เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ 621 ไม่เอ่ยก็ถือว่าตกลงแล้ว / 622 เมื่อซูหลีตื่นขึ้นมา

Now you are reading เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ Chapter 621 ไม่เอ่ยก็ถือว่าตกลงแล้ว / 622 เมื่อซูหลีตื่นขึ้นมา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 621 ไม่เอ่ยก็ถือว่าตกลงแล้ว 

 

 

เสื้อตัวในสุดก็ร่วงหลุดลงตามมา สายตาของฉินเย่หานหยุดอยู่บนสิ่งที่ไม่ค่อยปรากฏอยู่บนร่างของซูหลี 

 

 

ของสิ่งนั้นวางทับกันเป็นชั้นๆ มีความหนาเป็นอย่างยิ่ง ปกคลุมอยู่บนหน้าอกของซูหลีอย่างแน่นหนามิดชิด ทว่าแม้ของสิ่งนี้ปกปิดอยู่ ยามที่ปลดชุดอาภรณ์ตัวนอกนั้นแล้ว ในเวลานี้ก็เผยให้เห็นความงามเดิมมีที่อยู่อย่างชัดเจน 

 

 

เมื่อไม่มีเสื้อตัวนอกปกปิด กลับเผยให้เห็นร่องรอยบางอย่าง 

 

 

ดวงตาของฉินเย่หานมองอย่างลุ่มลึก ใบหน้าของเขายังคงเรียบเฉย นัยน์ตากลับไม่มีความประหลาดใจเลยสักนิด 

 

 

เขาเพียงชะงักไปครู่หนึ่ง จู่ๆ ก็ยื่นมือออกมา… 

 

 

แควก ผ้าขาวที่ปิดบังภูเขาที่เชื่อมกันสองลูกอย่างขวางหูขวางตา ยามอยู่ในมือของเขาก็กลายเป็นเศษผ้าไปเสียแล้ว และเผยให้เห็นทิวทัศน์ที่งดงามอย่างแท้จริงภายใน 

 

 

ริมฝีปากของฉินเย่หานอมยิ้มโดยตลอด จนกระทั่งถึงบัดนี้รอยยิ้มนั้นได้เลือนรางหายไปจากใบหน้าของเขาจนหมด อีกทั้งเขาผู้ซึ่งมีใบหน้าที่แสดงสีหน้าเย็นชาดุจน้ำแข็งมาโดยตลอด กลับเผยสีหน้าอย่างอื่นออกมา 

 

 

แม้แต่ลมหายใจก็ยังเปลี่ยนเป็นถี่แรงขึ้น 

 

 

“หนาว!” ซูหลีขยับไปมาอย่างไม่รู้สึกตัว ริมฝีปากเล็กขมุบขมิบเอ่ยคำพูดประโยคนี้ออกมา 

 

 

“แค่นี้ก็ไม่หนาวแล้ว” เป็นเรื่องหาได้ยากยิ่งที่จะเห็นฉินเย่หานมีอารมณ์ดีเช่นนี้ เขาเอ่ยประโยคนี้กับนางที่กำลังนอนหลับใหล 

 

 

ขณะที่เขาเอ่ยกลับไม่มีความลังเลใจเลยแม้แต่น้อย เขาถอดเสื้อคลุมตัวใหญ่ออกมาและคลุมบนร่างของซูหลี 

 

 

อืม เหมือนกับที่จินตนาการไว้มิผิด เพียงปลายนิ้วแตะลงบนบริเวณนั้น ราวกับเปลวไฟที่กำลังแผดเผาเขาทั้งร่าง 

 

 

ความอ่อนยวบนี้ทำให้ความเย็นยะเยียบทั้งร่างถูกแผดเผาจะมลายหายไปหมดแล้ว 

 

 

“ได้หรือไม่” เขาโน้มเข้าไปใกล้ซูหลี ริมฝีปากร้อนดุจไฟของเขาประทับลงบนหว่างคิ้ว หน้าผาก…ประทับไปแทบทุกจุดบนใบหน้าของซูหลี 

 

 

“ในเมื่อไม่เอ่ย เราก็ถือว่าเจ้าตกลงแล้ว” ฉินเย่หานมองนางด้วยสายตาลุ่มลึก จากนั้นจึงประทับริมฝีปากของตนลงบนกลีบริมฝีปากที่เย้ายวนและคลุกเคล้าไปด้วยกลิ่นหอมของสุราในร่างซูหลี 

 

 

ดูดขบอย่างล้ำลึก 

 

 

“อื้อ” ซูหลีที่กำลังตกอยู่ห้วงแห่งฝัน ขยับศีรษะไปมาอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว ทว่ากลับถูกเขาใช้มือกดร่างเอาไว้ นางทำได้เพียงอ้าปากและปล่อยให้บุรุษที่อยู่เหนือร่างทำตามอำเภอใจ 

 

 

เมื่อริมฝีปากถูกจุมพิตเอาไว้เช่นนี้ ร่างกายของซูหลีจึงเริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ นางยังคงอยู่ในสภาพไม่รู้สึกตัว เพียงแต่รู้สึกถึงความประหลาดบนร่างกาย คล้ายกับถูกอะไรบางอย่างพัวพันบนร่างอยู่มิปาน 

 

 

ทันใดนั้น… 

 

 

“โอ๊ย!” ในขณะที่หลับใหลอยู่ นางกลับรู้สึกถึงความเจ็บปวดคล้ายร่างถูกฉีกออกมาเป็นเสี่ยงๆ จนอดที่จะร้องออกมาอย่างตกใจมิได้ 

 

 

ทว่าหลังจากเสียงร้องนั้นแล้ว แม้แต่ริมฝีปากของนางก็ถูกคนปิดไว้ และไม่ได้ยินเสียงอะไรใดๆ อีกเลย นางทำได้เพียงรับการถูกกระทำทั้งหมดนี้ไว้ 

 

 

ทำให้บุรุษที่อยู่บนร่างของนางรุกรานร่างกายของนางทุกกระเบียดนิ้วอย่างซ้ำแล้วซ้ำเล่าและต่อเนื่อง 

 

 

ความรู้สึกล้ำลึกไปถึงกระดูก ลิ้มลองรสชาติแล้วติดใจจนต้องกินอีก 

 

 

ฉินเย่หานไม่เคยรับรู้มาก่อนว่าเรื่องระหว่างชายหญิงจะมีความสนุกสนานเช่นนี้ 

 

 

ดังนั้นราตรีนี้จึงอีกยาวนาน! 

 

 

 

 

 

“เจ้าได้ยินเสียงอะไรหรือไม่” ด้านนอกตำหนักมีหวงเผยซานและโจวเว่ยยืนเรียงหน้ากระดาน โจวเว่ยที่ยืนอยู่นาน ในที่สุดก็ทนไม่ไหวจนต้องเอ่ยประโยคนี้ออกมา 

 

 

“คะ แค่กๆ!” หวงเผยซานได้ยินเช่นนั้นแทบจะสำลักน้ำลายตนเอง เขากวาดตามองไปทางโจวเว่ยคนเซ่อซ่าปราดหนึ่ง และเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ว่า 

 

 

“ข้าไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้น!” 

 

 

“…” โจวเว่ยหมดคำจะพูด 

 

 

ไม่ได้ยินก็ไม่ได้ยินสิ จะโมโหเช่นนี้ไปทำไมกัน!? 

 

 

เขามองไปที่หวงเผยซานอย่างรังเกียจปราดหนึ่ง จากนั้นหันศีรษะไปอีกทาง ไม่เอ่ยอะไรต่อ 

 

 

ทว่าโจวเว่ยไม่เห็นว่าหลังจากที่เขาหันกลับไป สีหน้าของหวงเผยพลันปรากฏประกายความสับสนออกมา คล้ายกับเบิกบานใจและคล้ายกับกังวลใจระคนกัน 

 

 

การเคลื่อนไหวภายในตำหนักติดต่อกันต่อเนื่องตลอดทั้งคืน จนกระทั่งท้องฟ้าเผยความสว่างดุจพุงปลา ทุกอย่างถึงได้สงบลง 

 

 

“ใครก็ได้เข้ามา” หวงเผยซานที่กำลังสัปหงกอยู่ด้านนอก เมื่อได้ยินดังนั้นจึงสะดุ้งโหยงตกใจในทันที 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 622 เมื่อซูหลีตื่นขึ้นมา 

 

 

“ใครก็ได้เข้าไปเร็วเข้า!” หวงเผยซานตกใจตื่นอย่างรวดเร็ว เขาจึงเรียกขันทีเป็นคนรับใช้ อีกทั้งยังให้สาวใช้ที่มีใบหน้าธรรมดาเข้าไปภายในตำหนัก 

 

 

“ฝ่าบาท น้ำได้เตรียมไว้เรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ” หลังจากเข้าไปภายในตำหนัก หวงเผยซานกลับโบกมือให้กับคนที่อยู่เบื้องหลัง ไม่ให้คนเหล่านั้นส่งเสียงออกมา 

 

 

“อืม” ฉินเย่หานตอบรับ ทางหวงเผยซานผ่อนลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง จากนั้นนำคนเดินไปที่ข้างเตียงมังกร 

 

 

เมื่อเขาเดินไปถึงได้พบว่าฉินเย่หานสวมชุดลำลองสีขาว นั่งอยู่บนเตียงมังกร ทว่าเตียงมังกรที่อยู่เบื้องหลังของเขานั้น กลับถูกม่านตาข่ายบางปกคลุมไว้ จึงไม่สามารถมองเห็นด้านในอย่างชัดเจน 

 

 

หวงเผยซานไม่กล้าเดินไปดู เขาเพียงก้มศีรษะเดินเตามไปที่ห้องอาบน้ำที่อยู่ด้านข้างพร้อมกับฉินเย่หาน 

 

 

เหล่าข้ารับใช้ที่เดินตามเขามาก็เข้าไปภายในห้องอาบน้ำพร้อมกับเขา เหลือเพียงสาวรับใช้สองคนภายในเท่านั้น หลังจากที่พวกเขาเข้าไปภายในห้องอาบน้ำ พวกนางทั้งสองจึงเดินเข้าไป จากนั้นค่อยๆ เลิกผ้าม่านตาข่ายบางนั้นเปิดออก 

 

 

ทันทีที่เปิดม่านออกก็มีกลิ่นอายอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวโชยเข้ามา สาวใช้ทั้งสองหลุบตามองพื้น ไม่กล้าที่จะขยับอะไรทั้งสิ้น 

 

 

พวกนางเพียงมองที่ร่างสตรีที่นอนอยู่กลางเตียงผู้นั้น 

 

 

เส้นผมของนางที่ยาวจนถึงเอว ในเวลานี้แผ่กระจายอย่างยุ่งเหยิงบนเตียงมังกร ไรผมมีความเปียกชื้นเล็กน้อย ใบหน้าจิ้มลิ้มแดงก่ำ บนร่างสวมชุดลำลองสีขาวดุจหิมะอยู่ เพียงแต่คอเสื้อเปิดออกมากกว่าครึ่ง เผยให้เห็นรอยช้ำสีเขียวอมม่วงบนผิวของนาง 

 

 

สาวใช้นางสองกวาดตามองปราดหนึ่ง จากนั้นจึงก้มศีรษะลง ไม่กล้ามองนางต่อ 

 

 

พวกนางเพียงประคองซูหลีที่กำลังสะลึมสะลือให้ลุกขึ้นจากเตียง จากนั้นพานางไปห้องอาบน้ำอีกห้องหนึ่ง 

 

 

ทันทีที่พวกนางเข้าไปในห้องอาบน้ำ ก็มีข้ารับใช้เข้ามาเก็บกวาดเตียงที่ยุ่งเหยิงจนสะอาดหมดจด 

 

 

ขณะจัดผ้าปูที่นอนให้เข้าที่เห็นรอยเลือดสีเข้มอยู่บนผ้าปู หลังจากข้ารับใช้เหล่านั้นชะงักไปเล็กน้อย ก็ไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมา เพียงเปลี่ยนผ้าปูที่นอนที่สะอาดอีกผืนหนึ่งเท่านั้น 

 

 

หลังจากทำทุกอย่างเสร็จ ท้องฟ้าก็สว่างแล้ว 

 

 

สาวใช้ทั้งสองคนปรนนิบัติซูหลีอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว หลังจากเปลี่ยนอาภรณ์สะอาดให้แก่นางเสร็จ ก็ประคองนางกลับเข้ามาในห้อง 

 

 

ที่แปลกเป็นอย่างมากก็คือ ทั้งสองคนนี้มีฝีเท้าที่มั่นคง ร่างของพวกนางดูผอมอ่อนแอ ทว่ากลับมีพละกำลังมากมาย ซูหลีอยู่ในกำมือของพวกนาง คล้ายดั่งของสิ่งหนึ่งที่ถูกเคลื่อนย้ายได้ตามอำเภอใจ 

 

 

“โอ๊ย!” ภายใต้การเคลื่อนไหวไปมา ในที่สุดซูหลีก็ฟื้นคืนสติ 

 

 

ทว่านางกลับรู้สึกปวดหัว…ไม่สิ ไม่ใช่ปวดหัว รู้สึกเจ็บแปลบระบมไปทั่วร่างกาย ทั้งท่อนบนและท่อนล่างของร่างกายประหนึ่งถูกของบางอย่างกลิ้งทับมิปาน โดยเฉพาะบริเวณที่มิอาจบรรยายได้ทั้งรู้สึกทั้งเมื่อยและเจ็บไปทั่วกาย 

 

 

ที่จริงแล้วตลอดทั้งคืนนี้นางมิใช่ไร้สติสัมปชัญญะทั้งหมด ดื่มสุรามิใช่ถูกวางยาเสน่ห์ เพียงแต่ความแปรปรวนทำให้ไม่ได้ฟื้นคืนสติทั้งหมด นางไม่ใช่ว่าหมดสติจนไม่รู้สึกอะไร ทว่าอาการนั้นไม่ต่างกันมาก 

 

 

ในขณะที่กำลังสะลึมสะลือยังจำได้ว่ามีคนผู้หนึ่งกดร่างของนางเอาไว้ 

 

 

ช้าก่อน… 

 

 

กดร่างของนางเอาไว้ อีกทั้งยังมีบางส่วนที่รู้สึกปวดเมื่อย! 

 

 

ซูหลีที่กำลังอยู่ในการอาการใจลอย พลันลืมตาขึ้นอย่างทันทีทันใด 

 

 

ทว่าสิ่งที่ซูหลีคาดไม่ถึงที่สุดก็คือ ภาพที่ปรากฏในสายตาเป็นภาพสีเหลืองกระจ่าง นี่… 

 

 

ภาพสถานที่แห่งนี้จะมองอย่างไรก็ให้ความรู้สึกที่คุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก 

 

 

ในชั่วขณะนี้สมองของซูหลีประมวลภาพโดยฉับพลัน 

 

 

นี่คือที่ใด นางคือใคร เหตุใดนางมาอยู่ที่นี่ได้ 

 

 

ทว่าไม่รอให้นางรู้สึกแปลกใจอีกสักครู่ นางก็ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวดังขึ้น ซูหลีหันศีรษะไปมองอย่างรีบร้อน ก็พบกับ… 

 

 

ฉินเย่หานที่สวมชุดลำลองสีเหลืองสว่าง ปั้นหน้าเย็นชาเดินเข้ามาจากด้านข้าง ขณะที่หันศีรษะไปก็สบเข้ากับดวงตาของเขาพอดี! 

 

 

ซูหลีรู้สึกว่าแววตาของเขาเปลี่ยนไปในชั่วพริบตา! 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด