โปรดเรียกผมว่า วีรบุรุษรีไซเคิล 195

Now you are reading โปรดเรียกผมว่า วีรบุรุษรีไซเคิล Chapter 195 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

RC:บทที่ 195 สายเลือดที่ได้รับสืบทอด

“ว่าไง นายคิดได้หรือยัง” หลิน เฟิงถามขึ้น

“พี่เฟิง ผมคิดได้แล้วล่ะครับ ผมอยากจะทำพันธสัญญากับนกสีฟ้าเทา” หวัง หานกล่าวขึ้น

“ว่าไงนะ นกสีน้ำเงินเทางั้นหรือ นายแน่ใจนะ” มองแค่แวบเดียว ก็รู้ว่าเจ้านี่เป็นสัตว์วิญญาณที่ไม่มีคุณลักษณะใดๆเลย แม้แต่หลิน เฟิงหรือมังกรดำก็ยังมองไม่ออก

“ครับ ผมจะทำกับนกสีน้ำเงินเทา ผมรู้สึกว่ามันคอยดึงดูดผมอยู่ตลอดเวลาเลย” หวัง หานกล่าว

“คืองี้ สัตว์วิญญาณตัวนี้ไม่มีคุณลักษณะใดๆเลยนะ เจ้านกน้อย บินมานี่สิ” หลิน เฟิงเอ่ยอย่างแปลกใจ ก่อนจะกวักมือเรียกนกตัวดังกล่าวนั้นมา

นกตัวนั้นเพียงแค่มองหลิน เฟิงด้วยตาข้างเดียว ตาที่ส่วนหัวกะพริบพร้อมกับใบหน้าที่งุนงงในขณะที่จ้องมาที่เขา และเมื่อเรียกมันก็บินมา

จิ๊บๆ นกตัวนั้นร้องขึ้นก่อนจะกระโดดไปรอบๆมือของหลิน เฟิง

“นกตัวนี้น่ะมีอะไรพิเศษจริงๆนะ” หลิน เฟิงพึมพำ แต่เขาก็ไม่สามารถบอกได้ว่ามันพิเศษจริงๆ

ตื๊ดๆ

ในตอนนั้นเอง มือถือของหลิน เฟิงก็สั่นขึ้นมาซึ่งนั่นทำเอาหัวใจของเขาแทบจะเต้นรัวเร็ว

เสียงนั้นคุ้นหูมากเสียจนทุกครั้งที่มันดังขึ้นมา มันก็มักจะนำความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่มาให้เขา

“ติ๊ง เราพบสัตว์วิญญาณที่เหมาะสมแก่การได้รับเลือดของนกต้าเผิงทอง จะฉีดหรือไม่” ในตอนนี้ มือถือของเขาก็ดังขึ้นมาในใจของเขา

หลิน เฟิงจึงรีบร้อนเอามือถือขึ้นมา ก่อนจะเห็นหลอดน้ำยาสีแดงปรากฏขึ้นในนั้น

ในหลอดนั้นมีเลือดสีแดง บนพื้นผิวของหลอดน้ำยานั้น มีเหยี่ยวสีทองกำลังบินไปมาอยู่

“สืบทอดสายเลือดอันไร้ที่ติงั้นหรือ ฉีดเอาเลือดเข้าไปงั้นน่ะหรือ” หลิน เฟิงรู้สึกประหลาดใจ แล้วเขาก็นึกขึ้นมาได้ว่าตอนที่เขาลงมือฆ่าชายทั้งสามคนในตอนนั้น หลุมวนสีดำก็ได้ปรับแต่งเลือดอยู่สองชนิด หนึ่งในนั้นเป็นเลือดระดับ A ของราชาสิงโตเพลิงส่วนอีกชนิดนั้นเป็นเลือดระดับ SS ของนกต้าเผิงทอง

เป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงเลยว่าสัตว์วิญญาณตัวนี้จะสามารถรับสืบทอดสายเลือดจากนกต้าเผิงทองตัวนี้ได้ ช่างดีจริงๆเลย เพราะนี่เป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตชั้นแนวหน้าระดับ SS ของนกต้าเผิงเลย นี่ล่ะคือสิ่งที่ดีที่สุดที่หวัง หานได้ไป

“ฉีดเข้าไปเลย” หลิน เฟิงว่าขึ้น จากนั้นเลือดที่อยู่ในมือถือก็เข้าไปในตัวนก แล้วไหลลงไปในร่างของนกสีน้ำเงินเทา

สิ่งที่เกิดขึ้นคงช้าไปที่จะพูด แต่นี่เป็นแค่เหตุการณ์หนึ่งเท่านั้น แม้แต่หวัง หานเองที่อยู่ตรงนั้นกลับไม่แสดงท่าทีหรือเห็นอะไรชัดๆเลย

เขาเห็นเลือดที่ไหลเวียนอยู่ในร่างของนกสีน้ำเงินเทานั้น แล้วต่อมานกตัวนั้นก็เริ่มเปลี่ยนไป

อย่างแรกเลย ร่างกายของมันมีขนาดใหญ่ขึ้น การกระพือนั้นขยายใหญ่ขึ้น สูงน้อยกว่าสองหรือสามเมตรเพียงชั่วพริบตา มันสยายปีกไปมาก่อนจะบินต่อ

หลังจากนั้นเพียงครู่เดียว ลำตัวของมันก็เริ่มเข้าที่ สูงราวหนึ่งเมตรไม่ก็ห้าเมตร ตัวยาวเกือบสามเมตร ปีกของมันยาวราวๆสี่หรือห้าเมตร

จากเดิมที่เคยเป็นจงอยปากก็กลายมาเป็นปากงองุ้มแบบนกเหยี่ยว ดวงตาสีน้ำเงินเทานั้นกลายเป็นสีน้ำเงินทอง รวมถึงดวงตาหม่นๆที่อ่อนโยนนั้นก็เฉียบคมมากขึ้น

กรงเล็บแหลมคมทั้งสองข้างขยายใหญ่ขึ้นจนกลายเป็นกรงเล็บเหยี่ยวแหลมจัดที่ทั้งหนาและแข็งแรง ดูเหมือนว่าภายใต้กรงเล็บเดียวนี้ ทั้งภูเขาและหินผาก็สามารถทำลายลงได้ไม่ยากเลย

ก๊าซซซซ

หลังจากร้องออกมาเป็นเสียงยาว มันก็บินขึ้นไปบนท้องฟ้า ก่อนจะร่อนลงมาเหนือหลิน เฟิงและคนอื่นๆ พร้อมกับตรวจสอบไปรอบๆ เพียงชั่วครู่หนึ่งก็บินลงมา

หลังจากที่มันบินลงมาแล้วนั้น มันก็มาหยุดตรงหน้าหลิน เฟิงและคนอื่นๆ ในตอนนี้ หลิน เฟิงจึงสามารถเห็นได้ว่ามันมีลักษณะอย่างไร

เส้นขนบนตัวของมันเองก็เปลี่ยนไป ไม่เหลือร่องรอยที่เคยเป็นนกสีน้ำเงินเทาอีกเลย

แต่กลับกลายเป็นนกสีเทาทองแทน พร้อมกับดวงตาที่คม ไม่ได้มีท่าทีไม่พอใจ แถมความน่าเกรงขามนั้นก็ไร้ที่ติ

“เจ้านกน้อย แค่ไม่กี่นาที นกตัวหนึ่งก็กลายเป็นเหยี่ยวตัวยักษ์ ไม่สิ ควรต้องเรียกว่าต้าเผิงแล้วสิ” ในตอนนี้เอง หวัง หานเดินมาหาก่อนจะพูดขึ้น

“นายชื่ออะไรล่ะ หนุ่มน้อย” หลิน เฟิงถาม แต่ทันใดนั้นเอง เขาก็ชักรู้สึกไม่ดีเสียแล้วเพราะเจ้านี่ไม่ใช่นกตัวเดิมอีกต่อไป

“เหยี่ยวทอง” นกเหยี่ยวสีทองพูดขึ้น

ในตอนนี้เอง ทั้งหวัง หาน หวัง ซื่อและจื้อเฉิงต่างคุ้นชินกับเรื่องที่สัตว์พูดได้แล้ว นี่จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่ได้เห็นนกเหยี่ยวทองแบบนี้

“เหยี่ยวทองงั้นหรือ ยินดีด้วยกับการแปลงร่างนี้ เอาสัญญาชุดสัตว์วิญญาณออกมาสิ” หลิน เฟิงว่าขึ้น

ก๊าซซซซ

นกเหยี่ยวสีทองนั้นร้องขึ้น ก่อนที่รูปแบบวิญญาณสีฟ้านั้นจะปรากฏขึ้น แล้วบินเข้าไปในจิตของหวัง หานในที่สุด

หลังจากนั้นครู่เดียว หวัง หานก็ทำพันธสัญญาได้สำเร็จ เกิดการเชื่อมโยงกันระหว่างทั้งสอง สายสัมพันธ์ที่เริ่มใกล้ชิดกันมากขึ้น

“อย่างแรกเลย นายจะต้องปรับตัวสักหน่อย เดี๋ยวฉันจะหาศิลปะการต่อสู้และทักษะที่เหมาะๆให้กับนายเอง” หลิน เฟิงหมุนแหวนมิติ

ในช่วงสั้นๆ หลิน เฟิงก็เอาศิลปะการต่อสู้หกหรือเจ็ดอย่างออกมาซึ่งเขาได้รับจากท่านผู้อาวุโสไป๋มาตอนที่เขากลับไปแล้ว แล้วเขาก็ไม่มีเวลาอ่านมันเลย

“เอ ศิลปะการต่อยมวยเทียนเล่ยเป็นศิลปะการต่อสู้ระดับต่ำที่ต้องมีคุณลักษณะสายฟ้า ซึ่งสามารถถ่ายพลังของสายฟ้ามายังมือในการก่อตัวเป็นสายฟ้าได้…” อย่างแรกคือศิลปะป้องกันตัวด้วยคุณลักษณะสายฟ้า แต่ในที่นี้ไม่มีใครมีคุณลักษณะสายฟ้าเลย ดังนั้น หลิน เฟิงจึงต้องนำใส่คืนเข้าไปในแหวนมิติ

 

“เทคนิคการใช้ดาบเทียนเล่ย ทักษะดาบระดับกลางที่ต้องใช้คุณลักษณะสายฟ้า… เป็นสายฟ้าไปอีกได้ยังไงเนี่ย อ้อ เกือบลืมไปเลยว่าท่านผู้เฒ่าไป๋เป็นผู้ใช้พลังสายฟ้านี่หว่า” หลิน เฟิงว่าพลางอ่านศิลปะการต่อสู้ที่มีคุณลักษณะสายฟ้าทั้งสองอัน

“คลื่นทั้งเก้า ศิลปะการต่อสู้ที่ใช้คุณลักษณะของน้ำ เทคนิคการใช้กำปั้นที่ระบุระดับไม่ได้ ต้องฝึกต่อเนื่อง ทั้งยากแล้วก็ทรงพลัง นี่มันเกี่ยวกับพลังชีวิตเลยนี่ ถ้าถึงจุดสูงสุดเมื่อไหร่ ตบมือเพียงครั้งเดียว คลื่นทั้งเก้าก็จะมารวมกัน โดยจะซ้อนกันเป็นชั้นๆ พลังนั้นไม่สามารถวัดได้เลย” เมื่อเห็นศิลปะการต่อสู้นี้ หลิน เฟิงก็รู้สึกตื่นเต้นมาก แต่โชคร้ายที่เขาไม่มีคุณลักษณะของน้ำ

“ใบเลื่อยทลายสายลม เป็นคุณลักษณะของทักษะระดับต่ำ โดยใช้มือเป็นดาบ โดยดาบแต่ละอันนั้นจะสร้างใบเลื่อยลมขึ้นมา ทั้งรวดเร็วและไม่สามารถหลบพ้นได้…เจอแล้ว นี่ไง” เมื่อได้เห็นศิลปะการต่อสู้แบบอันนี้ หลิน เฟิงก็รู้สึกว่านี่ล่ะเหมาะสมกับหวัง หานเอามากๆ

จากนั้นหลิน เฟิงก็มองหาอีกครั้ง

“มวยผ่าภูเขาเป็นศิลปะการต่อสู้ระดับกลางที่ใช้คุณลักษณะของดิน แรงอัดกระแทกสูง และเมื่อแรงกระแทกนั้นไปถึงจุดสูงสุด เราก็จะสามารถทลายภูเขาและแม่น้ำรวมถึงสั่นสะเทือนภูเขาและแม่น้ำได้ ศิลปะการต่อสู้นี้โหดขนาดนี้เลยงั้นหรือ” หลิน เฟิงมองข้อมูลนั้นอีกเล็กน้อย เหมาะแก่การเป็นศิลปะการต่อสู้ระดับกลางที่ดูไม่ง่ายเลยจริงๆ

ศิลปะการต่อสู้ระดับต่ำทั่วๆไปนั้น หลิน เฟิงอ่านไปหนึ่งหรือสองครั้งเพื่อเข้าใจพื้นฐานเพียงแวบเดียว แต่กับศิลปะการต่อสู้นี้ หลิน เฟิงไม่สามารถเข้าใจได้เพียงแวบเดียว

“งั้นเดี๋ยวไว้ค่อยมาเรียนกันวันหลัง และอีกครึ่งหนึ่ง ไว้ค่อยมาดูกัน” หลิน เฟิงกล่าวขึ้น

จากนั้นหลิน เฟิงก็ก้มมองอีกครั้ง เป็นอันสุดท้ายแล้ว อันนี้เป็นอันที่ต้องใช้ความสามารถเป็นอย่างมาก และเป็นศิลปะการต่อสู้ที่ต่างจากหนังสือเล่มอื่นๆอย่างเห็นได้ชัด

“น่าเรียนอยู่นะเนี่ย ศิลปะการต่อสู้แบบรองระดับกลางที่ต้องใช้คุณลักษณะของไม้ ศิลปะการต่อสู้นี้ไม่ต้องใช้ความสามารถในการโจมตี แต่ศิลปะการต่อสู้แบบรองนั้นจะเพิ่มพลัง ความทนทานและการป้องกันเวลาต่อสู้…” เพียงแวบเดียว หลิน เฟิงก็เริ่มหลงใหลในวิชานี้แล้ว

ในขณะที่หลิน เฟิงกำลังจดจ่ออยู่นั้น หวัง หานกับหวังซื่อก็กำลังสนุกกันอยู่ หวัง หานกำลังขี่เหยี่ยวขนทองและโบยบินไปบนท้องฟ้า

ส่วนอีกฝั่งนั้น หวัง ซื่อก็กำลังสนุกกับการเล่นซ่อนตัวกับลิงไฟตัวน้อยและเหล่าสัตว์ระดับต่ำตัวอื่นๆ

เป็นเวลากว่าสามชั่วโมงกว่าหลิน เฟิงจะได้สติ

“อยู่ไหนกันน่ะ หวัง หาน หวัง ซื่อ กลับมานี่” เมื่อหลิน เฟิงตื่นขึ้น เขาก็เห็นว่าหวัง หานกับหวัง ซื่อหายไป พวกสัตว์ก็เช่นกัน มีเพียงแค่ญาติผู้น้องของเขาเท่านั้นที่ยังคงรอเขาอยู่

หลังจากนั้น หวัง หานกับหวัง ซื่อก็กลับมา

“หวัง หาน นี่เป็นศิลปะการต่อสู้ของนาย ศึกษาไว้ให้ดีล่ะ แล้วก็ นายต้องไปหาทนายความด้วยนี่ วันนี้ งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้ไปเข้าเมืองกัน…”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด