โปรดเรียกผมว่า วีรบุรุษรีไซเคิล 125

Now you are reading โปรดเรียกผมว่า วีรบุรุษรีไซเคิล Chapter 125 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

RC:บทที่ 125 การจากลา

“เธอมาดูแลผมหลายวันแล้ว?” เมื่อได้ยินอย่างนี้ หลินเฟิงก็รู้สึกอบอุ่น

“ใช่ และน้องชายคนนี้ด้วย เขามาอยู่กับเด็กสาวหลายวันแล้ว ขอบคุณมาก ๆ นะจ๊ะ!” แม่กล่าว

“โอ้ ใช่สิ แม่ครับ! ว่าแต่ผมหิวนิดหน่อย แม่ แม่ไปซื้อข้าวให้ผมหน่อยได้ไหม? ” เมื่อหลินเฟิงตื่นขึ้นมาท้องเขาก็ร้อง

“โอ้ ใช้ คนเราต้องเติมกระเพาะทุกวัน! ลูกไม่ได้กินข้าวมานาน งั้นแม่จะไปซื้อให้นะ! ” เมื่อพูดจบ แม่ก็รีบออกไปซื้อข้าวให้หลินเฟิง

 

“หยวนเฟิง นายไปนั่งรอก่อน ฉันเพิ่งตื่นเลยยังมึน ๆ อยู่ ฉันขอพักก่อน!” ตอนนี้หลินเฟิงรู้สึกไม่สบายนิด ๆ และหัวของเขาก็มึน ๆ

“อื้อ งั้นนายพักก่อน” จากนั้นซูหยวนเฟิงก็ออกไป

หลินเฟิงหลับตาลงและเรียกมังกรดำในจิต

“มังกรดำ มังกรดำ เจ้าเป็นอะไรไป?”

หลินเฟิงพบว่าลมหายใจของมังกรดำนั้นช่างอ่อนล้า ดูย่ำแย่กว่าเสี่ยวเฮ่ยและซานหลงซะอีก

ในตอนนั้น ลมหายใจของมังกรดำนั้นมีพลังมากที่สุด แม้แต่การรวมพลังของซานหลงและเสี่ยวเฮ่ยก็อาจยังไม่แข็งแกร่งเท่าลมหายใจของมังกรดำ แต่ในตอนนี้มังกรดำนั้นอ่อนแอมากจนหลินเฟิงแทบจะไม่รู้สึกถึงมันได้

“นายท่าน ท่านตื่นแล้ว!”

มังกรดำไม่ได้ตอบรับหลินเฟิงตั้งแต่แรกแต่มันดูห่วงใยหลินเฟิง

 

“อืม ฉันดีขึ้นแล้ว? เจ้าดูอ่อนล้าขนาดนี้ได้อย่างไร? ” หลินเฟิงถาม

“นายท่าน ข้าเคยบอกท่านแล้วว่าเลือดมังกรในตัวไม่ใช่เลือดของข้าเองแต่มันถูกฉีดเข้ามา เมื่อข้ากลายพันธุ์ถึงจะสามารถหลอมรวมมันได้ ” มังกรดำกล่าวอย่างอ่อนล้า

“ฉันรู้แล้ว แต่ทำไมมันถึงทำให้เจ้าอ่อนแอลงล่ะ?” หลินเฟิงไม่เข้าใจ

“เพราะเลือดนี้ไม่ใช่ของข้าแต่ร่างกายข้าค่อนข้างพิเศษและรองรับเลือดนี้ได้และความสามารถของเลือดส่วนหนึ่งก็ได้ตื่นขึ้นมา”

“แต่มันเป็นเพราะข้าไม่สามารถปลุกสายเลือดได้อย่างเต็มที่ ข้าเลยไม่สามารถใช้ความสามารถที่แข็งแกร่งเกินไปนี้ได้เพราะร่างกายนี้ทนผลกระทบจากเลือดนั่นไม่ไหว รวมถึงสายฟ้าพิโรธวันนั้นก็ยังทำร้ายตัวข้าเอง ข้าเลยอ่อนแรงลง!!”

มังกรดำอธิบายทุกอย่างแก่หลินเฟิง หลินเฟิงเข้าใจแล้วว่าทำไมมังกรดำถึงอ่อนแอลง

“งั้นทำอย่างไรเจ้าถึงจะกลายร่างได้อย่างเต็มที่และปลุกสายเลือดของเจ้าให้ตื่นขึ้นมาได้?” หลินเฟิงถาม

 

“ข้าไม่รู้ บางทีเราอาจจะต้องแข็งแกร่งยิ่งกว่านี้ ทุกครั้งที่เราแข็งแกร่งขึ้น พลังของเลือดก็จะผสานกันได้มากขึ้น! ภายใต้สถานการณ์ปกติ จุดอ่อนมันคือมังกรคือสัตว์วิญญาณระดับสูง แต่ข้าเป็นเพียงสัตว์วิญญาณระดับต่ำ ดังนั้นข้าเลยไม่สามารถควบคุมพลังของเลือดนี้ได้! “

 

“ครั้งหนึ่งข้าเคยบังคับใช้มัน มันจึงเจ็บเข้าไปถึงข้างใน นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ข้าอ่อนแอถึงขนาดนี้ เอ่อ นายท่าน ข้าอ่อนล้ามาก ข้าขอหลับก่อน! ” จากนั้นเสียงของมังกรดำก็หายไปอย่างสมบูรณ์

“มังกรดำ มังกรดำ?”

หลินเฟิงอยากจะถามบางอย่างอีกแต่เสียงของมังกรดำราวเงียบราวกับหินที่อยู่ก้นทะเล หลังจากที่พักอย่างเงียบ ๆ หลินเฟิงก็รู้สึกได้ถึงลมหายใจจาง ๆ ในจิต

ต่อมา หลินเฟิงพักอยู่ในโรงพยาบาลอีกสามวันแล้วจึงได้ออกมา!

 

หลินเฟิงเข้าโรงพยาบาลนานถึงสิบวัน ตอนนั้นมังกรดำทำให้วิญญาณของหลินเฟิงบาดเจ็บและเขาก็หลับไปหนึ่งสัปดาห์

เวลานี้ การอาการบาดเจ็บทั่วไปของหลินเฟิงนั้นหายดีแล้ว แม้บริเวณที่เขาได้รับบาดเจ็บจากตงฟางเสี่ยงกับเสือเทียนเล่ยจะสาหัสมาก ซึ่งส่วนใหญ่จะทำให้กระดูกบาดเจ็บ

แต่หลังจากที่ได้รับการรักษามามากกว่าสิบวันผสานกับความสามารถในการฟื้นฟูความแข็งแกร่งของหลินเฟิงจึงทำให้กลับมาเป็นปกติ

 

วันออกจากโรงพยาบาล:

“หลินเฟิง นายรักษาตัวด้วยนะ?”

ในตอนที่หลินเฟิงพร้อมจะกลับบ้านหลังออกจากโรงพยาบาล ซูหว่านเอ๋อร์และซูหยวนเฟิงก็เดินมาส่งหลินเฟิงที่ประตูและกล่าวลา

“เอ่อ ได้สิ ขอบคุณนะ! หว่านเอ๋อร์ หยางเฟิง พวกนายอยากไปเล่นเกมที่บ้านฉันไหม? ” หลินเฟิงกล่าว

“ฉันไม่ไปหรอก ไว้คราวหน้าละกัน!” ซูว่านเอ๋อร์กล่าว

ที่จริง หลินเฟิงเห็นได้จากสายตาว่าเธออยากจะไปแต่ดูเหมือนเธอจะปกปิดบางอย่างไว้

“อื้อ ไปเถอะพี่เฟิง เราออกมานานแล้ว หากไม่กลับไปจะโดนตำหนิเอาได้ ไม่ต้องห่วง ฉันจะพาน้องสาวไปหาพี่ในครั้งหน้า!” ซูหยางเฟิงตบบ่าหลินเฟิงและเอ่ย

“อีกอย่าง คราวก่อนฉันจำได้ว่าหมาของพี่เก่งมาก คราวหน้าฉันขอยืมมาเล่นสักสองสามวันนะ?” ซูหยวนเฟิงพูด

“ได้สิ มาเอามันไปเมื่อไหร่ก็ได้!” หลินเฟิงตอบตกลง

เมื่อไม่กี่วันก่อนในโรงพยาบาล หลินเฟิงกับซูหยวนเฟิงต่างก็คุ้นเคยกันแล้ว พวกเขามีนิสัยคล้าย ๆ กันในหลาย ๆ ด้าน และกลายมาเป็นพี่น้องกัน

“ดี ตกลงแล้วนะ” ซูหยวนเฟิงโบกมือให้หลินเฟิง

ท้ายที่สุด หลินเฟิงก็จากไปภายใต้สายตาอึกอักของซูหว่านเอ๋อร์และหายไปที่ปลายสุดของถนน

“น้อง ไปกันเถอะ!” ซูหยวนเฟิงบอกกับซูหว่านเอ๋อร์จากนั้นก็หันไป

แต่ซูหว่านเอ๋อร์ก็ยังยืนอยู่ตรงนั้นราวกับว่าไม่ได้ยินคำพูดของซูหยวนเฟิง

“น้อง!”

ซูหยวนเฟิงเขย่าซูหว่านเอ๋อร์ ซูหว่านเอ๋อร์จึงได้ตอบสนอง

“จะไปแล้วเหรอ? ได้เลย! ” ในที่สุดซูหว่านเอ๋อร์ก็เก็บสายตากลับมา

“ไม่เป็นไรน่า น้องสาว! แม้เธอยังอยากอยู่ต่อกับเขา ไม่เพียงแค่เธอที่ไม่อยากยอมรับหรอกนะ แม้แต่พ่อแม่ของเราก็ไม่เห็นด้วยที่เธอจะไปอยู่กับคนที่ยังไม่มีสถานะ! ” ซูหยวนเฟิงกล่าว

“อย่างนั้นเหรอ?” ซูหว่านเอ๋อร์รู้สึกใจหายมากขึ้นเมื่อได้ยินคำเหล่านั้น

“มาสิ หว่านเอ๋อร์! เดี๋ยวไปขึ้นเครื่องไม่ทันนะ! ” ซูหยวนเฟิงเอ่ย

“อื้อ!” ซูหว่านเอ๋อร์พยักหน้า จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ออกมาดู นิ้วที่บอบบางของเธอกดลงไป และเดินจากไปไม่หันมามองอีก

 

หลังจากขึ้นไปบนรถบัส หลินเฟิงก็ได้รับข้อความ: หลินเฟิง ฉันจำเป็นต้องไป ไปที่ไกลมาก ๆ อีกสักพักก็จะกลับมา รอฉันหน่อยนะ! หว่านเอ๋อร์!

หลินเฟิงไม่ได้รู้สึกอะไรในตอนนี้ เลยตอบไปอย่างสุภาพแค่ว่า โอเค!

แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไม เขามักจะรู้สึกกังวลนิด ๆ

เมื่อหลินเฟิงกลับมาบ้าน เขาก็รีบไปที่สนามหญ้า นานแล้วที่เขาไม่รู้สถานการณ์ในตอนนี้

เมื่อหลินเฟิงมาถึงสนามหญ้าที่เขายังรู้สึกคุ้นเคยกับมัน องุ่นที่อยู่บนนั้นก็ยังเขียวและใส และบรรดาไก่ก็ยังมีชีวิตอยู่

เสี่ยวเฮ่ยกับซานหลงรับรู้การมาถึงของหลินเฟิงและรีบวิ่งมาหาทันที

นอกจากสองหนุ่มก็ยังมีอีกสองก็คือราชาหมาป่าขาวและลูกหมาป่าขาว

จากนั้นสักพัก หมาป่ามากกว่าหนึ่งโหลก็โผล่หัวออกมา ดวงตาที่มืดมิดและเย็นชาจ้องมองมาที่หลินเฟิง

“นายท่าน ในที่สุดก็กลับมา!” เสี่ยวเฮ่ยกับหลินเฟิงนั้นผูกพันกันอย่างลึกซึ้ง ตอนที่เสี่ยวเฮ่ยยังเป็นแค่หมาดำตัวหนึ่ง มันมักจะติดตามหลินเฟิงเสมอ

ดังนั้น เมื่อฉันเห็นหลินเฟิงกลับมา มันเลยตื่นเต้นมากเท่าที่หมานรกตัวหนึ่งจะตื่นเต้นได้

ซานหลงก็เช่นกัน มันถูตัวเข้ากับหลินเฟิงเพื่อบอกว่ามันมีความสุขมาก

“นายท่านหมาป่าขาว กลับมาแล้ว…”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด