยิ่งรู้สึกฉงนสงสัยมากกว่าเดิมเสียอีก

 

 

เพียงแต่นางไม่รู้ว่า คำถามนี้จะถามออกไปได้หรือไม่

 

 

“อยากถามอะไรก็ถาม” ฉินเย่หานกวาดสายตามองนางปราดหนึ่ง สายตาของเขาไม่คิดจะห้ามปรามนาง

 

 

ทันทีที่ซูหลีก็เข้าใจความหมายที่เขาสื่อออกมา หัวใจของนางวูบไหว ความรู้สึกตื่นเต้นที่คุ้นเคยเกิดขึ้นอีกครั้ง นางพยายามสงบสติอารมณ์ของตนเอง ผ่านไปครู่หนึ่งถึงได้เอ่ยขึ้นว่า

 

 

“ดูเหมือนว่าฝ่าบาทกับจิ้งหนานอ๋องจะทรงมิได้สนิทกันนัก”

 

 

แม้จะพูดว่าถาม ทว่านางกลับพูดหยั่งเชิงด้วยคำพูดประโยคนี้

 

 

ฉินเย่หานได้ยินดังนั้น สีหน้าท่าทางของเขาจึงเยียบเย็นขึ้นในทันที ทว่าซูหลีทราบดีว่า ความเยียบเย็นนี้มิได้ปฏิบัติต่อนาง

 

 

“กับไทเฮา ก็ทรงดูเหมือนมิสนิทกันสักเท่าไร…” ซูหลีเห็นดังนั้นจึงเอ่ยประโยคนี้เสริมอีกประโยค

 

 

ฉินเย่หานอ้ำอึ้งเล็กน้อย จากนั้นจึงหันศีรษะมองไปที่นาง

 

 

ทว่ากลับเห็นประกายแวววาวในดวงตาและใบหน้าจิ้มลิ้มที่มองเขาอย่างระแวดระวัง

 

 

หัวใจของเขาพลันอ่อนยวบในทันที

 

 

เมื่อเห็นอากัปกิริยาของนางแล้ว มุมปากจึงค่อยๆยกขึ้น แล้วเอ่ยว่า “มิใช่ว่าไม่สนิท”

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+