โปรดเรียกผมว่า วีรบุรุษรีไซเคิล 143

Now you are reading โปรดเรียกผมว่า วีรบุรุษรีไซเคิล Chapter 143 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

RC:บทที่ 143 ข่าวร้าย

ในขณะที่หลิน เฟิงกับครอบครัวกำลังสนุกกันอยู่นั้นเอง จู่ๆ มือถือของหลิน เฟิงก็ดังขึ้น

เขาหยิบมันขึ้นมาก่อนจะเห็นว่าเป็นบอสหวัง ฮ่าวหมิงนั่นเองที่โทรมา

“หือ นี่บอสรู้เรื่องแล้วงั้นหรือ รู้แล้วหรอว่าเราตกแต่งบ้านใหม่” หลิน เฟิงรู้สึกประหลาดใจ

“สวัสดีครับ พี่หวัง น่าทึ่งจังเลยนะครับที่ข่าวไปไวแบบนี้ นี่พี่คงรู้เรื่องวิธีที่ผมสร้างบ้านใหม่แล้วน่ะสิ”

 

“ว่าไงนะ นี่นายสร้างบ้านใหม่งั้นหรือเนี่ย ยินดีด้วยนะ” หวัง ฮ่าวหมิงถึงกับนิ่งไปในตอนแรก ก่อนที่ต่อมาก็เอ่ยแสดงความยินดี

“อ้าว ไม่ใช่ว่าพี่หวังจะมาแสดงความยินดีอย่างงั้นหรอกหรือครับ” เมื่อได้ยินในสิ่งที่หวัง ฮ่าวหมิงพูด หลิน เฟิงจึงเอ่ยถามด้วยท่าทีเงอะงะ

 

“เปล่า แต่ฉันมีเรื่องด่วนจะมาบอกนาย” น้ำเสียงของเขาตึงเครียดขึ้นมาราวกับว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นจริงๆ

“เกิดอะไรขึ้นหรือครับ เกิดอะไรขึ้นครับ พี่ พูดออกมาเลย” หลิน เฟิงรู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก นี่มันเรื่องอะไรกันล่ะ ที่ทำให้บอสหวังกังวลมากขนาดนี้

“เสี่ยวเฟิง ช่วงนี้นายอย่าออกมาข้างนอกน่าจะดีกว่า ไปซ่อนตัวอยู่สักพักเถอะ”

“ทำไมล่ะ เกิดอะไรขึ้นครับ” หลิน เฟิงสงสัย

“ฉันเองก็ไม่รู้รายละเอียดนักหรอก แต่เพื่อนของฉันบางคนบอกว่าพวกคนจากตระกูลตงฟางดูเหมือนจะกำลังหาตัวนายอยู่ ฉะนั้นอย่างแรกเลย ห้ามออกมาเดินในตัวอำเภอ ให้อยู่บ้านไปก่อน”

“ตระกูลตงฟางงั้นหรือ เขาตามหาผมแล้วงั้นหรือ” หลิน เฟิงถามกระซิบ

“ขอบคุณที่เตือนผมนะครับ ผมจะระวังตัวไว้ ขอบคุณครับ พี่”

“อืม แค่นี้ล่ะ ฉันขอวางหูก่อนละกัน”

“ลาก่อนครับ พี่”

 

หลังจากวางหูแล้วนั้น หลิน เฟิงจึงกลับไปที่ห้องของตน เป็นเวลานานเลยที่เขาไม่สามารถทำใจให้สงบลงได้เพราะตอนนี้ตระกูลตงฟางนั้นเริ่มจะเคลื่อนไหวกันแล้ว

แต่อย่างไรก็ตาม หลิน เฟิงไม่ได้คิดว่าตระกูลตงฟางจะเคลื่อนไหวอะไรกันมากนัก ยิ่งไปกว่านั้น หลิน เฟิงก็เพิ่งจะทำร้ายตงฟาง เสี่ยงไป และกว่าจะฟื้นตัวได้ก็หลังจากต้องนอนรักษาตัวเป็นเวลาหนึ่งเดือนหรือสองเดือนเป็นอย่างมาก

 

ดังนั้น ตระกูลตงฟางจึงไม่อยากสู้กับหลิน เฟิงเพื่อหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัว ดังนั้นหลิน เฟิงจึงเป็นคนเดียวที่ตงฟาง เสี่ยงต้องการ แต่ถึงจะเป็นอย่างงั้น หลิน เฟิงเองก็ไม่สามารถจัดการกับมันได้ในตอนนี้

“ดูเหมือนว่าเราจะต้องปรับปรุงพละกำลังและพลังโดยเร็วแล้ว” หลิน เฟิงคิดในใจ

หลังจากพูดจบ หลิน เฟิงจึงกลับไปหาจื้อเฉิง ในตอนนี้ ญาติผู้น้องของเขากำลังต่อสู้กับสัตว์วิญญาณข้างใน นับตั้งแต่ญาติผู้น้องของเขานั้นได้ทำพันธสัญญากับแมงป่องน้ำแข็งจักรพรรดินั้น เขาก็ได้เปลี่ยนไป

 

ในทุกๆวัน ถ้าวันไหนมีเวลา เขาก็จะมาในบริเวณหลังบ้านของหลิน เฟิงเพื่อท้าสู้กับสัตว์วิญญาณ ในตอนแรกนั้น จื้อเฉิงและแมงป่องน้ำแข็งจักรพรรดินั้นไม่สามารถสู้กับสัตว์วิญญาณตัวใดๆที่นี่ได้เลย แต่หมาป่าขาวตัวน้อยนี่ไม่นับ

ญาติผู้น้องของเขาจื้อเฉิงนั้นซักซ้อมไปมาก่อนจะตั้งท่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ต้องสู้กับมังกรดำ และเขาก็ถูกมันจัดการ

 

หลังจากนั้น หลิน เฟิงจึงให้ผลฮั๋วหยางแก่เขาซึ่งผลไม้นั่นได้เปลี่ยนแปลงพละกำลังและความมั่นใจในตัวเองของเขาไปอย่างมหาศาล แล้วเขาก็หามังกรดำเพื่อท้าสู้อีกครั้ง แล้วยังถูกยำจนเละอีกด้วย แล้วนับจากตอนนั้น เมื่อเห็นมังกรดำอยู่ห่างๆทีไร เขาจึงไม่กล้าขอท้าสู้อีกเลย

 

แน่นอนว่าว่าเสี่ยวเฮยเป็นสัตว์ที่เขาโปรดปราณ เพราะในบรรดาสัตว์พันธสัญญาของหลิน เฟิงนั้นเสี่ยวเฮยนั้นอ่อนแอที่สุด

เมื่อเทียบกับมังกรดำและซานหลงแล้วนั้น เสี่ยว เฮยไม่ได้มีเลือดอันแข็งแกร่งเลย

มันเป็นแค่สุนัขตัวเล็กๆ ดังนั้นจุดเริ่มต้นของมันจึงแย่กว่าของซานหลงและมังกรดำ

แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น นั่นก็ไม่ได้ง่ายเลยสำหรับญาติผู้น้องของเขาและแมงป่องน้ำแข็งจักพรรดิที่จะเอาชนะได้ ตอนเริ่มต้นนั้น พวกเขาต่างสะบัดสะบอมกันอย่างมาก แต่ทว่าต่อมา พวกเขาก็เริ่มพัฒนาไปได้ไกลขึ้นและรู้วิธีที่จะสู้ร่วมกับแมงป่องน้ำแข็งแล้ว

 

“พี่เฟิงมาแล้ว” เมื่อเห็นหลิน เฟิงมา เขาจึงหยุดอย่างรวดเร็ว

“อ่า อืม ซ้อมต่อไปได้เลย พอดีฉันมีธุระกับราชาหมาป่าขาวน่ะ” หลิน เฟิงว่าขึ้น

“โอเค แมงป่อง มาสู้กันต่อมา ลำแสงแช่แข็ง…”

“หมาป่าขาว อาการบาดเจ็บของนายเป็นยังไงบ้าง รักษาหายหรือยัง” หลิน เฟิงถามขึ้น

“อืม ข้าได้รักษาอาการบาดเจ็บไปแล้วเมื่อสองวันก่อน แต่นี่เพราะข้าแก่แล้วต่างหาก ไม่เหมือนกับตอนหนุ่มสาวหรอก” ราชาหมาป่าขาวกล่าวขึ้น

 

ราชาหมาป่าขาวนั้นเป็นสัตว์วิญญาณระดับกลางมาเป็นเวลาสิบปีแล้ว แต่ตอนนี้มันแก่แล้ว ชีวิตจวนเจียนจะใกล้ฝั่งเต็มทีและไม่ต้องการที่ลุยอะไรอีก

 

“งั้น คืนนี้เราออกไปกันเลยดีไหม” หลิน เฟิงถามขึ้น

หลิน เฟิงไม่มีเวลาแล้ว ตงฟาง เสี่ยงนั้นเริ่มจะเอาคืนแล้ว ถ้าเขาไม่รีบพัฒนาพละกำลังของเขาล่ะก็ เขาจะต้องตายแน่ๆ

เหตุผลที่ว่าทำไมตงฟาง เสี่ยงนั้นจึงได้รับบาดเจ็บอย่างหนักพราะครั้งก่อนนั้นตงฟาง เสี่ยงไม่ทันระวังตัว ก่อนจะโดนมังกรดำนั้นโจมตีเข้าจนบาดเจ็บโดยที่เขายังไม่ทันป้องกันตัว

 

ยิ่งไปกว่านั้น หลิน เฟิงเองก็ไม่รู้ว่าตงฟาง เสี่ยงนั้นมีลักษณะอย่างไรหรือการเคลื่อนไหวของครอบครัวตงฟางนั้นยิ่งใหญ่แค่ไหน สิ่งที่หลิน เฟิงทำได้ก็คือปรับปรุงร่างกายของเขาเองเท่าที่จะเป็นไปได้รวมถึงพลังของเขาด้วย

“เริ่มคืนนี้เลยหรือ ได้สิ ให้ทุกคนพักก่อนและเดี๋ยวค่อยเริ่มกันคืนนี้เลย”

“ได้เลย งั้นเย็นนี้เจอกัน” หลิน เฟิงว่าขึ้น

แต่หลังจากกลับมาแล้ว หลิน เฟิงไม่ได้พัก สมาธิของเขาจดจ่ออยู่บนเตียง จากนั้นจึงค่อยๆปรับสภาพร่างกาย

หลายนาทีต่อมา ก่อนจะถึงเวลากลางคืนในอีกไม่นาน หลังจากรับประทานข้าวเย็นแล้วนั้น หลิน เฟิงจึงกลับมาที่สนาม

ในตอนนี้ สัตว์ทุกตัวและคนได้มาถึงแล้ว

 

ในตอนนี้ มีเพียงหลิน เฟิงและญาติผู้น้องแสนดีของเขา สัตว์วิญญาณที่มีแค่ซานหลงและมังกรดำเท่านั้น เพราะหลิน เฟิงจะต้องปล่อยให้เสี่ยวเฮยเฝ้าดูแลครอบครัวของตน

 

มีต้นองุ่นจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆที่ปลูกอยู่ที่นี่ แถมวิญญาณที่นี่นั้นยังแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ สัตว์ป่าก็มีมากขึ้นเรื่อยๆอีกด้วย แถมในบางครั้ง สัตว์วิญญาณและสิ่งอื่นๆก็เข้ามารุกราน หลิน เฟิงจึงต้องให้เสี่ยวเฮ่ยคอยดูแลเผื่อเอาไว้

นอกจากนี้ ยังมีราชาหมาป่าขาว ในตอนนี้จึงคนสองคนและสัตว์วิญญาณสี่ตัว

เมื่อได้เรียงแถวกันต่อหน้าราชาหมาป่าขาวนั้นมันก็ได้กล่าวว่า การรวมตัวของพวกเขาพอที่จะสามารถต่อสู้กับผู้มีพลังระดับ B ได้

 

ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีทั้งซานหลงและมังกรดำซึ่งมีสายเลือดอันแข็งแกร่ง และพละกำลังของมันนั้นก็ได้รับความสำเร็จในการต่อสู้เพื่อเพิ่มระดับ

ราชาหมาป่าขาวซึ่งเป็นสัตว์วิญญาณที่แข็งแกร่งที่สุดก็ยังคงมีพลังอันแข็งแกร่ง เป็นสัตว์วิญญาณที่สามารถหลบหนีจากพลังทั้งสามและจากเงื้อมมือจากสัตว์วิญญาณทั้งสามนั้นควรจะต้องเป็นสิ่งที่แข็งแกร่งที่สุด อยู่เหนือความกังขาทั้งปวง

 

นอกจากนี้ ยังมีหลิน เฟิงซึ่งพละกำลังของเขานั้นยังกล่าวได้อีกว่าแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก นอกเหนือจากหมัดเพลิง หลิน เฟิงยังได้เรียนรู้พลังวิญญาณอีกสองอย่างคือโล่ศิลายักษ์และวิชาย่ำเงา

หมัดเพลิงนั้นศิลปะการต่อสู้อย่างแรกที่หลิน เฟิงได้รับมา และหลิน เฟิงก็ได้ใช้วิชาการต่อสู้นี้และฝึกฝนจนชำนาญ ปัจจุบันนี้ หลิน เฟิงก็ได้เรียนทักษะทางวิญญาณตัวใหม่ซึ่งมีพลังยิ่งกว่า

 

โล่ศิลายักษ์นั้นคือทักษะวิญญาณการป้องกันของหลิน เฟิง เป็นวิชาการป้องกันตัว และต้องใช้พละกำลังทางจิตมากกว่าสามเท่าในการทำลายโล่หินของหลิน เฟิง

ส่วนวิชาย่ำเงานั้นยิ่งทรงพลังมากกว่านั้น เป็นวิชาทักษะทางจิตวิญญาณที่ผสมผสานการโจมตีและกระบวนการทางร่างกาย และจะยิ่งแกร่งขึ้นในช่วงกลางคืนสงัด และผลที่ได้ก็จะชัดเจนยิ่งขึ้น เมื่อใดที่ใช้ก็จะเหมือนภูติผี

จะอยู่ที่ไหนกันแน่ก็ยากที่จะรู้ได้

 

ด้วยทักษะพวกนี้ ความแข็งแกร่งของหลิน เฟิงนั้นจึงเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล และยังมีพลังทางจิตวิญญาณอีกสามอย่างในร่างกายของเขาซึ่งทำให้ความสามารถของเขานั้นแกร่งขึ้นเวลาต่อสู้ ตราบใดที่ใช้ความสามารถนี้อย่างเหมาะสม ความก้าวหน้าในการต่อสู้ก็เป็นไปได้ไม่ยาก

 

ในที่สุดยังมี ญาติผู้น้องอย่างจื้อเฉิงและแมงป่องน้ำแข็งจักพรรดิ แม้ว่าพวกเขาจะทำพันธสัญญากันในระยะเวลาสั้นๆ แต่แมงป่องน้ำแข็งจักรพรรดินั้นกลับมีระดับเลือด S เลยทีเดียว และเกิดมาพร้อมกับจุดเริ่มต้นที่สูง หลังจากช่วงฝึกซ้อม พละกำลังของพวกเขานั้นไม่สามารถประเมินได้เลย

“ราชาหมาป่า พวกเราทุกคนมาถึงที่นี่แล้ว นำทางไปเลย…”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด