เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ 1177 ฟาดฟันกันยิบตา / 1178 ความนัยที่แฝงซ่อนอยู่

Now you are reading เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ Chapter 1177 ฟาดฟันกันยิบตา / 1178 ความนัยที่แฝงซ่อนอยู่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1177 ฟาดฟันกันยิบตา

 

 

ทันทีที่ฉินเย่หานปรากฏตัวขึ้น สีหน้าของซูหลีกับจี้เหิงหรานต่างเปลี่ยนไป

 

 

ทั้งสองล้วนเงียบสงบในเวลาเดียวกัน บรรยากาศภายในพลันเปลี่ยนเป็นตึงเครียด

 

 

ดวงตาเยียบเย็นของฉินเย่หานตวัดมองไปที่ร่างของพวกเขาทั้งสองคนรอบหนึ่ง สุดท้ายหันกลับมามองที่ร่างของซูหลี ดวงตาเป็นไปด้วยความล้ำลึก อีกทั้งยังมีความลุ่มลึกจนทำให้คนรู้สึกกลัวจนตัวสั่น

 

 

ซูหลีถูกเขาจ้องมองเช่นนี้จนขนลุกซู่ไปหมด ทว่านางทำได้เพียงก้มศีรษะ แสร้งทำเป็นไม่รับรู้

 

 

“ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ” หวงเผยซานซอยเท้าเดินเข้ามาทางนี้ ทำความเคารพฉินเย่หานครั้งหนึ่งและรีบเอ่ยว่า “ทางห้องออกว่าราชการพร้อมแล้ว ฝ่าบาทจะเสด็จไปตอนนี้เลยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

 

 

“ไปเถอะ” ฉินเย่หานมองซูหลีกับจี้เหิงหรานปราดหนึ่ง สุดท้ายก็ไม่พูดอะไรออกมา เพียงหมุนกายและเดินออกไปพร้อมกับหวงเผยซาน

 

 

“เชิญใต้เท้าซู ใต้เท้าจี้ขอรับ!” หวงเผยซานเดินช้าไปครึ่งก้าว จากนั้นเรียกซูหลีกับจี้เหิงหรานด้วยรอยยิ้มเบิกบานใจ ไม่สามารถเห็นอะไรจากสีหน้าของเขาได้เลยแม้แต่น้อย

 

 

ทันทีที่พวกเขาถูกขัดจังหวะเช่นนี้ คล้ายกับการโต้เถียงกันระหว่างซูหลีกับจี้เหิงหรานไม่ได้เกิดขึ้นมิปาน

 

 

เพียงแต่ขนาดที่ซูหลีเงยศีรษะขึ้นมา ในดวงตามีประกายความมืดมนพาดผ่าน อากัปกิริยาของฉินเย่หานในเวลานี้ สมมุติว่านางตรวจสอบจนพบอะไรบางอย่าง ฉินเย่หานจะยืนอยู่ฝั่งนางหรือไม่

 

 

นางหายใจเข้าลึก นอกจากไทเฮา สกุลจี้มีจิตใจที่คอยคล้อยตามฉินเย่หานอย่างชัดเจนมาก จี้เหิงหรานอยู่ข้างกายฉินเย่หานมาตลอดหลายปีขนาดนี้ และความสัมพันธ์ของพวกเขาจึงสนิทสนมกันเป็นพิเศษ

 

 

ถ้าหาก…

 

 

สีหน้าของนางเข้มขึ้นวูบหนึ่ง และไม่ได้ครุ่นคิดอะไรต่อ

 

 

บัดนี้นางยังไม่สามารถตัดสินได้ แม้จะบอกว่าความแค้นระหว่างสกุลจี้กับสกุลหลี่ นางล้วนทราบอย่างชัดเจนแล้ว ทว่าภายในเรื่องของสกุลหลี่มีเงาของสกุลจี้หรือไม่ เรื่องนี้ยังพูดได้ยาก

 

 

ก่อนที่จะยืนยันในเรื่องนี้ ซูหลีไม่อยากแสดงเผชิญสกุลจี้โดยตรงในเวลานี้ สกุลจี้แตกต่างกับสกุลเซียว สกุลป๋ายในอดีต จักต้องค่อยๆ วางแผน

 

 

ทว่า…

 

 

ซูหลีมีความไม่พอใจต่อเรื่องของจี้เหิงหรานไม่ใช่แค่วันสองวันนี้เท่านั้น กอปรได้ยินเรื่องในวันนี้! ถึงแม้ไม่สามารถยืนยันความเกี่ยวข้องระหว่างสกุลจี้กับสกุลหลี่ได้ นางก็สู้จัดการกับจี้เหิงหรานผู้นี้!

 

 

ในดวงตาของซูหลีทอประกายความมืดมน นางไม่แม้แต่จะมองจี้เหิงหรานที่อยู่ด้านหลังเลยแม้แต่น้อยและหมุนกายออกจากหอเก็บตำรานี้ไป

 

 

จากนี้ไปซูหลีมาดหมายจะใช้คำพูดประโยคนี้ของนาง จัดการกับจี้เหิงหรานอย่างเด็ดขาด

 

 

ภายในไม่กี่ชั่วยามที่อยู่ในห้องออกว่าราชการ ซูหลีโต้แย้งคำแนะนำของจี้เหิงหรานไป 7 – 8 ข้อ จนดำเนินไปถึงช่วงสุดท้าย ไม่ว่าจี้เหิงหรานจะพูดอะไรออกมา นางจักต้องพูดแย้งขึ้นอยู่หลายประโยค

 

 

เหล่าขุนนางใหญ่ภายในห้องต่างก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่ไม่ปกติระหว่างนางกับจี้เหิงหราน

 

 

ในเวลานี้พวกเขาต่างมองหน้ากัน ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกมาถึงจะดี

 

 

บรรยากาศที่แปลกประหลาดนี้

 

 

ใบหน้าที่ขาวหมดจดและหล่อเหล่าของจี้เหิงหรานถูกซูหลีทำให้โมโหจนแดงก่ำบ้าง เขียวคล้ำบ้าง ซีดขาวบ้าง ดูไม่น่ามองเสียเหลือเกิน

 

 

“จบการประชุม!” สีหน้าของฉินเย่หานที่นั่งอยู่ด้านบนอึมครึม เหล่าขุนนางใหญ่ก็ไม่มีความรู้สึกอภิปรายเรื่องราชการแผ่นดินแล้ว เมื่อได้ยินคำพูดของฉินเย่หาน พวกเขาต่างพากันผ่อนลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง จากนั้นคุกเข่าลงอย่างเป็นระเบียบพร้อมกันและน้อมคำนับทำความเคารพ

 

 

เรื่องในวันนี้ พวกเขาก็ไม่อาจรับมือได้ง่าย

 

 

ที่จริงจะพูดไปแล้ว คนที่เข้าร่วมอภิปรายเรื่องราชการแผ่นดินที่พระราชวังแห่งนี้ล้วนเป็นขุนนางมือสะอาด ไม่ควรจะมีความขัดแย้งกันถึงจะถูก ทว่าถึงมีอะไรที่ไม่ถูกกัน เช่นนั้นเผชิญหน้ากันในเรื่องของแผ่นดินก็ถือว่าไม่เหมาะสม

 

 

เหมือนกับซูหลีกับจี้เหิงหรานที่ฟาดฟันกันยิบตาเช่นนี้ ไม่ใช่เรื่องที่พบได้บ่อยโดยแม้

 

 

อีกทั้งทั้งสองเป็นขุนนางที่ฝ่าบาททรงโปรดปรานและไว้เนื้อเชื่อใจ พวกเขาจะช่วยฝ่ายไหนนั้นก็ผิด ก็ถือโอกาสปิดปากเงียบไปเสียเลย

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 1178 ความนัยที่แฝงซ่อนอยู่

 

 

ทำตัวเสมือนตนไม่ได้อยู่ที่นี่!

 

 

“ใต้เท้าซูมีความสามารถจริงๆ !” หลังจากจบการประชุมราชกิจ จี้เหิงหรานพลันเดินมาที่ข้างกายซูหลี เอ่ยด้วยคำพูดประหลาด

 

 

“ใต้เท้าจี้จะเกรงใจเกินไปแล้ว ท่านจะไม่ใช่คนดีอะไรนัก พวกเราก็พอๆ กัน ไม่จำเป็นต้องชื่นชมกันในที่ส่วนตัวเช่นนี้ก็ได้กระมัง!” ซูหลีกวาดตามองเขาด้วยสายตาเย็นชาและเอ่ยคำพูดประชดประชันประโยคนี้ออกมา

 

 

จากนั้นหมุนกายเดินออกไป

 

 

เหลือเพียงจี้เหิงหรานที่ยังยืนอยู่ที่เดิม สีหน้าดำทะมึนจนถึงที่สุด

 

 

“คุณชาย พวกเรา…”

 

 

“ฝ่าบาทเล่า?” ข้ารับใช้ด้านข้างเรียกเขา ทว่ากลับถูกเขาขัดจังหวะอย่างเย็นชา

 

 

“ฝ่าบาทเสด็จไปที่หอเก็บตำราแล้วขอรับ” ยามที่ฮ่องเต้เสด็จออกไปโดยไม่ได้ปิดบังอำพรางการเคลื่อนไหวของตนแต่อย่างใด การอภิปรายราชการแผ่นดินกลายเป็นเช่นนี้แล้ว อย่างไรจี้เหิงหรานก็ต้องไปหาฮ่องเต้รอบหนึ่ง

 

 

ทว่าเขาไปครานี้ ไม่เพียงพูดเรื่องที่ถูกซูหลีทำพัง อีกทั้งก็เพื่อปรึกษากับฮ่องเต้ว่า ทรงต้องการให้เขาปฏิบัติต่อซูหลีผู้นี้อย่างไร!

 

 

หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าแม้แต่การอภิปรายราชการแผ่นดินที่ปกติก็จะกลายเป็นปัญหาไปด้วยแล้ว!

 

 

ดูอย่างวันนี้ ก็ไม่ใช่ตัวอย่างที่ดีที่สุดหรือ!?

 

 

“ไปหอเก็บตำรำ!” จี้เหิงหรานสะบัดแขนเสื้ออย่างรุนแรง จากนั้นเดินออกไป

 

 

 

 

ทางด้านซูหลีนั้นหลังจากเดินออกมาจากห้องออกว่าราชการแล้ว ก็หุบรอยยิ้มบนใบหน้าลง

 

 

สกุลจี้ สำหรับนางแล้ว เป็นเรื่องที่จัดการยากโดยแท้

 

 

ไม่ต้องพูดถึงคนอื่น แค่จี้ฉินคนเดียว นางก็ไม่รู้ว่าจะลงมืออย่างไร

 

 

“ใต้เท้าซู นี่กำลังจะไปที่ใดกัน” ขณะที่กำลังครุ่นคิด กับพลันได้ยินเสียงเช่นนี้ดังขึ้น ซูหลีหยุดฝีเท้าลง เหลือบตาขึ้นมองก็พบกับฉินมู่ปิงที่อยู่ในชุดลำลอง ใบหน้ายังมีรอยยิ้มล้อเลียนประดับอยู่

 

 

ซูหลีเลิกคิ้วเล็กน้อย ฉินมู่ปิงมาที่พระราชวังแห่งนี้ กลับเหมือนกับมาท่องเที่ยวมิปาน

 

 

การอภิปรายราชแผ่นดินก็ไม่เข้าร่วม อีกทั้งในยามปกติยังไม่เห็นแม้แต่เงา เดินเตร่เที่ยวเล่นไปทั่ว ใช้ชีวิตแต่ละวันอย่างสบาย

 

 

“ซื่อจื่อ” ซูหลีคำนับเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย

 

 

“ไม่เจอกันหลายวัน ใต้เท้าซูก็ปฏิบัติต่อข้าอย่างเกรงใจมากยิ่งขึ้น ความสัมพันธ์อย่างพวกเรา ไฉนจะต้องปฏิบัติเช่นนี้อีก ใต้เท้าซูรีบลุกขึ้นเถิด” ฉินมู่ปิงชำเลืองมอง เดินเข้ามาประคองซูหลีด้วยแววตาลึกซึ้ง

 

 

ทันทีที่มือของเขาสัมผัสกับซูหลี ก็รู้สึกได้ว่าซูหลีขดตัวลงไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงถอยหลังไปครึ่งก้าว หลบหลีกมือของเขา

 

 

แววตาของฉินมู่ปิงเข้มขึ้น กลับเห็นใบหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มของซูหลีและเอ่ยขึ้นว่า

 

 

“ซื่อจื่อพูดอะไรออกมากัน ทำให้ผู้อื่นฟังแล้วคิดว่าพวกเราทั้งสองมีความสัมพันธ์อย่างอื่นกัน! ซูหลีขออนุญาตพูดเตือนซื่อจื่อสักประโยค บุรุษกับสตรีนั้นแตกต่างกัน พวกเราก็แค่สหายร่วมสำนักกันก็เท่านั้น หากกระทำเช่นนี้ ต่อไปควรสนทนากันให้น้อยลงคงจะดีที่สุด!”

 

 

สีหน้าของฉินมู่ปิงเข้มขึ้นเล็กน้อย แต่ถึงอย่างไรนางก็หลบหลีกเขาไม่ได้

 

 

ทว่าไม่รู้ว่าเป็นความคิดเห็นของนางเอง หรือของบุรุษข้างกายนางที่ต้องการให้นางกระทำเช่นนี้?

 

 

ประกายความเย็นเยียบพาดผ่านในดวงตาของเขา ทว่าเขากลับไม่ยืนหยัดพูดเรื่องนี้ต่อ แต่กลับเอ่ยกับซูหลีด้วยรอยยิ้มบางๆ หนึ่งประโยค

 

 

“ดูท่าทางของใต้เท้าซูเช่นนี้ อย่างไรพวกเราก็ยังพูดได้ว่าเป็นสหายกันกระมัง ใต้เท้าซูปฏิบัติต่อสหายของตนเช่นนี้ดูห่างเหินเกินไปแล้ว!”

 

 

ซูหลีกลับยิ้มไม่พูดอะไร พวกจวนจิ้งหนานอ๋องไม่รู้ว่ามีความคิดอะไรไม่ดีอยู่หรือไม่ หากนางอยู่ใกล้ชิดเขา เช่นนั้นก็คือการไม่ต้องการศีรษะของตนแล้ว!

 

 

“ครั้งนี้ใต้เท้าซูทำให้เปิ่นซื่อจื่อผิดหวังจริงๆ !” เมื่อเห็นซูหลีไม่ตอบกลับ แววตาของฉินมู่ปิงวูบไหวเล็กน้อย จากนั้นเอ่ยคำพูดที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องเมื่อครู่ขึ้นมา

 

 

สีหน้าของซูหลีผงะไปเล็กน้อย พลันแหงนศีรษะขึ้นสบตากับเขา

 

 

“สกุลจี้ คงจะไม่จัดการยากเหมือนกับสองสกุลในอดีตกระมัง ใต้เท้าซูกลับเกิดความลังเลใจ…”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ 1177 ฟาดฟันกันยิบตา / 1178 ความนัยที่แฝงซ่อนอยู่

Now you are reading เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ Chapter 1177 ฟาดฟันกันยิบตา / 1178 ความนัยที่แฝงซ่อนอยู่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1177 ฟาดฟันกันยิบตา

 

 

ทันทีที่ฉินเย่หานปรากฏตัวขึ้น สีหน้าของซูหลีกับจี้เหิงหรานต่างเปลี่ยนไป

 

 

ทั้งสองล้วนเงียบสงบในเวลาเดียวกัน บรรยากาศภายในพลันเปลี่ยนเป็นตึงเครียด

 

 

ดวงตาเยียบเย็นของฉินเย่หานตวัดมองไปที่ร่างของพวกเขาทั้งสองคนรอบหนึ่ง สุดท้ายหันกลับมามองที่ร่างของซูหลี ดวงตาเป็นไปด้วยความล้ำลึก อีกทั้งยังมีความลุ่มลึกจนทำให้คนรู้สึกกลัวจนตัวสั่น

 

 

ซูหลีถูกเขาจ้องมองเช่นนี้จนขนลุกซู่ไปหมด ทว่านางทำได้เพียงก้มศีรษะ แสร้งทำเป็นไม่รับรู้

 

 

“ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ” หวงเผยซานซอยเท้าเดินเข้ามาทางนี้ ทำความเคารพฉินเย่หานครั้งหนึ่งและรีบเอ่ยว่า “ทางห้องออกว่าราชการพร้อมแล้ว ฝ่าบาทจะเสด็จไปตอนนี้เลยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

 

 

“ไปเถอะ” ฉินเย่หานมองซูหลีกับจี้เหิงหรานปราดหนึ่ง สุดท้ายก็ไม่พูดอะไรออกมา เพียงหมุนกายและเดินออกไปพร้อมกับหวงเผยซาน

 

 

“เชิญใต้เท้าซู ใต้เท้าจี้ขอรับ!” หวงเผยซานเดินช้าไปครึ่งก้าว จากนั้นเรียกซูหลีกับจี้เหิงหรานด้วยรอยยิ้มเบิกบานใจ ไม่สามารถเห็นอะไรจากสีหน้าของเขาได้เลยแม้แต่น้อย

 

 

ทันทีที่พวกเขาถูกขัดจังหวะเช่นนี้ คล้ายกับการโต้เถียงกันระหว่างซูหลีกับจี้เหิงหรานไม่ได้เกิดขึ้นมิปาน

 

 

เพียงแต่ขนาดที่ซูหลีเงยศีรษะขึ้นมา ในดวงตามีประกายความมืดมนพาดผ่าน อากัปกิริยาของฉินเย่หานในเวลานี้ สมมุติว่านางตรวจสอบจนพบอะไรบางอย่าง ฉินเย่หานจะยืนอยู่ฝั่งนางหรือไม่

 

 

นางหายใจเข้าลึก นอกจากไทเฮา สกุลจี้มีจิตใจที่คอยคล้อยตามฉินเย่หานอย่างชัดเจนมาก จี้เหิงหรานอยู่ข้างกายฉินเย่หานมาตลอดหลายปีขนาดนี้ และความสัมพันธ์ของพวกเขาจึงสนิทสนมกันเป็นพิเศษ

 

 

ถ้าหาก…

 

 

สีหน้าของนางเข้มขึ้นวูบหนึ่ง และไม่ได้ครุ่นคิดอะไรต่อ

 

 

บัดนี้นางยังไม่สามารถตัดสินได้ แม้จะบอกว่าความแค้นระหว่างสกุลจี้กับสกุลหลี่ นางล้วนทราบอย่างชัดเจนแล้ว ทว่าภายในเรื่องของสกุลหลี่มีเงาของสกุลจี้หรือไม่ เรื่องนี้ยังพูดได้ยาก

 

 

ก่อนที่จะยืนยันในเรื่องนี้ ซูหลีไม่อยากแสดงเผชิญสกุลจี้โดยตรงในเวลานี้ สกุลจี้แตกต่างกับสกุลเซียว สกุลป๋ายในอดีต จักต้องค่อยๆ วางแผน

 

 

ทว่า…

 

 

ซูหลีมีความไม่พอใจต่อเรื่องของจี้เหิงหรานไม่ใช่แค่วันสองวันนี้เท่านั้น กอปรได้ยินเรื่องในวันนี้! ถึงแม้ไม่สามารถยืนยันความเกี่ยวข้องระหว่างสกุลจี้กับสกุลหลี่ได้ นางก็สู้จัดการกับจี้เหิงหรานผู้นี้!

 

 

ในดวงตาของซูหลีทอประกายความมืดมน นางไม่แม้แต่จะมองจี้เหิงหรานที่อยู่ด้านหลังเลยแม้แต่น้อยและหมุนกายออกจากหอเก็บตำรานี้ไป

 

 

จากนี้ไปซูหลีมาดหมายจะใช้คำพูดประโยคนี้ของนาง จัดการกับจี้เหิงหรานอย่างเด็ดขาด

 

 

ภายในไม่กี่ชั่วยามที่อยู่ในห้องออกว่าราชการ ซูหลีโต้แย้งคำแนะนำของจี้เหิงหรานไป 7 – 8 ข้อ จนดำเนินไปถึงช่วงสุดท้าย ไม่ว่าจี้เหิงหรานจะพูดอะไรออกมา นางจักต้องพูดแย้งขึ้นอยู่หลายประโยค

 

 

เหล่าขุนนางใหญ่ภายในห้องต่างก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่ไม่ปกติระหว่างนางกับจี้เหิงหราน

 

 

ในเวลานี้พวกเขาต่างมองหน้ากัน ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกมาถึงจะดี

 

 

บรรยากาศที่แปลกประหลาดนี้

 

 

ใบหน้าที่ขาวหมดจดและหล่อเหล่าของจี้เหิงหรานถูกซูหลีทำให้โมโหจนแดงก่ำบ้าง เขียวคล้ำบ้าง ซีดขาวบ้าง ดูไม่น่ามองเสียเหลือเกิน

 

 

“จบการประชุม!” สีหน้าของฉินเย่หานที่นั่งอยู่ด้านบนอึมครึม เหล่าขุนนางใหญ่ก็ไม่มีความรู้สึกอภิปรายเรื่องราชการแผ่นดินแล้ว เมื่อได้ยินคำพูดของฉินเย่หาน พวกเขาต่างพากันผ่อนลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง จากนั้นคุกเข่าลงอย่างเป็นระเบียบพร้อมกันและน้อมคำนับทำความเคารพ

 

 

เรื่องในวันนี้ พวกเขาก็ไม่อาจรับมือได้ง่าย

 

 

ที่จริงจะพูดไปแล้ว คนที่เข้าร่วมอภิปรายเรื่องราชการแผ่นดินที่พระราชวังแห่งนี้ล้วนเป็นขุนนางมือสะอาด ไม่ควรจะมีความขัดแย้งกันถึงจะถูก ทว่าถึงมีอะไรที่ไม่ถูกกัน เช่นนั้นเผชิญหน้ากันในเรื่องของแผ่นดินก็ถือว่าไม่เหมาะสม

 

 

เหมือนกับซูหลีกับจี้เหิงหรานที่ฟาดฟันกันยิบตาเช่นนี้ ไม่ใช่เรื่องที่พบได้บ่อยโดยแม้

 

 

อีกทั้งทั้งสองเป็นขุนนางที่ฝ่าบาททรงโปรดปรานและไว้เนื้อเชื่อใจ พวกเขาจะช่วยฝ่ายไหนนั้นก็ผิด ก็ถือโอกาสปิดปากเงียบไปเสียเลย

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 1178 ความนัยที่แฝงซ่อนอยู่

 

 

ทำตัวเสมือนตนไม่ได้อยู่ที่นี่!

 

 

“ใต้เท้าซูมีความสามารถจริงๆ !” หลังจากจบการประชุมราชกิจ จี้เหิงหรานพลันเดินมาที่ข้างกายซูหลี เอ่ยด้วยคำพูดประหลาด

 

 

“ใต้เท้าจี้จะเกรงใจเกินไปแล้ว ท่านจะไม่ใช่คนดีอะไรนัก พวกเราก็พอๆ กัน ไม่จำเป็นต้องชื่นชมกันในที่ส่วนตัวเช่นนี้ก็ได้กระมัง!” ซูหลีกวาดตามองเขาด้วยสายตาเย็นชาและเอ่ยคำพูดประชดประชันประโยคนี้ออกมา

 

 

จากนั้นหมุนกายเดินออกไป

 

 

เหลือเพียงจี้เหิงหรานที่ยังยืนอยู่ที่เดิม สีหน้าดำทะมึนจนถึงที่สุด

 

 

“คุณชาย พวกเรา…”

 

 

“ฝ่าบาทเล่า?” ข้ารับใช้ด้านข้างเรียกเขา ทว่ากลับถูกเขาขัดจังหวะอย่างเย็นชา

 

 

“ฝ่าบาทเสด็จไปที่หอเก็บตำราแล้วขอรับ” ยามที่ฮ่องเต้เสด็จออกไปโดยไม่ได้ปิดบังอำพรางการเคลื่อนไหวของตนแต่อย่างใด การอภิปรายราชการแผ่นดินกลายเป็นเช่นนี้แล้ว อย่างไรจี้เหิงหรานก็ต้องไปหาฮ่องเต้รอบหนึ่ง

 

 

ทว่าเขาไปครานี้ ไม่เพียงพูดเรื่องที่ถูกซูหลีทำพัง อีกทั้งก็เพื่อปรึกษากับฮ่องเต้ว่า ทรงต้องการให้เขาปฏิบัติต่อซูหลีผู้นี้อย่างไร!

 

 

หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าแม้แต่การอภิปรายราชการแผ่นดินที่ปกติก็จะกลายเป็นปัญหาไปด้วยแล้ว!

 

 

ดูอย่างวันนี้ ก็ไม่ใช่ตัวอย่างที่ดีที่สุดหรือ!?

 

 

“ไปหอเก็บตำรำ!” จี้เหิงหรานสะบัดแขนเสื้ออย่างรุนแรง จากนั้นเดินออกไป

 

 

 

 

ทางด้านซูหลีนั้นหลังจากเดินออกมาจากห้องออกว่าราชการแล้ว ก็หุบรอยยิ้มบนใบหน้าลง

 

 

สกุลจี้ สำหรับนางแล้ว เป็นเรื่องที่จัดการยากโดยแท้

 

 

ไม่ต้องพูดถึงคนอื่น แค่จี้ฉินคนเดียว นางก็ไม่รู้ว่าจะลงมืออย่างไร

 

 

“ใต้เท้าซู นี่กำลังจะไปที่ใดกัน” ขณะที่กำลังครุ่นคิด กับพลันได้ยินเสียงเช่นนี้ดังขึ้น ซูหลีหยุดฝีเท้าลง เหลือบตาขึ้นมองก็พบกับฉินมู่ปิงที่อยู่ในชุดลำลอง ใบหน้ายังมีรอยยิ้มล้อเลียนประดับอยู่

 

 

ซูหลีเลิกคิ้วเล็กน้อย ฉินมู่ปิงมาที่พระราชวังแห่งนี้ กลับเหมือนกับมาท่องเที่ยวมิปาน

 

 

การอภิปรายราชแผ่นดินก็ไม่เข้าร่วม อีกทั้งในยามปกติยังไม่เห็นแม้แต่เงา เดินเตร่เที่ยวเล่นไปทั่ว ใช้ชีวิตแต่ละวันอย่างสบาย

 

 

“ซื่อจื่อ” ซูหลีคำนับเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย

 

 

“ไม่เจอกันหลายวัน ใต้เท้าซูก็ปฏิบัติต่อข้าอย่างเกรงใจมากยิ่งขึ้น ความสัมพันธ์อย่างพวกเรา ไฉนจะต้องปฏิบัติเช่นนี้อีก ใต้เท้าซูรีบลุกขึ้นเถิด” ฉินมู่ปิงชำเลืองมอง เดินเข้ามาประคองซูหลีด้วยแววตาลึกซึ้ง

 

 

ทันทีที่มือของเขาสัมผัสกับซูหลี ก็รู้สึกได้ว่าซูหลีขดตัวลงไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงถอยหลังไปครึ่งก้าว หลบหลีกมือของเขา

 

 

แววตาของฉินมู่ปิงเข้มขึ้น กลับเห็นใบหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มของซูหลีและเอ่ยขึ้นว่า

 

 

“ซื่อจื่อพูดอะไรออกมากัน ทำให้ผู้อื่นฟังแล้วคิดว่าพวกเราทั้งสองมีความสัมพันธ์อย่างอื่นกัน! ซูหลีขออนุญาตพูดเตือนซื่อจื่อสักประโยค บุรุษกับสตรีนั้นแตกต่างกัน พวกเราก็แค่สหายร่วมสำนักกันก็เท่านั้น หากกระทำเช่นนี้ ต่อไปควรสนทนากันให้น้อยลงคงจะดีที่สุด!”

 

 

สีหน้าของฉินมู่ปิงเข้มขึ้นเล็กน้อย แต่ถึงอย่างไรนางก็หลบหลีกเขาไม่ได้

 

 

ทว่าไม่รู้ว่าเป็นความคิดเห็นของนางเอง หรือของบุรุษข้างกายนางที่ต้องการให้นางกระทำเช่นนี้?

 

 

ประกายความเย็นเยียบพาดผ่านในดวงตาของเขา ทว่าเขากลับไม่ยืนหยัดพูดเรื่องนี้ต่อ แต่กลับเอ่ยกับซูหลีด้วยรอยยิ้มบางๆ หนึ่งประโยค

 

 

“ดูท่าทางของใต้เท้าซูเช่นนี้ อย่างไรพวกเราก็ยังพูดได้ว่าเป็นสหายกันกระมัง ใต้เท้าซูปฏิบัติต่อสหายของตนเช่นนี้ดูห่างเหินเกินไปแล้ว!”

 

 

ซูหลีกลับยิ้มไม่พูดอะไร พวกจวนจิ้งหนานอ๋องไม่รู้ว่ามีความคิดอะไรไม่ดีอยู่หรือไม่ หากนางอยู่ใกล้ชิดเขา เช่นนั้นก็คือการไม่ต้องการศีรษะของตนแล้ว!

 

 

“ครั้งนี้ใต้เท้าซูทำให้เปิ่นซื่อจื่อผิดหวังจริงๆ !” เมื่อเห็นซูหลีไม่ตอบกลับ แววตาของฉินมู่ปิงวูบไหวเล็กน้อย จากนั้นเอ่ยคำพูดที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องเมื่อครู่ขึ้นมา

 

 

สีหน้าของซูหลีผงะไปเล็กน้อย พลันแหงนศีรษะขึ้นสบตากับเขา

 

 

“สกุลจี้ คงจะไม่จัดการยากเหมือนกับสองสกุลในอดีตกระมัง ใต้เท้าซูกลับเกิดความลังเลใจ…”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+