โปรดเรียกผมว่า วีรบุรุษรีไซเคิล 132

Now you are reading โปรดเรียกผมว่า วีรบุรุษรีไซเคิล Chapter 132 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

RC:บทที่ 132 แมงป่องทอง

“ตัวใหญ่งั้นหรอที่เป็นจ่าฝูงแมงป่อง” หลิน เฟิงถามขึ้น

“ไม่ใช่ขอรับ แมงป่องทองต่างหาก แม้แต่จ่าฝูงแมงป่องก็จะได้ตำแหน่งจ่าฝูงมาแค่ชั่วคราวเท่านั้น นี่คือกฎระหว่างสัตว์วิญญาณด้วยกัน นายท่านไม่จำเป็นต้องเข้าใจหรอก” มังกรดำว่าขึ้น

 

“อืม เข้าใจแล้วล่ะ แล้วเราจะลงมือกันเมื่อไหร่” หลิน เฟิงเอ่ยถาม

“สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว  มีแมงป่องน้ำแข็งระดับต่ำสองตัวอยู่ เรามีปัญหาแล้วล่ะขอรับ” มังกรดำว่า

“เอ่อ จริงๆแล้ว จนถึงตอนนี้ฉันก็ไม่ทันได้สังเกตเลย แมงป่องน้ำแข็งสองตัวที่คอยคุ้มกันแมงป่องน้ำแข็งทองคำนั่นคือวิญญาณสัตว์วิญญาณระดับต่ำทั้งหมดเลย ไม่ง่ายแล้วสิ” หลิน เฟิงกล่าวขึ้น

 

“ไม่หรอก ในขณะที่พวกมันกินกันอยู่ ตัวอื่นๆก็จะยุ่งวุ่นวายกันไปหมด พวกมันไม่ได้อยู่คอยคุ้มกันแมงป่องน้ำแข็งทองคำนั่นตลอดเวลาหรอกขอรับ” มังกรดำอธิบาย

“นี่มังกรดำ นายรู้เรื่องนั้นได้ไง” หลิน เฟิงเอ่ยถาม

“ก็ต้องรู้สิ ตอนที่ข้าอยู่ในร่างของกึ่งสัตว์วิญญาน ข้าเคยเกือบกลืนแมงป่องทองคำนั่นลงไปแล้วแต่กลับทำไม่สำเร็จ” มังกรดำว่า

“ไม่สำเร็จได้ยังไง” หลิน เฟิงอยากรู้

 

“ข้าประเมินพลังของแมงป่องทองนั้นต่ำเกินไป นายท่าน เอาไว้ค่อยมาสนใจเรื่องนี้ทีหลังเถอะ แม้ว่าแมงป่องทองคำจะเป็นสัตว์กึ่งวิญญาณ แต่มันกลับมีพละกำลังแค่สัตว์วิญญาณระดับต่ำทั่วไปเท่านั้นแหละ” มังกรดำอธิบาย ทำให้เขาคิดว่ามันคงจะต้องเจ็บปวดจากการพ่ายแพ้มาเป็นแน่

“ความสามารถของมันคืออะไร”

“ มันมีความสามารถในการผนึกน้ำแข็ง อย่าปล่อยให้ก้ามทั้งสองข้างของมันง้างออกมาเชียว ไม่อย่างงั้นล่ะก็ จะถูกแช่แข็ง” มังกรดำเอ่ยขึ้นเสียงอ่อยๆด้วยความกลัว

“แบบนี้คงจะเคยโดนเล่นมาก่อนล่ะสิ ฮ่าๆ” หลิน เฟิงกล่าวยิ้มๆ

หลิน เฟิงรู้ได้ถึงความเจ้าเล่ห์ของมังกรดำ หลังจากที่เขาเปลี่ยนให้เสี่ยว เฮ่ยเป็นสัตว์วิญญาณแล้วนั้น เขาจึงได้พบกับร่องรอยของมังกรดำเป็นครั้งแรก

ในตอนนั้น มังกรดำตัวนี้ยังคงเป็นแค่งูหลามสีดำอยู่เลย ในขณะที่เสี่ยว เฮ่ยเองก็จับไม่เคยสำเร็จอยู่หลายครั้ง

ต่อมา หลิน เฟิงยังได้ยินจ่าฝูงหมาป่าขาวได้กล่าวเกี่ยวกับเรื่องงูหลามสีดำที่เป็นครึ่งสัตว์วิญญาณขโมยผลวิญญาณของจ่าฝูงหมาป่าขาว จนทำให้หมาป่าขาวหงุดหงิด

 

คาดไม่ถึงว่างูหลามดำเจ้าเล่ห์นี่ ครั้งหนึ่งจะเคยได้เข้าใกล้กับแมงป่องน้ำแข็งทองนั่นและเกือบจะตายด้วยเงื้อมมือของจ่าฝูงแมงป่องน้ำแข็งนั่นอีก

“เอาล่ะ นายท่าน พวกมันกำลังจัดโต๊ะจีนกันแล้วล่ะ” จู่ๆมังกรดำก็ว่าขึ้น

แมงป่องน้ำแข็งพวกนี้ก็เหมือนกับมนุษย์นั่นเอง พวกมันแบ่งหน้าที่ขนของและอาหารที่มีทั้งเนื้อปลา เนื้อกระต่าย แม้แต่เนื้อกวางและอื่นๆ

หลังจากนั้นเล็กน้อย พวกมันทั้งหมดก็เริ่มลงมือกิน ก้ามทั้งสองข้างใช้หยิบอาหารเข้าปาก

เมื่อจ่าฝูงเห็นว่าแมงป่องทุกตัวกำลังกินอยู่นั้น มันก็เริ่มกินบ้าง

แมงป่องน้ำแข็งทองและแมงป่องน้ำแข็งระดับต่ำทั้งสองตัวที่อยู่ข้างหลังนั้นก็เริ่มลงมือกินด้วยเช่นกัน แต่ถึงกระนั้นพวกมันทั้งสองก็คอยเงยหน้าดูสถานการณ์โดยรอบเป็นครั้งคราวด้วยความหวาดระแวง

 

“เกือบแล้ว นายท่าน เดี๋ยวต่อมาข้าจะดึงความสนใจของจ่าฝูงนั่น ทีนี้ก็เหลือแต่ท่านที่จะเอาแมงป่องน้ำแข็งทองนั่นมาให้ได้ แล้วก็คอยระวังก้ามของพวกมันที่หนีบเข้าหากันด้วยล่ะ ตรงนั้นล่ะที่จะปล่อยพลังผนึกน้ำแข็งออกมา ดังนั้น อย่าปล่อยให้พวกมันประสานก้ามหนีบทั้งสองข้างนั่นเข้าด้วยกันเด็ดขาด” มังกรดำอธิบาย

 

“โอเค งั้นมาเริ่มกันเถอะ แต่เดี๋ยวรอให้ฉันย้ายไปอยู่ด้านหลังแมงป่องน้ำแข็งนั่นก่อน แล้วจากนั้นค่อยเคลื่อนไหว” หลิน เฟิงค่อยๆเดินไปด้วยย่างก้าวแปลกๆ แต่เงียบเชียบเพื่อไปยังด้านหลังแมงป่องตัวนั้น

 

เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า มังกรดำก็ถึงกับชะงักงันเพราะคิดไม่ถึงว่าหลิน เฟิงจะมีวิชาศิลปะการต่อสู้สายมืด (พลังมืด)​

จริงๆแล้ว มันคือวิชาย่ำเงา (ลูกเตะล่องหน)ที่หลิน เฟิงเพิ่งจะได้มา แม้ว่าจะใช้งานไปน้อยครั้ง แต่ความสามารถในการทำความเข้าใจของหลิน เฟิงนั้นมีสูงมากเสียจนสามารถเรียนรู้สิ่งนี้ได้ก่อนหน้านี้มานานแล้ว

ก้าวย่างแปลกๆนี้เป็นทักษะจำเป็นเพื่อเอาไว้ใช้ในการแอบโจมตีและหลบหนี

“เอาล่ะ ไปกันเถอะ” หลิน เฟิงว่าขึ้น

โฮก!

ทันทีที่หลิน เฟิงพูดจบ มังกรก็เริ่มร้องบรรเลง เสียงของมันสะท้อนเป็นวงแคบและไกลไปถึงบ่อน้ำแข็งจนแมงป่องน้ำแข็งธรรมดานั้นต่างรู้สึกกลัวและนอนหมอบอยู่บนพื้น

“โฮก จ่าฝูงแมงป่องน้ำแข็ง อันตัวข้า มังกรดำ มาเพื่อแก้แค้น” ร่างของมังกรดำนั้นขยายขึ้นอย่างรวดเร็วพร้อมกับเสียงร้องยาวนาน และไม่นาน ก็ใหญ่ราวๆ 20 เมตร

มังกรดำตัวดังกล่าวร่อนลงมาบนแผ่นน้ำแข็ง ร่างทั้งร่างของมันเป็นสีดำ ดวงตาเป็นประกายระยับด้วยแสงทองพลางคำรามใส่แมงป่องน้ำแข็งนั้นใต้ผืนน้ำแข็งนั้น แล้วพลังของมังกรอันทรงอานุภาพก็ได้รับการปลดปล่อยออกมาจนแมงป่องพวกนั้นถึงกับหวาดกลัว

“มังกรดำงั้นรึ ข้าไปทำให้เจ้าไม่พอใจตั้งแต่เมื่อไหร่” จ่าฝูงแมงป่องน้ำแข็งถามขึ้น

“ฮ่าๆ ท่านจำงูเหลามดำเมื่อหนึ่งปีและครึ่งปีก่อนได้หรือไม่ นั่นละข้าเอง แล้ววันนี้ ในที่สุดข้าก็ได้วิวัฒนาการเป็นมังกรแล้วและที่กลับมานี่ก็เพื่อแก้แค้นอย่างไรล่ะ โฮก!” พอพูดจบมังกรตัวดังกล่าวจึงคำรามใส่เป็นเวลานาน

 

“งูเหลามดำงั้นหรือ เจ้าคืองูหลามดำงั้นหรอกรึ ข้าคาดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะเป็นมังกรจริงๆ และเป็นขั้นมังกรวารีเสียด้วย” จ่าฝูงแมงป่องกล่าวขึ้นด้วยความหวาดกลัว

 

“ใช่แล้ว แล้วจะให้ข้าลงมือหรือว่าจะเป็นเด็กดีเดินมาตายตรงนี้ล่ะ” มังกรดำตัวดังกล่าวร่อนลงมาเหนือน้ำแข็งที่จ่าฝูงแมงป่องที่กำลังหวาดกลัวนั้นอยู่

 

“เจ้าต้องการอะไร” เห็นได้ชัดว่าจ่าฝูงแมงป่องน้ำแข็งนั้นไม่ได้ต้องการที่จะต่อสู้กับมังกรดำตรงหน้านี้เลย

“นี่ๆ ง่ายๆเลยนะ ส่งแมงป่องน้ำแข็งทองนั่นมา แล้วข้าจะปล่อยพวกเจ้าทุกตัวไป” มังกรดำกล่าว

 

“ไม่มีทาง นั่นคือความหวังของตระกูลแมงป่องน้ำแข็งของข้าเลยนะ” จ่าฝูงตะโกนขึ้นมาด้วยความโกรธจัด

ในขณะที่พวกมันกำลังพูดคุยกันอยู่นั่นเอง หลิน เฟิงก็กำลังเข้าใกล้แมงป่องทองนั้นอย่างเงียบเชียบ และในตอนนี้ ความสนใจของแมงป่องน้ำแข็งก็ล้วนพุ่งไปที่มังกรดำนี่ จึงทำให้มันไม่ได้สังเกตถึงร่างของหลิน เฟิงเลย

 

ในค่ำคืนอันมืดมิด หลิน เฟิงนั้นใช้วิชาย่ำเงาอย่างเงียบเชียบซึ่งแม้แต่มังกรดำเองก็ยังไม่รู้เลยว่าหลิน เฟิงอยู่ตรงไหน

หรือจะพูดได้ว่ารูปร่างหนาใหญ่ของมังกรดำตัวดังกล่าวนั้นเป็นสิ่งที่ดึงดูดสายตาของแมงป่องทุกตัวก็ว่าได้ แม้แต่แมงป่องน้ำแข็งระดับต่ำสองตัวก็ยังไม่ได้สังเกตเลยว่าหลิน เฟิงเดินเข้าไปหาพวกมัน

 

“ความหวังอะไรของเจ้า ฮ่าๆ วันนี้ล่ะ ข้าจะมาเอามันไป เพลิงมังกรดำ!” มังกรดำร้องขึ้นก่อนจะอ้าปากเพื่อพ่นเพลิงสีดำออกมา

“เจ้ามันหลอกลวง โล่น้ำแข็ง”

จ่าฝูงแมงป่องน้ำแข็งยืดก้ามหนีบทั้งสองข้างขึ้น แล้วทันใดนั้นเอง มือหนีบทั้งสองข้างก็ปล่อยแสงสีน้ำเงินออกมา จากนั้น โล่น้ำแข็งสีน้ำเงินก็ปรากฏขึ้น ก่อนจะพุ่งออกไปกันเพลิงที่พ่นออกมาจากมังกรดำนั่นในทันที

 

ถึงจะเป็นอย่างงั้น แต่ไม่นานโล่น้ำแข็งนั้นก็กลับละลาย แล้วเพลิงที่พ่นออกมาจากมังกรดำก็ชะงักไป ดูเหมือนว่าทั้งสองฝั่งนั้นต่างก็แบ่งรับแบ่งสู้

“เจ้าก็ทำได้แค่นั้นล่ะ พอๆกับข้า พละกำลังของเจ้าหรือก็แค่นั้น” จ่าฝูงนั้นกล่าวอย่างดูถูก

ในตอนแรก จ่าฝูงแมงป่องน้ำแข็งรู้สึกเกรงกลัวในความแข็งแกร่งของมังกรดำ เพราะตระกูลมังกรที่ถึงแม้จะอ่อนแอที่สุดนั้นก็ยังแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาสัตว์วิญญาณระดับเดียวกัน

 

แม้แต่ประชากรมังกรระดับสูงก็ยังมีอยู่บ้าง หรือแม้แต่ตัวที่ข้ามระดับได้โดยตรงและก้าวข้ามระดับไปได้หลายระดับ

“อ้อ งั้นหรือ พูดแบบนี้ในขณะที่ข้าน่ะมีตัวเดียว แต่ดูเจ้าสิมีเป็นร้อย เพลิงมังกรดำ”

เมื่อกล่าวจบ มังกรดำก็พ่นไฟอย่างไร้ทิศทางใส่แมงป่องน้ำแข็งที่อยู่เบื้องล่าง จ่าฝูงถึงกับตื่นตระหนกก่อนจะวิ่งไปรอบๆเพื่อปล่อยโล่น้ำแข็งนั้นมากันพลังเพลิงของมังกรตรงหน้า

 

แต่อย่างไรก็ตาม เวลาของจ่าฝูงแมงป่องที่จะรวบรวมโล่น้ำแข็งนั้นยาวนานกว่าเวลาที่มังกรจะพ่นไฟออกมา ด้วยเหตุนั้นเขาจึงล้มเหลวในการที่จะไล่ตามมันอยู่หลายครั้งและทำเอาแมงป่องน้ำแข็งตายไปหลายตัว

“บ้าเอ้ย หยุดมันที” จ่าฝูงกล่าวขึ้นกับแมงป่องน้ำแข็งระดับต่ำ

ทันใดนั้นเอง แมงป่องน้ำแข็งพวกนั้นจึงรีบเร่งปล่อยโล่น้ำแข็งเพื่อปกป้องแมงป่องทั้งหลาย

แต่ทว่าในตอนนี้ หลิน เฟิงซึ่งอยู่ด้านหลังแมงป่องน้ำแข็งทองก็เผยรอยยิ้มอันแสนภาคภูมิออกมา

“โอกาสทองมาถึงแล้ว…”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด